1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
ลูกรถไฟ ๑๑ ...โรงหนังในวันเก่า กับ ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง
โรงหนังในวันเก่า กับ ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่างตอนเป็นเด็กเราชอบดูหนังมาก หนังที่ว่าคือในโทรทัศน์ขาวดำของเพื่อนบ้าน และต่อมาเมื่อพ่อกับแม่ก็ตัดสินใจซื้อโทรทัศน์มาให้พวกเราดู เพราะเบื่อที่จะต้องคอยให้ไปดูบ้านคนอื่น หนังอีกอย่างที่ชอบคือ หนังในโรงภาพยนตร์ แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาอย่างง่ายๆ ด้วยฐานะอันยากจน แม่กับพ่อไม่มีเงินมากพอที่จะให้พวกเราไปดูหนังในโรงหนังเหมือนคนอื่นๆ แน่นอน ที่ซื้อโทรทัศน์ให้นั้นก็นับว่าเกินกำลังไปด้วยซ้ำ จำได้ว่า เราจะได้เงินไปโรงเรียนวันละ ๒ บาท เป็นค่าขนมในตอนเที่ยงให้ได้ซื้ออาหารเที่ยงที่โรงเรียนกิน สมัยก่อนราคาอาหารส้มตำจานละ ๕๐ สตางค์สำหรับเด็กๆ ข้าวราดแกง ๑ บาท ยังเหลืออีก ๕๐ สตางค์ เอาไว้ซื้อน้ำแข็งใสกิน เท่านี้ก็อิ่มแล้ว เวลาไปโรงเรียนก็นั่งสามล้อถีบไปกับพี่สาวที่เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนที่เราเรียนนั่นแหละ แต่วันไหนที่เราอยากจะไปตีปิงปองต้องไปจองโต๊ะที่มีเพียงสองตัว เราต้องไปแต่เช้า แต่หากจะรอให้พี่สาวคนโตแต่งตัวเสร็จก็เกือบจะไปไม่ทัน เราเลยตัดสินใจเดินจากบ้านไปโรงเรียนเอง ประมาณ ๒ กิโลเมตร เวลาเดินเร็วๆ เล่นเอาเหงื่อไหลทีเดียว แล้วเราก็จะได้จองโต๊ะปิงปองไว้ตีกับเพื่อนๆ ที่ทยอยตามมาสมทบทีหลังมื้อเที่ยงบางวันเราแทบไม่ได้กินข้าว ไม่ใช่อะไร เพราะเรารับจ้างวาดตุ๊กตาพร้อมชุดสวยๆ ใส่กระดาษให้เพื่อนๆ ค่าจ้างแผ่นละ ๕๐ สตางค์ ระบายสีอีกต่างหาก ครูเคยเรียก...ทำไม? ไม่ไปกินข้าวไม่หิวเหรอ ? ไม่ค่ะ ...คือคำตอบ เป็นอันว่าเราจะได้เงินสะสมไว้ไปดูหนังกับพี่สาวเราไง พอได้เงิน ๕ บาท ตามราคาตั๋ว เราจะบอกพี่สาวให้เขารู้แล้วเขาก็จะพาไปดูหนัง ที่โรงหนังสมัยเราเป็นเด็ก ใช้พื้นที่มากในการสร้าง แถมมีพื้นที่จอดรถอันกว้างใหญ่ เรากับพี่สาวจะนั่งสามล้อไป บางครั้งก็นั่งรถเมล์แล้วลงเดินต่อ ชุดเก่งของเราคือ กระโปรงนักเรียนสีน้ำเงิน กับเสื้อยืดสีน้ำเงิน รองเท้าแตะ หรือไม่ก็ กางเกงที่ได้รับต่อมาจากพี่สาวที่โตกว่าเรา เพราะแม่มีลูกผู้หญิงหลายคนเลยไม่ค่อยสิ้นเปลืองเรื่องค่าเสื้อผ้า บางครั้งเราอดอายเพื่อนๆ ไม่ได้ บางคนเขาจะพูดว่า ทำไมใส่แต่ชุดเดิมๆ ทำไงได้ ก็ไม่มีเงินซื้อชุดใหม่เหมือนคนอื่นๆ หากจะบอกแม่ๆ คงจะต้องนั่งร้องไห้อีกแน่นอน เราไม่อยากทำให้แม่เสียใจเลยใส่มันชุดเดิมๆ นั่นแหละพอไปถึงโรงหนัง พี่สาวเราจะพาเข้าคิวไปซื้อตั๋ว หน้าสุดสองสามแถว ตั๋วจะราคาถูกแค่ ๕ บาท แถวถัดๆ มา ราคา ๗ บาท ๑๐ บาท ตามกำลังของคนซื้อ หากช่วงไหนหนังมีชื่อเช่น มนต์รักลุกทุ่ง ที่มีพระเอกคือ มิตร ชัยบัญชา กับ เพชรา เชาว์ราษฎร์ เรากับพี่ต้องรีบๆ ไป