บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
สายน้ำไหลไปคงไม่หวนกลับ







สายน้ำย่อยหลายสายไหลรวมกัน
มาบรรจบกันเป็นแม่น้ำใหญ่
เปรียบดั่งชีวิตผู้คน
ที่เติบโตทั้งทางร่างกายและความคิด
ประสบการณ์การหล่อหลอมที่ผ่านมา
ได้กลายเป็นตัวเราในวันนี้

ในยามที่ชีวิตต้องเผชิญชะตากรรม
จงหยุดคิดทบทวนและใช้สติปัญญาที่มีอยู่
ฟันฝ่าและผ่านพ้นไปให้ได้




สายน้ำไหลไปมักไม่หวนกลับ
เปรียบดั่งความสัมพันธ์ของชายหญิง
ในยามที่ใช้ชีวิตร่วมกัน
หากใช้พลังด้านบวกช่วยกันสร้างครอบครัว
ครอบครัวนั้นก็จะเป็นปึกแผ่น
แต่หากยามใดการณ์กลับตรงข้าม
ชีวิตครอบครัวก็มีแต่ระหองระแหง
มุ่งเอาชนะคะคานและไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กันก็จะค่อย ๆ หมดไป



ความรัก ความเอื้ออาทร ความเห็นใจกัน
เป็นความสวยสดงดงามสุดจะเปรียบ
หากใครผู้ใดรักษามันไว้ได้
สิ่งยิ่งใหญ่ต่าง ๆ ก็จะเกิดแก่คนผู้นั้น

รูปธรรมของการดำรงความรัก
ให้คงอยู่อย่างยืนยาว
ไม่มีหลักการอะไรที่ซับซ้อน
มากไปกว่าการปฏิบัติต่อผู้อื่น
ด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ให้เกียรติ อย่าเปลี่ยนแปลงคนที่คุณรัก
ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตรัก
ดำรงอยู่อย่างยาวนาน








บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่










Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 7:16:50 น. 25 comments
Counter : 947 Pageviews.

 
พี่ชาย ที่รัก ....

ผม เป็น สุภาพบุรุษ นะครับ
Yes You do ...ค่ะ


เพลงนี้ มันสอนชีวิต ได้หลายส่วนนะคะ
แต่ น้องพิมว่า ความงดงาม มันก็ ยังคงงามอยู่ได้
ด้วยมุมมอง ที่เข้าใจ ใน สัจธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง
ของสรรพสิ่งนะคะ ....

คิดถึง พี่เสมอ ๆ


โดย: ประกายดาว วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:00:01 น.  

 
สวัสดีครับ

เมื่อวานเวลาจำกัดมาก ๆ
ข้อความตกหล่นและวันนี้มาเติมเต็มแล้วนะครับ

งานคือชีวิต
ชีวิตคืองาน
คนเราต้องทำงาน
เพื่อใช้หนี้(555)
และสร้างตัวให้สำเร็จ

สูตรสั้น ๆ ได้ใจความในยามนี้
ในยามที่บ้านเมืองเอวังเป็นอย่างยิ่งครับ
เมื่อไรคนเราจึงจะไม่มีทิฐิมานะ
และยอมรับและเข้าใจความเป็นจริงของโลกและชีวิตเสียที

วันนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะนั่งมองดูม๊อบอีกฝ่ายขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ

แต่ดูเหมือนเกมต่าง ๆ มันจะไม่ค่อยทันสถานการณ์
และเล่นกับเบื้องสูงซึ่งมันจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้

การกำหนดเป้าหมายผิดมันแพ้มาตั้งแต่ต้นแล้วครับ

การคัดค้านเผด็จการมีแนวร่วมมากมาย
แต่เมื่อเดินเกมและกำหนดยุทธวิธีผิด
ทุกอย่างก็คงพังหมด

เราประชาชนตาดำ ๆ
ทุกวันนี้จะเอาตัวให้รอดจากการทำมาหากิน
ยังยากแล้ว...เรื่องการเมืองพอกันทีกับการเลือกข้าง

ถึงเวลาที่จะออกมาเอ็กเซอร์ไซด์เมื่อไร
ผู้มีอำนาจทั้งหลายก็พึงสังวรณ์

เมื่อถึงเวลาหวังว่าพวกท่านจะกลับเข้ากรมกอง
และนำพาประเทศชาติไปสู่การเลือกตั้ง
ตามสัญญาที่ให้ไว้

พวกเราต่างรอคอยการเลือกตั้ง


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:22:26 น.  

 
อ่านแล้วให้ความคิดดีมากค่ะ

สายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ
จึงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้ไม่นั่งเสียใจ
กับสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว

ปล.เพลงใช้โค้ดอะไรคะ...หุหุ


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:46:11 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมค้า


โดย: Aui_haui วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:37:13 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณคนเดินดินฯ

นำกำลังใจและความปรารถนาดีมาฝากค่ะ

...
พูดถึงความรัก ของคู่รัก

หลายปัจจัยนะคะที่ทำให้ความรักที่เคยมีต่อกัน คงอยู่
ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น
ด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป
ที่เคยพอใจ บางครั้ง ทบทวนแล้วคือไม่ใช่.. ไม่ใช่
ไม่ว่าฝ่ายไหนที่เปลี่ยนไปหรือคงอยู่
ก็ไม่ประกันว่าความรักจะคงอยู่ ดังเดิม
นี่พูดตามที่รู้สึกนะคะ

พี่บอกว่า
อย่าเปลี่ยนแปลงคนที่คุณรัก
ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น


บางอย่าง..มันทำยากนะคะ

...........

ดูแลสุขภาพนะคะ
คิดถึง





โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:23:48 น.  

 
สวัสดีครับ

ช่วงหยุดยาวไม่รู้บางคนอาจไม่ได้หยุด ขอเก็บตกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากการค้นหาในกูเกิลภาคประเทศไทย ที่คิดว่าคงพอเคยผ่านตามาบ้าง....

