Bloggang.com : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ :

หัวใจไทย-นางงามในความทรงจำ

นางงามนางสาวไทย มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส แก่นแท้ของเธอจะเป็นอย่างไร เรามีข้อมูลเก็บตกจากเวทีเสวนาของ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม เกี่ยวกับนางงามในแง่มุมต่างๆ ประเสริฐ เจิมจุติธรรม แฟนพันธุ์แท้นางงาม และผู้ที่มีผลงานพ็อกเก็ตบุ๊กสาวงาม 3 มงกุฎและมิสยูนิเวิร์ส 2005 อินแบงค็อก

เริ่มต้นประวัติศาสตร์ของการประกวดนางงามไว้ว่า มีการประกวดครั้งแรก พ.ศ.2477 กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้จัดขึ้นโดยแต่ละจังหวัดส่งนางงามเข้าร่วมประกวดเพื่อฉลองรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 รัฐจึงมีนโยบายที่จะให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจต่อคำว่าประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ จึงใช้งานฉลองรัฐธรรมนูญนี้เป็นตัวสื่อสารกับประชาชน

...ประชาชนคนไทยไม่ทราบเลยว่าประชาธิปไตยคืออะไรรัฐธรรมนูญแปลว่าอะไร ประชาชนคนไทยบางคนเข้าใจว่า รัฐธรรมนูญกับประชาธิปไตยเนี่ย เป็นลูกของพระยาพหลพลพยุหเสนาด้วยซ้ำ ก็เลยจัดการประกวดนางสาวสยามขึ้น เพื่อเป็นนางกวักให้คนเข้ามาชมงานรัฐธรรมนูญ...

จะเห็นได้ว่าการประกวดนางงามในครั้งแรกนั้น รัฐมีจุดประสงค์เพื่อใช้การประกวดเข้ามาเป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐธรรมนูญและประชาชน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาข้อมูลในท้องถิ่น ยังมีการประกวดนางงามอีกประเภทหนึ่งที่ นเรนทร์ปัญญาภู ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองจังหวัดลำพูนได้ศึกษาประวัติการประกวดนางงามลำพูน พบว่า มีการประกวดมาตั้งแต่ พ.ศ.2472 ซึ่งเป็นการประกวดนางงามในจ.ลำพูนและมีการเรียกตำแหน่งผู้ที่ชนะการประกวดในครั้งนั้นว่า กุหลาบลำพูน

ในสมัยก่อนการคัดเลือกนางงามจะดูจากหน้าตาที่บ่งบอกถึงความเป็นชาติพันธุ์รูปร่างอวบ ขาชิด แต่งกายโดยการนุ่งซิ่น ห่มสไบ และไม่ใส่รองเท้า ก่อนการประกวดจะมีการฝึกซ้อมของแต่ละค่าย โดยให้นางงามออกมาฝึกเดินให้ชาวบ้านดู และมีการแห่นางงามรอบเมือง เมื่อนางงามคนไหนได้ตำแหน่งก็จะมีของรางวัลเป็นเงินสด 50-100 บาทจักรยาน พานดอกไม้ หรือบางเวทีก็จะมีโต๊ะเครื่องแป้งเป็นรางวัลให้แก่ผู้ชนะ ซึ่งไม่ได้มีมูลค่ามากนัก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การได้รับโอกาสในการประกอบอาชีพ ผู้ที่ได้ตำแหน่งจะได้ประจำอยู่ตามร้านขายผ้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัด และได้รับเกียรติให้ลงปกหนังสือ ฅนเมือง

ส่วนของการประกวดนางงามในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างนางงามไปประกวดในเวทีระดับโลก คุณสมบัติของนางงามจึงต้องมีความเป็นสากล นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาที่ดีแล้ว ยังจะต้องมีการศึกษาดี สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ จะมีการประกวดที่สำคัญอยู่ 2 เวทีคือ การประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ และมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส สำหรับผู้ที่ได้รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ จะต้องไปประกวดมิสเวิลด์ และผู้ที่รับตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส จะต้องไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส การประกวดนางงามในแต่ละครั้งจะมีการถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์ และสามารถดูย้อนหลังได้จากสื่อทางอินเทอร์เน็ต รางวัลต่างๆ ที่ผู้เข้าประกวดจะได้รับ ก็คือ มงกุฎเพชร สายสะพาย เงินสด รถยนต์ และบ้าน รวมทั้งโอกาสในวงการบันเทิงด้วย

