บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
ทางเดินที่มุ่งมั่นและท้าทาย




การเดินทางที่ยาวนานของชีวิต
บางครั้งอาจต้องการการหยุดพัก
เพื่อการคิดทบทวนและสรุปบทเรียน
ถึงก้าวย่างที่ผิดพลาดต่าง ๆ

เมื่อเราพบทางออก
เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ก็ต้องกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
ยอมรับผลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต







น้ำมีขึ้นและลงฉันใด
ชีวิตก็มีขึ้นและลงฉันนั้น
อย่าหวาดหวั่นและสะพรึงกลัว
ถึงความผิดพลาดที่ผ่านมามากเกินไป
เมื่อเราล้มลง
ก็ต้องเรียนรู้ถึงวิธีที่จะลุกขึ้นยืน
และก้าวเดินต่อไปอย่างทรนงองอาจ











เก็บเกี่ยวเวลาที่มีคุณค่า

มองทอดสายตาไกลออกไป
หวนคิดคำนึงถึงอดีต
ที่พานพบทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว
ด้านสองด้านที่เราจะพบเสมอในการดำเนินชีวิต
ก้าวข้ามความล้มเหลวหลายครั้ง
กว่าจะพบความสำเร็จ
อาจเป็นประสบการณ์และบทเรียนอันเจ็บปวดในบางครั้ง
แต่มันก็ได้พิสูจน์คนเราว่า
ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้
ถ้าเราไม่ยอมแพ้และสู้ไม่ถอย

ถามตัวเองอีกครั้งยามท้อแท้
ว่าเราผ่านความเลวร้ายเหล่านั้นในอดีตมาได้อย่างไร?









งานกับแรงดาลใจในชีวิต

ทัศนคติที่ต่างกันของคนเรา
ก็อาจทำให้มุมมองที่มีต่องานต่างกัน
การทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม
กับการทำงานที่กระตือรือร้น
ไม่กลัวผิดและกล้าลงมือทำ
มากกว่าการนั่งคิดและฝันกลางวัน
ก็คงให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

งานกับแรงบันดาลใจในชีวิต
เคยไหมที่จะลองนั่งเงียบ ๆ
และลองคิดทบทวนดูว่า
ที่ผ่านมาแรงบันดาลใจทั้งหลายของเรา
หล่นหายไปไหน?
ในระหว่างการเดินทางของชีวิตที่เร่งรีบ
และจับต้นชนปลายไม่ถูก











ด้วยเลือดเนื้อชีวิตและน้ำตา

เมื่อออกแรงทั้งกายและใจเต็มที่
แต่ดูเหมือนจุดหมายกลับห่างไกลออกไปทุกที
คนเราที่เป็นมนุษย์ปุถุชน
มีหรือจะไม่รู้สึกท้อถอย

การทำงานกับรางวัลชีวิตที่ได้รับ
อาจต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด
ด้วยเลือดเนื้อชีวิตและน้ำตา
เป็นการจ่ายราคาของชีวิตที่แสนแพง
เพียงเพื่อคำว่าความสำเร็จในชีวิต
ที่สังคมนี้ตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้
ตามมาตรวัดเท่านั้นเองหรือ

จะสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิต
มีเพียงคนที่รู้จักตนเองดีพอเท่านั้น
จะรู้ด้วยตนเองว่า
เรากำลังทำอะไร
และจะเดินไปสู่จุดหมายนั้นได้อย่างไร?











ด้วยรักและกำลังใจ

ในโลกนี้หากจะมองด้วยมุมใดก็ตาม
พลังสร้างสรรค์ใด ๆ
ล้วนก่อกำเนิดจากความรัก
ในรูปแบบต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นความรักในมนุษยชาติ
หรือความรักในเชิงหนุ่มสาว

ความงดงามแห่งรัก
ทำให้มนุษย์มีพลังสร้างสรรค์
อย่างไร้ขีดจำกัด
รักที่ถูกต้องและดีงาม
มีความปรารถนาที่จะให้คนที่เรารัก
มีความสุขตามที่เขาเป็น
รู้จักเขาเท่าที่เขาเป็น
และอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของเขา
แต่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเขา
ตราบจนกว่าเราจะได้เห็นเขาในจุดหมายปลายทาง
ที่เขามุ่งหวัง

ซึ่งอาจจะเป็นรักในอุดมคติ
ซึ่งหาได้ยากยิ่ง
แต่ในโลกความเป็นจริง
ก็มีให้เราเห็นอย่างมากมาย
และเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้และแสวงหาความรักเช่นนี้






















