Group Blog
 
<<
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
18 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
เส้นทางสีรุ้งของ ธนิดา กาญจนวัฒน์(จินนี่)



ถ้ามีการจัดอันดับเรื่องความงามแล้วละก็ แอบมั่นใจนิดๆว่าสาวไทยของเราต้องติดอันดับกับเขามั่ง และยิ่งถ้าเป็นเรื่องทั้งสวย ทั้งเก่ง เต็มไปด้วยความสามารถ เปอร์เซ็นต์ความมั่นใจยิ่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ว่าสาวไทยของเราไม่แพ้ใครแน่ๆ

น้อง "จินนี่" ธนิดา กาญจนวัฒน์ สาวสวยวัย 21 หน้าหมวยคนล่าสุด ก็เพิ่งจะไปคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสไชนิส อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำปี 2006 มาฝากพวกเรากัน ประสบการณ์ในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง กว่าจะได้ตำแหน่งมา แล้วการประกวดจะจัดได้เก๋ขนาดไหน ไปคุยกับน้องจินนี่กันดีกว่าค่ะ


เริ่มต้นจากเวที Miss Thailand World
"จินนี่เริ่มต้นจากการประกวด Miss Thailand World ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คนที่จะได้ไปประกวดมิสไชนิสฯ ก็คือคนที่ได้ตำแหน่งรองอันดับ 1 แต่ในปีนี้ซินดี้คนที่ได้ตำแหน่ง เขาไปประกวด Miss World แล้ว ส่วนกิฟคนที่ได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 หน้าตาเขาก็ไม่หมวยเลย ออกจะเหมือนลูกครึ่งด้วยซ้ำ ก็เลยต้องคัดกันใหม่จาก 6 คนสุดท้าย ซึ่งก็เลยกลายเป็นจินนี่ ทั้งๆที่จินนี่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย แต่โชคดีตรงที่ว่าดูหมวยที่สุด แล้วก็มีเชื้อจีนอยู่แล้วด้วย ตอนนั้นดีใจมากที่นายให้โอกาสเลือกให้เราเป็นตัวแทน ต้องขอบคุณนายมาตรงนี้ด้วย
จินนี่มีเวลาเตรียมตัวแค่ 1 เดือน ก็เริ่มจากไปเรียนแต่งหน้า เรียนภาษาจีนกลางและกวางตุ้งเพิ่มเติม แต่จะเน้นไปที่จีนกลางมากกว่า เพราะที่มหาวิทยาลัยจินนี่ก็ลงเรียนภาษาจีนเป็นวิชาเลือกเสรีอยู่แล้วด้วย"


ฮ่องกง...เกาะในฝัน
"วันแรกๆที่ไปถึงฮ่องกง ก็มีเพื่อนๆที่เข้าประกวดด้วยกันมาถามจินนี่ว่า รู้หรือเปล่าเธอติดท็อปไฟฟ์ที่สื่อมวลชนที่นั่นชอบด้วยนะ เราก็งงๆ เพราะไม่เห็นสื่อมาสัมภาษณ์ ซึ่งก็เป็นเพราะว่าที่ฮ่องกงเขาพูดจีนกวางตุ้งกัน แต่จินนี่พูดได้แต่จีนกลาง สื่อมวลชนที่นั่นต้อนรับดีมาก ตอนไปประกวดคุณแม่จินนี่ตั้งชื่อภาษาจีนกลางให้ด้วยว่า สี่ อี้ จวน หรือ โหย อยี่ กวิน ในสำเนียงกวางตุ้งซึ่งแปลว่า หญิงสาวผู้มีความอุดมสมบูรณ์และร่ำรวย ส่วนพี่ๆสื่อมวลชนของฮ่องกงก็ตั้งฉายาให้เราเหมือนกันว่ามิสชาร์มมิ่ง นางงามเจ้าเสน่ห์ น่าจะเป็นเพราะจินนี่ยิ้มเก่งน่ะค่ะ เวลาฟังไม่รู้เรื่องก็ยิ้มอย่างเดียวเลย
...ส่วนกิจกรรมที่ทำกับกองประกวดก็เหมือนกับเป็นการไปโปรโมทฮ่องกง อย่างการลงเรือล่องไปดูเกาะฮ่องกง ไปทานอาหาร ไปดูแมวน้ำ เหมือนกับว่าเขาพาไปเที่ยว ส่วนเรื่องเพื่อนนั้นทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษกันได้อยู่แล้ว แต่ก็จะมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษก็จะพูดจีนกลางกัน เหมือนกับแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มที่พูดอังกฤษ กับกลุ่มที่พูดจีนกลาง อย่างเวลาที่มีลงข่าวเรื่องการประกวด จินนี่ก็จะวานให้คนที่เก่งจีนกลางช่วยอ่านให้ฟัง แล้วให้เขาแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทีหนึ่ง ส่วนเพื่อนที่สนิทที่สุดก็คือคนที่เขาได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ไอนา ลู จากประเทศแอฟริกาใต้ และอีกคน แอนนาเบลล์ กง จากมาเลเซีย"


