Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
10 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
"น้อด-ชนันภรณ์'' นางฟ้า....ติดปีก




จะมีสักกี่คนที่สามารถทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ...แต่ความสำเร็จที่กว่าจะได้มานั้นต้องมาพร้อมกับความพยายามและไม่เคยคิดที่จะย่อท้อต่ออุปสรรคที่กีดขวางอยู่บนเส้นทางที่เลือกเดิน


นั่นคือสิ่งที่ ''น้อด'' ชนันภรณ์ รสจันทน์ คือหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือคติคือไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคและการทำความฝันอาชีพ ''นักบิน'' ของตัวเองให้เป็นผลสำเร็จให้ได้ จนทุกวันนี้ความฝันของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้กำลังจะเป็นจริงแล้ว

ทุกคนรู้จัก ''น้อด'' ชนันภรณ์ รสจันทน์ ในฐานะที่สาวคนนี้ได้รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2548 และในปีนั้นเหตุการณ์ที่ทำให้ ''น้อด'' ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษในฐานะของเจ้าของตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สก็เพราะว่าในปีนั้นเวทีการประกวดเพื่อค้นหาสาวที่สวยที่สุดในโลกอย่างเวที ''มิสยูนิเวิร์ส ประจำปี 2548'' ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าบ้าน

ดังนั้นตัวของ ''น้อด'' เองจึงเปรียบเสมือนกับเจ้าบ้านที่ต้องให้การต้อนรับเพื่อนๆ นางงามจากทั่วโลกที่เดินทางมาประกวดที่ประเทศไทยด้วยรอยยิ้มและความมีน้ำใจของคนไทย

เท่านั้นยังไม่พอใช่ว่าช่วงเวลาที่ ''น้อด'' ได้รับตำแหน่งอันทรงคุณค่ามากที่สุดในชีวิตครั้งนี้จะทำให้สาวยิ้มยากคนนี้ มีแต่ความสดชื่นสบายใจ

เพราะว่าหลังจากที่เธอได้รับตำแหน่งแล้วก็ยังมีคำตำหนิติติงจากหลายๆ ฝ่ายถึงการวางตัวของสาวคนนี้ บางคนก็บอกว่า ''น้อด'' มีอุปนิสัยใจคอเป็นเด็กอินเตอร์มากเกินไป ทำให้การแสดงออกทั้งเรื่องของกิริยาท่าทาง การแสดงออกถึงดูเหมือนจะมั่นใจเกินไป จนดูไม่น่ารัก และไม่เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน

แต่ในการประกวดเวที ''มิสยูนิเวิร์ส'' ปีนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่สาวคนนี้ภูมิใจนอกเหนือจากเสียงตำหนิติติงคือ

''น้อด'' ก็สามารถคว้ารางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมในปีนั้นมาครองได้สำเร็จหลังจากที่ไทยเราไม่สามารถคว้าตำแหน่งใดๆ เลยเป็นเวลา 17 ปี นับตั้งแต่ ''ปุ๋ย'' ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ได้ตำแหน่งนางงามจักวาลในปี 2531 นั่นเอง

ด้วยโอกาสดีๆ ''สยามดารา'' เลยอาสาพาไปสัมผัสชีวิตของสาวเก่งคนนี้ ไปพร้อมๆ กับการติดตามว่าความฝันการเป็น ''นักบินเดี่ยว'' ไปถึงไหนแล้ว

ว่าแล้วก็มุ่งหน้าเดินทางไปยังบริษัท สายการบินไทย แอร์ เอเชีย ถนน กิ่งแก้ว ย่านบางนา และทันทีที่ได้เจอกับ ''น้อด'' ก็พบกับรอยยิ้มที่สดชื่นและการต้อนรับจากเจ้าบ้านอย่างเป็นกันเอง




''สวัสดีค่ะ'' ''น้อด'' ชนันภรณ์ รสจันทน์ ตอนนี้ทำหน้าที่นักบินผู้ช่วยอยู่ที่บริษัท ไทยแอร์ เอเชีย ค่ะ

