Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 

ชีวิตเลือกได้ของ เอ็มม่า-วรรัตน์

พลิกบทบาทให้กับตัวเองอีกครั้ง สำหรับดาราสาว และพรีเซ็นเตอร์ยิ้มสว่างสดใสคนนี้ เอ็มม่า-วรรัตน์ สุวรรณรัตน์ ที่ครั้งนี้เธอมอบประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต โดยการก้าวขึ้นมารายงานข่าวให้คุณผู้ชมได้ชมกันทุกเช้าวันเสาร์ ในรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิงสวย ซึ่งเอ็มม่าบอกว่าเธอชอบงานชิ้นนี้มาก แม้ว่าจะต้องปรับตัวในเรื่องภาษาเยอะมากก็ตาม แต่งานที่ทำก็เป็นงานที่ท้าทายความสามารถและได้ให้อะไรกับคุณผู้ชมทางบ้านได้อีกด้วย




"แรกๆก็มี เอ็มม่า จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ แต่ บีช่วงนี้งานยุ่ง มาทำรายการ กับเราไม่ได้ ตอนนี้ เข็ม-รุจิรา ช่วยเกื้อ เลยมาช่วยแทน ปกติก็เจอเข็มตามงาน แต่นี่เป็นรายการแรกที่มาทำงานร่วมกันค่ะ
ช่วงที่ทำงานแรกๆทุกคนจะกังวลกับเรื่องของตัวเอง อย่างเอ็มม่าก็จะกังวลเรื่อง ภาษา เรื่องการพูด เรื่องการใช้คำผิดพลาด เอ็มม่าจะกลัวมาก ถ้าเรื่องเล่นมุกแรกๆก็จะระวังกันหน่อยเพราะเรายังไม่รู้จักกัน ไม่รู้ว่าคนนี้รับได้มากน้อยแค่ไหน พอทำงานมาพักหนึ่ง สนิทกันมากขึ้น ก็รู้ว่าโดยรวมแล้วเรารับกันได้หมด โดยเฉพาะเบนซ์เล่นได้ทุกอย่างเลย" (หัวเราะ)

นอกจากทำพิธีกรแล้ว ทำอะไรอีกคะ
"เอ็มม่าทำร้านอาหารไทยที่ประเทศอังกฤษอยู่ในเมืองเคนท์ ทำกับครอบครัว ตอนนี้เพิ่งเปิดร้านอาหารสาขาที่ 2 ชื่อร้าน The King and I เอ็มม่าจะช่วยส่งยูนิฟอร์มพนักงาน พวกผ้าที่ต้องใช้ เมนู เครื่องแต่งร้าน ช้อนส้อม รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งร้าน ทุกอย่างมาจาก ประเทศไทยหมด พอไปที่นั่นเอ็มม่าก็จะดูแลบริหารทั่วไป แต่ก็มีพี่สาวและพี่ชายดูแลอยู่เป็นหลัก จะกลับอังกฤษบ่อย อย่างน้อย 2 - 3 เดือนครั้ง"