มิตรภาพ...ไร้พรมแดน
"อย่างแอนนาเบลล์นี่เราจะสนิทกันมาก เรียกว่าตั้งแต่วันแรกที่จินนี่ไปถึงฮ่องกงเลยก็ว่าได้ พอลงเครื่องบินมาปุ๊ปก็เจอเขานั่งอยู่ บอกว่ารอเรามาตั้งชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ คือไฟลท์ของเขามาถึงก่อนจินนี่ครึ่งชั่วโมง แล้ววันนั้นไฟลท์จินนี่ก็ดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มเม้าท์กันมาตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งไปถึงโรงแรมเลย ส่วน ไอนา ลู เนี่ยเขาเป็นรูมเมทของแอนนาเบลล์ ซึ่งห้องก็อยู่ติดกัน จินนี่เลยวิ่งไปวิ่งมา กลายเป็นสนิทกันทั้ง 3 คน คือมีนางงามไปทั้งหมด 17 คน ตอนแรกจินนี่ก็นอนคนเดียว แต่มีนางงามอยู่คนหนึ่งต้องถอนตัวเพราะว่าอายุไม่ถึง 18 ปี แล้วผู้ปกครองไม่ได้เซ็นอนุญาตก็เลยต้องสละสิทธิ์ จินนี่ก็เลยมีรูมเมท
...ที่จินนี่สนิทกับแอนนาเบลล์ที่สุด คงเป็นเพราะเรา 2 คนนิสัยคล้ายๆกัน เป็นคนร่าเริง ช่างพูด แล้วมีความเป็นเด็กในตัวเอง พอมาอยู่ด้วยกันก็เลยสนุกมาก อย่างมีอยู่วันหนึ่ง พี่เลี้ยงมาบอกพวกเราแต่เช้าว่า วันนี้จะมีการโชว์ตัวในชุดว่ายน้ำนะ เพราะฉะนั้น วันนี้อย่ากินอาหารเยอะมาก เดี๋ยวพุงจะออก แต่ปรากฏว่าวันนั้นมีขนมเค้กซึ่งน่าทานมากๆจินนี่กับแอนนาเบลล์นั่งกินกันอยู่ 2 คน หลายชิ้นด้วย ส่วนนางงามคนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าหยิบมากินกันเลย แต่พวกเราไม่สนใจค่ะ ถึงการประกวดจะจบไปแล้ว เรา 2 คนก็ยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ เหมือนกับการได้เพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งเลย แล้วเร็วๆนี้เขาก็จะมาเที่ยวเมืองไทยตามคำชวนของจินนี่ด้วย"