เล่าย้อนถึงสมัยตอนที่ยังเป็น ''ด.ญ.น้อด'' ชนันภรณ์ รสจันทน์

''ตามที่คุณพ่อ คุณแม่เล่าให้ฟังคือเป็นเด็กที่ซนมากๆ วันๆ ออกไปเที่ยวเล่น เพราะบ้านค่อนข้าง ใหญ่ เป็นโรงเรียนด้วย ก็จะมีสนามเด็กเล่นก็จะปีนป้ายทุกวัน และก็จะมีแผลกลับบ้านทุกวันพอกลับบ้านคุณยายก็จะตรวจตราตามตัวว่ามีแผลกลับมาหรือเปล่า แล้วก็จะคอยทำแผลให้ค่ะ''

แสดงว่า ''ด.ญ.น้อด'' คือเด็กหญิงที่รักความโลดโผน

''พอดีมีน้องชายอายุไล่เลี่ยกัน เล่นด้วยกันตลอดคุณพ่อ คุณแม่ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นเด็กผู้หญิงและผู้ชาย เลยค่ะขนาด เสื้อผ้าก็ใส่ด้วยกันตลอดค่ะเลยค่ะ''

วีรกรรมของ ''เด็กหญิงน้อด'' ที่แสบๆ คันและน่าจดจำ

''น่าจะเป็นช่วงที่เรียนม.ปลายที่น้อดไปเรียนไฮสกูลที่อมเริกา แล้วโรงเรียนได้เข้าชิงวอลเลย์บอลและเราเป็นหนึ่งในทีมด้วย โรงเรียนได้เข้าชิงที่นิวยอร์ก คือเวลาเราอยู่เมืองไทย ได้ทำอะไรได้แชมป์ก็จะร้องเพลงชาติไทย แต่อยู่โน้นเป็นครั้งแรกที่ได้ร้องเพลงชาติอเมริกา ก็น่าจดจำ เพราะเราคงไม่ทำยังงั้นเพราะเราเป็นคนไทย ตอนนั้นที่น่าจดจำว่าถึงเราไม่ได้เป็นคนอเมริกา แต่อย่างน้อยเราได้มีประสบการณ์ดี มีความรู้ที่ประเทศของเขาค่ะ''


ดูเป็นสาวสวยที่รักกีฬาตัวยง

''ก็เป็นคนชอบเล่นกีฬา ชอบทำกิจกรรม ถ้ากีฬาที่เล่นนานที่สุดคือกอล์ฟ เล่นตั้งแต่10 ขวบแต่ที่ฝึกมากที่สุดน่าจะเป็นวอลเลย์บอลน่าจะเป็นอะไรที่หนักที่สุดแล้วค่ะ''

เป็นเด็กที่ซน โลดโผน และมีเลือดนีกกีฬาอย่างเต็มตัวอย่างนี้แล้วเริ่มมาดูแลตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่

''น้อดก็ใช้ชีวิตที่โลดโผนอยู่นานพอสมควร ตั้งแต่เรียนจะเป็นนักกีฬามาตลอด ก็ไม่ค่อยรักสวยรักงามเท่าไหร่ อาจจะมีบำรุงผิวบ้าง เพราะว่าน้อดเรียนไฮสกูลที่เมืองนอก ถ้าไม่ทาครีมเลยผิวจะแตกลอก ก็เลยต้องทา และตอนที่เรียนก็ได้เรียนคณะวิศวะ ก็ไม่ได้แต่งตัวเลย ทุกวันใส่เสื้อช็อป กับกางเกงยีนตลอดเลยค่ะทั้งแต่งหน้าและแต่งตัวไม่มีเลย จนมาดูแลตัวเองจริงๆ ก็ตอนประกวดเพราะต้องดูแลตัวเองด้วยตำแหน่งบังคับจริงๆ ระหว่างประกวดไม่ได้ค่อยได้ดูแลตัวเองเท่าไหร่ ก็อาจจะมีการแต่งหน้าระหว่างวัน ก็ได้สปอนเซอร์แต่งให้ จริงๆ น้อดไม่รู้วิธี การล้างเครื่องสำอางที่ถูกต้อง จริงๆ ตอนนั้นใช้น้ำเช็ดเครื่องสำอางกับกระดาษทิชชู่ พอจบการประกวด จากหน้าที่เคยใสๆ ก็แย่ไปเลย ก็เลยปรึกษารุ่นพี่ในกองประกวด และก็รุ่นพี่ทีมงาน พี่เขาก็เลยแนะนำว่าให้ไปซื้อเครื่องสำอางที่โน่นที่นี่ และก็วิธีการดูแลผิว ก็เลยหันมาดูแลผิวเพราะตอนนั้นทำงานค่อนข้างหนักถ้าไม่ดูแลเลยจะแย่เปล่าๆ''