ตอนนี้ไม่ค่อยเห็นเอ็มม่าเล่นละคร
"ละครบ้านเราเล่นทีใช้เวลานานมากเอ็มม่าทำธุรกิจที่เมืองนอก ต้องบินไปเมืองนอกบ่อยมากเอ็มม่าไม่ค่อยจะอยู่ที่เมืองไทย 2-4 เดือนติดต่อกัน เลยค่อนข้างที่จะยาก แต่ละครถ้ามีเรื่องดีๆเข้ามาให้คิวเราได้ ตามคิวเราได้ คุยกันเรื่องเวลาได้ ก็เป็นไปได้ เพราะเราก็เกรงใจทีมงาน แล้วเราก็เห็นว่าการเล่นละครเป็นเรื่องของคนหลายคน ไม่ใช่คนเดียว นักแสดงเยอะ ทีมงานเยอะ
พูดตรงๆคือ เอ็มม่าไม่ใช่นักแสดงที่เก่งเท่าไหร่ ถ้าเรื่องที่เข้ามาแล้วหนักมากๆ ก็ต้องคิดว่าฉันเล่นได้หรือเปล่า ภาพยนตร์ก็เหมือนกัน ถ้าบทแรงต้องอาศัยความสามารถสูงๆ ก็ต้องคิดว่าเราเหมาะไหม เราได้ไหม มีงานเข้ามาใครก็อยากรับ แต่เราก็ต้องดูหลักตามความเป็นจริงด้วย ไม่ใช่พอมีงานเข้ามา ได้เงินดี ก็รับ
ตอนที่เป็นวัยรุ่นความที่เรายังไม่รู้อะไร และเกรงใจด้วย อะไรเข้ามาเราก็รับหมด แต่ตอนนี้เราต้องเอาความสุขเราเป็นหลักด้วย งานที่เข้ามาต้องเป็นงานที่เราอยากทำ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องเป็นงานที่เราทำแล้วเรารู้สึกว่าเราได้อะไรจากตรงนั้น ถ้าเราไม่ได้ความรู้ ก็ได้เพิ่มเติมความสามารถ ได้ท้าทายตัวเอง อย่างเช่น ทำรายการผู้หญิงถึงผู้หญิงสวย ได้ทุกอย่างเลย เอ็มม่าจะพอใจกับงานตรงนั้น
นอกจากนั้นก็มีรายการท่องเที่ยวของช่อง 5 ด้วย ชอบมากเพราะว่า เอ็มม่าเป็นคนชอบเดินทาง เป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว และเราจะได้รู้จักสถานที่เที่ยว รวมถึงได้รู้จักวัฒนธรรมไทยมากขึ้น จากรายการนี้

เอ็มม่าชอบทำอะไรให้กับตัวเองมากที่สุด
"ถ้ามีเวลา เอ็มม่าจะเดินทาง ปีที่แล้วเอ็มม่าไปมาเกือบ 20 ประเทศ ปีนี้ก็คงลดลง แต่ยังไงก็คงไปอีก เพราะว่าเป็นคนชอบเดินทาง เป็นคนชอบเจอคนใหม่ๆ ชอบเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ชอบเรียนรู้ เวลาที่เอ็มม่าจะไปไม่ต้องเตรียมอะไรมาก เพราะเป็นอะไรที่ใจเรารักอยู่แล้ว ถ้าเอ็มม่าเดินทาง เอ็มม่าจะติดดินมากค่ะ จะพักเกสต์เฮ้าส์ เหมือนเราได้เจอกับคนที่นั่น ได้สัมผัสกับชีวิตจริงของพวกเขา เอ็มม่าจะลุยมาก จะมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไปกับเอ็มม่าได้เพราะนิสัยใกล้เคียงกัน
ตอนที่ไปนิวยอร์ก วันแรกนี่เดินเกือบ 20 กิโลเมตรได้ เดินกันตั้งแต่เช้าจนมืด มีความรู้สึกว่า ถ้าเราจะสัมผัสอะไรได้จริงๆเราต้องสัมผัสด้วยตัวเรา บางครั้งถ้าเรานั่งรถไฟ เราจะไม่ได้เห็นอะไรหลายอย่าง ถ้าเราเดินไป ก็จะเจอนู่น เจอนี่ บางครั้งก็เดินจากฝั่งหนึ่งของเกาะไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของเกาะเลย เรียกว่าเที่ยวลืมสวย เพราะเอ็มม่าว่าความสวยเป็นเหมือนงาน หน้าที่ เป็นตัวเราในส่วนหนึ่ง แต่คนเรามีหลายมุมหลายส่วน อยู่ที่เราจะเปิดเผยส่วนไหนเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ไหนมากกว่า
ปีที่แล้ว ไปไอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยี่ยม ออสเตรีย นิวซีแลนด์ พม่า ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อเมริกา ฯลฯ และที่ที่ไปแล้วชอบที่สุด ถ้าไม่ใช่นิวซีแลนด์ก็เนปาล เพราะว่าเอ็มม่าเป็นคนที่รักธรรมชาติ และชอบอยู่กับธรรมชาติ ชอบอยู่เงียบๆ ชอบอยู่กับสัตว์ ส่วนแอฟริกา ยังไม่ได้ไป เพราะเอ็มม่าเป็นคนที่ชอบประเทศเย็นและประเทศที่มีอากาศสะอาด
เวลาเอ็มม่าไป เอ็มม่าจะถ่ายรูปเก็บไว้เยอะมาก เป็นคนชอบถ่ายรูป แต่ไม่ถ่ายตัวเองนะคะ ไปที่ไหนมาก็ถ่ายแต่สถานที่นั้น นอกจากสนใจเรื่องท่องเที่ยวแล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การเมือง โดยเฉพาะของทั่วโลก เราค่อนข้างถนัดและชอบ เอ็มม่าเรียนมาทางนี้โดยเฉพาะตอนที่อยู่อังกฤษ"