...นิยามของความรัก และ การมีชีวิต...
1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่าคือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอก ให้คนคนนั้นรู้และต้องมาเสียใจภายหลัง

2.ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่แม้จะแยกความรู้สึกความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

3. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิตคือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเราแต่มาค้นพบภายหลังว่า เราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้นและจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป

4. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลงประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้นแต่เราก็มัวแต่ มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนาน จนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูแห่งความสุขบานอื่น ที่เปิดไว้รอ

5. เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด

6. เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกัน ที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งผลของสิ่งนั ้นเข้ามาหาเรา

7. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงาม ขึ้นในใจของเราเอง

8. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยินแต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวก โดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ

9. อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณยังไม่สามารถ "ทำใจ"

10. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดและมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

11. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียวสามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส

12.การที่เราจะประทับใจใครนั้นอาจใช้เวลาแค่เพียงนาทีการที่เราจะชอบใครอาจใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครอาจใช้เวลาเพียงชั่ววันแต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

13. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวานผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำใ ห้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์และมีความหวังมากพอที่จะทำให้ คุณเป็นสุข

14. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวดรู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเ ดียวกันเช่นกัน

15. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเองอย่าดึงเขาจากภาพค วามเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่าเราต้องการเพียงภาพสะท้อนของตัวเราที่ปรากฎในตัวเขา

16. คนที่มีความสุขที่สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุดเพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่ สุดได้ต่างหาก

17. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืมคุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางจาก ความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ

18. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้มจงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณต าย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ...


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:50:48 น.  

 
อีกบทหนึ่งที่ยาวมาก ๆ

50 นิยามของความรักในเเต่ละอารมณ์ของคนเรา

1.ความรักคือ โชคอย่างหนึ่งเพราะใช่ว่าทุกคนจะมีได้
2.ความรักเป็นได้ทั้งมือเเละผ้าพันเเผลเวลาเสียใจ
3.ความรักคือ สิ่งเติมเต็มให้ชิวิตไม่รู้สึกขาดอะไรไปอย่างนึง
4.ความรักคือ ความหวัง กำลังใจ เเละศรัทธาในกันเเละกัน
5.ความรัก มีความลับอยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ได้รักในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขเเต่มีความสุขใน สิ่งที่เรารักต่างหาก
6.ความรักคือ ศิลปะ ที่คนมีรักเท่านั้นที่จะเข้าใจเเละเห็นคุณค่า
7.ความรักคือ โอกาส ที่เราจะได้พิสูจน์จิตวิญญาณของตัวเอง
8.ความรักคือ สิ่งที่ทำให้คนฉลาดกลายเป็นคนโง่ ทำให้คนโง่กลายเป็นคนฉลาด
9.ความรัก เมื่อสูญเสียไปเเล้วก็ยังดีกว่าไม่เคยรัก
10.ความรัก มิได้เป็นการก้าวนำหรือก้าวตามเเต่เป็นการก้าวไปพร้อมๆกัน
11.ความรักทำให้คนเราเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์เดิมๆของชีวิต
12.ความรักทำให้จดจำคืนพิเศษคืนเดียวไปตลอดชีวิตเพราะทุกคืนที่ไร้ความรักก็มิอาจเทียบเท่าได้กับคืนนี้เพียงคืนเดียว
13.ความรักคือการยอมเป็นน้ำเย็นในขณะที่อีกฝ่ายร้อนเป็นไฟ
14.ความรักที่มีมาเป็นปีๆก็สามารถพังทลายลงได้เพียงเสี้ยววินาที
15.ความรักจะยาวนานหรือจะเเสนสั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิธีที่รัก
16.ความรักกว่าจะพบเจอได้นั้นเเสนยากอย่าให้มันจบสิ้นเพียววันเดียว
17.ความรักสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลาเหมือนถ่านไฟเก่าที่กำลังคุโชน
18.ความรักต่อให้บอกกันทุกวันว่ารักก็ไม่มีคำว่ามากเกินไปหรอกเเต่ความเกลียดสิบอกกันครั้งเดียวก็คงไม่อยากได้ยินอีกต่อไป

19.ความรักถ้าไม่รักเเล้วต่อให้พูดมากเท่าใดก็ไม่สามารถรักกันได้
20.ความรักสามารถให้อภัยกันได้เสมอโดยไม่มีเงื่อยไขว่ากี่ครั้ง
21.ความรักรักได้เเต่อย่าหลงเพราะถ้าหลงเวลาเลิกเเล้วจะเจ็บปวด
22.ความรักอยู่เหนือคำทำนายเเละจะไม่มีวันเป็นไปตามคำพยากรณ์ได้
23.ความรักคือสิ่งแปลกใหม่ที่จะทำให้มุมมองของคุณเปลี่ยนไปจากเดิม
24.ความรักทำให้คุณอยู่นิ่งๆเงียบๆได้นานกว่าเดิม
25.ความรักคือสิ่งที่ทำให้เกิดประกายไฟในหัวใจ
26.ความรักคือการเริ่มคิดเป้าหมายเเห่งชีวิต
27.ความรักคือการร่วมฝัน ร่วมปันใจเเละก้าวไปในชีวิต
28.ความรักคือการอยู่เคียงข้างกันเสมอไม่ว่าอีกฝ่ายจะตกต่ำเพียงใด
29.ความรักไม่ว่าจะเป็นเเบบไหนยังไงมันก็ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
30.ความรักเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นเเต่สัมผัสไได้ด้วยหัวใจ
31.ความรักทำให้วันเลวร้ายไม่เป็นวันเลวร้ายที่สุด
32.ความรักทำให้วันที่เเสนเศร้ากลายเป็นวันที่สุขที่สุดได้
33.ความรักเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถจะหาได้ง่ายตามท้องถนน
34.ความรักทำให้อะไรดีงามได้เสมอ
35.ความรักที่รีบร้อนมักจะพบกับจุดสิ้นสุดได้รวดเร็วเสมอ
36.ความรักคือสิ่งที่เเม้จะทำความเจ็บปวดให้เเต่ก็ไม่มีใครที่กลัวหรือเกลียดชัง ความรัก
37.ความรักไม่ได้จบลงเเค่การเเต่งงานหรือมีSEXเท่านั้น
38.ความรักคือสิ่งที่คุณจะพบได้เองโดยมิต้องเเสวงหา
39.ความรักคือสิ่งที่ยืนยาวกว่าชีวิตคนคนนึง
40.ความรักส่วนมากมักจะเติบโตมาจากความเป็นเพื่อนเเละมักจะยืนยาวเสมอ
41.ความรักในยามเเรกรักคือช่วงเวลาของรักที่หวานหอมมากที่สุด
42.ความรักครั้งเเรกเเละครั้งสุดท้ายมักจะเป็นรักในตนเอง
43.ความรักทำให้คนกลายเป็นกวี
44.ความรักไม่ใช่การมองตากันเเต่เป็นการมองไปในทิศทางเดียวกัน
45.ความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ไม่มีคำว่าสายไป
46.ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ
47.ความรักทำให้ทุกอย่างสว่างเเละสดใส
48.ความรักคือการพึงพอใจในสิ่งที่รัก
49.ความรักจะมีคุณค่าได้ต่อเมื่อคนที่รักต้องให้เกียรติ์ซึ้งกันเเละกัน
50.ความรักบางทีก็เป็นสะพานทอดไปสู่การเเต่งงาน


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:57:06 น.  