จากเด็กวิศวะ...แล้วทำไมถึงตัดสินใจประกวดในเวทีขาอ่อนมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส

''เพราะตอนนั้นว่าง และก็เกิดอะไรหลายๆ อย่างกับชีวิต ซึ่งเรารู้สึกว่าสนุกดี ก่อนหน้านั้นเพิ่งไปสอบนักบิน และเพิ่งประกาศผลว่าเราติดเป็นนักบินฝึกหัด 1 ใน 40 คนนะคะ ของบริษัทไทยแอร์ เอเชีย แต่หลังประกาศผลไม่ได้เรียนทันที จะว่างอยู่ประมาณ 2 เดือนก็อยากจะใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์ และก่อนหน้านั้น ก็เคยไปเป็นอาสาสมัครช่วงผู้ประสบภัยสึนามิค่ะ และปีนั้นการประกวด มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเขาตั้งใจจะไปฟื้นฟูสึนามิด้วยก็เลยคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีนะคะมันมีจุดมุ่งหมายที่ดีก็เลยประกวดก็ได้ตำแหน่งมาค่ะ''





เล่าถึงวินาทีที่ได้รับตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศ

''งง...ค่ะ เพราะก่อนหน้านั้น กรรมการถามว่าถ้าได้ตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สแล้วจะเลือกอะไร น้อดก็ตอบไปแล้วว่าอยากเป็นนักบินก็เลยคิดว่ายังไงก็ไม่ได้แต่เขาก็ให้อยู่ดี''

บอกถึงเคล็ดลับที่ทำให้สามารถเอาชนะใจกรรมการจนได้รับตำแห่นงมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส

''น้อดเชื่อในเรื่องการคิดดี พูดดี ทำดี และมีความมั่นใจในความดี ในส่วนของเคล็ดลับอะไรในตัวเองที่กรรมการประทับใจเป็นพิเศษ น้อดคิดว่าคงไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดในตัวเรานะ แต่อาจเป็นความดีความชอบที่สั่งสมมาทั้งชีวิตก็ได้ บวกกับความรู้และอุปนิสัยที่คุณพ่อคุณแม่และครูบาอาจารย์สั่งสอนอบรมมาตลอด และการประกวดตอนนั้นน้อดก็มองว่าเป็นเส้นทางสู่โอกาสดีๆ ในชีวิต จึงตั้งใจทำกิจกรรมทุกอย่างเต็มที่และให้เป็นตัวเองมากที่สุด เคล็ดลับที่ไม่ลับของน้อดก็คงมีเท่านี้ค่ะ''


จากสาวที่สวยที่สุดในประเทศไทย แล้วจะต้องก้าวสู่เวทีการประกวดสาวงามระดับโลกและต้องอยู่ในฐานะเจ้าบ้าน

''ตอนแรกรู้สึกอดเที่ยวเลย เพราะปกติต้องไปประกวดต่างประเทศแถบๆ ประเทศละตินอเมริกา ตอนแรกอยากไปเพราะคิดว่าเราไม่เคยไป และเป็นการไปที่ยากมาก ตั๋วเครื่องบินก็แพง และจะเป็นการนั่งเครื่องบินที่นานที่สุดของน้อด ก็เลยอยากไปมาก เพราะปกติจัดที่นั้นก็คิดว่าอาจจะได้ไป พอไม่ได้ไปก็อดเสียดายไม่ได้ พอหลังจากนั้นก็รู้สึก ภูมิใจที่ต่างประเทศจะได้เห็นศักยภาพของเมืองไทย และในปีนั้นทำได้ดีมาก รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของเมืองไทย ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งต้อนรับเท่าไหร่ แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด''