ตอนนี้ทราบว่าเอ็มม่าจบปริญญาโทแล้ว
"ค่ะ จบปริญญาโทศิลปศาสตร์ ยุโรปศึกษา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ กำลังจะดูเรื่องศึกษาต่อ คิดอยู่ว่าจะเรียนปริญญาโทอีกใบหรือว่าจะต่อปริญญาเอก ตอนนี้สมัครปริญญาโทไว้ก่อนยังไม่รู้ว่าเขาจะรับเราหรือเปล่า ก็ต้องรอผลค่ะ"

ยุโรปศึกษาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรคะ
"ยุโรปศึกษาเป็นสหสาขา มีทั้งประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และเป็นกฎหมาย ค่อนข้างที่จะยากเพราะมีหลายสาขาที่เราเรียนในปีเดียว เพราะฉะนั้น เราต้องให้เวลาเต็มที่ในตรงนี้ แต่ในเวลาเดียวกันเราก็ได้ไปทำวิจัยที่เมืองนอกด้วย ได้ไปรู้จักระบบการเมืองของยุโรปว่า เขาทำยังไง เขาคิดกฎหมายออกมายังไง เขามีรูปแบบเป็นยังไงบ้าง เขาจะเจาะเข้าไปลึกให้เราเข้าใจ ว่าวิธีการทำงานของรัฐบาลยุโรปทั้งหลายเป็นยังไง การเรียนเรื่องนี้เป็นความสุขของเรา เพราะกิจกรรมที่เอ็มม่าชอบทำ ก็จะเป็น โต้วาที หรือสิ่งที่ท้าทายความรู้ของเรามากกว่า ณ วันนี้ ในงานที่เอ็มม่าใช้อยู่ ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับเมืองนอก ที่อาจจะยากขึ้นมานิดหนึ่ง เราก็พอที่จะเอามาใช้และอธิบายได้ แต่ในชีวิตประจำวัน ทำร้านอาหาร เอ็มม่าก็คงเอาเรื่องนี้มาใช้ไม่ได้ แต่เอ็มม่าก็เรียนบริหารธุรกิจมาก่อน ก็นำเรื่องนี้ไปใช้แทน"