วันประกวด...บันไดขั้นที่ 2 แห่งความสำเร็จ
"ตัวจินนี่เองไม่ได้คาดหวังถึงเรื่องตำแหน่งเลย เพราะรู้สึกว่ามันเป็นการประกวดในระดับนานาชาติ สิ่งที่ตั้งใจก็แค่ต้องทำให้ดีที่สุด แสดงความสามารถที่มีอยู่ออกไป พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ยิ่งพอไปถึงก็ยิ่งไม่คาดหวังใหญ่เลย เพราะเพื่อนๆทุกคนสวยมาก แต่ละคนก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเรื่องของภาษา บุคลิกภาพ เรียกได้ว่าแต่ละคนก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป เรื่องการแสดงบนเวทีนั้น จินนี่นำนาฏศิลป์ประยุกต์จีนรำพัดไปโชว์ เป็นการรำไทยที่ใช้พัดจีนประกอบ ได้รับการฝึกสอนจากคณาจารย์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งทุกคนบอกว่าชอบมาก อย่างชุดก็จะเป็นสไบสีทองมีลวดลายไทย คอสตูมที่นั่นชมว่าสวยมากๆเขาเห็นชุดแล้วบอกว่าผ่านเลย ในขณะที่ชุดของอีกหลายๆคนไม่ผ่าน เพราะไม่มีจุดเด่น หรือไม่ก็เรียบเกินไป ก็จะต้องจัดชุดให้ใหม่ ใช้เวลาฝึกประมาณ 1 อาทิตย์
...แต่ในความรู้สึกของจินนี่ การประกวดในเมืองไทยตื่นเต้นกว่านะ เพราะเป็นบ้านของตัวเราเอง มีคนรู้จักเราอยู่เยอะ เหมือนกับว่าเราคุ้นเคยก็เลยรู้สึกเขินๆ แต่ไปที่นั่นคนที่ดูเราเขาเป็นคนต่างชาติ แล้วก็คงไม่ค่อยมีใครรู้จักเราเท่าไร และอาจจะเป็นเพราะผ่านเวทีประกวดมาแล้วด้วยก็ได้นะ เลยทำให้วันนั้น จินนี่ไม่เกร็งเลย รอบสุดท้ายจะเหลือแค่ 5 คน ก็คืออันดับ 1-3 และตำแหน่งพิเศษอีก 2 ตำแหน่ง คือมิสยัง และมิสเฟรนด์ชิฟ ในการตอบคำถามจะมีหมอดูมาทายอุปนิสัยของเราว่าเป็นแบบไหน แล้วให้เราตอบว่ายอมรับ หรือขัดแย้ง และด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของการประกวดครั้งนี้เลย อย่างของจินนี่เขาบอกว่าคุณมีเพื่อนเยอะ แล้วก็มีคำว่าแชมเปี้ยนขึ้นมาด้วย แต่มันยากมากกว่าจะได้มา ก็ตอบเขาไปว่าประโยคแรกเนี่ยใช่เลย จินนี่เป็นคนที่เฟรนลี่จริงๆ ส่วนประโยคหลังจินนี่ตอบไปว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าจะได้แชมป์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำดีที่สุดหรือยัง และพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีหรือเปล่า
...ทั้งๆที่จินนี่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ตื่นเต้นนะ แต่พอถึงเวลาตอบคำถามสมองมันก็เบลอๆไม่รู้เลยว่าเพื่อนคนอื่นเขาตอบอะไรกันบ้าง เพราะเขาตอบเป็นภาษาจีนกลางกัน เลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง มีจินนี่คนเดียวที่ตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ คำพูดอาจจะตรงๆไม่ได้สละสลวยอะไรมากนัก เพราะมันไม่ใช่ภาษาไทยที่เราคุ้นเคย ตอบได้ขนาดนี้จินนี่ก็พอใจแล้วค่ะ ส่วนในรอบก่อนหน้านั้นคือ 16 คน โดยจะให้นางงามแต่ละคนเลือกตัวเลข ซึ่งจะเป็นอาหารจีนแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน แล้วบอกว่าอาหารชนิดนั้นเหมือนกับตัวเองอย่างไร ที่จินนี่เจอคือข้าวผัดก็ตอบไปว่าข้าวผัดมีส่วนผสมหลายอย่าง คล้ายกับจินนี่ตรงที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้หลากหลายขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทั้งสนุกสนาน เอาจริงเอาจัง และที่สำคัญคือมีประโยชน์ต่อร่างกาย ก็เหมือนกับจินนี่ที่ทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้ บางคนได้อาหารแปลกๆก็มีนะคะ อย่างเช่น เต้าหู้เหม็น แต่เขาตอบว่าอย่างไรจินนี่จำไม่ได้แล้วค่ะ
...ตอนช่วงที่เข้ารอบสุดท้าย 5 คน มันหนาวมากๆ อุณหภูมิแค่ 15 องศา แล้วชุดที่เราใส่ก็เป็นแขนกุดผ้าบางๆกระโปรงผ่า บอกตรงๆว่าไม่ได้คิดอะไรเลยว่าเราจะได้ตำแหน่งหรือเปล่า เพราะมันหนาวจนเราชาไปหมด ตอนแรกเขาก็ประกาศตำแหน่งพิเศษก่อน จินนี่ได้รับตำแหน่งมิสยังก็คิดว่าโอ.เค.แล้วละ ได้ตำแหน่งกลับมาด้วย ซึ่งอันนี้เป็นตำแหน่งที่มอบให้กับนางงามที่ดูร่าเริง มีความสดใส ส่วนอีกตำแหน่งมิสเฟรนด์ชิฟก็เป็นของแอนนาเบลล์ พอรับรางวัลก็เดินไปหลังเวทีก็ยังพูดกับเขาเลยว่าได้ตำแหน่งพิเศษมาทั้ง 2 คน แค่นี้ก็ดีมากๆแล้ว ซักพักเขาก็เรียกให้ไปหน้าเวทีเพื่อฟังประกาศ จินนี่ก็ยืนนิ่งๆ เพราะคิดว่าไม่ใช่เราแล้วแน่ๆ พอเขาประกาศชื่อคนที่ได้ตำแหน่งรองอันดับ 1 จินนี่ก็ยังยืนเฉย เพราะเขาประกาศเป็นภาษากวางตุ้ง ฟังไม่ออก จนคนที่ควบคุมเวทีเขาชี้มาที่เรา และทำมือให้เดินออกไป ถึงได้รู้ว่าเขาประกาศชื่อเรา"