และในตอนที่ประกวดมิสยูนิเวิร์สในปีนั้นประเทศไทยก็ได้รับรางวัล ''ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม'' ด้วย

''จริงๆ น้อดเป็นคนที่ชอบใส่ชุดไทยอยู่แล้ว และจำได้ว่าชุดนั้นแพงมากทำจากทองทั้งชุดเลยและคิดว่าน่าจะเป็นชุดที่แพงที่สุดเท่าที่เคยใส่มาค่ะ ตอนนั้นแค่ได้ใส่ก็รู้สึกดีใจแล้ว และช่วงนั้นถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องเครื่องทองของไทยโดนขโมยแล้วไปโผล่ที่ พิพิธภัณฑ์ในเมืองนอก ซึ่งการทำชุดนี่ออกมาก็เพื่อให้คนต่างชาติได้เห็นเพราะอยากจะประกาศว่า ชุดนี้เป็นของเรา เครื่องทองแบบนี้เป็นของเรา เป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งของชุดนี้ค่ะ''

ช่วงเวลาที่อยู่ในตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สเป็นอย่างไรบ้าง

''ตอนที่อยู่ในตำแหน่งตอนนั้นเรียนตามตรงว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะน้อดได้ขอกองประกวดแล้วว่าถ้าได้ตำแหน่งน้อดก็จะไปเป็นนักบิน กับเพื่อนที่ผ่านการคัดเลือกด้วยกัน ภารกิจอื่นๆ ก็ได้เพื่อนรองจากตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สหลายๆ คนทำหน้าที่แทนได้อย่างดีมาก ค่ะ''

ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไม่ข้องเกี่ยวกับงานในวงการบันเทิง

''จริงๆ น้อดคิดว่าน้อดได้ตำแห่นงตอนที่น้อดอายุ 23 และน้อดคิดว่าอายุขนาดนั้นไม่ใช่อะไรท ี่จะมาเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงหรือวงการการแสดงได้ เราไม่ได้เรียนมาทางนี้ เราไม่ได้มีความสามารรถทางด้านนี้ ก็เลยคิดว่าใช้ชีวิตในแบบที่เราเรียนมาจะดีกว่าค่ะ แต่งานในวงการบันเทิง ก็ถือว่าเป็นโบนัสให้กับชีวิตไป ตอนนั้นไม่เคยทำเลย ก็มีงานโฆษณาบ้างแต่พี่ๆ ที่ช่อง 7 ก็จะบอกว่าหนูไม่เหมาะกับสิ่งนี้จริงๆ นะเนี่ย (หัวเราะ) เป็นคนแสดงอะไรไม่เป็น แค่โฆษณาต้องพูดกับกล้อง ก็พูดไม่ได้ ต้องมีคนมายืนข้างกล้องถึงจะพูดได้ คือมันไม่ใช่เรา เราไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนั้นจริงคะ''


ในช่วงเวลาประกวดใช่ว่าจะได้เจอแต่สิ่งดีๆ ''น้อด'' ยังต้องเจอกับกระแสความรู้สึกลบจากคนรอบๆ ข้างและการตกเป็นข่าวว่าดังแล้วหยิ่ง

''อาจจะเป็นไปได้ เพราะน้อดเป็นคนเงียบ ถ้าไม่สนิทก็จะรักษาท่าที อาจจะด้วยการที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามา เราจะดูท่าทีของคนอื่นก่อนว่าเป็นยังไง เราจะไม่ผลีผลามเข้าไปทำความรู้จักหรือตีสนิททันที น้อดจะเป็นคนค่อยเป็นค่อยไป อย่างตอนประกวดก็จะคุยทีละคน ทำความสนิทสนมทีละคน แต่ในที่สุดเขาก็จะรู้ว่าไม่ได้หยิ่ง แต่เรามีนิสัยแบบนี้ แต่คนที่รู้จักเราผิวเผินอาจจะมองได้ เพราะภาพแรกจะเป็นคนเงียบ ก็เลยมองว่าเป็นคนหยิ่ง
จริงๆ ในชีวิตนี้น้อดได้ยินข่าวไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือใครที่มีข่าวลบบางครั้งเราก็เคยเชื่อในสิ่งที่เราไม่รู้ และเป็นความเชื่อในด้านลบ ดังนั้นอาจจะเป็นกรรมของน้อดเองแหละ ก็โอเค เพียงแต่ว่าจะไม่ทำอีก ถ้าไม่รู้จักใครแล้วได้ยินข่าวไม่ดีมาก็จะไม่ใช้ความคิดตัดสินมันเลยค่ะ''




