Bloggang.com : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ : สกู๊ปพิเศษ เจาะลึก นางสาวไทย 2541 ทำไมจึงตกรอบ

สกู๊ปพิเศษ เจาะลึก นางสาวไทย 2541 ทำไมจึงตกรอบ

บทความจากนิตยสารชีวิตต้องสู้
ภาพและเรียบเรียงโดยคุณโมร่า มิสเปรู

ชีวิตต้องสู้ฉบับนี้ ขอเปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง เวทีการประกวดนางงามจักรวาลในปีนี้ (1998) เรื่องราวที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้ และถึงเวลาแล้วที่จะได้รับการเปิดเผย หลัง “ชีวิตต้องสู้” ได้ร่วมเดินทางสู่หมู่เกาะ ฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา นานร่วมเดือนเศษ เพื่อตามติดลุ้นนางสาวไทยของคนไทย………. “สกู๊ปบันเทิง” ฉบับนี้คือเรื่องราวและข้อมูลความเป็นจริงที่เกิดขึ้น !!!

-------->ผู้ครองตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส 1998 มิสตรินิแดดฯ เวนดี้ ฟิตซ์วิลเลียม<---------

~^~ทำไม ? “นางสาวไทย” จึงต้องตกรอบ!?!~*~

หากมองย้อนกลับไป..เป็นเวลานานถึง 11 ปีแล้ว ที่สาวไทยไม่ประสบความสำเร็จบนเวทีการประกวดระดับโลกอย่าง เวที “นางงามจักรวาล” เลย แม้กระทั่งการผ่านเข้าสู่รอบแรก นับตั้งแต่ “ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” ได้เป็นนางงามจักรวาลคนที่ 2 ของประเทศไทย

เราพูดกันไปต่างๆนานา บ้างก็ว่า เพราะ “พูดภาษาอังกฤษไม่ได้” บ้างก็ว่า “ไม่สวยพอ” หรือบ้างก็ว่า “เพราะการเมือง” “ชีวิตต้องสู้” เดินทางสู่ “หมู่เกาะฮาวาย” ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพิสูจน์คำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดเหล่านี้ พร้อมทั้งเหตุผลอย่างแท้จริงว่า เมื่อไหร่ และ ทำอย่างไร สาวไทยจึงจะได้มีโอกาสสัมผัสกับตำแหน่ง “คนสวยที่สุดในจักรวาล”อีกครั้ง !!

---------> ชลิดา กับลีลาการแนะนำตัวในการเปิดตัวผู้เข้าประกวด<----------

ในปีนี้ “นก ชลิดา เถาว์ชาลี” เธอคือนางสาวไทยผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่กองประกวดพูดว่า “ตามหามานาน” ด้วยเพราะทั้งกิริยา มารยาท รวมไปถึงความรู้ความสามารถของเธอนั้น จัดอยู่ในระดับผู้หญิงแถวหน้าได้อย่างสบาย แม้ว่าจะมีข้อติติงถึงส่วนสูงที่น้อยไปสักหน่อยของเธอ แต่นั่น ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะวันนี้ เธอคือ “นางสาวไทย” ที่คนไทยส่วนใหญ่พึงพอใจ

แต่แล้วเมื่อเธอขึ้นเวทีประกวดระดับโลก เพียงไม่กี่วินาที เธอก็ถูกคัดชื่อออก ไม่ผ่านเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้าย ทันที ถ้าดูและรู้สึกกันอย่างผิวเผินแล้ว ก็เป็นภาพที่ไม่ต่างไปจากทุกปี ที่สาวไทย จะมีโอกาสปรากฎตัวอยู่บนเทปการถ่ายทอดสดก็เพียงแค่ฉากแรกที่กินเวลาไม่ถึงนาที ทั้งๆที่ใครเลยจะรู้ว่านั่นคือการ “สูญเปล่า” ต่อภาพพจน์และรายได้ของประเทศไทย ที่มีมูลค่านับล้านบาทในแต่ละปีอย่างแท้จริง!?!?

