บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 

@@ประมวลกายใจให้เป็นหนึ่ง ดึงเอาความสามารถออกมาใช้











คัดจาก "พัฒนาตัวเองแบบเซน"

เหลี่ยวหันจวีซือ เขียน

สมจิตร ฟูสกุล แปล





คนทั่วไปคิดว่าความสามารถและสติปัญญาเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่ฟ้าประทานพรมาให้ หากไร้วาสนาเป็นเจ้าของแล้ว ก็เปล่าประโยชน์ที่จะพูดถึงมัน ขณะเดียวกัน มีคนไม่น้อยคิดว่าความรู้ ความสามรถและสติปัญญาเป็นสิ่งที่ได้มาจากการเสาะแสวงหาของเจ้าตัว

น่าเสียดาย คนทั้งสองประเภทนี้ล้วนละเลยลืมหลงที่จะมองดูศักยภาพภายในตนเอง มัวแต่ไปเปรียบเทียบจากปัจจัยภายนอก เช่น กรรมพันธุ์ คุณภาพของการศึกษา เป็นต้น และถือเอาเงื่อนไขเหล่านี้มาเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบความสามารถ นี่เป็นสภาพทั่วไปของสังคมที่มักจะมองว่า คนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อแม่ร่ำรวยขนาดไหน ฉลาดหรือไม่ จบจากสถาบันอะไร ได้คะแนนเท่าไร ถ้าดีหมดก็ถือว่าคนนั้นเป็นบุคลากรอันมีค่า สมควรรับเข้าทำงานในบริษัท

ทว่า หลักการของการปฏิวัติตัวเองแบบเซนนั้น กลับปฏิเสธเงื่อนไขดีเด่นภายนอกโดยสิ้นเชิง เพราะเซนสอนให้คนเราตระหนักรู้ในทรัพยากรมหาศาลภายในตัวจน

ญี่ปุ่นยุคเอโดะ มีพระอาจารย์เซนชื่อว่าท่านอิวาเกอิ เป็นผู้เชียวชาญในการสั่งสอนเซนให้ชนทั่วไปเข้าใจได้โดยง่าย มีคนถามท่านว่า

"กระผมมีความรู้และสติปัญญาอยู่มาก แต่ไม่อาจนำออกมาใช้ได้อย่างใจ ควรทำอย่างไรดีครับท่าน"

"กระเถิบเข้ามาใกล้อีกนิดนึงสิ"

เจ้าของคำถามขยับตัวไปข้างหน้าให้ใกล้ท่าน ท่านอิวาเกอิยิ้มพร้อมกับพูดว่า

"ที่จริงเธอก็ใช้มันได้ดีอยู่มิใช่หรือ"

ท่านเอ่ยชมอย่างจริงใจ

คนที่เชื่อว่าความรู้และสติปัญญาอยู่ในสมอง ย่อมจะไม่เข้าใจ

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวเอเชียได้รับเอาอารยธรรมและแบบแผนการศึกษาแบบตะวันตกเข้ามาใช้ ได้รับแนวโน้มความคิดที่แบ่งแยกจิตและกายออกจากกัน หรือลัทธิทวินิยม (dualism) แนวคิดนี้สามารถซึมแทรกเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปตนเอง และการอบรมบุคลากรได้ง่ายมาก โดยการให้ความสำคัญกับความรู้ความสามารถทางเทคนิคเป็นอันดับแรกสุด พร้อมทั้วปฏิเสธว่ากายและใจนั้นรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเป็นสาเหตุให้เราไม่อาจนำความสามารถออกมาใช้ได้อย่างพลิกแพลงอย่างเต็มที่

คนที่ถามท่านอิวาเกอิ คิดว่าความรู้และสติปัญญาอยู่แยกต่างหากจากตัวตน แต่ครั้นอาจารย์ท่านบอกให้ขยับเข้ามาใกล้หน่อย เขาก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้า มีเพียงผู้ที่ควบคุมร่างกายได้เท่านั้น จึงจะดึงสติปัญญาความสามารถอันดีเด่นออกมาใช้ได้

การที่เรากำเนิดมามีมือ เท้า หู ตา ร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ มีชื่อเรียก ก็เท่ากับมีเอกลักษณ์ในตนเอง เพียงแค่นี้ก็เป็นการดำรงอยู่ที่งดงามพร้อมสรรพอยู่แล้ว หากเรากลับมองข้ามสิ่งเหล่านี้ ละเลยพลังชีวิตของตนด้วยการนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นแล้วมานั่งเจ็บช้ำ รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า รู้สึกว่าไม่เอาไหน สู้คนอื่นไม่ได้ เป็นผู้แพ้ตลอดกาล ?

