จากใจถึงใจและก้าวย่างที่มั่นคง.....
ก้าวย่างที่มั่นคง
บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่ หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว และไม่รู้ซึ่งอนาคต แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง เก็บรับบทเรียนในอดีต เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต
ใช้สามัญสำนึกทำงาน
ไม่มีแผนงานที่สวยหรู ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้ บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เรียบ ๆ ง่าย ๆ
อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ
ใจถึงใจ
บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้ อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
|
ความสุขในปัจจุบัน
ศิริรัตน์ ณ พัทลุง
อ่านข่าวเกี่ยวกับดาราสาวชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 45 วัน เราเห็นภาพในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าที่เธอจะไปรายงานตัวกับเรือนจำ เธอยังไปออกงานสังคมงานหนึ่งและให้สัมภาษณ์อย่างยิ้มแย้มว่า เธอหวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับเธอนั้นคงเป็นบทเรียนให้กับคนอีกมากมาย ว่าไม่ควรจะทำสิ่งที่ผิดพลาดเช่นเดียวกับเธอ
ตอนนั้นเธอมิได้ดูว่าจะหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเลย
หากแต่ภาพที่เราเห็นหลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัวหลังจากอยู่ในคุกเพียงแค่ 3 วันนั้น เธอดูเหมือนคนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย เธอเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนภายในเวลาไม่นาน หลายคนคงคิดว่าเป็นเพราะเธอมาจากผู้มีฐานะที่ดี จึงไม่สามารถจะทนอยู่ในห้องแคบๆ กับอาหารแย่ๆ ได้
หากเราเชื่อว่า ที่นั่น เธอได้พบกับความเป็นจริงที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ความจริงที่เธอทนไม่ได้กับ การต้องอยู่กับตัวเองคนเดียว และไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับความคิดที่พากันหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอตลอดเวลาได้อย่างไร เธอไม่สามารถจัดการกับความคิดฟุ้งซ่านและเสียงเหล่านั้นได้ เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ด้วยอิสระที่เธอมี เธอจึงใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เธอชำนาญกำจัดความฟุ้งซ่านให้หมดไปอย่างรวดเร็วเสมอ
เรากี่คนที่เป็นอย่างเธอ
ในเวลาที่เรามีอิสระกับการทำอะไรก็ได้กับชีวิตของเรา เรามักเลือกที่จะหนีเสียงเหล่านั้น โดยการยกหูโทรศัพท์หาเพื่อน เปิดโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ออกไปชอปปิง หรือแม้แต่อยู่กับใครสักคนหนึ่ง ใครก็ได้ที่จะทำให้เราไม่ต้องอยู่กับตัวเอง เราทำเช่นนั้นมาตลอดชีวิต จนเราเคยชินว่าจะต้องมีใครหรืออะไรในชีวิต เพื่อทำให้ชีวิตของเราไม่รู้สึกว่างเปล่าจนเกินไป
ความอยากที่จะวิ่งหนีตัวเองมีอยู่ในตัวเราทุกคน การต้องอยู่กับตัวเองเป็นสิ่งน่ากลัว หากเราไม่รู้จักวิธีที่จะอยู่กับมันอย่างสงบ เพราะจิตใจที่ว้าวุ่น ดังเช่นห้องสมุดที่ไม่เคยได้รับการจัดเรียง จะทำให้เราจะรู้สึกสับสนจนไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ใจจึงรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของอะไร เราจึงต้องมีใครหรือสิ่งใด ที่จะอยู่กับเราเพื่อเราจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