แล้ว ''น้อด'' ก็ตัดสินใจหันหลังให้วงการบันเทิง และเดินหน้าเข้าสู่โรงเรียนการบินอย่างเต็มตัว...

''น้อดขอเล่าย้อนไปวันที่ทำตามความฝันของตัวเอง คือวันที่เขาประกาศผล แล้วมีชื่อเรา เราดีใจที่สุดแล้ว คือวิ่งไปรอบบ้าน กระโดดกอดทุกคนที่เจอ เด็กที่เพิ่งเรียนจบแล้วเราได้งานทำก็ดีแล้ว แต่นี่คืองานที่เราอยากทำมากที่สุด ตั้งแต่เด็กเลย ยิ่งได้มาทำงานก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเหมาะกับเรา เวลาที่เราทำงานแล้วมีความสุข ไม่เบื่อไม่เหมือนกับทำงาน อยู่ไปวันๆ ค่ะ และหลังจากที่ประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ในเดือน พ.ค. ก็มาเรียนต่อทันที ก็เรียนปีหนึ่งค่ะ จากนั้นก็เข้าบริษัทเทรนด์อีกปีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้บินจริงค่ะ''


''น้อด'' เล่าถึงวิถีชีวิตของนักเรียนการบิน กับการเป็นนางงาม

''ตอนที่เข้ามาปรับตัวยาก เพราะคนอื่นๆ อาจจะมองติดภาพนางงาม เพื่อนๆ ในรุ่นทุกคนจะงง...ตอนที่สอบจะเป็นคนเวลาสอบนักบินจะแต่งตัวเรียบร้อย ไม่แต่งหน้าไม่แต่งตัว เขาก็งงว่าคนนี้เหรอ แล้วจะประกวดได้เหรอ พอได้เขาก็งง พอกลับมาก็กลายเป็นคนเดิม ทำตัวซกมกเหมือนเดิน บางทีเจอครูที่สอนการบินเขาก็ถามว่าไม่แต่งหน้าหน่อยเหรอ น้อดก็บอกไม่แต่งหรอกค่ะ แต่งหน้าใช้เวลา เป็นชั่วโมงเสียเวลาชีวิต และเวลาไปบิน เครื่องบินเล็ก ที่เราใช้ฝึกไม่มีแอร์ปรับอากาศ โดนแดดเต็มๆ ถ้าทาโน่นทานี่ มากก็จะกลายเป็นกระทะเผาไฟน้ำในเยิ้มค่ะ ส่วนเรื่องเรียนจริงๆ ไม่หนักมาก น้อดคิดว่าหนักน้อยกว่าการตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ เพราะน้อดคิดว่าเขาออกแบบรูปแบบการเรียนอย่างดี ตอนแรกเรียนทฤษฎีก็จะมีครูจากที่ต่างๆ มาสอบจากการบินไทยบ้าง จากไทย แอร์เอเชีย บ้าง ครูจากกองทัพอากาศบ้าง ก็จะมาสอนทฤษฎี จากนั้นก็เรียนคอมพิวเตอร์ เบสต์ เลิร์นนิ่ง อีก คือเรียนจากซีดีรอมเรียนได้ประมาณ 1 เดือน แต่น้อดจะเป็นหลักสูตรเร่งรัด เพราะน้อดไปประกวดมา ก็เลยเรียนน้อยกว่าเพื่อน จากนั้นก็ขึ้นบินจริง''