คุณแม่...ฮีโร่ในดวงใจ
"ตอนที่ได้รับตำแหน่งมิสยัง ทุกคนโดยเฉพาะเพื่อนๆจะบอกว่านี่เป็นตำแหน่งที่เหมาะกับจินนี่มาก คือจะร่าเริง คุยเก่ง มนุษยสัมพันธ์ดี ตอนนี้จินนี่เรียนปี 4 แล้วที่คณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่เลือกเรียนทางด้านนี้เพราะตัวเองชอบเลขอยู่แล้ว เลือกบริหารแน่นอนแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกสาขา ก็เลยไปปรึกษาคุณแม่ ท่านก็แนะนำมาว่าน่าจะเป็นบัญชี หรือไม่ก็การเงินไฟแนนซ์ไปเลย เพราะการตลาดพี่สาวจินนี่เรียนเแล้วไม่อยากให้ซ้ำกัน แล้วคุณแม่ก็แนะนำว่าบัญชีน่าจะทำงานได้กว้างกว่า ถึงจะเรียนเครียดไปหน่อยแต่ก็โอ.เค.ค่ะ เพราะเป็นคนชอบวิชาเลขอยู่แล้ว ส่วนพี่สาวจินนี่ตอนนี้ไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกา ตอนซัมเมอร์ก็จะกลับมาค่ะ
...ที่จินนี่เข้ามาประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ก็เริ่มมาจากการที่คุณแม่ชอบดูการประกวดมาก ดูหมดทุกเวที แล้วก็จะมาบอกเราว่าทุกคนสวยมากเลยนะ แล้วก็มายุให้เราประกวดบ้าง ตอนแรกก็ยุไม่ขึ้นหรอกค่ะ แต่ใจก็อยากลองดูเหมือนกันว่าเขาจะทำให้เรามีบุคลิกที่ดีขึ้นได้จริงๆ เหรอ โดยเฉพาะเรื่องการเดินที่ดูแล้วไม่สง่าเลย อยากจะพัฒนาบุคลิกภาพของตัวเองให้ดีขึ้น อันนี้คือเหตุผลหลักเลยที่ตัดสินใจเข้าประกวด ส่วนสตรีเก่งในดวงใจของจินนี่ก็คือคุณแม่ด้วยเช่นกัน ท่านจะสอนเราตั้งแต่เด็กแล้วว่ายังไงก็ต้องโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคม มีน้ำใจกับคนรอบข้าง จินนี่มองว่าคุณแม่เป็นทั้งผู้หญิงที่ทำงานเก่ง แล้วก็เป็นคนที่มีจิตใจดีด้วย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เสมอ และอีกข้อที่แม่ย้ำเสมอก็คืออย่าไปคิดร้ายกับผู้อื่น ให้คิดแต่สิ่งที่ดีๆ แล้วสิ่งดีๆเหล่านั้นก็จะกลับมาหาเราเอง
...จินนี่มองว่าผู้หญิงสมัยนี้สวยอย่างเดียวไม่พอแล้ว แต่ต้องเก่งด้วย ต้องมีความสามารถหลายๆอย่าง และอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือจินนี่อยากให้ทุกคนคิดในแง่บวกให้เยอะๆไม่จำเป็นจะต้องคิดอะไรในแง่ลบเสมอๆ เพราะถ้าเราคิดดี การแสดงออกต่างๆของเรา ทั้งคำพูด แววตา การกระทำมันก็จะดีตามไปด้วย ซึ่งจินนี่เชื่อว่าคนที่อยู่ใกล้เราเขาก็จะได้รับแต่สิ่งดีๆจากเราไปด้วย ถ้าเห็นคนที่เขาลำบากกว่า เดือดร้อนกว่า และไม่เกินกำลังที่เราจะช่วยเหลือ ตรงนี้ก็น่าจะช่วยเขาอย่างเช่นเรื่องการบริจาคสิ่งของ หรือเงินให้กับผู้ประสบภัยต่างๆ อย่ามัวไปคิดว่าสิ่งที่เราส่งไปเขาจะได้รับหรือไม่ แค่การที่เราเริ่มเป็นผู้ให้ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว"