หากเราไม่สามารถเรียนรู้วิธีที่จะทำให้ใจได้รู้จักกับความสงบ ความฟุ้งซ่านจะดูดกลืนพลังชีวิตของเราไปเรื่อยๆ จนทำให้เราไม่มีพลังพอที่จะออกไปดู ไปสัมผัส และรู้สึกกับสิ่งสวยงามรอบตัวได้เต็มที่
เมื่อใจไร้พลัง ความเจ็บป่วยทางใจจึงถามหา ความเจ็บป่วยของคนสมัยใหม่มักมาจากการ 'ขาดความหมายในชีวิต' หากเพียงเราแค่ได้หยุดมีเวลาให้กับตัวเอง มองเห็นความคิดหรือความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนพรายน้ำ ที่ผุดขึ้นมาแล้วดับลงไป เห็นใจของเราที่แกว่งไปมา ขึ้นลง เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เอาแน่ไม่ได้ เชื่อหรือไม่ว่าแค่การเห็นสิ่งต่างๆ เคลื่อนไหวอยู่ภายในตัวเรา เราจะเริ่มรู้สึกสนุกกับการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เห็นการเปลี่ยนแปลงของความคิด เห็นร่างกายกำลังขยับเคลื่อนไหว เดิน ยืน นั่ง ทำกิจกรรมต่างๆ เมื่อนั้นเราจะรู้สึกได้ถึงการมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง
หากดาราสาวคนนั้นเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง ยอมรับความจริงในการเห็นความคิดที่คอยผุดขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ ไม่คิดที่จะต่อต้านให้มันดับลงไปตรงหน้าเดี๋ยวนั้น และไม่คิดต่อยอดให้มันนำเราไปไกลจนลืมตัวเอง แค่เห็นแล้วจบ เห็นแล้วจบ ทีละขณะ ทีละขณะ เธอจะเห็นได้ถึงความสุขสงบที่ได้จากการมีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน เห็นอาการดิ้นรนของใจ ที่ต้องการออกไปหาความสุขจากข้างนอก ที่ดิ้นรนจะหนีจากตัวเองค่อยๆ เบาบางลง ใจจะค่อยๆ มีความสุขมากขึ้น
เฉกเช่นเวลาที่เราต้องการสั่งสอนม้าพยศด้วยการเฆี่ยนตี เราจะได้แต่ความเกรี้ยวกราดรุนแรงกลับมา หากแต่เรามองอยู่ห่างๆ อย่างสงบ สัมผัสเขาด้วยความรักความเมตตาที่รู้สึกได้ด้วยใจ ในไม่ช้าม้าพยศตัวนั้นจะเหนื่อยอ่อนและหยุดการดิ้นรนด้วยตัวของเขาเอง
ใจเราก็เช่นกัน หากเราพยายามบังคับให้เขาสงบนิ่งไม่ฟุ้งซ่าน เขาจะต่อต้าน หากแต่เราเฝ้ามองเขาด้วยใจที่อ่อนโยน ใจจะค่อยๆ ซึมซับความสุขที่ประณีตจากเรา และจะค่อยๆ สงบลงด้วยตัวเขาเอง เราจึงจะได้ยินเสียงของใจเราชัดขึ้น เข้าใจในตัวเองมากขึ้น เราจะรู้สึกว่าไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร ทุกอย่างสามารถให้ความสุขกับเราได้เท่าเทียมกัน
เพียงแค่เรามีสติอยู่กับทุกสิ่งที่เราทำตรงหน้า เราจะได้ความรู้สึกที่เต็มอิ่มจากการกลับมาดูใจทีละขณะ ชีวิตของเราก็จะมีความหมายมากกว่าเดิม ความสุขที่เคยต้องวิ่งหาจากคนอื่น สิ่งอื่นนั้น ก็จะไม่จำเป็นสำหรับเราอีกต่อไป เพราะวันนั้นเราจะรู้จักความเต็มอิ่มในตัวเอง มีแต่ความสุขในปัจจุบันกับใจของเรา..
ตามหาใจตัวเอง
1.มีช่วงเวลาสำหรับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติและเสียงของใจให้บ่อยขึ้น
2.แบ่งเวลาของการทำงานออกเป็นช่วงเล็กๆ หลับตา พัก แล้วสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ ทำความสงบกับลมหายใจในช่วงสั้นๆ นั้น เป็นการเรียกสติให้กลับมาจากความฟุ้งซ่านจะช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
3.ทุกครั้งที่จะยกหูโทรศัพท์ ถามตัวเองว่าทำไปเพื่ออะไร
4.คิดทบทวนทุกครั้งที่คุณคิดจะออกไปซื้อของว่า คุณจำเป็นที่จะต้องออกไปจริงๆ หรือแค่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ดีกว่านั้น