ความรู้สึกแรกที่ได้ขับเครื่องบินจริง

''วันแรกที่บิน กลัวมากไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน น้อดไม่เคยขึ้นเครื่องเล็กมาก่อนไม่รู้ว่าเวลาเครื่องเล็กบินแล้วโดนลมจะสั่นขนาดนี้ และเราเป็นคนบังคับเอง ตอนแรกคิดว่าทำไม่ได้ เพราะถ้าเป็นแบบนี้บ่อยหัวใจวายตายแน่ แต่ก็พอผ่านไปเรื่อยๆ ก็ชินกับอาการของเครื่อง แต่ที่มากกว่านั้นคือนี่เป็นสิ่งที่เรารัก และเราอยากทำ เวลาขึ้นไปสิ่งที่เราเห็น อากาศจะดีหรือไม่ดี จะมีอะไรขัดข้องหรือปล่า เป็นสิ่งสวยงามสำหรับเรา และเราประกอบอาชีพก็มีความสุขกับมัน หลังจากเรียนจบ แล้วก็รอมาเข้าเทรนที่บริษัท ก็เหมือนเดิน แต่เนื้อหาเข้มข้นขึ้น เรียนรู้ระบบเครื่องบินต่างๆ ตอนแรกน้อดเรียนเครื่องโบอิ้ง 737 ค่ะ จะมีการเทรนภาคพื้นดิน คือตอนนี้เราจะเรียนที่ห้องฝึกเรียนการบินไม่ได้บินจริงเลย พอผ่านมาแล้วก็จะมาบินเครื่องเปล่ากับครูการบิน จากนั้นถึงจะบินกับผู้โดยสารได้ แต่ก็ยังต้องบินกับครูอยู่จนกว่ากรมขนส่งทางอากาศจะเช็กได้ว่าเราปฏิบัติหน้าดีได้อย่างเต็มที่แล้ว และเราปฏิบัติหน้าที่ของเราเองได้อย่างครบถ้วยแล้วก็จะปล่อยให้เราบินไฟลต์ปกติ''

เล่าถึงเหตุการณ์หวาดเสียวหลังจากได้ขับเครื่องบินจริง

''เหตุการณ์หวาดเสียว วันแรกที่คิดว่าเสียวมากแล้วเพราะตื่นเต้น แต่พอบินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับลมแรง มากบ้าง ต้องลงสนามในสภาพที่ลมแปรปรวน ก็หวาดเสียวทุกครั้ง แต่อย่างที่บอกว่า น้อดชอบและเหมือนเป็นอะไรที่ท้าทาย''

วินาทีอยู่หลังพวกมาลัย ผู้โดยสารอยู่ข้างหลัง

''ตอนนั้นภูมิใจนะคะอา ชีวิตของเราพาผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมาย เขาอาจจะไปทำหน้าที่ที่ใหญ่กว่าเรา สำคัญกว่าเรา และเรามีส่วนร่วม ในการเดินทางของเขาน่ะค่ะเป็นอาชีพการบริการ แต่เราบริการเหมือนปิดทองหลังพระ เพราะผู้โดยสารไม่ได้มาเจอเราไม่ได้เห็นหน้าเรา แต่เราเป็นคนขับเคลื่อนให้เขาไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยค่ะ''




คุณสมบัติที่นักบินควรมี

''ตอนที่เรียนเคยได้เรียนว่า ครูจะสอนว่าคุณสมบัติ 5 อย่างที่นักบินไม่ควรมี คือ ไม่เชื่อฟัง, ทำอะไรไม่คิดให้รอบขอบ, คนคิดในแง่ลบ มีแต่เรื่องที่ร้าย, ไม่เชื่อฟังในกฎเกณฑ์, เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป ส่วนคนที่เหมาะจะเป็นนักบินนั้นน้อดคงบอกไม่ได้ว่าควรเป็นแบบไหน แต่คุณสมบัติที่จะมาเรียนนักบินได้ คือเราต้องจบปริญญาตรี สุขภาพแข็งแรง สายตาดี มีการฟังดีค่ะ''