Link Someone Somewhere - Jason Reeves Click




ลิ้งเพลงมายา - มาลีฮวนน่า ฟังเพลงฉบับเต็ม คลิกที่นี่ครับ


˹Öè§ã¹´Ç§ã¨ - ¸Ñ¹ÇÒ ÃÒÈÃÕ¸¹Ù


ลิ้งค์เพลงแสงหนึ่งคือรุ้งงาม - BOYd feat.Nop คลิก

เพลงแสงหนึ่งคือรุ้งงามเป็นเพลงเทิดพระเกียรติ

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนคริทร์

ซึ่งแต่งโดย คุณ บอยด์ โกสิยพงษ์ ได้ฟังผ่านทางโทรทัศน์แล้วซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่ง จึงได้หาเนื้อเพลงมาลงไว้ครับ

_______________________________

เพลง: แสงหนึ่ง

ศิลปิน: บอย โกสิยพงษ์ feat.นภ พรชำนิ อัลบัม: เพลงประกอบหนังสือ แสงหนึ่งคือรุ้งงาม

รู้ไหมว่าเราซาบซึ้งใจแค่ไหน
และรู้ไหมว่าเรานั้น ปลาบปลื้มเท่าไหร่
ที่ได้มีเธอ เป็นพลังอันสำคัญ

เพราะว่าเรานั้นรู้เธอทำเพื่อใคร
เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เธอไม่ไหวหวั่น
เพื่อที่จะให้เรานั้นได้เดินต่อไป

แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอ
แต่ว่าสำหรับเรานั้น...
เธอเหมือนดังกับแสง ที่มองไม่เห็น
แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น
ก็เด่นชัดขึ้นทันที

เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี
แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้
ได้พบเห็นสิ่งดีๆ ว่า งดงามเพียงใด

ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้ จะเป็นเช่นไร
วันและคืนจะหมุนเปลี่ยนสักเท่าไหร่
เรานั้นก็แน่ใจ ว่าจะมีเธอยืนอยู่ข้างหลัง

แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นเธอ แต่สำหรับเรานั้น
เธอเหมือนดังกับแสง ที่มองไม่เห็น
แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น
ก็เด่นชัดขึ้นทันที

เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี
แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้
ได้พบเห็นสิ่งดี ๆ ว่างดงามเพียงใด

จึงอยากขอมอบเพลง เพลงนี้ให้
ให้เธอรับรู้ว่าสำหรับเรา เธอสำคัญเพียงไหน

เธอเป็นดั่งแสง ที่มองไม่เห็น
แต่เมื่อส่องมาสะท้อน สิ่งที่ซ่อนเร้น
ก็เด่นชัดขึ้นทันที

เปรียบเธอกับแสง แม้ไม่มีสี
แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้
ได้พบเห็นสิ่งดีๆ ว่างดงามเพียงใด
แต่เธอก็สะท้อน ความจริงให้โลกนี้
ได้พบเห็นสิ่งดีๆ ว่างดงามเพียงใด

________________________________


ลิ้งค์เพลงเพื่อเธอ - ปวริศา คลิก


รู้ตัวหรือเปล่า เธอทำอะไรให้ชีวิตของฉัน
มากมายเท่าไร ที่ได้จากการที่มีเธออยู่ข้างกัน

เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
เป็นจุดมุ่งหมาย และเรี่ยวแรงอันสำคัญ

เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว
ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ตลอดไป

รู้สึกหรือเปล่า เธอเติมอะไรให้วันคืนเหล่านั้น
เนิ่นนานเท่าไร ได้สุขจากการที่มีเธออยู่ใกล้กัน

เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
เป็นจุดมุ่งหมาย และเรี่ยวแรงใจอันสำคัญ

ก็เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว

ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ตลอดไป

ก็เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว

ก็เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน
ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มแล้วลุกเท่าไรไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว

ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน
ขอเพียงยังมีเธอเดินเคียงข้างฉัน
ขอเพียงยังมีเราอยู่ด้วยกัน ฉันก็สุขใจ






Create Date : 26 สิงหาคม 2552
Last Update : 22 กันยายน 2552 1:29:31 น. 14 comments
Counter : 829 Pageviews.

 
ภาพสวยบาดตาบาดใจมากๆ ค่ะ
ชอบ
ภาพสวย คำคม
แหล่มเลยค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:9:15:42 น.  

 
พี่ชายที่รัก

Long time no talk นะคะ

พี่ รักษากาย รักษา ใจไว้ให้เบิกบานหรือเปล่าคะ
หนูเป็น ห่วงนะ


โดย: น้องพิม IP: 58.137.175.129 วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:15:49:49 น.  