เอ็มม่า รักเรียนมาก
"ค่ะ ที่เอ็มม่าเลือกที่จะเรียนเพราะว่าเราเป็นคนชอบเรียน แล้วก็ได้เลือกเรียนในสาขาที่เราชอบ เพราะฉะนั้น ใจรักแล้วมันก็เรียนง่าย ในความรู้สึกเอ็มม่า ความรู้ การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ความรู้มาได้หลายๆแบบ ไม่จำเป็นต้องนั่งในห้องเรียน และฟังอาจารย์อย่างเดียว เราออกไปเจอด้วยตัวเราเองในโลกได้ แต่ที่ดีที่สุดคือ การศึกษาจะให้พื้นฐานที่ดี ถ้าเรามีความรู้แล้ว ภาษาอังกฤษเขาเรียก Knowledge is power ความรู้เป็นอำนาจแบบหนึ่ง ถ้าเรามีความรู้แล้ว เราจะมั่นใจและคิดอะไรออกด้วยตัวเอง ไม่หัวอ่อน ตามคนอื่นง่าย แต่เรื่องนี้แล้วแต่คนนะคะ เรารักเรียนเพราะว่าเราถนัดแบบนี้ ชอบอยู่ในบรรยากาศมหาวิทยาลัย ชอบอยู่กับเพื่อนๆหลายคน แต่บางคนอาจจะไม่ชอบแบบนี้ก็ได้ แต่สำหรับเอ็มม่าสนับสนุนให้คนหาความรู้ให้เยอะๆ ศึกษาตัวเองให้เยอะๆไม่ว่าจะในห้องเรียน หรือนอกห้องเรียน"

ที่เอ็มม่าสมัครเรียนปริญญาโทอีกสาขาหนึ่งเกี่ยวกับอะไรคะ
"ก็คงจะยังเป็นแนว International Relation ก็จะเป็นแนวการเมือง แนวทูต ปริญญาเอกยังไม่แน่ใจ ก็คงจะเป็นแนวนี้ แต่คงไม่ได้ต่อในเมืองไทย เพราะว่าเอ็มม่าเรียนปริญญาตรีและปริญญาโทที่เมืองไทยแล้ว พอปริญญาเอกก็เลยคิดว่าจะไปเรียนที่นู่นคิดว่าคงอีกไม่เกินปีค่ะ แต่ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้คงต้องดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ"

เอ็มม่ามีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนดีนะคะ
"ตอนนี้เรียกว่าเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นดีกว่าค่ะ มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกวุ่นวายสับสนไปหมด ช่วงนี้ดีขึ้น ธุรกิจเริ่มลงตัว หน้าที่การงานก็ลงตัว บ้านก็ซื้อเสร็จเรียบร้อย เลยพอที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมากขึ้น
ตอนที่มาจากเมืองนอกใหม่ๆเราเป็นเด็กโง่มากเลย เราคิดว่าเราเรียนเยอะ เรียนเก่ง เดินทางเยอะ ผ่านชีวิตมาเยอะ แต่พอมาอยู่เมืองไทยแล้วเข้าวงการมาแรกๆพูดตรงๆว่าไม่รู้อะไรเลย จะมองโลกเป็นสีชมพูไปหมด ทุกคนที่เข้ามาเขาน่ารักและหวังดีกับเรา แต่พออยู่ไปซักพัก จะได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ที่นึกไม่ถึง พอเวลาผ่านไปหลายๆปี เจอประสบการณ์หลายๆอย่างเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คิดอะไรออกได้หลายๆอย่างก็มั่นคงและเลือกที่จะใช้ชีวิตมากขึ้น"

แต่ก็เห็นว่าเอ็มม่ายังสามารถรักษาความสดใสไว้กับตัวเองได้ ไม่ทุกข์ร้อนกับวันเวลาและเหตุการณ์ที่ไม่อยากเจอ
"เอ็มม่าเป็นคนไม่ชอบทำร้ายตัวเอง คนหลายคนจะชอบเรียกร้องความสนใจ อยากให้คนอื่นเข้ามาช่วย อยากให้คนอื่นเข้ามาให้กำลังใจ บางครั้งเรื่องเข้ามาเล็กๆแต่คิดเป็นเรื่องใหญ่ แต่เอ็มม่าคิดว่า เราก็อยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ต้องพัฒนาตัวเอง ต้องพัฒนาความคิดตัวเอง ต้องมองเรื่องไม่ดีใหม่ มองว่าเป็นบทเรียน แล้วเรียนรู้กับมัน ถ้าเราไม่เรียนแล้วเราไปโง่กับมันอีกที แบบนี้คงโง่มากเลย"