ในตอนนี้ ''น้อด'' บอกความฝันก้าวต่อไปคือการเป็นกัปตัน

''อีกนาน ไม่ทราบเหมือนกัน การที่จะให้คนเลื่อนขั้นเป็นกัปตัน ต้องผ่านอะไรๆ หลายอย่าง ตอนนี้กัปตันที่นี่กับจำนวนเครื่องที่เรามีบักบินเพียงพอแล้ว ก็คงอีกสักพักกว่าเราจะได้เลื่อนขึ้นเป็นกัปตัน แต่ก่อนอื่นต้องมี ใบ ATPL (Airline Transport Pilot License) เป็นใบนักบินพาณิชย์เอก ประมาณปีหน้าถึงจะเริ่มสอบ เราต้องมีใบนั้นก่อนถึงจะมีสิทธิ์ขึ้นเป็นกัปตันได้ค่ะ น้อดว่าคนเราได้ประกอบอาชีพอะไรอาชีพหนึ่ง แล้วก็อยากจะไปให้ถึงที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้''

เจ้าของฉายา ''นางฟ้า...ติดปีก''

''ก็ติดจริงๆ (หัวเราะ) ติดอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย ทุกครั้งที่พูดถึงอาชีพนักบินก็ภูมิใจนะคะ เราทำความฝันของตัวเองได้ สำเร็จ ให้เป็นความจริง ทุกวันนี้เราก็อยู่ในความฝันของเรา''


เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนมองว่าเป็นอาชีพที่เท่สำหรับผู้หญิง

''เท่คนอื่นๆ อาจจะมอง แต่จริงๆ จะเป็นคนโก๊ะ ทำอะไรเปิ่นๆ อย่างเพื่อนในรุ่นน้อดจะเป็นหนึ่งในคนที่เด็กสุด พี่ๆ เขาก็จะล้อตลอดว่าโก๊ะจริงๆ ในรุ่นน้อดมีผู้หญิง 6 คน ตอนนี้ที่บริษัทมี 8 คน อย่างรุ่นที่ 2 มีนักบินหญิงคนหนึ่งเคยเป็นสัตวแพทย์มาด้วย น้อดว่าพี่คนนั้นเขาเท่กว่า จริงๆ ก็สวยทุกคน''



ที่ผ่านมาเจอผู้โดนสารทักทายบ้างไหม

''มีบ้างค่ะ อาจจะฝากบอกพนักงานต้อนรับบนเครื่องว่า พอเครื่องจอดขอคุยด้วย ขอถ่ายรูปด้วย ก็มีบ้าง บางคนก็อาจจะไม่ขอ เจอมีของมาให้ความคิดถึง จะได้พระบ่อยมาก เพราะเขาคิดว่านักบินเป็นอาชีพที่เสี่ยง ก็ให้พระ ก็จะได้ปลอดภัย ดีใจสำหรับทุกอย่างที่เขาให้''

อัพเดตหัวใจบ้าง ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

''ตอนนี้ไม่มีค่ะ เพราะว่าได้ทำสนธิสัญญากับคุณแม่ว่าถ้าจะคบใครจริงจัง หรือจะแต่งงานต้องให้คุณแม่อนุมัติด้วย ตอนนี้มาทำงานเฉยๆ พูดจริงๆ ไม่ได้ออกไปโลกภายนอกเลย อาจจะได้เจอกับเพื่อนมหาวิทยาลัยบ้าง แต่ไม่ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ เลย โอกาสน้อยมาก อีกอย่างหนึ่งเริ่มแก่แล้ว คิดว่าจริงๆ เราอยู่คนเดียวก็ได้ ก็โสด เคยคุยกับพี่กัปตันคนหนึ่งเขาถามว่าคิดจะประกอบอาชีพนี้ไปจนเกษียณไหม น้อดก็บอกว่าก็น่าจะได้นะ เพราะทุกวันนี้มีความสุขดี แต่พี่เขาก็บอกว่าเมื่อก่อนพี่ก็มีความสุขดีได้ขึ้นบินทุกวัน แต่พอมีครอบครัวนี่แหละ อยากให้เวลากับครอบครัวมากที่สุดเวลามาบิน ก็ยังมีความสุขอยู่ แต่ใจก็อยู่กับลูกอยู่กับภรรยาตลอด พี่เขาถามว่าไม่อยากมีครอบครัวเหรอ น้อดก็บอกว่าอยากมี ถ้ามันเป็นครอบครัวที่ดีแล้วก็สามารถทำตรงนั้นให้ดีได้ แต่ตอนนี้น้อดยังไม่มีแฟนเลย และเวลาก็ผ่านไปเร็วมากจนคิดว่าอาจจะไม่มีแฟนก็ได้ อาจจะไม่ได้แต่งงานก็ได้ และอีกอย่างหนึ่งจะหาคนที่แม่อนุมัติเนี่ยยากมาก พี่เขาก็บอกเออใช่ผู้ชายดีๆ หายาก (หัวเราะ) พี่เขามีลูกสาว เขายังบอกเลยว่าถ้าโตจะจ้างให้ลูกสาวไม่ต้องแต่งงาน เพราะผู้ชายดีหายาก อยู่กับพ่อดีกว่า (หัวเราะ)''