-------> ชุดประจำชาติไทย แม่พลอยประยุกต์ ร้านระพีบรรจงตัดเย็บให้นางสาวไทย<--------

การส่งนางงามเพียง 1 คน เข้าร่วมเวทีการประกวดระดับโลกอย่างนั้น ต้องใช้เงินและการลงทุนสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเตรียมตัว ค่าเงินกินเปล่า สำหรับการสมัครเข้าร่วมประกวดในแต่ละปีมูลค่าหลักแสนบาท ค่าชุดราตรียาว , ชุดราตรีสั้น , ชุดค็อกเทล รวมไปถึงเครื่องสำอางอุปกรณ์ทำสวยอีกมากมาย ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ฯลฯ นี่เป็นเพียงแค่หลังจากที่สาวงามคนหนึ่งได้เป็น “นางสาวไทย” แล้วเท่านั้น!?!

------->ภาพมุมสูง เวทีการประกวดนางงามจักรวาล 1998 <---------

”ชีวิตต้องสู้” ได้ติดตามสอบถามถึงความเป็นไปที่เกิดขึ้นว่า นางสาวไทยปีนี้นั้น ถือได้ว่ามีความพร้อมสูงสุดในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เหตุอะไร ? ทำไม ? จึงไม่สามารถเดินหน้าเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายของการประกวดในปีนี้ได้ ด้วยหวังว่า..ข้อมูลความผิดพลาดจะเป็นผลทำให้ปีต่อๆไป ชื่อของ “Miss Thailand” จะเข้าสู่การลุ้นเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายกับเค้าบ้าง

Mr.Richard Rubenstien ผู้แทนในการดูแลการประชาสัมพันธ์ของบริษัท มิสยูนิเวิร์ส แอลพี จำกัด ได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ว่า

“ ผมเสียดาย มิสไทยแลนด์มาก เธอดูดีและมีความสามารถมากกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา ทุกคนประหลาดใจมากที่นางสาวไทยพูดภาษาอังกฤษเก่งและดีมาก แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวเท่าที่ควร ทำให้บุคลิกภาพดูไม่น่าเชื่อถือ ชุดต่างๆที่เธอสวมใส่นั้นไม่ทำให้เธอดูดีขึ้น กลับทำให้เธอดูแย่ลง เธอเตรียมชุดมาน้อยมาก (รวมแล้ว ชุดที่ระพีจัดให้มี 10 ชุด ชุดราตรียาว 3 ราตรีสั้น 2 ค็อกเทล 3 ชุดไทย 2) เกี่ยวกับชุดราตรีที่เธอใส่นั้น เป็นชุดค็อกเทลที่ยังไม่ถูกต้องนักกับการขึ้นเวทีในระดับนี้ บุคลิกของเธอจึงไม่เป็นที่น่าประทับใจของกรรมการ โดยเฉพาะการวางตัวทั่วไป เธอยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

--------> ชุดราตรีของสาวอินเดีย ที่โกยคะแนนให้กับเธอได้เป็นอย่างดี<--------

คะแนนตอบคำถามของเธอนั้น ดีกว่ามิสอินเดีย เธอควรเข้าแทนมิสอินเดีย เพราะมิสอินเดียใครๆก็รู้ว่าเธอเป็นคนพูดจาไม่สุภาพเอาเสียเลย การตอบคำถามของเธอสู้มิสไทยแลนด์ไม่ได้ แต่คะแนนชุดราตรีของมิสอินเดียนั้นดีมาก และผมว่ามิสอินเดียเธอค่อนข้างจะติดพี่เลี้ยงของเธอไปสักหน่อย”

นี่คือข้อมูลความจริงที่เกิดขึ้น จากปากคำของเจ้าหน้าที่ของกองประกวด!?!