ธรรมชาติได้ประทานพลังชีวิตและความสามารถที่จะตอบโต้กับสภาวะต่าง ๆ ด้วยสมรรถนะอันสมบูรณ์แก่เราอยู่แล้ว เพียงแต่ตระหนักในข้อนี้ก็จะพบเพชรล้ำค่าในกายตน นี่เป็นก้าวแรกสู่การปฏิวัติตนเอง@














บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2549
11 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2549 11:21:33 น.
Counter : 2410 Pageviews.

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อความที่นำมานะค่ะ คนเราอย่าเอาอะไรมาเป็นตัวกำหนดและกฏเกณท์ โอเล่ว่าคนที่มีไหวพริบดีและฉลาด ไม่จำเป็นต้องมีใบรับประกันคุณภาพในตัว แต่สามารถอยู่ได้กับธรรมชาติรอบตัวมากกว่าค่ะ
ขอให้คุณคนเดินดินฯ มีความสุขมากๆนะค่ะวันนี้

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 28 พฤษภาคม 2549 12:34:24 น.  

 





สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


....อยากจะบอกให้เธอรู้ว่าห่วงใย....
....คิดถึงคำนึงใส่ใจและห่วงหา....
....อยากจะบอกให้เธอรู้ตลอดมา...
....ว่าจอมแก่นนี้เป็นเพื่อนเธอเสมอมา.....



** ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงเสมอนะจ้า **

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 28 พฤษภาคม 2549 12:53:54 น.  

 

มึน ๆ อ่ะจ๊ะ
อ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจ
แต่ศักยภาพตอนนี้ไม่เอื้อ
เพราะกำลังหงุดหงิด...อย่างแรง

เช้าอากาศสดชื่น จิตใจผ่องแผ่ว
จะมาอ่านซ้ำเป็นรอบที่ 4 ค่ะ

 

โดย: run to me 28 พฤษภาคม 2549 22:33:11 น.  

 

พี่จ๋า

วันนี้ หนูนอนไม่หลับ...ไม่รู้ทำไม เลยมาเยี่ยม

ชอบตรงนี้ค่ะ
ธรรมชาติได้ประทานพลังชีวิตและความสามารถที่จะตอบโต้กับสภาวะต่าง ๆ ด้วยสมรรถนะอันสมบูรณ์แก่เราอยู่แล้ว เพียงแต่ตระหนักในข้อนี้ก็จะพบเพชรล้ำค่าในกายตน นี่เป็นก้าวแรกสู่การปฏิวัติตนเอง@

เป็นคำพูดที่ ดาวรู้สึกอย่างนี้จริงๆ...พลังตรงนี้เป็นพลังเพเศษ
ขอให้พี่ สะสมและ มีไว้ เป้นทุนสำรอง สู้ชีวิต นะคะ
คิดถึงค่ะ

 

โดย: ประกายดาว 29 พฤษภาคม 2549 0:27:34 น.  

 

พูดง่าย แต่ทำได้ไม่ง่ายนะคะ แต่ถ้าไม่ลองทำ ก็จะทำไม่ได้เลย



ปล. ดอกลั่นทมนี่ จุชอบชื่อดอกลั่นทม มากกว่า ลีลาวดี อีกอ่ะ

 

โดย: กระจ้อน 29 พฤษภาคม 2549 10:30:33 น.  

 

คัดจากกรุงเทพธุรกิจ

ประชาธิปไตยแผ่นดินแม่

29 พฤษภาคม 2549 15:49 น.



เป็นเวลาหลายเดือนที่ความขัดแย้งทางการเมืองนำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียง และเคลื่อนไหวในหลายรูปแบบ ซึ่งข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปการเมืองครั้งที่สองถือเป็นรูปธรรมที่สุดที่จะนำพาประชาธิปไตยไทยมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง



อย่างไรก็ดีนอกจากความพยายามที่จะเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อบังคับและเงื่อนไขในบางมาตราของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยนักวิชาการและฝ่ายการเมืองแล้ว ภาคประชาชนซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนในระดับรากหญ้า ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องเข้ามามีบทบาทเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เอื้อประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปการเมืองและสังคมภาคเหนือ ร่วมกับวิทยาลัยการจัดการทางสังคม ภาคีคนฮักเชียงใหม่ ได้จัดเวทีระดมความคิดเห็น เพื่อจัดทำข้อเสนอเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยแผ่นดินแม่ โดย ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ผู้จัดการวิทยาลัยการจัดการทางสังคม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ว่า