แล้วผู้ชายที่แม่ชอบต้องเป็นยังไง

''แม่ชอบคนเพอร์เฟกต์ค่ะ (หัวเราะ) ก็คงต้อง คงไม่มี...ขอให้หน้าตาโอเค ต้องสูงกว่าเรา ฐานะสูงกว่าหรือเท่าเทียม คุณธรรมเท่าเทียมกับเรา อยากมากสุดท้ายคือสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เคยดูๆ คนมาบ้าง ถ้าคนคบกันแล้วคุณธรรมไม่เท่ากัน อยู่ด้วยกันอยากมากค่ะ''

จากนี้ก็ต้องลุ้นและเอาใจช่วยนางฟ้า...ติดปีก ''น้อด'' ชนันภรณ์ รสจันทน์ ให้ทำตามความฝันของตัวเองในฐานะ ''กัปตันบินเดี่ยว'' ที่สวยที่สุดในประเทศให้สำเร็จโดยเร็วกันดีกว่า !!

ที่มา
สยามดารา



Create Date : 10 พฤษภาคม 2553
Last Update : 11 พฤษภาคม 2553 1:54:58 น. 4 comments
Counter : 8121 Pageviews.

 
คุณน้อดเก่งมากเลยค่ะ
ไม่่ค่อยเห็นนักบินหญิงเท่าไหร่เลย






เป็นนักบินหญิงที่สวยมากเลยค่ะ


โดย: puy_naka63 วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:14:50 น.  

 
อืม พี่น็อต สวยเก่งมากมาย

น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
สู้ๆคะ หนูจะเอาพี่น็อตเป็นแบบอย่างนะคะ
แต่หนูไม่อยากเป็นนักบินแต่หนูอยากเป็นแอร์โฮสเตดคะ55+


โดย: หวาน IP: 117.47.31.133 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:59:55 น.  

 
ไม่คิดว่าจะได้นั่งเครื่องกลับจากการเที่ยวที่สิงคโปร์ เที่ยวบิน FD3504 เมื่อ 30 ต.ค. 53 นี่เอง ที่ได้ผู้ช่วยนักบินเป็นถึงอดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์ส ก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ ภรรยาผมได้เล่าให้ฟังว่า มีนางสาวไทยเป็นนักบินด้วยนะชื่อน้อด เป็นถึงนางสาวไทย ภรรยาผมดีใจมากที่ได้นั่งเครื่องบินที่เธอเป็นผู้ช่าย
แถมยังซิ่งถึงสุวรรณภูมิก่อนเวลาตั้ง 15 นาทีแนะ เก่งจริง ขอชื่นชมในความสามารถของเธอ และอวยพรให้ได้เป็นกัปตันสมใจ ถ้ามีโอกาสคงได้นั่งเครื่องที่เธอเป็นกัปตันจริงๆสักครั้งหนึ่ง


โดย: นิมิตร IP: 10.0.0.36, 110.164.234.16 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:21:07:30 น.  

 
นักบินมืออาชีพก


โดย: คิมจอง IP: 49.230.122.68 วันที่: 21 ตุลาคม 2556 เวลา:21:33:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.