และจากผลคะแนนตลอดจนถึงการสอบถามคณะทำงานของกองประกวดนางงามจักรวาลนี่เอง ทำให้ “ชีวิตต้องสู้” พบว่า แท้จริงแล้ว คะแนนในรอบสัมภาษณ์ของ นก ชลิดา นั้น นำมาเป็นอันดับที่ 1 ของสาวงามฝั่งเอเชีย แต่คะแนนใน “ชุดราตรียาว”ที่ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้นั้น ทำให้คณะกรรมการไม่สามารถให้คะแนนในระดับดีให้กับเธอได้ ทำให้เธอต้องพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย!!

-------->ชลิดา ในการประกวดชุดว่ายน้ำรอบแรก<----------

~^~ “ชุดราตรีสีขาว” ราคาเรือนแสน หายไปไหน???~*~

ก่อนหน้าที่จะมีการประกวดในรอบตัดสิน ในค่ำคืนสุดท้าย 12 พ.ค. 2541 ที่ผ่านมานั้น ในวันที่ 7 พ.ค.2541 คือวันสำคัญของการให้คะแนนชุดราตรี และชุดว่ายน้ำสำหรับผู้เข้าประกวด หลายเสียงพูดว่า วันนี้เหมือนวันให้คะแนนจริง ซึ่งจะสามารถตัดสินได้ว่า ใครคือผู้ที่มีโอกาส เดินหน้าเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้ายได้ ด้วยเพราะคะแนน 2 ใน 3 ส่วนจะถูกพิจารณา
ในการประกวดวันนี้

“นก ชลิดา” ขึ้นเวที ด้วยชุดกระโปรงยาวสีดำ และชุดว่ายน้ำวันพีชสีดำเน้นลวดลาย เธอมิได้นำเอาชุดราตรียาวสีขาวของ “ระพี” ขึ้นเวที !?! ซึ่งชุดนั้นเป็นชุดราตรียาวสีขาว ปักลวดลายอย่างงดงามทั้งตัว สนนราคาร่วมแสนบาท นอกจากนี้ระพียังได้เตรียมชุดราตรียาวมาให้ถึง 3 ชุดด้วยกัน ได้แก่ ชุดราตรียาวสีขาวจากระพี ชุดราตรียาวสีเขียว จาก ดวงใจบีส และชุดราตรียาวสีฟ้า จาก อัลต้า โมด้า รวมไปถึงชุดอื่นๆ รวม 10 ชุด

--------->ชุดราตรีสีดำ ที่นก เลือกที่จะสวมใส่ในการประกวดรอบแรก<---------

หลังจากวันงานให้คะแนน “ชุดราตรี” และ “ชุดว่ายน้ำ” “ชีวิตต้องสู้” ได้สอบถามถึงความเป็นไปของนก ชลิดา ได้ความว่า

“นกได้ปรึกษาผู้แทนกองประกวดจากเมืองไทย ได้ให้คำแนะนำว่า ชุดราตรีที่ได้นำมาจากเมืองไทยนั้น ยังไม่เหมาะกับนกนัก เพราะว่าก่อนหน้านี้ กองประกวดมิสยูนิเวิร์ส มีการจัดสัมมนา และได้เชิญดีไซน์เนอร์จากนิวยอร์ก มาแนะนำ ให้ความรู้เกี่ยวกับการแต่งตัวและใส่เสื้อผ้าว่า ปีนี้ แฟชั่นเน้นไปที่ความเรียบง่าย ทำให้นกรู้สึกว่า ชุดที่เตรียมมานั้นยังไม่เหมาะนัก และได้มีการเตือนจากผู้แทนกองประกวดของเมืองไทยว่า ชุดค่อนข้างจะโป๊เกินไป ทำให้นกตัดสินใจที่จะไปซื้อชุดใหม่สีดำมาใส่ และนกชอบ เพราะว่าสบายและทำให้นกรู้สึกมั่นใจเวลาสวมใส่ และที่สำคัญ กองประกวดเขาเน้นที่ความคิดความอ่าน และการตอบคำถาม เรื่องของชุดนั้นเป็นสิ่งสำคัญรองลงมา”