 
คัดจากกรุงเทพธุรกิจรายวัน

จับใจ




: ฐิตินาถ ณ พัทลุง (thelifecompass@yahoo.com)

เข็มทิศชีวิต 11 : ไม่มีใครเป็นผู้ถูกกระทำ

ครูอ้อยคะ

สงสารผู้ชายที่เขียนมาถามเมื่อเดือนที่แล้วมาก เขียนเมล (mail) ให้กำลังใจเขาฝากครูอ้อยช่วยส่งต่อให้ด้วย เผื่อจะช่วยเป็นกำลังใจให้เขาได้บ้าง ตัวเองก็โดนเล่นหนักเหมือนกัน

เราตามฟังครูอ้อยบรรยายมาเกือบ 10 ปี มีเทปบรรยายของครูอ้อยที่ยุวพุทธิกสมาคมขายเกือบ 40 เวอร์ชั่น ที่บรรยายให้เด็กฟังก็มี อ่านเข็มทิศชีวิตหลายรอบ ที่ครูอ้อยไปออกรายการเจาะใจ money talk บางกอกรามา ก็โทรไปขอเทปผู้จัดมา

ฟังจนจะพูดแทนได้แล้ว แต่ทั้งๆ ที่รู้ปัญหาของเรา ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้วดูเล็กมาก แต่มันยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตัวเอง พยายามคิดว่ามันเป็นกรรมเก่าที่เลวร้ายมาก ก็ยิ่งหมดกำลังใจ

ครูอ้อยบอกผู้ชายคนนั้นว่า สิ่งที่สำคัญในการผ่านวิกฤติคือ ต้นทุนภายใน ศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งดีๆ ที่เราทำ ใครก็ทำลายไม่ได้ ช่วยขยายความหน่อยนะ เผื่อมันจะกระแทกเข้ากะโหลกจริงๆ เสียที

.....................................

สวัสดีค่ะ

ทุกกำลังใจที่ส่งมาผู้รับซาบซึ้งใจมากค่ะ กำลังมีคนช่วยกันทำเวบไซต์เข็มทิศชีวิต เพราะรู้ว่าคนเขียนตอบจดหมายไม่ทัน เพื่อนๆ คนอื่นๆ จะได้มาช่วยกันตอบ ชี้แนวทางให้กำลังใจกันบ้าง

คุณรู้ไหม หลายครั้งที่เมื่อวิกฤตการณ์ในชีวิตผ่านไป แล้วมองย้อนกลับมา ดิฉันพบว่า เหตุการณ์ที่เราคิดว่าเลวร้ายที่สุดขณะเผชิญหน้า กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับชีวิตเราในระยะยาว พัฒนาชีวิตเราให้ก้าวกระโดดไปอย่างที่เราคิดไม่ถึง

พอชีวิตเราเจออะไรมาหลายๆ ครั้ง แล้วเราได้เห็นได้ผ่านมันด้วยสติด้วยปัญญา คุณจะเห็นอย่างแจ่มชัดในใจว่า อะไรๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ดีหรือร้าย ไม่ว่าคุณกำลังถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง หรือถูกคนบิดเบือนความจริง ใส่ร้ายป้ายสีคุณถล่มทลาย มันไม่ได้ดีหรือร้ายในตัวของมันเอง เป็นแค่สิ่งสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ไม่ต่างจากลมพัด ใบไม้ไหว อยู่ที่ว่าคุณจะเรียนรู้จากมัน แล้วใช้มันเป็นบันไดพัฒนาชีวิตจิตใจ สติ ปัญญาได้มากแค่ไหน

บางคนอาจจะเถียงว่า จะเหมือนกันเท่ากันได้ยังไง ความสุขก็ต้องดีกว่าความทุกข์แน่ๆ แต่ลองทบทวน มองย้อนชีวิตคุณดูสิ แล้วจะได้เห็นเองว่า เรื่องที่คิดว่าดี ก็มีทั้งให้คุณและให้โทษกับชีวิตเรา และปัญหาก็มีทั้งให้โทษและให้คุณกับชีวิตเรา ขึ้นอยู่กับเราต่างหากว่าจะมีชีวิตทีละขณะทีละขณะอย่างไร

ดิฉันถึงรักการภาวนาเป็นชีวิตจิตใจ และคอยเชียร์ให้พวกเราคอยหมั่นรู้ทันใจตัวเองทีละขณะ มากบ้าง น้อยบ้าง แต่ทำไปไม่หยุด

การที่เรารู้ทันใจตัวเอง มันเหมือนตรวจสอบตัวเองทีละขณะ จะทำให้เรามีศรัทธา เชื่อมั่นในเจตนา ความตั้งใจดีของตัวเอง ในการมีชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเอง และเกื้อกูลคนอื่น เวลาเกิดปัญหาขึ้นในชีวิต คุณมองย้อนหลังกลับไปดูชีวิตตัวเอง ก็เห็นสิ่งดีๆ ที่ตัวเองทำเป็นประจักษ์พยานให้คุณอุ่นใจ ชนิดที่ใครก็ทำลายความศรัทธาในการทำสิ่งดีๆ ของคุณลงไม่ได้

มองไปข้างหน้า ก็เห็นเป้าหมายในชีวิตชัดเจนว่า แต่ละวินาทีคุณกำลังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

เมื่อไรที่คุณรู้สึกอย่างนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ปัญหา เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ซึ่งทันทีที่คุณหยุดดิ้นรนภายในใจ หยุดความเคลื่อนไหวของจิต ทุกอย่างก็สงบลง

เห็นอย่างนี้แล้วจะซาบซึ้งใจ ถึงวันที่พระพุทธเจ้าบอกยสกุลบุตร “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง”

หรือที่ท่านฮวงโปบอกว่า

“จงเพียงทำจิตของเธอให้ว่าง ปรากฏการณ์ที่เป็นสิ่งแวดล้อมก็จะเป็นของว่างไปในตัวมันเอง จงให้หลักการต่างๆ หยุดแกว่ง แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ก็หยุดวุ่นวายได้ด้วยตัวมันเอง”