"การที่ชุมชนท้องถิ่นไม่สามารถมีส่วนร่วมกำหนดทิศทาง แนวนโยบายต่างๆ ของประเทศ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองนั้น ส่งผลกระทบต่อชุมชนและกระบวนการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง เพราะกระบวนการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยจะจำกัดคับแคบเพียงแค่ 'อุดมการณ์' ลอยๆ แต่ขาดการ 'ปฏิบัติการ' ที่ทำให้ประชาธิปไตยมีชีวิตจากประชาชนทุกภาคส่วน"

ดังนั้นในเวทีนี้จึงเปิดโอกาสให้ชุมชนต่างๆ อาทิ ชุมชนน้ำเกี๋ยน จังหวัดน่าน ชุมชนแม่ทา จังหวัดเชียงใหม่ ชุมชนห้วยปูลิง จ.แม่ฮ่องสอน และเครือข่าย อบต.รุ่นใหม่ มาเล่าถึงประสบการณ์ประชาธิปไตยในระดับชุมชน ข้อเสนอรวมทั้งความคาดหวังต่อการปฏิรูปการเมืองรอบสอง ซึ่งพบว่าแต่ละชุมชนมีวิถีการปฏิบัติที่แตกต่าง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจรัฐเสมอไป พวกเขาสามารถแก้ปัญหาของตัวเองอย่างได้ผล โดยอาศัยผู้นำตามธรรมชาติ และการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านในการสร้างกฎระเบียบต่างๆ ที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชุมชนเป็นอย่างดี

โดยในช่วงของการเสวนาหัวข้อประชาธิปไตยแผ่นดินแม่ นักวิชาการ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ได้เสนอความเห็นที่น่าสนใจในหลายประเด็น

เริ่มจาก ศ.ดร.อานันท์ กาญจนพันธ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่า "ประชาธิปไตยที่เข้าใจนั้น ส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่เป็นการมองอุดมการณ์ หลักการลอยๆ แต่เมื่อได้ฟังจากชาวบ้าน ชุมชนต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า ประชาธิปไตยไม่มีสูตรสำเร็จ แต่มีความแตกต่างกันไปบริบทของแต่ละชุมชน"

สิ่งสำคัญในทัศนะของนักวิชาการที่ทำงานกับชุมชนมาหลายสิบปีก็คือ ประชาธิปไตยเป็น 'ปฏิบัติการ' สามารถพลิกแพลงได้

"หัวข้อประชาธิปไตยบนแผ่นดินแม่ หรือสมานฉันท์ ในท้องถิ่นกลับไม่ได้พูดถึงความสมานฉันท์ จริงๆ ชาวบ้านเน้นความแตกต่าง ชุมชนไม่เหมือนกัน การไม่เหมือนกันไม่ใช่ความขัดแย้ง ความแตกต่างไม่ใช่ปัญหา แต่ความแตกต่างเป็นเรื่องของพลัง หรือวิธีการที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับผู้นำที่จะนำมาใช้กับสถานการณ์เหมาะเจาะได้อย่างไร"

ด้วยเหตุนี้ประชาธิปไตยของชาวบ้าน จึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วม

"แต่ไม่ใช่ความสามัคคี ซึ่งเป็นอุดมการณ์ภายนอก ประชาธิปไตยในท้องถิ่นไม่ใช่อุดมการณ์ แต่เป็นการปฏิบัติการ เมื่อเป็นปฏิบัติการ จึงไม่ได้เน้นเป้าหมาย แต่เน้นกระบวนการของฝ่ายต่างๆ ที่พยายามมีส่วนเข้ามาร่วม"

อ.อานันท์ วิเคราะห์ต่อไปว่าเมื่อมีลักษณะเป็นประชาธิปไตยที่เน้นการแก้ไขปัญหา ความรู้และภูมิปัญญาที่ไม่ได้หมายถึงเฉพาะความรู้แบบที่เรียนกันในมหาวิทยาลัย คือหัวใจสิ่งสำคัญ

"ในการแก้ไขปัญหา ไม่ได้คิดว่ามีหลักเกณฑ์หรือกฎเกณฑ์อันเดียว มีหลายกฎเกณฑ์ บางส่วนเปิดอิสระให้มีทางเลือกที่แตกต่างกัน ซึ่งจะปรากฏในรูปของการสร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ในหลายชุมชนแก้ไขปัญหาได้ดี อย่างไรก็ตามศักยภาพภายในกับคนภายนอกยังต้องเชื่อมกันอยู่ แม้ว่าสังคมนั้นจะเป็นสังคมอุดมคติ และคิดว่าชุมชนทำได้และทำมาแล้ว อาจจะต้องถอดประสบการณ์ออกมาเพื่อให้เป็นการเรียนรู้ประชาธิปไตยระดับชุมชน"