จุดเริ่มต้น...ของเส้นทางสีรุ้ง
"จริงๆแล้วจินนี่เองก็นิสัยคล้ายๆกับคุณแม่เหมือนกัน คือเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น แล้วก็ชอบทำบุญ อาจจะเป็นเพราะครอบครัวเราสนิทกันมากก็ได้ อย่างวันที่ไปประกวดที่ฮ่องกง คุณแม่ก็ตามไปเชียร์ถึงขอบเวที เป็นกำลังใจสำคัญให้จินนี่มาตลอด สิ่งที่ทำให้จินนี่ได้รับรางวัลอาจจะเป็นเพราะความที่เราเป็นตัวของตัวเอง เป็นธรรมชาติ ยิ้มเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ถึงภาษาอังกฤษอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่เราก็มีอัธยาศัยดี และที่สำคัญที่สุดคือการมีน้ำใจกับทุกคน อย่างเวลาที่ทุกคนซื้อของกันเยอะ หิ้วถุงมาเต็มไปหมด จินนี่จะคอยช่วยเปิดประตูให้เพื่อนๆเพื่อให้เขาสะดวกขึ้น อันนี้เป็นนิสัยที่ติดตัวมาอยู่แล้ว จนมีอยู่วันหนึ่งพี่เลี้ยงเดินมาคุยกับเราว่า เห็นเราช่วยเพื่อนๆเปิดประตูให้เพื่อนๆ เดินไปก่อนตลอด อย่านึกว่าเขาแก่แล้วจะไม่เห็นนะ หรืออย่างวันที่โชว์การแสดง เพื่อนบางคนจะมีอุปกรณ์ประกอบอลังการมาก จินนี่ก็จะเข้าไปช่วยเขาถือ
...ตอนนี้จินนี่ก็เรียนใกล้จบแล้ว เหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้น คุณแม่ก็เริ่มมองหางานบัญชีไว้ให้บ้างแล้ว ส่วนอีกเรื่องที่จินนี่อยากจะทำแต่ยังไม่มีโอกาสก็คือการเข้าวงการบันเทิง จินนี่อยากลองแสดงละครดูบ้าง เพราะมองว่าวงการบันเทิงเป็นอาชีพที่มีความท้าทาย หลายคนอาจจะมองว่าการที่จินนี่ได้รับโอกาสดีๆ เริ่มมาตั้งแต่การประกวด Miss Thailand World จนมาถึงการได้ตำแหน่งในการประกวดมิสไชนิส อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นความสำเร็จที่สูงสุดแล้ว แต่จินนี่กลับมองว่า คนเราเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต และมีโอกาสอยู่เรื่อยๆที่จะทำวันข้างหน้าให้ดียิ่งๆขึ้นไป อย่างตอนนี้ทางที่จินนี่เดินอยู่ค่อนข้างจะสวยงาม เหมือนกับสีรุ้ง จินนี่ก็จะพยายามทำให้ทางเดินเส้นนี้เป็นสีรุ้งที่สวยสดตลอด


บทความจากนิตยสารหญิงไทย


Create Date : 18 เมษายน 2549
Last Update : 18 เมษายน 2549 22:53:29 น. 1 comments
Counter : 1770 Pageviews.

 
จินนี่ น่ารักมากคับ ผมติดตามมาตลอด


โดย: แชมป์ IP: 124.157.210.230 วันที่: 15 มีนาคม 2550 เวลา:15:46:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.