เมื่อฉันเริ่มต้นทำทานด้วยเงินเพียง ๒ บาท




เมื่อฉันเริ่มต้นทำทานด้วยเงินเพียง ๒ บาท
ผู้แต่ง Jigsaw of destiny

จากเว็บ ธรรมมะใกล้ตัว



คุณเคยเห็นปลาที่ทางวัดเลี้ยงหรือตามสวนสัตว์ไหมคะ

"มันมีความหิวโหย แก่งแย่งกันหากิน
เวลาที่คนใจดีทั้งหลายโปรยอาหารให้มัน มันก็จะกรูเข้ามาแย่งกันกิน
จะมีสักครั้งไหมที่มันได้อิ่มจริงๆ"



จำได้ว่าเคยได้อ่านข้อความคล้ายๆ แบบนี้จากงานเขียนของคุณดังตฤณ
และจำได้ว่าเราถึงกับนั่งร้องไห้เมื่ออ่านข้อความนั้น
ซึ่งก็แปลกใจตัวเองอยู่เช่นกัน ว่าทำไมเราถึงอินกับข้อความนั้นถึงเพียงนี้

เวลาเช้าๆ คุณเคยสังเกตเส้นทางการเดินทางของคุณบ้างหรือเปล่าคะ
คุณเคยเดินผ่านฝูงนกเล็กๆ ที่ออกหากินสักฝูงหรือไม่ ถ้าเคย
เราอยากจะให้คุณได้อ่านเรื่องของเราค่ะ


ตอนเช้าๆ ที่หน้าบ้านเราจะมีนกกระจอกตัวเล็กๆ อยู่ ๑ ฝูง กำลังออกหากิน
บ้านเราเป็นร้านขายของชำค่ะ มองซ้ายมองขวา จะให้อะไรมันดีนะ
มองไปมองมา มาหยุดที่นี่ค่ะ ยำยำช้างน้อย ซองละ ๒ บาท
ย้ำค่ะ ซองละ ๒ บาท เหอๆ เหอๆ


บี้ๆ บี้ๆ ให้เส้นมันแตก แล้วเอาไปใส่น้ำ แช่ไว้ประมาณ ๒ นาที ให้เส้นมันอืด
โอเค ได้ที่แล้วเราก็เอาไปโปรยให้นกกินที่หน้าบ้าน อีกฝั่งตรงกันข้ามกับหน้าบ้านเรา
(เพราะหน้าบ้านเราคนเดินเข้าเดินออก ซื้อของก่อนเข้างานกันเยอะค่ะ)
แล้วเราก็เดินไปเดินมา คอยดูว่าเมื่อไหร่นกจะมากิน


ได้เรื่องค่ะ ทิ้งไว้ประมาณ ๑๐ นาที นกก็จะมากินกันครั้งละ ๔-๕ ตัว ลงมากินกันหลายรอบด้วย
แล้วยังไงหรือคะ ก็ดีใจซิคะ เดินยิ้มไปมา แอบดูมันกินกัน
(ซึ่งเราก็ไม่ได้ให้เฉพาะยำยำช้างน้อย ๒ บาท หรอกนะ
บางวันก็ให้ขนมปังบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะให้เจ้าซองละ ๒ บาทนี่เป็นประจำ)


ผลจากการที่ให้อาหารนกเป็นประจำ

เมื่อก่อนจะไม่มีนกมาเดินหน้าบ้าน เพราะคนเยอะรถก็เยอะ
แต่เดี๋ยวนี้บางวันเจ้านกจะเข้ามาหน้าบ้านเดินเข้ามาถึงในร้านเลยค่ะ
เหมือนๆ จะเข้ามาทักทาย (เอ หรือมาขอของกินหว่า)
และนั่นก็เป็นก้าวเล็กๆ ก้าวแรกของเรา