ถ้าคุณถอยออกมาเป็นผู้ดู ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ คุณจะเห็นและเข้าใจความจริงของโลกของคนและไม่เจ็บปวดกับมัน

เช่นเวลาใครลุกขึ้นมาห้ำหั่นทำร้ายคนอื่น ลองสังเกตดูลึกๆ จริงๆ แล้วเขากำลังปิดบังความจริงหรือความต้องการบางอย่าง แล้วก็แค่กลัว กลัวคนทำร้ายก็เลยทำลายคนอื่นให้สิ้นซาก จะได้โงหัวมาทำให้ตัวเองกระทบกระเทือนไม่ได้

ไม่มีอะไรที่คุณต้องพิสูจน์ด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่คนทำร้ายคนอื่น เขาก็เปิดเผยตัวเองอย่างชัดเจน

คนมากมายเก็บความโกรธไว้ในใจ จนใจเป็นพิษยาวนาน ถ้าใจเราสงบตั้งมั่นเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง เราจะเห็นว่า มีเราอยู่ในเขา มีเขาอยู่ในเรา ความเป็นพุทธะและเป็นมาร อ่อนแอและเข้มแข็ง มีอยู่ในคนทุกคน เรากับเขาไม่ได้แยกออกจากกัน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่า ถูกเขาฆ่าดีกว่าฆ่าเขา เพราะทันทีที่เราทำลายคนอื่น เราสูญเสียสิ่งดีๆ ในตัวเองทันที แต่ถ้าเราไม่ฆ่าเขา บางสิ่งบางอย่างที่มั่นคงจะอยู่ภายในเราตลอดไป

อย่าเสียเวลากับสิ่งเล็กน้อยภายนอกเลย ลมหายใจสุดท้ายอยู่ไม่ไกลคุณในวันนี้ ทำสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุดหรือยัง


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 29 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:01:01 น.  

 
เป็นอย่างที่คุณคนเดินดินบอกจริงๆค่ะ

ยามรักอะไรๆก็ไปตามกัน
แต่ยามงอแงกันนี่
ต้องควบคุมสติน่าดู

บีขอ add นะคะ
ถ้าคุณไปที่บ้านบี
อย่าตกใจนะคะเพราะต้องผ่านบ้านพ่อก่อน
ส่วนบีเอง
อยู่ในส่วน โดมของดาวซินค่ะ


โดย: rendezvous (be-oct4 ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:55:33 น.  

 
พี่

พิม เอาบุญมาฝาก ค่ะ ให้ พี่โมทนาสาธุการกับพิม
ไปทำบุญ ฝนก็ตกพรำๆ

สงสัยเป็นไข้ค่ะ หนาวๆ พิกล
แต่อิ่มบุญอิ่มใจนะคะ

พิม ว่าจะชวนพี่คุยเรื่อง รับร่างรัฐธรรมนูญเหมือนกัน
เหตุการณ์บ้านเมื่อง มันไม่ชวนให้ ฮึกเหิมเลย
ไม่อยากคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก
พิมสงสารก็แต่ในหลวงท่าน พี่นี้ ท่านอายุจะครบ 80
ท่านก็คงอยากให้ บ้านเมืองเราสงบสุข นะคะ


โดย: ประกายดาว วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:38:10 น.  

 
พี่ชายยยยยยยยยยยย

หายไปไหน
พี่ชายของหนูหาย


โดย: ประกายดาว วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:18:37:12 น.  

 
สวัสดีครับ

ช่วงนี้ไม่มีเวลาอัพบล์อกเลย
สภาพจิตวันนี้แย่มาก ๆ
จะพยายามแผ่เมตตาและตั้งมั่นในความไม่ประมาท

อยากจะเป็นฝ่ายรุกและเป็นฝ่ายกระทำ
แต่ดูเหมือนกรรมเก่ายังไม่หมด
ปีนี้จึงยังต้องชดใช้กรรมเก่าอยู่ต่อไป
และยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

เป็นห่วงและขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
สำหรับเพื่อน ๆ ทุกท่านครับ


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:22:09:32 น.  

 
อ่า ... เจ้าของบล็อคเป็นรัยไปคะ
เอาใจช่วยค่ะ ขอให้ผ่านไปด้วยดี

บทความข้างบน ยังหาคนที่จะมาพิสูจน์ด้วยไม่ได้เลย
ก็เลยไม่รู้ว่าเราจะทำได้ตามนั้นรึป่าว อิอิ



...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:7:03:21 น.  

 

จ๊ ะ เ อ๋
ห นี่ ฯ ม า แ ย้ ว ว ว ว ค่า

ชอบเพลงคะ ชอบ บทความด้วยคะ
ได้อ่านทุกบรรทัด หนี่ฯ ขอบคุณมากนะคะ


หนี่ฯ สบายดีคะ จขบ.ก๊คงสบายดีเช่นกันนะคะ
ฝันดีนะคะ จุ๊บ จุ๊บ



แอบบบบ กระซิบ
หนี่ฯ ขอบคุณนะคะ
มีของแต่งบล๊อกของหนี่ฯ ด้วย
เลิฟ เลิฟ คะ







โดย: หนี่หนีหนี (แพรวขวัญ ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:2:48:04 น.  

 
สวัสดีครับคุณโบว์และคุณหนี่ฯ

สัปดาห์นี้ผ่านไปอย่างยากลำบาก มีเรื่องราวเข้ามาและรบกวนจิตใจมากมาย มีเพียงโลกเสมือนจริงเท่านั้นที่เป็นเพื่อนและได้เขียนอะไรลงไปเพื่อถ่ายทอดบทเรียนชีวิตที่ผ่านมา

ในยามนี้ขอเพียงให้ผ่านปี 2550 ไปได้ก็ดูเหมือนเวลาจะเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้ามาก

และคิดว่าคงมีเพื่อนร่วมทางหลายคนที่เป็นเช่นเรา

โลกนี้จะเป็นเช่นไร
จะโหดร้ายหรือสดใส
ก็อยู่ที่มุมมองของเรา
ในการเลือกมอง
และดำเนินชีวิตของเรา
ไปตามทิศทางที่เรากำหนดมัน

อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้เคลื่อนคล้อย
ไปตามโลกที่จะมามีอิทธิพลกับเรา
ทั้งความคิดและการกระทำ.....


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:9:13:57 น.  