นอกจากนี้นักวิชาการท่านนี้ยังเห็นว่าการต่อรองและตรวจสอบเป็นเรื่องที่ชาวบ้านไม่ค่อยพูดถึงมากนัก ซึ่งถ้าหากท้องถิ่นสามารถประสานเชื่อมโยงกับภายนอกมากขึ้น ถ่วงดุล ตรวจสอบ อาจจะทำให้สังคมได้เรียนรู้ร่วมกันมากขึ้น

ขณะที่ เตือนใจ ดีเทศน์ รักษาการวุฒิสมาชิก มองอีกด้านหนึ่งว่า เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างชุมชนกับสถานการณ์การเมือง ควรผลักดันให้มีตัวแทนของชุมชนชาวบ้านเข้ามาสู่เวทีประชาธิปไตยระดับประเทศ ไม่เฉพาะแต่ อบต.หรือ อบจ. แต่เข้ามาเป็น ส.ส.และ ส.ว.ให้มากขึ้น

อีกประการหนึ่ง อดีต ส.ว.หญิงท่านนี้ มองว่าตัวแทนของผู้หญิงในระดับองค์กรปกครองท้องถิ่นยังมี ผู้หญิงจะต้องได้รับการเปิดพื้นที่และรับโอกาสทางการเมืองทุกระดับมากขึ้น

"ควรจะมีการเชื่อมเครือข่ายที่มีอยู่อย่างกว้างขวาง มีปัญหาที่ไหน ต้องมาช่วยกัน อย่างเวทีวันนี้ อาจจะต้องเกิดขึ้นทุกจังหวัด หรืออำเภอ ไม่เช่นนั้น การเมืองระดับท้องถิ่นหัวคะแนนการเมืองอาจจะเข้าไปครอบงำ เราจะต้องทำให้การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็ง"

ประเด็นนี้ อ.จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์ จากคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอว่า หากต้องการสร้างการเมืองภาคประชาชนที่เข้มแข็ง ต้องเท่าทันประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

"ประชาธิปไตยทุกวันนี้ไม่ใช่อุดมการณ์ด้วยซ้ำไป เป็นกลยุทธ์เชิงการตลาดของทุนนิยมเสรี หรือการแอบอ้างเพื่อแสวงหาความร่ำรวยเพื่อกลุ่ม ครอบครัวของตนเอง"

ในกระบวนการเช่นนี้ อ.จิรพร มองว่าชนชั้นปกครองใช้สื่อเป็นเครื่องมือในทางการเมือง ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของชุมชนอย่างแท้จริง ดังนั้นประชาธิปไตยในระดับรากหญ้าจะต้องมีการเลือกผู้นำตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนที่ทำเพื่อประโยชน์ของชุมชน และมีกระบวนสื่อสารกันในชุมชนในระดับแนวราบ

"ชาวบ้านต้องยกระดับให้เท่าทันหรือเชื่อมต่อติดกับการเมืองระดับชาติ จะต้องมีความเท่าทันในการศึกษา เนื่องจากผู้นำธรรมชาติมักจะเป็นคนพูดเก่ง สื่อสารกับคนในระดับชุมชนได้ แต่ควรยกระดับการสื่อสารให้เป็นขั้นเป็นตอนหรือเป็นตรรกะ และต้องทำได้ดีเท่ากับสิ่งที่พูด รวมไปถึงการยกระดับการต่อรอง โดยใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่เดิมเสริมการต่อรองเข้าไปด้วย"

ที่สำคัญจะต้องใช้สื่อสร้างอุดมการณ์ใหม่ ไม่ใช่แค่เฉพาะวิทยุชุมชน แต่ต้องรุกคืบเข้าไปในสื่อกระแสหลัก แล้วเผยแพร่ประชาธิปไตยชุมชนรากหญ้า ขยายเครือข่ายให้กว้างขวาง จึงจะสามารถสร้างประชาธิปไตยภาคประชาชนที่ทัดเทียมกับประชาธิปไตยชนชั้นกลาง