เพราะแถวจะยาวมาก และตั๋วราคาถูกแถวหน้าอาจจะหมดก่อน บางทีพี่เราก็ให้เรานั่งตัก เพราะไม่มีตั๋วเหลือ นั่นไม่ได้สำคัญเท่าไหร่นักสำหรับเรา แค่ได้ดูก็ดีใจจนล้นเหลือแล้ว หลังจากซื้อตั๋วเสร็จก็ต้องรอเวลาที่เขาจะเปิดประตู ระหว่างรอมองไปรอบโรงหนัง เห็นแม่ค้าพ่อค้าขายทั้งปลาหมึกย่าง ลูกชิ้นปิ้ง ข้าวเหนียว ไก่ทอด ไก่ย่าง ข้าวจี่ ผลไม้ดอง ฯลฯ ดูจนน้ำลายจะไหล พี่สาวพาไปซื้อของกินพอให้มีอะไรมั่ง จากนั้นก็ไปรอหน้าประตูทางเข้า เมื่อเดินผ่านเข้าประตูโรงหนัง จะมีพนักงานถือไฟฉายมาส่องดูเลขที่นั่ง แล้วพาเรากับพี่ไปนั่งตามหมายเลข บางครั้งนั่งใกล้คนสูบบุหรี่เล่นเอามึนหัวไปเหมือนกัน ตอนนั้นเขายังไม่มีกฎห้ามคนสูบบุหรี่ในโรงหนังเหมือนสมัยนี้ เวลาหนังดังๆ มาฉาย คนจะมาดูกันมากมายจนต้องเสริมเก้าอี้ด้านข้างๆ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสนุกสนาน ทุกคนต่างตั้งหน้ารอคอยเวลาที่หนังจะฉาย แม้จะมีโฆษณามากมายแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเบื่อ พอหนังเริ่มฉายเสียงที่พูดคุยจะเงียบหาย มีแต่เสียงจากหนังตรงหน้า ถึงบทบู้ ระหว่างพระเอกกับตัวร้าย จะมีเสียงเชียร์ดังลั่น ครั้นพอมีบทรักระหว่างพระเอกกับนางเอก ที่เพียงใช้ด้านข้างบังให้เห็นว่าจุมพิตกัน เสียงฮือฮาจากผู้ชมก็จะยิ่งดังขึ้นไปอีก เป็นอารมณ์แบบชาวบ้านๆ ที่ชอบอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้นฉากยอดฮิตในการเริ่มต้นเนื้อเรื่อง จะถ่ายทำที่สนามบินดอนเมือง ตอนเครื่องบินกำลังลงจอด จากนั้นตัวเอกคือลูกสาว หรือ ลูกชายของผู้มีอันจะกิน ที่พึ่งกลับจากต่างประเทศหลังจากเรียนจบ พร้อมกับการแต่งตัวที่ดูก็รู้ว่าแบบใหม่ล่าสุดจากนิตยสาร มีลูกน้อง บริวารไปรอรับ หลังจากนั้นก็เข้าทำงานในบริษัทของบุพการีด้วยตำแหน่งอันใหญ่โต ส่วนนางเอกหรือพระเอก ที่เป็นเพียงพนักงานจนๆ แต่หน้าตาดี เลยมาถูกตาต้องใจเจ้านาย จนเกิดตกหลุมรัก แต่เนื่องจากความจนจึงถูกกีดกันอย่างถึงที่สุด ทั้งนี้ยังมีนางอิจฉาที่เป็นคู่หมั้นมาคอยหึงหวงตามรังควาญถึงที่ทำงาน นี่คือหนังรักในสมัยที่เราเป็นเด็ก หนังสมัยก่อนเขาต้องมีคนพากย์ ไม่ได้มีเสียงในฟิมล์เหมือนสมัยนี้ นักพากย์ที่เสียงดีๆ ส่วนมากจะพากย์เสียงพระเอก นางเอก หลายคนมีพรสวรรค์พากย์ได้หลายเสียง ทำเอาผู้ชมชอบใจไปตามๆ กัน หนังที่เราชอบอีกอย่างคือ หนังจีน ไม่ใช่กำลังภายในนะ เป็นหนังรักสามเศร้า สมหวังมั่ง ผิดหวังมั่ง พระเอกนางเอกตายมั่ง นางเอกยอดนิยมคือ หลินชิงเสีย กับ ...