ชุดที่เธอซื้อมานั้น มาจากห้างสรรพสินค้า อัลลาโมนา ในสนนราคาประมาณ 5,000 บาท ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากโรงแรมที่พัก ชุดที่ซื้อมานั้น หลังจากที่ “ชีวิตต้องสู้” สอบถามผู้รู้ ก็ได้รับคำตอบว่า ชุดของนก ชลิดา นั้น เป็นชุดที่เรียกว่า “พรอม (Prom)” เป็นชุดในลักษณะเดียวกับที่หนุ่มสาวชาวอเมริกันเมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย และจะนำออกมาใส่กันในงานเลี้ยงเต้นรำที่จะจัดขึ้นเป็นการอำลาวันสำเร็จการศึกษา

-------->ชุดราตรียาวสีขาวที่นก ชลิดา ปฏิเสธที่จะสวมใส่บนเวที<----------

~^~ บวรพร สุทธิวานิช เจ้าของห้องเสื้อ อัลต้า โมด้า ผู้ออกแบบชุดราตรีสีขาวให้ความเห็นว่า?~*~

“เพิ่งทราบนะคะ ว่าน้องเขาไม่ได้เอาไปด้วย แต่สำหรับเราคงไม่รู้สึกและคิดอะไร เรารู้อย่างเดียวว่า เราได้ทำหน้าที่ของเราดีที่สุดแล้ว ที่เราตัดชุดนี้นั้น เรามีหลักเกณฑ์จากรูปร่างและผิวพรรณของผู้ใส่ ที่เราใช้สีขาวเพราะนกเป็นคนผิวสวย สีขาวจะทำให้ผิวพรรณของเขายิ่งสวยขึ้นกว่าเดิมที่เป็นอยู่ ชุดที่เปิดไหล่เพราะต้องการโชว์ผิวพรรณ ดูแล้วอาจจะโป๊นิดๆ แต่จริงๆแล้ว ไม่โป๊เลย เป็นลักษณะของการโชว์ส่วนดีในตัวเรา ส่วนผ้าที่ยาวปิดขาและเลยออกไปนั้น นกเป็นคนตัวเล็ก ตัวไม่สูง ผ้านั้นจะช่วยทำให้เขาดูตัวสูงขึ้น และยังสามารถเสริมรองเท้าส้นสูงได้อีกโดยไม่น่าเกลียด”

ความไม่สำเร็จอีกครั้งที่เกิดขึ้นในปีนี้นั้น มิใช่ความผิดพลาด มิใช่ความไม่ถูกต้อง และมิใช่ความล้มเหลว ไม่มีใครผิด ไม่มีใครควรถูกตำหนิติเตียน เป็นเพียงอีกบทเรียนหนึ่งของการชิงชัยบนเวทีระดับโลก ที่กองประกวดในเมืองไทย ยังคงต้องดินหน้าและศึกษากันต่อไป

----------> เพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดราตรีสีขาวของระพี เล็กน้อยนะคะ ชุดราตรียาวสีขาว เป็นชุดเข้ารูปเปิดให้เห็นเนินไหล่ชัดเจน มีสายเล็กๆปักเพชรคล้องไหล่ ช่วงล่างเป็นกระโปรงปลายบานแบบหางปลา ตัดเย็บจากผ้าไหมไทยสีขาว ยกดิ้นทอง ปักเลื่อมเพชร ซึ่งใช้เวลาทำนานมาก เพราะเป็นงานฝีมือล้วนๆ ไม่มีรอยฝีจักรเย็บใดๆ<------------

Create Date : 15 สิงหาคม 2548

Last Update : 15 สิงหาคม 2548 0:28:52 น.

13 comments

Counter : 4158 Pageviews.