ในมุมที่ต่างออกไป อ.สมเกียรติ ตั้งนโม จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เห็นว่าน่าจะเรียนรู้โจทย์ของการปฏิรูปการเมืองก่อน โดยพิจารณาชีวประวัติสังคมไทยในรอบ 40 ปี ว่า เราอยู่ในยุคการเมืองของใคร และภาคประชาชนหรือชุมชนจะทำอะไรได้บ้าง

โดยในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคทักษิณ หรือยุคจอมโจรผู้ดี วิธีการของคนเหล่านี้จะครอบครองตั้งแต่ฐานทรัพยากรตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ และนี่คือโจทย์

"วิธีการต่อสู้ เราไม่สามารถหวังพรรคการเมืองฝ่ายค้านได้ต่อไป สิ่งที่เหลือคือ ชุมชนเข้มแข็ง ชุมชนที่ปกป้องฐานทรัพยากรฯ ของตนเอง การปกครองยุคนี้ คือ การพยายามยื่นมือ หรือแขนที่ยาวมาตักตวงผลประโยชน์ของเรา สิ่งที่เราทำได้ คือ การสร้างเครือข่ายของเราให้เข้มแข็งเพื่อดูแลฐานทรัพยากรเหล่านี้"

ทั้งนี้ อ.สมเกียรติ มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นฉบับหวยล็อก คนที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองมีต้นทุนแพงมาก คนธรรมดาเข้าไม่ถึง ตราบใดที่รัฐธรรมนูญยังไม่แก้เงื่อนไขเรื่องการจบปริญญาตรี คนธรรมดาก็เข้าไม่ได้ มีแต่คนชั้นกลาง

"จะทำอย่างไรให้การจัดตั้งพรรคการเมืองมีราคาถูก เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันแก้ไขต่อไป แต่สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ปิดประตูทรัพยากรของเราให้แน่น"

หลังจากสังเคราะห์แลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวางทั้งในเวทีใหญ่และการประชุมย่อย ได้มีข้อเสนอต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยจากฐานล่าง ได้แก่ การปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ต้องเป็นกระบวนการที่ชุมชนท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนร่วม

ในการแก้ไขกฎหมายจะต้องกระจายอำนาจและเพิ่มอำนาจประชาชนระดับฐานล่างให้มีส่วนร่วมทางการเมืองทุกระดับ และชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการเสนอนโยบาย กฎหมายเพื่อจัดการชุมชนท้องถิ่นของตนเองได้ทั้งระบบและมีอิสระ

ระบบการเมืองต้องเปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มสามารถตรวจสอบได้ ชุมชนต้องเข้าถึงสื่อสาธารณะอย่างแท้จริง มีสภาผู้นำที่เป็นกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลตัวแทนในระบบ

สุดท้ายเพื่อให้ข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้เป็นหลักการหนึ่งของการปฏิรูปการเมืองรอบสอง คณะทำงานเพื่อสถาปนา 'ประชาธิปไตยแผ่นดินแม่' คือรูปธรรมที่จะผลักดันประชาธิปไตยจากฐานล่างให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง




 

โดย: คนเดินดินฯ 30 พฤษภาคม 2549 16:59:35 น.  

 

ไม่ว่าจะเป็นโครงการ แผนการ การวิเคราะห์ วิจัย อะไรก็ตาม ที่คิดๆ กันขึ้นมานั้น ถ้าไม่ปฏิบัติ และ ใช้ช่องทางที่จะเอื้อผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวมแล้วละก็...


มันก็เข้าวังวนเดิมๆ นั่นแหละค่ะ

ป่วยการแก้ไข โน่นนี่... คิดนั่นคิดนี่ เยอะแยะมากมาย สุดท้าย ก็ได้แต่คิด ไม่มีใครทำ หรือ ทำแต่น้อยมาก จนไม่เกิดผลอะไร

ตรงนี้คือปัญหาที่แท้จริง.

แค่ความคิดจุนะคะ

 

โดย: กระจ้อน 31 พฤษภาคม 2549 9:52:26 น.  

 

คุณ คนเดินดินฯ
สบายดีเปล่าค่ะ หายไปหลายวันแล้ว

 

โดย: run to me IP: 125.24.82.246 31 พฤษภาคม 2549 13:53:40 น.  

 

 

โดย: โสมรัศมี 31 พฤษภาคม 2549 21:40:29 น.  

 

สวัสดีตอนสายๆ ค่ะ
เจ้าของบล็อคสบายดีรึป่าวคะ
ไม่ได้เข้ามาทักทายซะนาน^^







...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 1 มิถุนายน 2549 9:51:16 น.  

 

 

โดย: I'm sorry IP: 58.64.113.60 8 กรกฎาคม 2549 11:36:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.