 
มา มา หนูมาปลอบพี่ชาย

เราผลัดกันปลอบ นะ

เรายังมีลมหายใจอยู่ค่ะ ....


โดย: ประกายดาว วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:13:29:37 น.  

 
จุก็ไม่รู้จะว่ายังงัยนะ เอาเป็นว่า วันหนึ่งที่จุนั่งสัมมนากับอาจารย์ เราพูดคุยกันหลายๆ เรื่อง กระทั่งช่วงหนึ่ง อาจารย์คนหนึ่ง เขาบอกว่า มีนิสิตที่จะนำวิทยานิพนธ์เรื่องหนึ่ง คือ เทวะบำบัด ซึ่งอาจารย์เขาก็อึ้งๆ ไม่ได้ห้าม แต่ก็ ให้นิสิตคนนั้นไปศึกษาให้ดี เพราะมันเป็นเรื่องที่ เป็นความเชื่อค่อนข้างเยอะ

แต่สำหรับจุแล้ว..พอเจอหัวข้อ จุรู้สึกอยากทำเรื่องนี้ขึ้นมาเลยค่ะ

เทวะบำบัด........ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก น่าสนใจจริงๆ จุเชื่อว่า การปรับโครงสร้างทางจิตนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์เชิงจิตวิทยา และอธิบายได้โดยหลักของศาสนาพุทธ โดยภายนอกของกรอบ หรือหน้ากากในเชิงจิตวิทยา นั้น คือ เทวะบำบัด

เป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ


จุเชื่อว่า.... ความเชื่อนั้น เป็นแรงใจในการขับเคลื่อนให้คนเรามีชีวิตดำเนินต่อไป.......

ถ้าเราเชื่อเรื่องกรรม..... เชื่อว่ากรรมคือการกระทำ มันก็เป็นตรรกะ เมื่อมีสิ่งนั่น ก็จะเกิดสิ่งนี้

แต่ถ้าใคร่ครวญไม่ออกว่า กรรมนั้นเกิดจากการกระทำตอนไหน หากเราเชื่อในเรื่องของชาติภพ....มันก็จะทำให้เรารับสภาพของกรรม ที่เราไม่รรับรู้ในชาตินี้ได้อย่างไม่ทุรนเกินไปนัก

และถ้าพี่ ลึกซึ้งในดวงจิต จริงๆ พี่จะรู้ว่า ดวงจิตของเราไม่ดับสูญ ร่างกายของเราคือเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมันคือกลไกที่มหัศจรรย์ที่สุด

ถ้าพี่ทำบุญ อุทิศให้กับร่างกายของเราด้วยนะคะ เพราะจุเชื่อว่า บุญก็คือ เทวบำบัดค่ะ


โดย: ju IP: 124.157.156.129 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:19:11:56 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจในการทำบล็อก

นำกำลังใจมามอบคืนสิบเท่าค่ะ


โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:1:06:38 น.  

 
สวัสดีครับ

วันนี้นอนดึกไปหน่อย พรุ่งนี้คงไปทำงานสาย ๆ สำหรับวันอาทิตย์ที่ถนนโล่ง ๆ

แล้วกาลเวลาก็พัดพาให้ผู้ร่วมงานเดิมกลับมาทำงานกับเราอีก อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่รู้ได้อย่างหนึ่งว่ากรรมเก่าที่เคยสร้างไว้ที่ดี ๆ ยังพอมี และคำพูดหนึ่งที่ได้ยินคือ "ผมคงทำงานได้ช่วงหนึ่ง เพราะทางโน้นก็ครอบครัวผมและสำหรับเราก็คือผู้ให้กำเนิดงานอาชีพเปรียบเหมือนพ่อคนหนึ่ง " ฟังแล้วก็อึ้งไปเหมือนกันครับ

กำลังใจก็ค่อย ๆ กลับคืนมาเรื่อย ๆ
และความตั้งใจที่จะบุกเบิกงานใหม่ก็ยังคงเต็มเปี่ยม เหมือนเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิต ที่จะผิดพลาดอีกไม่ได้หรือพยายามให้ผิดพลาดน้อยที่สุด



โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:2:51:30 น.  

 
คัดจากคอลัมน์ กายใจ นสพ.กรุงเทพธุรกิจรายวัน

มหาสมุทรแห่งปัญญา



สรยุทธ รัตนพจนารถ asia@sorrayut.com -

แจกันจัดใจ (1)

แปลกดีครับ ผมเพิ่งจะเขียนบทความกล่าวขวัญถึงผู้คนรู้จักรอบข้างจำนวนมาก ว่าล้วนเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่มาก และดูเหมือนหลายคนในจำนวนนี้ร่วมมุมมองเดียวกัน เห็นว่าสารเคมี พืชและสัตว์ทดลองนั้นจัดการได้ง่ายกว่ากับมนุษย์ด้วยกันเอง บ้างก็ชอบทำงานหรือใช้เวลา ใช้ชีวิตกับสิ่งเหล่านี้ที่ไม่ใช่มนุษย์มากกว่า

ครั้นมาถึงสัปดาห์นี้ ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่โดนกับตนเองครับ แต่ไม่ถึงขนาดจะไปเป็นเรื่องงานจัดการหรือทำการทดลองกับหนู ปู ปลา ไก่ (ที่มหาวิทยาลัยมีทดลองทั้งหมด) นะครับ แค่รู้สึกว่าบางทีคนก็จัดการยากไม่น้อยเหมือนกัน

คนที่ว่ายากนั้นก็มิใช่ใครที่ไหนหรอกครับ รู้จักกันมาหลายสิบปีแล้ว แต่ถึงจะนานแค่ไหน บางทีเราก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้เอาใจอย่างไรกันดี

เหตุการณ์ที่ชักพาไปให้ผมได้รู้สึกนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงหยุดยาวเข้าพรรษา-อาสาฬหบูชา ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ 'การจัดดอกไม้อิเคบานา ตามแนวคิดของท่านโมกิจิ โอกาดะ' ที่มูลนิธิเอ็มโอเอไทย จังหวัดลพบุรี โน่นแน่ะครับ ที่นั่นบรรยากาศน่าประทับใจมาก สะอาดเรียบร้อยกว้างขวาง เป็นระเบียบ รอบตัวอาคารเป็นสวนผักและสวนดอกไม้งดงามตามธรรมชาติ