ขอถามเรื่องความรักบ้างค่ะ
"ความรักตอนนี้โอ.เค.ค่ะ เข้าปีที่ 5 แล้ว ที่รู้จักกันเรื่อยๆ เอ็มม่ากับพี่หนุ่มก็คบกันเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยน เราอาศัยความเป็นเพื่อนอย่างสูงเลย เพราะว่าชีวิตของเอ็มม่ากับพี่หนุ่มคือเราต่างเป็นคนที่ค่อนข้างขยันแล้วก็มีงานและมีกิจกรรมที่ตัวเองชอบทำ แต่กิจกรรมที่เราชอบทำนี่จะต่างกันเลย พี่หนุ่มจะชอบเล่นดนตรี ชอบตีกอล์ฟ ชอบเตะบอล เอ็มม่าก็จะชอบเดินทาง ชอบเรียน ชอบไปต่างประเทศ เราต้องเข้าใจกันตรงนี้ คือเราอาจจะไม่ได้เจอกันตลอดเหมือนคู่อื่น ไม่ได้โทร.คุยกันทุก 10 นาที แต่ว่าเราค่อนข้างที่จะไว้ใจกัน ในการคบกันมาก ให้เกียรติกัน ให้อิสระกัน"



แต่บางคนเขามีความรักแล้วเขาจะต้องการอยู่ด้วยกันตลอด
"แล้วแต่คนนะ เอ็มม่าเป็นคนรักอิสระ พี่หนุ่มก็เหมือนกัน ถ้ามัวแต่ไปตามเขา ห่วงว่าอยู่ไหนทำอะไร ไปไหนเอ็มม่าก็จะไม่ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ในทางกลับกัน ถ้าพี่หนุ่มเขามาคอยตามเอ็มม่า มาทำในสิ่งที่ตัวเอ็มม่าชอบ เขาก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ ก็คงไม่แฟร์ เราจึงให้อิสระกัน และเอ็มม่ามั่นใจว่าโอ.เค.นะ เขาไปกับเพื่อนเขา เขาคงไม่ทำอะไรให้เราเสียใจ พี่หนุ่มก็คิดเช่นเดียวกันก็สบายใจตรงนี้ เรื่องรักนี้แล้วแต่คู่นะคะ บางคู่ก็ชอบที่จะโทร.ตามเป็นห่วงเป็นใยกันก็น่ารักดี เราก็เป็นบ้าง แต่ไม่ได้เป็นถึงขนาดไม่ได้คุยกันครึ่งชั่วโมงต้องรีบโทร.รายงานกัน เอ็มม่าไม่ใช่คนหวง ไม่ใช่คนขี้อิจฉา ของพวกนี้พอเอ็มม่าเห็นเพื่อนๆเป็นก็คิดว่าคบไปแล้วมีความสุขเหรอคบไปก็จะมีเรื่องน้อยใจตลอดเวลา แต่บางคนอาจจะชอบก็ได้
เอ็มม่ากับพี่หนุ่มคบกันมาหลายปี ทำให้รู้ว่า เขาชอบทำอะไร ไม่ชอบอะไร ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหา เราเจอกันบ่อย ดูหนัง กินข้าว เหมือนคนทั่วไป แต่อาจจะไม่ได้ออกงานด้วยกันตลอด หรืออาจจะไม่มีภาพออกมางานคู่กัน เพราะว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเราก็จะไม่ค่อยพรีเซ้นท์ตรงนี้มากมาย เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว อีกอย่างคนก็รู้แล้วว่าคบกัน
เมื่อก่อนเคยออกรายการด้วยกัน 2 รายการ ดูแล้วรู้สึกหมั่นไส้ตัวเอง คิดว่าคนรู้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปพรีเซ้นท์อะไรเพื่อให้เป็นที่ยอมรับทั่วประเทศ แค่รู้สึกดีต่อกัน ไปอย่างนี้เรื่อยๆวันนี้พี่หนุ่มก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน เพราะก่อนที่เราจะคบกันเรารู้จักกันมานานแล้ว เป็นเพื่อนกัน ทำงานด้วยกัน รู้นิสัย ไม่ใช่รู้จักปุ๊บ คบปั๊บ แล้วก็นิสัยเปลี่ยน คือรู้จักกันมานานเป็นปีก่อนจะคบ พอเป็นปีก็จะพอรู้จักนิสัยกัน จะไม่เหมือนบางคนคือเจอปุ๊บ คบปั๊บ ชอบเลย แล้วเรื่องที่ไม่ดีค่อยออกมาสุดท้ายทำใจไม่ได้ แรกๆเอ็มม่าจึงพยายามที่จะดูก่อนศึกษาไว้ก่อน แล้วเขาก็ได้เห็นนิสัยของเอ็มม่าด้วยจากนั้นค่อยว่ากันไป"