 
กรอบมีปัญหาหลายบล็อห มึนตรึบเลย
จะค่อย ๆ ลบไปเรื่อย ๆ ครับ
เวลารัดตัวมาก ๆ เลย


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 30 สิงหาคม 2552 เวลา:7:14:52 น.  

 
รู้สึกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
กรอบกลับมาเหมือนเดิม
แต่ลบไปแล้วหลายบล็อก
เพราะหลาย ๆ บล็อกน่าจะมีประโยชน์ถ้าได้อ่าน
โดยเฉพราะกลุ่มบล็อกชีวิตการงาน
ที่มีเนื่อหาในหนังสือแห่งการงานอันเบิกบานมากมาย

....................


บล็อกนี้ตั้งใจจะโพสต์ต่อเนื่อง
เป็นกลอนเปล่าในทำนองสร้างขวัญและกำลังใจ
ซึ่งอาจหาได้ยากยิ่งในยามนี้


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:1:10:43 น.  

 
ดีใจมาก ๆ ที่ได้พบ ค่ะ
หนี่ฯ จะไม่อยู่หลายวัน แต่อย่างไรแล้ว
โลกใบนี้ ใช่ไกลกันซะเมื่อไหร่ แล้วหนี่ฯ จะแวะมาอ่านนะคะ
เลิฟ เลิฟ เพื่อนคนี้เสมอค่ะ --ขอบคุณกำลังใจที่มอบให้ด้วยนะคะ จุ๊บ ๆ


โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:4:48:33 น.  

 




พระนี้ขึ้น 15 ค่ำเดือน 10

ไม่เห็นแก่ตัว ผลก็รั่วรดผู้อื่น
ไม่ต้องฝืน ยื่นหยิบให้ได้เสมอ
ไม่เท่าไหร่ ในโลกเกลื่อนด้วยเพื่อนเกลอ
เป็นโลกเลอ ล้นลาภอาบไมตรี

ไม่เห็นแก่ตัว ก็เมตตาขึ้นมาเอง
รู้ยำเกรง รู้ใช้ธรรม นำวิถี
ไม่อาจฆ่า ไม่อาจลักไม่ล่วงประเวณี
ไม่หลอกลวง และไม่มีที่เมามาย

ไม่เห็นแก่ตัว ก็หมดตัวจะยึดถือ
นั้นแหละคือ หมดมูลเหตุ กิเลสหาย
ไม่อาจโลภ โกรธ-หลง คงใจหาย
สะอาด-สว่าง สงบได้ ฝ่ายนิพพานฯ

พุทธทาสภิกขุ


ระลึกถึง..กัลยณามิตรที่แสนประเสริฐ..เสมอค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

cattleya..







ภาพสวยจังเลยค่ะ


มีความสุขดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 4 กันยายน 2552 เวลา:21:25:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ห่างหาย เงียบหายแต่ไม่เคยลืม ด้วยสาเหตุอันใดก็ไม่อาจบอกออกมาได้เพราะไม่ค่อยแน่ใจ นาน ๆ จึงได้แวะมาอ่าน แต่ก็อ่านอย่างตั้งใจค่ะ

ด้วยระลึกถึง

'นกแสงตะวัน'


โดย: นกแสงตะวัน IP: 222.123.228.39 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:15:33:58 น.  

 
มาเยี่ยม...คุณเดินดิน...ด้วยความคิดถึงเสมอนะ
ขอบคุณ...ที่ไปเยี่ยมเยียนแลมีรูปสวยไปฝากไว้ให้ชม

นานแล้ว...ที่ไม่ได้ทักทายกัยเน้อ
ขอให้...สุขกายสุขใจนะคะ


โดย: ก้อนหินสีชมพู วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:17:08:25 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะพี่ ถ้าเข้าไปดูบล็อกจุแล้วจะรู้ว่า ทำไมจุเงียบไปนาน 555555


พี่สบายดีนะคะ


โดย: กระจ้อน วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:0:42:53 น.  

 




พระนี้แรม 15 ค่ำเดือน 10

ทำสิ่งที่ลึกให้ตื้น ทำสิ่งที่ยากให้ง่าย ทำสิ่งที่ไกลให้ใกล้
ไม่ยึดติดในรัก โลภ โกรธ หลง ย่อมไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของอารมณ์

ความทุกข์มักเกิดจากความยึดมั่นถือมั่นซึ่งเกิดจากอวิชชา
ทำให้เกิดความโง่หรือความอยากเลยได้ทุกข์มา
อวิชชาคือ รัก โกรธ เกลียด กลัว ตื่นเต้นวิตก
อิจฉา หวง หึง เกิดได้ท้งแง่ดี และไม่ดี..หากขาดสติยั้งคิด

ดับทุกข์ที่ทุกข์ ดับไฟที่ไฟ อย่าไปไว้คนละแห่งคนละชาติ



ระลึกถึง..กัลยณามิตรที่แสนประเสริฐ..เสมอค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

cattleya..