เพื่อนร่วมเรียนครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์และนักวิชาการในเครือข่ายจิตปัญญาศึกษา เกือบทุกคนบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าการจัดดอกไม้มีขั้นตอนวิธีการและแนวคิดเบื้องหลังน่าสนใจขนาดนี้ จากเดิมที่บางคนอยู่ที่บ้านจัดดอกไม้ด้วยวิธีตัดๆ ปักๆ พอให้เสร็จๆ เราพบว่ากระบวนการจัดดอกไม้อิเคบานา มีถึง 14 ขั้นตอน เป็นการเตรียมการจัดดอกไม้ 2 ขั้น และเป็นการจัดดอกไม้อีก 12 ขั้นตอน ดูเหมือนเยอะ ดูเหมือนยาก แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ง่ายมากครับ อธิบายกันเพียงชั่วครู่เดียว ก็ได้เริ่มลองปฏิบัติจริงแล้ว และก็ผ่านการปฏิบัติจริงนี่เองที่เราได้เรียนรู้และเข้าใจทฤษฎีกันอย่างลึกซึ้ง ช่วงที่ไปฝึกสามวันสองคืน ทุกคนได้จัดสิบกว่าแจกัน ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสูงทั้งเตี้ย แบบดอกเดียวและหลายดอก ทั้งฝึกหัดและได้จัดในสถานที่จริงด้วย

ผมพบว่า การเลือกดูดอกไม้สำหรับจัดลงแจกันนั้น ไม่ใช่การคิดออกแบบเอาไว้ในใจ หรือนึกเทียบเคียงตามทฤษฎีศิลปะการจัดวาง แต่หลักสำคัญคือ ‘เพียงแค่ดูดอกไม้ทั้งหมดตามสภาพจริง’ เป็นการฝึกให้เรา ‘ดู’ ดอกไม้ให้ดี ซึ่งจะทำให้เรา ‘เข้าใจ’ ดอกไม้ได้อย่างแท้จริงอย่างถูกต้อง โดยที่ไม่นำเอาความคิดของเรามาปรุงแต่งหรือให้ความหมาย

เรื่องนี้ท่านโอกาดะเคยกล่าวไว้ว่าต้องเข้าถึงภาวะที่เรียกว่า "ตัวตนชั่วขณะ หมายความว่า ไม่มีทั้งอดีตและอนาคต ไม่ใช่สิ เป็นตัวของเราเองในปัจจุบันที่มีสติ เป็นจิตที่บริสุทธิ์ ในกรณีที่มองเรื่องต่างๆ ด้วยสติของเรา อันดับแรกจะต้องเป็นการมองตามสภาพจริงที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น"

เจออย่างนี้เข้า ผมเองก็ออกอาการหนักเลยละครับ แต่ไหนแต่ไรนักวิทยาศาสตร์ถูกฝึกมาเพื่อระบุพันธุ์และประเภทของพืช จัดอยู่กลุ่มไหน มีดอกหรือไม่ใบเลี้ยงเดี่ยวหรือใบเลี้ยงคู่ ผลเดี่ยว ผลกลุ่มหรือผลรวม นึกไปถึงการจัดเรียงตัวของท่อลำเลียงน้ำและลำเลียงอาหาร เห็นสีเขียวก็นึกถึงชั้นของคลอโรฟีลล์ ในเม็ดคลอโรพลาสต์ที่วิ่งวนๆ ในเซลล์ เห็นสีส้มสีแดงก็นึกถึงโครงสร้างแคโรตินอยด์ เห็นดอกบางดอกแล้วเห็นแผนภูมิ Dichotomous Key ที่ใช้ในการจำแนกชนิดของดอกนั้นๆ ลอยมาเลย มนุษย์จำพวกอย่างผมพอมาอยู่ในกระบวนการจัดดอกไม้แบบไม่คิดก็เลยมีการบ้าน มีสัมภาระที่ผมต้องปลดวางลงมากหน่อย

ถ้าไม่เข้าใจแล้ว ดอกไม้ที่แต่ละดอกมีความสวย มีความงดงามสมบูรณ์โดยตัวของมันเอง อาจถูกมองเป็นของแบนๆ มีไม่กี่มิติ ซื้อทีต้องซื้อเป็นกอบ ใช้ทีต้องใช้เป็นกำ เพราะบางดอกมันไม่ ‘สวย’ คือ มันไม่ตรงกับสเปคที่เรามีอยู่ในใจ ว่าอยากให้ยาวเท่านี้ สีอย่างนี้ ใหญ่เท่านี้ หันไปทางนี้ เอนไปทางนี้ หรืออื่นๆ อีกมาก เวลาจัดจะเอาด้านที่เราอยากจะเห็นออกมา แต่ถ้าดอกไหนไม่เข้าสเปคก็เสียบๆ เอาไว้ในแจกัน ไว้ข้างหลังหน่อย หรือใส่ให้เป็นส่วนที่ให้แจกันดูเต็มๆ บางทีกำหนึ่งมีดอกที่เราอยากจะโชว์ไว้ด้านหน้าแจกันเพียงดอกหรือสองดอกเท่านั้น ซ้ำร้ายบางกำก็ไม่มีเอาเสียเลย

เหมือนกับว่า เราจะเข้าใจใครสักคนได้จริงๆ ต้องละเลิกความคิดความคาดหวังของเราต่อเขา ลืมทฤษฎีความเชื่อดั้งเดิมที่เราเคยมีต่อเขาไป เพื่อจะได้เปิดใจรับรู้รับฟังเขาได้เต็มที่ กระบวนการนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากนะครับ ถ้ามัวแต่คิดวิเคราะห์ดอกไม้อย่างนักวิทยาศาสตร์ เราก็คงไม่ได้เห็นแง่มุมอื่นของเขา

ขั้นตอนต่อมาจากนั้นคือ ‘การกำหนดจุดหมาย’ เป็นการสังเกตและวางดอกไม้ลงในมุมที่เขาได้แสดงความงดงามของตนออกมาได้มากที่สุด หากว่าเราลังเลหรือยังตัดสินใจกำหนดจุดหมายไม่ได้ แปลว่าเรายังไม่เข้าใจดอกไม้พอ ให้ดูดอกไม้นั้นใหม่

แต่ก็นั่นแหละครับ การกำหนดจุดหมายจะทำได้ก็ต้องเข้าใจดอกไม้ได้จริงๆ ด้วยการดูเขาตามสภาพจริงก่อน การดูดอกไม้ตามสภาพจริงนี้ เป็นการฝึกที่จะเลิก ‘พากย์’ หรือให้พื้นที่กับชุดความคิด ที่ถูกใส่โปรแกรมมาในหัวเราตั้งแต่เด็ก แล้วดูเขาตามที่ดอกไม้เป็นจริงๆ