พี่หนุ่มมีจุดอ่อนบ้างไหม
"เขาก็เป็นคนที่ชอบให้คนใส่ใจเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ต้องใส่ใจ อย่างเช่นเรื่องอาหารการกิน เรื่องเสื้อผ้า เอ็มม่ารู้ว่าพี่หนุ่มชอบอะไร ถ้ามีเวลามีโอกาสก็จะซื้อให้ เอาไปให้ ส่วนเอ็มม่า ก็น่าจะเหมือนกัน ชอบให้พี่หนุ่มแสดงว่าเขายังแคร์นะ แต่ในเวลาเดียวกันก็ให้เอ็มม่าทำในสิ่งที่เอ็มม่าอยากทำ แค่นี้ก็โอ.เค.แล้ว"

ชีวิตลงตัวขนาดนี้ เอ็มม่ายังต้องการอะไรอีกไหม
"อยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวตัวเองมากขึ้น อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว พี่ชาย หลานๆโดยเฉพาะหลานๆเอ็มม่ารู้สึกว่า ตั้งแต่ตอนที่เขาโตเอ็มม่าอยู่ที่นี่ตลอด ไม่ได้เห็นเขาค่อยๆโต ตอนนี้หลายคนโตอายุ 12 แล้ว เอ็มม่ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้สัมผัสตรงนั้นอยากกลับไปให้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น ถ้าได้อย่างใจ อยากใช้เวลาที่เมืองนอกมากขึ้น หาซื้อที่ๆเป็นฟาร์มเล็กๆที่อยู่ตามธรรมชาติ อากาศดีๆเลี้ยงสัตว์ที่เราชอบเยอะๆเอ็มม่าโตมากับไร่ค่ะ โตกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมที่บริสุทธิ์ ก็เลยติดพอมาอยู่แบบนี้ทำให้เอ็มม่ารู้สึกว่า เรามี Option ที่เราเลือกได้ไม่ต้องเผชิญกับรถติดดมอากาศเป็นพิษทุกวันก็เลยพยามจะเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะให้กับตัวเอง
เอ็มม่าว่าชีวิตเราเราเลือกได้อยู่แล้วทุกคนก็เลือกได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรามองส่วนประกอบมันเห็นหรือเปล่า บางคนคิดว่า ฉันอยู่สภาพนี้ ฉันไม่มีสตางค์ ฉันไม่มีเงิน ฉันเลือกอะไรไม่ได้ จริงๆแล้วเลือกได้หมดแต่เราต้องมององค์ประกอบให้เห็นต้องหามันให้ได้ และที่สำคัญเราต้องมั่นใจในความคิดของตัวเราเอง"