จะเห็นได้ว่าการประกวดนางงามในสมัยก่อนและปัจจุบันมีความแตกต่างกัน สมัยก่อนมีข้อดีตรงที่สามารถเข้าถึงตัวประชาชนได้โดยตรง ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่า ก่อนที่จะมีการประกวดนางงามในแต่ละครั้งจะมีการเดินโชว์ตัวของนางงามในแต่ละค่าย เพื่อให้ประชาชนเข้ามาชม

การประกวดในรูปแบบดังกล่าว ทำให้ประชาชนได้สัมผัสกับนางงามโดยตรง เกิดความใกล้ชิด และความรู้สึกมีส่วนร่วมในการประกวดมากขึ้น ทำให้ในวันประกวด ประชาชนที่ต้องการจะเข้าชมการประกวดนางงามเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ต้องมีการเพิ่มรอบในการประกวด ถึงแม้ว่าจะมีการตัดสินไปแล้วก็ตาม เพื่อที่ประชาชนจะได้ชมการประกวดนางงามกันอย่างทั่วถึง

ในทางกลับกันการประกวดปัจจุบันจะเดินโชว์โดยผ่านทางการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ มีเพียงกลุ่มบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น ที่ได้ร่วมชมการประกวด ประชาชนโดยทั่วไปไม่สามารถเข้าถึง หรือรู้สึกมีส่วนร่วมในการประกวดได้โดยตรง ทำให้ความรู้สึกว่าสาธารณชนเป็นส่วนหนึ่งของการประกวดอย่างเช่นสมัยก่อนได้หายไป

ในสมัยก่อนการประกวดนางงามนั้น ผู้หญิงจะเข้าประกวดเพื่อที่จะแสวงหาโอกาสทางด้านอาชีพการงานที่ดี เพราะพอมีการประกวดเสร็จแล้วบางคนอาจจะได้ทำงานที่ร้ายขายผ้า เป็นดารา นักร้อง ซึ่งถือว่าการประกวดนางงามเป็นโอกาสที่จะทำให้ได้ทำงานเหล่านี้ แต่ในปัจจุบันการประกวดนางงาม ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันในด้านการสร้างคุณลักษณะของหญิงยุคใหม่ที่ไมได้มาจากกลุ่มชาติพันธุ์ หรือลักษณะที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยดั้งเดิม หากแต่ปรับเปลี่ยนให้มีภาพลักษณ์เป็นไทยสากล สามารถเข้าไปต่อสู้บนเวทีโลกได้

ดังนั้นเราจึงได้เห็นนางงามที่ส่งตรงมาจากเมืองนอก ลูกครึ่ง แวดวงวิชาชีพชั้นสูง ที่มีโอกาสจะเป็นตัวแทนสาวไทย และได้ตำแหน่งในการประกวด กลายเป็นกระแสนิยมประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยนายทุนและนักการตลาดที่ต้องการจะขายของ แต่อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.จุลนี เทียนไทย อาจารย์ประจำภาคสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้แง่คิดเกี่ยวกับการประกวดนางงามว่า

“การที่นำคุณค่าของเพศที่เป็นสตรีเพศมาผูกติดกับเรื่องของการประกวดนั้น เราอยากจะสะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายๆ อย่าง นอกเหนือจากเรื่องของความสวยงามของหน้าตาเขาหรือรูปร่างเขาที่เราอยากจะนำเสนอ อยากให้มองความมีคุณค่าของเขาในแง่มุมที่หลากหลาย สิ่งที่เขาได้ทำให้กับสังคมในแต่ละยุค แต่ละสมัย หรือแม้กระทั่งเวทีที่เขาต้องฝ่าฟันมาเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่เป็นที่รับรู้ของสังคมเป็นยังไงมากกว่า”

ที่มา
คมชัดลึก

Create Date : 27 มิถุนายน 2553

0 comments

Last Update : 27 มิถุนายน 2553 22:56:17 น.

Counter : 3980 Pageviews.