จนเวลาล่วงเลยไป ๑ เดือน


เราก็เริ่มเห็นว่าตัวเองอ้วนเกินไปแล้วนะ ก็เลยเริ่มงดข้าวเย็น
พร้อมกันนั้นก็ถือศีล ๘ ไปในตัว ข้าวที่เคยหุงกินในบ้านทุกวันและเคยหมดทุกวัน
ก็เริ่มเหลือเพราะขาดคนกินไป ๑ คน พ่อก็จะเอาข้าวที่เหลือๆ มาหุงเป็นข้าวต้มซะ
แต่พอหลายวันเข้า มันก็ชักไม่ไหว กินไม่ทัน เราก็เห็นว่าอย่าเอาไปทิ้งเลย
เพราะมีสุนัขจรจัดอาศัยนอนอยู่หน้าอพาร์ทเมนท์ ตรงข้ามกับบ้านเราอยู่ ๒ ตัว
ฮืม อย่ากระนั้นเลย เอาไปให้มันกินดีกว่า


เอาละซิ จากวันที่เคยให้อาหารนกอย่างเดียว ก็กลายเป็นให้อาหารสุนัขด้วยล่ะทีนี้


แรกๆ ก็กลัวว่าแม่จะว่าสิ้นเปลือง (แต่ข้าวมันเหลือนา)
ก็เราต้องซื้อตับมาผสมให้สุนัขกินนี่นา ไม้ละ ๑๐ บาท
น่าๆ น่า แค่ ๑๐ บาท และบางวันที่ข้าวหมดไม่มีเหลือ
เราก็จะซื้อข้าวมาด้วยถุงละ ๕ บาท ๒ ถุง
เอาน่าไม่ได้ซื้อทุกวันหรอกน่า ข้าวน่ะ วันแรกๆ ที่ซื้อตับมา
(บางวันก็มีข้าวด้วย) เวลาเดินเข้าบ้านก็จะแอบๆ
ไม่ให้ใครเห็น แต่วันหลังๆ แม่ก็เห็นเข้าจนได้


แม่ : "ซื้อมาทำไม ?"
เรา : (ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ตอบไปว่า) "ซื้อมาคลุกข้าวให้หมาน่ะ"
แม่ : เงียบไปไม่ว่าอะไร
เรา : ใจชื้นขึ้นมาหน่อย


ต่อมาพ่อก็เห็นถุงข้าวที่เราคลุกเสร็จแล้ว เตรียมจะเอาไปให้น้องหมา
พ่อ : "ถุงอะไรน่ะ"
เรา : "ถุงข้าวให้หมา"
พ่อ : เงียบไม่ว่าอะไร
เรา : เฮ้อ! ไม่มีใครว่าอะไร กลัวไปเองนี่นา เรา - -"


หลังจากซื้อตับมาคลุกกับข้าวให้น้องหมาเองอยู่ ๑ อาทิตย์
เช้าวันถัดมา แม่ก็ยื่นถุงตับปิ้งมาให้ ๑ ไม้


แม่ : "เอ้านี่ เดินผ่านร้านเห็นไม้ใหญ่ดีเลยซื้อมาให้"
เรา : รับตับปิ้งมาอย่างงงๆ อึ้งไปนิดนึง แต่ในใจดีใจจนบอกไม่ถูก


จนกระทั่งบ่ายวันนึง อยู่ๆ แม่ก็ถามขึ้นมาว่า

แม่ : "คลุกข้าวให้หมาหรือยังลูก"
เรา : "ยังเลยจ้า ทำไมหรอ"
แม่ : "เอาข้าวในหม้อไปคลุกข้าวให้หมาได้เลยนะ เดี๋ยวแม่จะหุงใหม่เอง"


วันนั้นจึงเป็นวันแรกที่เราคลุกข้าวให้น้องหมา
โดยที่มันไม่ใช่ข้าวเหลือทิ้ง แต่เป็นข้าวที่ยังกินกันอยู่ในวันนั้น


ยังค่ะ ยังไม่หมดเรื่องเพียงเท่านั้น เพราะตกเย็นวันเดียวกันนั้นเอง
แม่กับพ่อกำลังนั่งขายของอยู่หน้าร้าน ส่วนเราน่ะหรือกำลังกวาดพื้นอยู่ในบ้านค่ะ
กวาดๆ ไป สักพักก็ได้ยินเสียงแม่พูดกับพ่อว่า