แต่ถ้ามั่นใจมาก อาจจะถูกมองไปในทางลบได้
"ก็ต้องทำให้เหมาะสม ต้องอยู่ในสมดุลที่ดี เอ็มม่าไม่ได้หมายความว่า ต้องก้าวร้าว ไม่ฟังผู้ใหญ่ เหมือนไม่เชื่อถือ แต่เอ็มม่าหมายความว่าให้มีความเป็นตัวของตัวเอง ให้มีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ คือคิดให้ดีๆฟังคนอื่นให้ดีๆฟังได้ แต่เราเอามาคิดกับตัวเอง แล้วก็ใช้ความคิดตัวเองด้วย เรื่องนี้ทำยาก และต้องใช้เวลา เอ็มม่ากว่าจะทำได้กว่าจะมั่นใจในตัวเองเต็มที่ ใช้เวลาหลายปีเลย ต้องมีประสบการณ์ แล้วเราจะค่อยๆเป็นไปเอง ต้องผ่านจุดที่สับสนวุ่นวายก่อนไม่มีใครรู้มาตั้งแต่ต้นหรอกค่ะว่าจะต้องทำอย่างไรในชีวิต"

แสดงว่าเอ็มม่ามีต้นแบบที่ดีในการดำเนินชีวิต...
"คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ ทั้งสองท่าน ปลูกฝังทำให้เอ็มม่าคิดและดำเนินชีวิตในรูปแบบนี้ คุณพ่อ คุณแม่เป็นคนจิตใจดี และตรงไปตรงมา นี่คือสิ่งที่ท่านสอนและทำให้ดูมาตลอด แต่ถ้าเป็นต้นแบบคนอื่น คงไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แต่เอ็มม่าชื่นชมคนที่มีความอดทนเป็นคนที่ต่อสู้ เป็นคนที่ทำอะไรได้ด้วยมือตัวเองเป็นคนที่ถ้าเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีแล้วสู้ต่อไป
เอ็มม่าไม่ได้ชื่นชมคนที่เกิดมาฉลาด เกิดมาเก่ง เกิดมาโชคดี แต่ชื่นชมคนพยายาม อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียง แต่เอ็มม่าชอบคนแบบนี้เพราะเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคเยอะมาก และที่ขาดไม่ได้เลยคือเป็นคนดี เป็นคนที่มีความตั้งใจสูง ทำอะไรแล้วทำให้ดีที่สุด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ว่าไม่ได้ทำให้คนอื่นคนอื่นเดือดร้อน คนแบบนี้คือคนต้นแบบในการดำเนินชีวิตและเป็นแบบอย่างที่เอ็มม่าอยากจะเป็นค่ะ"


...ฟังทรรศนะเรื่องราวของผู้หญิงเก่งคนนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ กับหลายๆเรื่องที่เธอพูดคุยกับเรา เชื่อว่า คุณผู้อ่านอาจจะนำไปปรับใช้กับชีวิตได้ไม่ยากเลย
จากการคุยของเธอในวันนี้ ยิ่งทำให้รู้ว่า ชีวิตคนไม่สมบูรณ์แบบหรอกค่ะ เพียงแต่ว่า เราเลือกที่จะสร้างความงามให้กับความไม่สมบูรณ์แบบกับชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง ผู้หญิงคนนี้ เลือกให้เราดูเป็นตัวอย่างแล้ว แล้วคุณผู้อ่านล่ะคะ คุณได้เลือกสร้างความงามให้กับความไม่สมบูรณ์ในชีวิตของตัวเอง เพื่อสร้างสุขเล็กๆในใจได้บ้างหรือยัง...



บทสัมภาษณ์จากนิตยสารหญิงไทย




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
3 comments
Last Update : 22 พฤษภาคม 2549 23:19:19 น.
Counter : 6344 Pageviews.

 

ชอบสาวคนนี้ค่ะ สวยดีเอ็มม่า

 

โดย: mopsen dog IP: 213.114.210.249 22 พฤษภาคม 2549 23:56:11 น.  

 

ขอชื่นชมจากใจจริงด้วยคนค่ะ

 

โดย: คุณแม่แทงโก้ (tt_vtss ) 13 พฤศจิกายน 2549 15:15:53 น.  

 

ใครจะไปอ่านได้ะื้นหลีงแบบนี้อ่านออกก็บ้าแล้ว ตาลายไปหมเ

 

โดย: แก้วตา IP: 94.23.252.21 23 สิงหาคม 2557 0:26:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.