ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส, อ่านวันละหน่อย พลอยรื่นรมย์
|
||||||||||||||
Exodus เอ็กโซดัส  เอ็กโซดัส Exodus (1958) โดย Leon Uris สนพ.สกายบุ๊คส์ แปลโดย ธนิต ธรรมสุคติ เรื่องราวความรักอันตรึงใจระหว่างพยาบาลสาวชาวอเมริกันกับนักรบเพื่อเสรีภาพชาวอิสราเอลในยามศึก เพื่อสร้างชาติยิวขึ้นมาใหม่ หลังจากประชาชาติยิวโบราณล่มสลายไปแล้ว 2,000 ปี ชาติใคร ใครก็รัก คนรักของใคร ใครก็รัก ชาติกับคนรัก จะรักใครมากกว่า? ชีวิตทั้งชีวิต จะมอบต่อชาติหรือแก่คนรักดี ห่างหายไปนานกับการรีวิวจริงๆจังๆ แบบเนื้อๆเน้นๆ สาเหตุหลักเลยคือขี้เกียจครับ 55 ประจวบเหมาะกับอารมณ์ด้วยมั้งครับตาม ป.ล.ข้างล่างครับ เรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยมีตัวละครหลักเป็นคนยิวสัญชาติต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆทั่วโลก แต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกเขาก็รวมตัวกันจากต่างทิศต่างมุมของโลกเพื่อเดินทางกลับสู่มาตุภูมิของพวกเขาตามพันธสัญญาที่พวกเขาเชื่อตามพระคัมภีร์ เปิดฉากมาโดยรัฐบาลอังกฤษพยายามขัดขวางเรือที่ขนคนอพยพชาวยิวจากยุโรปเข้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ พยายามผลักดันให้ไปสู่แค้มป์พักพิงชั่วคราวที่พวกเขาจัดให้ ณ เกาะไซปรัส ถึงแม้จะมีข้อตกลงที่ดำเนินการกันหลังสงครามโลกตรั้งที่ 2 ว่าจะหาดินแดนให้กับคนยิว ซึ่งอังกฤษก็เป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนข้อตกลงนี้ แต่กลับทำตรงกันข้ามเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เนื่องจากกลัวจะเสียคะแนนนิยมในชาติอาหรับที่พวกตนมีสัมพันธ์กันอยู่เพราะดินแดนปาเลสไตน์ซึ่งมีคนอาหรับอาศัยอยู่ก็เป็นส่วนหนึ่งในดินแดนอารักขาของอังกฤษเอง Mark Parker นักข่าวชาวอเมริกันซึ่งถูกส่งตัวมาเพื่อจะทำข่าวที่ปาเลสไตน์ พร้อมทั้งออกตามหาเพื่อนสาวพยาบาลของเขาอย่าง Kitty Fremont ที่ไม่ทราบข่าวคราวตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 รู้แต่เพียงว่าอยู่ในยุโรป เมื่อเขาสืบทราบว่าเธอดูแลเด็กกำพร้าอยู่ที่กรีซ แล้วไปพักผ่อนที่ไซปรัส เขาจึงใช้เวลาพักผ่อนบินไปยังไซปรัสก่อนที่จะเริ่มงานในปาเลสไตน์ก่อน เมื่อตัวเขาไปถึงไซปรัสกลิ่นตุๆจากนายทหารคนหนึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับเขา เมื่อมาซักถามเขาในบางเรื่อง ทั้งๆที่เขาเพิ่งเหยียบเกาะนี้เพื่อจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับ Kitty แล้วเมื่อเขาได้พบกับเพื่อนเก่าของเขาอย่าง Ari Ben Canaan หนึ่งในแกนนำผู้วางแผนอพยพชาวยิวจากแค้มป์ไซปรัสที่ถูกกักกันซ้ำเติมไปยังปาเลสไตน์ เขาจึงได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แล้วจึงรู้ว่ากองทัพอังกฤษไม่อยากให้ Mark รู้ว่ามีแค้มป์อยู่ในไซปรัส Ari หวังให้ Mark ช่วยเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงเผยแพร่ข่าวให้ ขณะที่ Mark ก็จะได้เป็นนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งสำคัญของการอพยพชาวยิว และ Mark ยังอ้อนวอนให้ Kitty ช่วยสมัครเข้าไปดูแลเด็กๆในแค้มป์ เพื่อให้แผนการบรรลุผล Kitty ซึ่งมีความหลังหย่าร้างกับสามีและสูญเสียลูกสาวไปด้วยโรคโปลิโอ ออกตัวปฏิเสธตั้งแต่ครั้งแรก แต่เมื่อเธอได้ไปเยี่ยมแค้มป์กลับถูกชะตากับเด็กสาวอย่าง Karen Hansen Clement เด็กสาวอพยพที่ช่วยดูแลเด็กๆในแค้มป์จึงตกลงใจช่วยเหลือ Karen ก็มีความหลัง พ่อของเธอ Johann Clement นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญของเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้แน่ใจว่านาซีคงไม่ทำร้ายครอบครัวเขา จนในที่สุดก็ไม่รอดพ้น จึงได้รีบติดต่อหน่วย Mossad Aliyah Bet ที่กรุงเบอร์ลินซึ่ง Ari อยู่ ณ ตอนนั้นพอดี แต่ Ari สามารถช่วยเหลือได้เพียงตัวศาสตราจารย์และลูกคนเดียวเท่านั้น Johann จึงตัดสินใจส่งตัว Karen ออกจากเยอรมันไปคนเดียว เดินทางด้วยรถไฟไปยังเดนส์มาร์ก ดินแดนที่เธอได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวอุปถัมภ์ Hansen อย่างที่สุด ดินแดนที่แม้แต่กษัตริย์ก็ร่วมเดินขบวนต่อต้านนาซี ร่วมติดริบบิ้นพร้อมกับชาวยิวที่ถูกข่มเหง เมื่อสงครามยุติเธอก็ทราบข่าวว่าครอบครัวของเธอทั้งพ่อ แม่ พี่น้องทั้งสองของเธอไม่มีใครรอดชีวิต เธอก็เดินทางหวังเข้าสู่ปาเลสไตน์ แต่ถูกอังกฤษจับส่งเข้าแค้มป์ซะก่อนที่เรือจะแล่นเข้าดินแดนบ้านเกิดของเผ่าพันธุ์ แผนการของ Ari จะไม่สามารถสำเร็จได้ถ้าขาดเด็กชายอย่าง Dov Landau ผู้เชี่ยวชาญในการปลอมแปลงเอกสารราชการและลายเซ็นต์ ซึ่งจะช่วยให้พวกของเขาลุยเข้าแค้มป์ทหารเพื่อขโมยอาวุธ ยานพาหนะและเสบียงอาหารสำหรับแผนการอพยพ Dov เด็กน้อยซึ่งอยู่ในวอร์ซอ ในเก็ตโต้ชาวยิวที่ถูกนาซีถล่มด้วยอาวุธจนครอบครัวเขาไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่รายเดียว ขณะที่ประชาชนชาวโปแลนด์เพิกเฉยต่อการช่วยเหลือชาวยิว ตัวเขารอดมาเพราะเขาเหมือนหนูที่ชอบหลบอยู่ตามท่อที่เหม็นสกปรก แต่สุดท้ายก็ถูกนาซีจับอยู่ดี ด้วยความที่มีความสามารถในการปลอมแปลงเอกสาร จึงรอดจากสงครามมาได้ แต่ก็ถูกจับในการอพยพเข้าสู่ปาเลสไตน์จนถูกส่งตัวมาอยู่ที่แค้มป์เช่นกัน ผู้ช่วยที่สำคัญอีกคนของ Ari ก็คือ นายพล Bruce Suttherland ผู้คุมฐานกำลังที่ไซปรัส ซึ่งมีความขัดแย้งอยู่ในตัวเองระหว่างหน้าที่กับความรัก ซึ่งเขาสัญญากับแม่ที่ตายไปแล้วว่าจะนำเถ้ากระดูกของแม่กลับมายังดินแดนปาเลสไตน์ บ้านเกิดของแม่เชื้อสายยิว ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้ ตัวเขาจึงเพิกเฉยต่อการบุกเข้าขโมยของพวก Ari ในคลังทหาร ด้วยแผนการทั้งบนดินและใต้ดินของชาวยิวหน่วยต่างๆ Ari วางแผนให้ Kitty นำเด็กๆ 300 คน ไปยังอีกแค้มป์นึงที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างแนบเนียน ภายใต้เอกสารการอพยพปลอมของ Dov แต่จริงๆแล้วนำไปยังเรืออพยพนามว่า Exodus ซึ่งมุ่งสู่ปาเลสไตน์ แต่แผนการถูกยับยั้งไม่ให้นำเรือออกสู่น่านน้ำ Ari จึงขู่ระเบิดเรือทุกเมื่อเพื่อพลีชีพ กองทัพอังกฤษยังรอดูท่าทีโดยส่งตัวแทนเข้าเจรจากับ Ari แต่ Ari ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เขาคิดว่าชาวยิวรอเวลานี้มา 2,000 ปีแล้ว ต้องโอกาสนี้เท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาของเผ่าพันธุ์ ในที่สุดแล้วเขาจึงขออาสาสมัครเด็ก เพื่อขู่อดอาหารจนตาย จนกว่าอังกฤษจะยอม สุดท้ายอังกฤษก็ยอมให้เรือแล่นออกไปได้ ด้วยไม่อยากถูกประณามจากนานาชาติ หลังจากนั้นพวกเขาก็ร่วมกันดำเนินการก่อตั้งชุมชนชาวยิว ท่ามกลางการเมืองที่หวังผลประโยชน์ของอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และอาหรับชาติต่างๆมะรุมมะตุ้มกัน แม้แต่ในหมู่พวกชาวยิวเองก็มีความขัดแย้ง เห็นต่างกันในอุดมการณ์ บ้างรุนแรง บ้างรักสงบ หวังปกป้องการรุกราน โดยใช้การเจรจา การเมืองเป็นตัวนำ แต่เมื่อถึงที่สุดพวกเขาก็จำเป็นต้องใช้กำลังเข้าต่อสู้ปกป้องเช่นกันหลังจากพรรคพวกเริ่มล้มหายตายจากไป หลักๆที่ผมเล่ามานี่ ประมาณจบเล่มแรกได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของเรื่องแล้ว ส่วนที่เหลือเล่มที่สองก็จะเป็นการตั้งชุมชนยิวที่ผมสรุปให้สั้นๆ ถ้าถามผมว่าสนุกไหม คงต้องตอบตรงๆว่าบางช่วงเข้าขั้นน่าเบื่อเลยทีเดียว ออกจะแห้งๆอาจเป็นเพราะสีสันของตัวละครที่ Uris สร้างขึ้นมามันไม่สามารถดึงดูด สร้างอามณ์ร่วมให้เราติด เอาใจลุ้นได้ ทั้งที่สเกลของเรื่องส่งเสริมอยู่แล้ว เรียกว่ายังขาดเสน่ห์ของนิยายอิงประวัติศาสตร์แบบที่ Ken Follett ทำได้ใน World Without End แต่ถ้าถามในแง่คุณค่า ผมถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ แม้ Uris จะเป็นชาวยิว ซึ่งต้องมีอคติบ้างไม่มากก็น้อย แต่ทำให้ผมอยากรู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 แบบเจาะลึกมากขึ้น Uris ฉายภาพให้เห็นถึงการสะสมความไม่ชอบคนยิวทั้งในเยอรมัน โปแลนด์ โดยเฉพาะรัสเซีย ที่ยิวถูกกดขี่มากกว่า 100 ปีเลยทีเดียว สรุปว่าเป็น Novel ที่บรรยายคล้ายๆ Non-Fiction ซึ่งผมรู้สึกว่า ถ้าอยากอ่านหนังสือประเภท Non-Fiction ผมก็คงไม่มานั่งอ่านนิยายนะ ที่โปรยหลังปกระหว่างรักกับหน้าที่ พออ่านไปๆไม่มีลุ้นเอาใจช่วยใครเลย อาจมีบ้างกับ Karen และ Dov ป.