พระเอกจำชื่อไม่ได้เสียแล้ว นี่ก็ต้องเก็บตังค์ไว้เช่นกัน ไม่งั้นก็อด จำได้ว่าครั้งหนึ่งพี่สาวเรารับปากว่าจะพาไปดูหนัง แต่ไม่ได้ไป เราโกรธจนไม่ยอมกินข้าวเย็น นั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งจนพี่มาบอกว่า พรุ่งนี้จะพาไปถึงได้เลิกงอนพอหนังจบ ทุกคนก็พากันรีบร้อนออกมาจากโรงหนัง ไม่ใช่อะไร เที่ยงพอดีท้องมันเริ่มร้อง ที่หน้าโรงหนังนี่เอง แม่ค้าขายไก่ย่าง ปลาเผา อาหารอิสานหลากหลายเรียงรายไปตามทางเดินบนทางเดินเท้า แข่งกันตะโกนเรียกลูกค้า กลิ่นไก่ย่างหอมกรุ่นลอยมาตามกระแสลม มองตามไปทางกลิ่นเห็นแม่ค้ากำลังขะมักเขม้นตำส้มตำ ข้างๆ มีกระติบข้าวเหนียวใบโตเต็มแน่นไปด้วยข้าวเหนียวนึ่งหอมกรุ่น มือที่ตำส้มตำหลังจากนั้นก็หยิบไก่ย่างมาสับใส่กระดาษสี่เหลี่ยมแผ่นใหญ่บางคนก็ไม่ชอบให้สับแต่ซื้อกลับไปทั้งตัว จากนั้นก็เปิดกระติบจับข้าวเหนียวที่ใส่ถุงไว้แล้วให้ลูกค้า ผู้คนยืนออกันรอคอยอาหารที่สั่งเพื่อจะนำกลับไปกินที่บ้าน บางครั้งหากมากับพี่สาวคนโตที่ทำงานมีเงินเดือนแล้ว พี่มักจะซื้อข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำครบชุดกลับไปกินร่วมกันที่บ้าน สมัยนั้นปลาร้าที่ใช้ทำส้มตำไม่ได้ต้ม เป็นปลาร้าดิบที่หมักบ่มกันยาวนาน เคยเห็นเหมือนกันที่มีหนอนคลานอยู่ปากโอ่งใส่ปลาร้า เห็นแล้วเราก็เต้นเป็นลิงเพราะกลัว สมัยนั้นเมืองอุดรฯ คึกคัก เศรษฐกิจดีนำหน้าจังหวัดอื่นๆ เพราะมีทหารจีไอด้วย บรรดาเมียฝรั่งเดินเชิดหน้าชูคอที่สวมใส่สร้อยทองเส้นโตอวดกันเป็นแถว เราเองเห็นฝรั่งคุยกัน ใจอยากจะคุยเก่งๆ แบบนี้บ้าง ถึงได้เป็นแรงบันดาลใจให้ไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมโดยมีพ่อของเราเป็นฝ่ายสนับสนุน แล้วก็ได้เรียนจริงๆ สมใจอยาก อ่านต่อตอนต่อไป
Create Date : 15 เมษายน 2558
32 comments
Last Update : 30 กันยายน 2563 12:37:46 น.
Counter : 3079 Pageviews.
โดย: พรหมญาณี 15 เมษายน 2558 19:03:31 น.
โดย: ALDI 17 เมษายน 2558 3:38:36 น.
โดย: ก้อนเงิน 17 เมษายน 2558 20:10:53 น.
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 20 เมษายน 2558 18:04:59 น.
โดย: ตรี (kate_tee ) 23 เมษายน 2558 14:18:29 น.
โดย: พรหมญาณี 24 เมษายน 2558 13:25:58 น.
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [? ]
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ
อ่านแล้วเห็นภาพ โรงหนังสมัยก่อน... นั่งไปคอย
เกา ตัวเลือดกัด 555
แม่บุญมีฝีมือวาดภาพ แถมได้ตังค์ดูหนังด้วย..
เมื่อวาน กลับไปอ่านเม้นท์ของแม่บุญ ดีใจครับ
ที่ เข้าไปฟังไปดู พระอาจารย์หลวงพ่อ เรียน
ภาษาอังกฤษตอนอายุมาก ท่านเก่ง มีความจำ
เป็นเลิศ อารมณ์ดี มีอารมณ์ขำ เวลาท่านสอน
ก็จะ ได้ยินเสียงหัวเราะ...สัพยอกพวกเราไปด้วย.
หลวงพ่อวิริยังค์ท่านบุกเบิก และมีเมตตาบารมีมาก
เวลาเห็นท่านเดินออกมา... น้ำตาแทบไหลครับ
ผมเคยนั่งรออยู่หน้ากุฏิท่านเป็น ชม. รอท่านเดิน
ออกมา.. เลยมีโอกาสถวายเงินทำบุญของ รุ่น
(นักศึกษารุ่น 29) จะมีเงินเหลือจากกิจกรรมตลอด
เวลาที่อยู่ร่วมกันเป็น ปี
ท่านพูดกับผมด้วย ปลื้มซะไม่มี 555
ปัจจุบันท่าน เปิดสอนครูสมาธิ 100 กว่าสาขา
แล้วรวมทั้ง ต่างประเทศด้วย.
การสอนของท่าน ใครได้เรียนจะรู้เลยว่า ทำได้
จริง ละเอียด
ไปละครับ