หนูสิ มิสไทยแลนด์เวิลด์หุ่นให้ แต่ใจไม่รัก
นางงามผันตัวเองสู่วงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นนักร้องหรือนักแสดง เป็นเรื่องธรรมชาติที่เห็นกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ซึ่งก็มีทั้งประเภทรูปทรงสวย ไปได้ดี มีอนาคต ผลงานเข้าตาผู้ชม แฟนกรี๊ดแฟนหลงจนแฟนคลับหนาแน่นก็มาก ส่วนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องหันไปทำอาชีพอื่นก็เยอะ ยังต้องพัฒนาและรับคำวิจารณ์ต่างๆ จากผู้ชมก็ยังมีให้เห็นเช่นกัน
มาตรฐานการแสดงควรมาก่อน
ทว่า หนูสิสิริรัตน์ เรืองศรี มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2553 เป็นหนึ่งในบรรดานางงามระดับประเทศที่ไม่คิดเอาดีด้านการแสดง หนูสิ กล้าพูดตรงนี้ว่า...ไม่อยากเป็น “ดารา” และไม่มีความพยายามที่จะเป็นเล้ยยยยย...
มิสไทยแลนด์เวิลด์ เจ้าของส่วนสูง 179 เซนติเมตร ระบุเหตุผลสั้นๆ เพราะ “ใจไม่รัก และไม่ใช่ตัวตนของเธอ” พร้อมกับสะท้อนอาชีพการเป็นนักแสดงในมุมมองของเธอเอาไว้ว่า การเป็นดารามาตรฐานการแสดงควรจะต้องมาก่อนความอยากเป็น และสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเหมือนผลพลอยได้ต้องมาทีหลัง
“มีคนพูดว่าถ้าคุณเล่นละครเรื่องเดียวคุณก็ดังได้ เพราะละครทำให้คนดูเห็นหน้าบ่อย ช่วยให้คนรู้จักมากขึ้น แต่สิคิดว่าถ้าจะทำเพื่อชื่อเสียง เพื่อให้คนรู้จักมากเพราะการเป็นดารา สิคงไม่ทำ เพราะดาราในมุมมองของสิ คือการเป็นนักแสดงที่ดี ซึ่งหมายความว่าจะต้องทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด สุดความสามารถ ไม่ให้คนดูต้องผิดหวัง เสียเงิน เสียเวลาติดตาม สิไม่คิดอาศัยความเป็นดาราเป็นทางลัดให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงหรือเงินตรา ไม่อย่างนั้นเราก็เป็นแค่ดารา แต่ไม่อาจเป็นนักแสดงที่ดีได้” มิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุด กล่าว
ไม่ปิดกั้น แค่ไม่หมายมั่นเท่านั้นเอง
หนูสิ ว่า ทุกวันนี้ไม่มีความพยายามจะเสนอตัวว่าอยากเล่นหนังเล่นละคร แต่ถ้าผู้ใหญ่จะให้โอกาสก็หมายความว่าผู้ใหญ่ได้มองเห็นอะไรบางอย่างในตัว เรา ก็อาจพิจารณา แต่ก็ต้องดูบทบาทนั้นด้วยว่าจะสามารถทำได้ดีหรือเปล่า
“สมมติวันหนึ่งมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ เขาเลือกสิ นั่นก็แสดงว่าเขาได้มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเราที่เหมาะสมกับบทที่เขาอยาก จะให้ สิอาจพิจารณา แต่ก็ต้องดูตัวเองว่าถ้ารับบทนี้แล้วจะทำได้ดีขนาดไหน แต่ถามว่าถ้าสิพยายามเพื่อไปเป็นนักแสดงด้วยตัวของสิเองคงไม่ใช่ และคงไม่เสนอตัวว่าอยากจะเล่นละคร จนกว่าเขาจะเห็นว่าสิเหมาะสมพอค่ะ”
หนูสิ พูดต่ออีกว่า ที่สำคัญคือเธอไม่มีประสบการณ์ทางด้านการแสดงมาก่อน และไม่คิดจะเอาดีด้านนี้ด้วย ซึ่งต่างจากคนอื่น แม้ไม่มีประสบการณ์ แต่เขาก็มีความใฝ่ฝันอยากเป็น โดยบางคนมีมาตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ
ชอบงานพิธีกร แต่เป้าหมายคือนักกฎหมาย
สวยและเก่งอย่างหนูสิ ไม่อยากเป็นนักแสดงแล้วอยากจะเป็นอะไรกันเนี่ย...