ล.เรื่องนี้อยู่ในโครงการที่คุณก้อง ก.อัศวเวศน์ จะนำมาเรียบเรียงแก้ไขใหม่ รวมถึงแปลเรื่องอื่นอย่าง The Kill List ของ Frederick Forsyth, ภาคต่อของ Bourne ที่ Eric Van Lustbader เขียน, งานเก่าของ Stephen King บางเล่ม และงานเก่าของ Clive Cussler บางเล่ม รวมถึง Shogun ของ James Clavell ที่หายากสุดๆที่จะเรียบเรียงและแก้ไขเช่นกัน แต่คุณก้อง มาจากไปซะก่อนเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2558 ครับ ถือว่าเล่มนี้เป็นผลงานเล่มสุดท้ายของคุณก้องครับ ถึงแม้ไม่ได้แปลเอง จะออกเป็นปกแข็งในงานสัปดาห์หนังสือ...กับ สนพ.ยิปซีครับ เขียนบล็อกนี้ด้วยความอาลัยและคิดถึงครับ...รู้จักเพียงผ่านจากเฟซบุ๊ค แต่เหมือนคุ้นเคยกันมานานครับ คะแนน 7.3/10
คุณสามปอยหลวง เสียดายและเศร้าไปพักนึงเลยครับ ส่วนงานของ Clavell ผมมีเกือบครบครับขาดแค่ Shogun เรื่องเดียวครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059
 ) วันที่: 3 มีนาคม 2558 เวลา:12:58:00 น.เอ..ใช่เรื่องเดียวกับที่เป็นหนังไปเมื่อเร็วๆนี้รึป่าวคะ เห็นชื่อเดียวกัน
โดย: kunaom
วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:0:50:55 น.คุณ PZORBRIAN เรื่องราวในเล่มน่าสนใจครับ ทำให้อยากไปค้นคว้าเพิ่มเติมประวัติศาสตร์ภูมิภาคนี้เลยครับ เสียอย่างเดียวการบรรยายแห้งไปหน่อยกับตัวละครน่าจะมีสีสันมากกว่านี้
คุณ kunaom ไม่ใช่ครับ อันนี้เกี่ยวกับการอพยพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โยงไปถึงชุมชนชาวยิวตามประเทศต่างๆ โดนรังแกมาอย่างไร ยาวนานขนาดไหน แต่ผ่านมุมมองของนักเขียนเชื้อสายยิวนะครับ ส่วนที่เป็นหนังล่าสุดนี้น่าจะเหมือนหนัง บัญญัติ 10 ประการ (The Ten Commandment) ที่ปู่ Charlton Heston, Yul Brynner เล่น สนุกกว่าหนังปัจจุบันเยอะครับ ทั้งๆที่ผ่านมากว่า 60 ปีได้แล้วมั้ง หรือการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่อง The Prince Of Egypt ที่มีเพลงดังอย่าง When You Believe ที่ Mariah Carey ร้องคู่กับ Whitney Houston ผู้ล่วงลับครับ โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059
) วันที่: 7 มีนาคม 2558 เวลา:15:18:55 น. |
สมาชิกหมายเลข 755059
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]
Group Blog All Blog Friends Blog
|
|||||||||||||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
||||||||||||||
โชกุนยังไม่มีโอกาสได้อ่านเลยครับ ที่มีอยู่น่าจะเป็นเรื่อง เวิร์ลวินด์ ครับ แต่ยังค้างอยู่ในกองดอง หาโอกาสอ่านเต็มที่ไม่ได้สักที