ท่านโอกาดะผู้เป็นครูของแนวคิดการจัดดอกไม้ในแนวทางนี้ ได้กล่าวไว้กว่า 50 ปีมาแล้วว่า หากเราเข้าใจดอกไม้ได้อย่างจริงจังแล้ว เราก็จะเข้าใจว่าเขาต้องการอย่างไร แล้วเราจึงจะสามารถ ‘จัดตามใจดอกไม้’ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น เพราะว่า "ถ้าไม่จัดตามใจดอกไม้ ดอกไม้จะไม่ดีใจ เพราะว่าไม่ดีใจ จึงเหี่ยวเฉาเร็ว"

ได้ยินแล้วนึกๆ ดูก็คงจะจริงว่า ที่ผ่านๆ มาพวกเราหลายคน รวมทั้งผมเองก็คงไม่ได้สื่อสารกับดอกไม้ก่อนจัด อย่าว่าแต่จัด ‘ดอกไม้’ เลย หลายครั้งเราเรียกเป็น จัด ‘แจกัน’ เสียด้วยซ้ำ

หากเราจัดตามใจเรา ไม่จัดตามใจดอกไม้ โอกาสที่การ ‘จัดดอกไม้’ ของเราจะกลายเป็นการ ‘บังคับดอกไม้’ นั้นมีอยู่มากโข เป็นสิ่งที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไปที่มนุษย์ไปบังคับดอกไม้ ให้เขาดิ้นไปไหนไม่ได้ด้วยลวดดัดดอกไม้ ด้วยฟองน้ำจัดดอกไม้โอเอซิส หรือไม่ก็ใช้วิธีการยัดให้เขาอยู่อย่างแน่นๆ กับอะไรก็ตามที่เราพยายามยัดเข้าไปให้เต็มแจกัน ให้เขาขยับไปไหนไม่ได้

การเรียนจัดดอกไม้อิเคบานาคราวนี้ พวกเราและโดยเฉพาะตัวผมยังได้บทเรียนสำหรับชีวิตประจำวันไปด้วย เหมือนผมได้หันหน้าเข้าหากระจก มีโอกาสคุยกับคนๆ นั้นที่รู้จักกันมาหลายสิบปี มองเห็นว่าเขาเคยมีมุมมองความเข้าใจโลกมาอย่างไร เมื่อปล่อยวางความคิดเดิมๆ ลง ก็เหมือนกับได้เดินทางไปในทางที่ไม่คุ้นเคย ได้ออกจาก ’ร่อง’ ของการทำงาน ของความคิดแบบเดิมๆ

จากที่จะไปเรียนจัดดอกไม้ใส่แจกัน กลายเป็นว่าพลอยได้ให้ดอกไม้และแจกันมาจัดใจตัวเองด้วยเลย :-)


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:10:04:01 น.  

 
คัดจากกรุงเทพธุรกิจ Bizweek

เศรษฐกิจไทยกำลังดีขึ้น (จริงหรือ)

ECO-NO-MISS : ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหน่วยงานวิจัยด้านเศรษฐกิจอย่างน้อย 2 หน่วยงาน ปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้ ให้สูงขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เดิม


2 หน่วยงานดังกล่าวก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย และศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (ที่ผมทำงานอยู่) คำถามที่อาจจะเกิดขึ้นค้างคาใจหลายท่านก็คือ เศรษฐกิจไทยจะจริงหรือ และเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นได้อย่างไร ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าอย่างมากอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางการเมือง ปัญหาค่าเงินบาท และกำลังซื้อในประเทศที่ยังคงซบเซา

เริ่มต้นที่หน่วยงานแรก ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งในวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศูนย์ได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2550 ภายใต้สมมติฐานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 33.5-34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (หรือมีค่าเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 34.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสขยายตัวประมาณ 3.8-4.3% หรือมีโอกาสที่สุดที่จะขยายตัวประมาณ 4.1%

เป็นการปรับตัวดีขึ้นจากประมาณการเดิมเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา (ที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสขยายตัวประมาณ 3.5-4.0% เท่านั้น หรือมีโอกาสที่สุดที่จะขยายตัวประมาณ 3.8%)

อย่างไรก็ตามศูนย์ยังเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจและการค้าการขายภายในประเทศ จะยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจากต้นปีจนถึงไตรมาสที่สามของปี โดยเศรษฐกิจไทยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในต้นไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

การปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ มีสาเหตุมาจากการที่ประเทศไทยสามารถส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ได้มากกว่าที่ประมาณการไว้เดิม กล่าวคือ การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวได้สูงถึง 18% (ซึ่งสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้แม้ว่าเงินบาทจะมีค่าแข็งขึ้น และสูงกว่าที่ศูนย์คาดไว้ว่าการส่งออกทั้งปีจะขยายตัวประมาณ 10.0%)

นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น จนทำให้ทุกฝ่ายทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศมีความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามกำหนด (บวกลบไม่เกิน 1 เดือน) ในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน บนเงื่อนไขนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการมากขึ้น

ประกอบกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง (ซึ่งคาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 30,000 ล้านบาท) จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนให้เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี

อีกทั้งรัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใช้นโยบายการคลังผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกัน ปัจจัยลบที่สำคัญคือ ค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง รัฐบาลพยายามที่ดูแลค่าเงินบาทให้ทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียง 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ผ่านมาตรการต่างๆ ขณะที่ราคาน้ำมันโดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ไม่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับราคาในปีที่แล้วมากนัก

ดังนั้น ตัวเลขการส่งออกปรับตัวสูงกว่าที่คาดหมายไว้เดิม โดยคาดว่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ น่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่าเป้าหมายการส่งออก 12.5% ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง การปรับเปลี่ยนตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของศูนย์ ให้สูงขึ้นประมาณ 0.3% จึงเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการยังปรับตัวลดลงและทรงตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ สะท้อนว่าคนส่วนใหญ่ยังเห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัว และผลสำรวจของหอการค้าโพลล์ที่สำรวจความเห็นของผู้ประกอบการทั่วประเทศในเดือนที่ผ่านมา ยังเห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4 และจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสแรกของปีหน้า

ด้วยเหตุนี้ การปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจล่าสุด จึงประมาณว่าการบริโภคและการลงทุนโดยเฉพาะของภาคเอกชน จะยังคงชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3 และเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี

ดังนั้นการที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวประมาณ 4% ในปีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก จะยังคงได้รับผลประโยชน์จากการที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวในระดับสูง จนทำให้การส่งออกยังคงขยายตัวได้ดี

ขณะที่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายภายในประเทศ จะยังได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลง

หน่วยงานที่สองที่ได้ปรับตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยแถลงในวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า ธปท.ปรับประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 3.8-4.8% เพิ่มขึ้นเป็น 4.0-5.0% (ซึ่งเป็นการปรับตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นประมาณ 0.2%) เนื่องจากการส่งออกในครึ่งแรกของปีนี้ขยายตัวได้ถึง 18% ดีกว่าที่คาดไว้

ธปท.คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ 12-15% เพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 9-12% แต่จะชะลอตัวลงในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าการส่งออกน่าจะขยายตัวได้เพียง 9-10%

แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อเนื่อง แต่การส่งออกขยายตัวได้ เนื่องจากธุรกิจมีกลไกปรับตัว เช่น การหาตลาดส่งออกใหม่ รวมทั้งราคาสินค้าส่งออกมีมูลค่าเพิ่มประมาณ 5% ช่วยชดเชยรายได้ที่สูญเสียจากเงินบาทที่แข็งค่า อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากต้นทุนนำเข้าที่ถูกลงจากเงินบาทที่แข็งค่าด้วย

นอกจากนี้ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการส่งออกคือ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าขยายตัวได้ดีทั้งเอเชีย ญี่ปุ่น ยุโรป ซึ่งช่วยชดเชยการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ธปท. มีมุมมองว่า ปีนี้การลงทุนและการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ไม่ได้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่จะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2551 ทดแทนการส่งออก ซึ่งขณะนี้การลงทุนเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้จริงในไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป

ธปท.มองว่าปีนี้การลงทุนน่าจะหดตัว 0.5% ไปจนถึงขยายตัว 0.5% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2-3% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัว 1.5-2.5% ลดลงจากเดิมที่ 2.5-3.5%

โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น และจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในครึ่งแรกของปี 2551

คงได้เห็นภาพแล้วนะครับว่า การปรับมุมมองเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ ให้ดีขึ้น มีเหตุผลหลักๆ ก็คือการส่งออกขยายตัวสูงกว่าที่คาดหมายไว้มาก ดังนั้น ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า 4% ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจจะดีอย่างทั่วถึง หรือทุกคนจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจดี เพราะเศรษฐกิจจะมีความคึกคักในภาคการส่งออกโดยส่วนใหญ่ ขณะที่ตลาดหรือเศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัวลง

ถ้าถามผมว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวเกิน 4% จริงหรือ ผมก็จะตอบว่าจริง

แต่ถ้าถามต่อว่า มีความเสี่ยงหรือไม่ (หรือมั่นใจมากแค่ไหน) ผมคงตอบว่าขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท สถานการณ์ทางการเมืองและการเร่งเบิกจ่ายเงินของรัฐบาล

ถ้าค่าเงินบาทแข็งมากกว่า 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในปีนี้ หรือสถานการณ์การเมืองมีความเสี่ยงมากขึ้น หรือรัฐบาลใช้จ่ายเงินงบประมาณไม่เต็มที่ เศรษฐกิจจะมีความเสี่ยงในการขยายตัวให้เกินระดับ 4% เพราะเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจภายในประเทศ ยังเปราะบางเหมือนกับผู้ชายที่พึ่งอกหักมาครับ



"ถ้าค่าเงินบาทแข็งมากกว่า 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปีนี้ หรือสถานการณ์การเมืองมีความเสี่ยงมากขึ้น เศรษฐกิจจะมีความเสี่ยงในการขยายตัวให้เกินระดับ 4% เพราะเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจภายในประเทศ ยังเปราะบางเหมือนกับผู้ชายที่พึ่งอกหัก"


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:10:07:57 น.  

 




สวัสดีตอนค่ำๆของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


คำว่า ห่วงใย เรามีให้เธอตลอด
คำว่า อาทร เรามีไว้ปลอบใจเธอ
คำว่า คิดถึง เรามีให้เมื่อห่างไกลกัน
เพราะฉะนั้น มิตรภาพ ไม่มีวันจืดจาง



** มีความสุขกับวันแรกของการทำงานนะจ้า **



คุณคนเดินดิน สบายดีนะจ้า


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:2:43:54 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

เห็นคนอื่นเขาเขียนข้อความยาวๆแล้ว กลัวเลยค่ะ...ไอ้เราก็เล่าเรื่องยาวๆไม่ค่อยเป็นค่ะ..แต่ก่อนอื่นขอขอบคุณที่แวะเข้าไปอวยพรวันเกิดนะค่ะ...ไปทำบุญ9วัดแถวๆเมืองชลค่ะ ไปกับครอบครัวเราและเขา และเพื่อนๆ สนุกดีค่ะ..เลยแวะเอาบุญมาฝากหนึ่งชะลอมใหญ่ ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวันนะค่ะ...ชอบบทความค่ะ กินใจดี มีธรรมะ...


โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:18:27:54 น.  

 
สวัสดีครับ

วันนี้ว่าจะอัพบล็อกอยู่เหมือนกัน
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังทำไม่ได้
เพราะเวลาจำกัดมาก ๆ
เอาเป็นว่าวันนี้ช่วงค่ำจะทำให้ได้
บันทึกเกี่ยวกับบทเรียนชีวิต
ที่จะพยายามโพสต์ไปเรื่อย ๆ หลายตอนจบ

หวังว่าเพื่อน ๆ ร่วมแก๊งส์ทุก ๆ ท่าน
คงจะสบายดีทั้งกายและใจนะครับ


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:10:00:15 น.  

 
สวัสดีครับ

ลองอัพบล็อกดูแล้วแต่ยังไม่ตืบหน้าเลย
วันนี้มีความคิดที่จะทำธุรกิจใหม่ที่เริ่มจากศูนย์
และใช้โนฮาวน์ที่พอมีอยู่ทำไปก่อน
ด้วยทุนเริ่มต้นที่ไม่มากนัก
และคงต้องนั่งร่างแผนการคร่าว ๆ
ก่อนที่มันจะเป็นรูปเป็นร่าง
และนำไปปฏิบัติให้ได้ในที่สุด


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:23:54:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.