แม่ : "นี่พ่อ พรุ่งนี้หุงข้าวให้เยอะๆ หน่อยนะ เดี๋ยวบ่ายๆ
ลูกจะเอาไปคลุกข้าวให้หมากิน ไม่ต้องไปซื้อเขาหรอกข้าวน่ะ
หุงเอาเองดีกว่า ประหยัดดี" (ธรรมดา พ่อจะตื่นแต่เช้าเพื่อมาเปิดร้านค่ะ
ตี ๕ กว่าๆ ท่านก็ตื่นแล้ว ท่านจะเป็นคนหุงข้าวให้ตอนเช้าน่ะค่ะ)
เรา : ได้ยินแล้วซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก กวาดบ้านไปยิ้มไป


หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเราก็ตักข้าวในหม้อมาคลุกได้เลย โดยที่มันไม่ใช่ข้าวเหลือทิ้งอีกต่อไป


และเพิ่งไม่กี่วันนี้เอง ตอนเช้าเราได้ซื้อเกาเหลาหมูสับตำลึงมาให้พ่อ บ่ายๆ จะเป็นเวลาที่เราจะคลุกข้าวให้น้องหมา

เรา : กำลังจะเดินเข้าบ้าน
พ่อ : "มีเศษหมูสับอยู่หลังบ้านนะ เอาไปคลุกให้หมากินด้วย พ่อใส่ไว้ในถ้วยเล็กๆ น่ะ"
เรา : ดีใจค่ะ ไม่รู้จะบอกยังไง T-T



จากก้าวเล็กๆ ที่เราเริ่มเดินคนเดียว
ตอนนี้พ่อกับแม่ก็มามีส่วนในก้าวเล็กๆ ของเราแล้ว
ดีใจ ซึ้งใจ ปลื้มใจ อย่างบอกไม่ถูก



แล้วคุณล่ะคะ เคยแสบท้องเพราะหิวข้าวบ้างหรือเปล่า ทรมานไหมเอ่ย
เราอยากจะให้คุณร่วมเดินก้าวเล็กๆไปพร้อมๆ กับเราค่ะ ช่วยกันคนละนิด
ช่วยต่อชีวิตให้ได้อิ่มสักมื้อ แม้จะเป็นเพียงเศษสตางค์ เศษข้าว
ก้นหม้อ ก้นจาน แต่ช่วยต่อชีวิตให้กับสัตว์เล็กๆ ได้หลายชีวิต


มันคงไม่มากไปใช่ไหมคะ ?



------------------------------------



ชอบเรื่องนี้จัง ทำให้เรานึกถึงแม่ขึ้นมาทันที
เพราะแม่เป็นคนใจบุญมาก
เอาข้าวไปให้หมาจรจัดกินวันละหลายถุง
เอาขนมปังไปให้ปลาที่สวนสาธารณะกินเป็นลังๆ
และทำอย่างสม่ำเสมอมาหลายปีแล้ว จนเราอดทึ่งไม่ได้


หวังว่าเรื่องที่เอามาฝากคงเป็นแรงบันดาลใจ
ให้ใครๆอยากเริ่มทำบุญขึ้นมาบ้างนะคะ


บุญจะมากจะน้อยไม่ได้อยู่ที่จำนวนวัตถุ
แต่อยู่ที่ความเบิกบานใจทั้งก่อนทำและหลังทำ


แค่คิดจะทำก็เป็นกุศลแล้วค่ะ






 

Create Date : 28 ตุลาคม 2550
0 comments
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 22:07:07 น.
Counter : 900 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Hobbit
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]











ตามรอยพระอริยะ
หลวงพ่อชา สุภัทโท
พระโพธิญานเถระแห่งหนองป่าพง





ฺประมวลธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
อ่านออนไลน์ได้ที่นี่ค่ะ

ขอบคุณครูซุปเคมากนะคะที่ส่งให้ (-/l\-)
http://www.supkcenter.com






MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Hobbit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.