เธอบอกว่าชอบงานพิธีกร เพราะว่าเป็นงานที่ทำให้รู้จักผู้คนเยอะขึ้นจากหลากหลายอาชีพ เป็นงานที่เพิ่มพูนความรู้และทำให้ฉลาดขึ้น ได้มีความรู้ใหม่ โดยเฉพาะจากบุคคลสัมภาษณ์ที่ทำให้ได้เห็นแนวคิด วิธีการทำงาน และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขา
“การได้สัมภาษณ์คนคนหนึ่ง ซึ่งเขาสามารถแชร์ประสบการณ์ดีๆ ของเขาออกมา ซึ่งล้วนแล้วมีแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจ เราสามารถหาคำตอบจากคำถามที่เราอาจไม่เคยคิดมาก่อน งานพิธีกรทำให้ได้รู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น เป็นอาชีพที่น่าสนใจมาก”
ขณะที่เติบโตจากครอบครัวของนักกฎหมาย คุณพ่อเปิดบ้านพักและสำนักงานทนายความที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พอถามถึงเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน เธอรีบตอบทันทีว่าอยากเป็นนักกฎหมายเหมือนพ่อ “จะได้ไม่มีใครมาเอาเปรียบ รังแก ทั้งยังสามารถช่วยคนอื่นได้ด้วย โดยเฉพาะคนยากคนจนที่มักถูกคนมีเงินมีอำนาจเอาเปรียบ
คุณพ่อบอกว่าอาชีพนักกฎหมายเป็นอาชีพที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถแทนที่ได้ ทุกวันนี้เทคโนโลยีทันสมัยมากจนมนุษย์แทบไม่ต้องทำอะไร เช่น คุณไม่ต้องเก่งทำอาหาร แต่ตอนนี้มีเครื่องช่วยแกะสลักอาหารโดยที่คุณไม่ต้องลงมือแกะเอง
แต่การเรียนกฎหมายต่อให้ป้อนมาตรากฎหมายกี่พันข้อในคอมพิวเตอร์ แค่ป้อนข้อมูลคดีอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นแล้วกดเอนเทอร์ คอมพิวเตอร์ไม่สามารถประมวลผลหรือตัดสินได้ว่าคนนั้นควรถูกหรือผิด เพราะมีสิ่งที่นอกเหนือกว่านั้นคือเจตนา ซึ่งเป็นเรื่องของจิตใจที่คอมพิวเตอร์ไม่มี และไม่อาจสื่อกับมนุษย์ได้” หนูสิ ที่นอกจากเป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์แล้ว ยังคงฐานะนักศึกษานิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าว
หลังทำหน้าที่มิสไทยแลนด์เวิลด์ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน ส.ค.ปีนี้ หนูสิ ว่า คงต้องไปมุ่งมั่นกับการเรียนอย่างเต็มที่พร้อมๆ กับการทำงานไปในตัว หลังจากที่ก่อนนี้ต้องดร็อปการเรียนไว้
คงต้องเอาใจช่วยให้เธอก้าวไปให้ถึงเป้าหมายที่เธอฝันไว้ แต่เราก็ไม่ปิดกั้นนะ ถ้าเธอจะรับบทบาทในหนังหรือละครที่เธอคิดว่าเหมาะกับตัวเอง...สักวันหนึ่ง
ที่มา posttoday.com
Create Date : 27 เมษายน 2554 |
Last Update : 27 เมษายน 2554 11:00:41 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2380 Pageviews. |
|
|
|