ภาพสวยจังเลยค่ะ
ชอบภาพแรกจังค่ะ



โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:23:49:45 น.  

 
สวัสดีครับคุณแคท

ไม่ได้แวะไปทักทายที่บล็อกเลย แต่ไปเปิดฟังพลงที่บล็อกคุณแคทมาแล้ว เพราะมาก ๆ เลย อย่าเพิ่งโกรธกันนะครับ

เวลาช่วงนี้เริ่มมีเวลาหายใจมากขึ้น แต่ก็ยังงง ๆ กับชีวิตอยู่ เพราะยังมีเรื่องสำคัญช่วงปลายปีรออยู่ ช่วงนี้จึงต้องทำใจให้ว่าง ๆ และหนักแน่น เพื่อหาลู่ทางไปสู่ทางออกที่ดีที่สุด

คงไม่คาดหวังอะไรแล้ว แต่ก็พยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ


โดย: คนเดินดินฯ IP: 124.121.154.21 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:0:43:02 น.  

 
จากมติชน

หลักชีวิต หลักชาวพุทธ

คอลัมน์ มองอย่างพุทธ

โดย พระไพศาล วิสาโล เครือข่ายพุทธิกา //budnet.org





อาจารย์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เล่าว่า คราวหนึ่งได้ไปบรรยายให้แก่นักศึกษาปริญญาโท ซึ่งมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาเข้าเรียนเป็นจำนวนมาก ตอนหนึ่งท่านได้พูดถึงพุทธศาสนาและคำสอนเรื่องไตรลักษณ์ พอถึงตรงนี้ท่านก็ถามนักศึกษาว่า ไตรลักษณ์นั้นได้แก่อะไรบ้าง นักศึกษาทั้งชั้นนิ่งเงียบ ท่านจึงเฉลยข้อแรกว่าได้แก่ "อนิจจัง" ท่านถามต่อว่า ไตรลักษณ์ข้อถัดมาคืออะไร ก็ยังไม่มีคำตอบจากนักศึกษาทั้งหนุ่มทั้งแก่ ท่านจึงเฉลยให้อีกว่า "ก็ ทุกขัง ไงล่ะ"

ท่านยังไม่ละความพยายาม ถามนักศึกษาต่อว่า ไตรลักษณ์ข้อสุดท้ายคืออะไร ทีนี้นักศึกษาทั้งชั้นตอบอย่างเต็มปากว่า "พลัง" !

คำตอบดังกล่าวสร้างความประหลาดใจแก่อาจารย์ท่านนี้มาก เพราะแสดงว่าแม้แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับอธิบดี ก็ยังไม่รู้ว่า ไตรลักษณ์คืออะไร ทั้งๆ ที่เฉลยไปถึง 2 ใน 3 ข้อ ก็ยังตอบผิด ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินคำว่า "อนัตตา" เลย

คำตอบของนักศึกษาเหล่านั้นยังทำให้เห็นว่า พวกเขาคุ้นเคยกับคำให้พรของพระมากกว่า โดยเฉพาะท่อนท้ายที่ว่า "อายุ วัณโณ สุขัง พลัง" ดังนั้นจึงพร้อมใจตอบว่า "พลัง" ทันทีที่ได้ยินคำว่า "ทุกขัง"

ที่จริงการไม่รู้จักหลักไตรลักษณ์ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หากมีการประพฤติหรือปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จหัวเมือง พระองค์ทรงเคยสอบถามชาวบ้านตามหมู่บ้านต่างๆ ไม่มีใครตอบศีล 5 ได้ครบถ้วน พระองค์จึงทรงปรารภว่าคนไทยไม่รู้จักพระพุทธศาสนา แม้กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงยอมรับว่าผู้คนในหัวเมืองอยู่กันอย่างเรียบร้อย ไม่มีการประพฤติผิดศีลผิดธรรม

ทุกวันนี้ถ้าถามว่าศีล 5 คืออะไร เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ตอบได้ครบถ้วนหรือเกือบครบ แต่นั่นหมายความว่าคนไทยรู้จักพุทธศาสนาหรือเป็นชาวพุทธแล้วใช่ไหม เราคงตอบได้ไม่เต็มปากเพราะปรากฏการณ์ที่เห็นอยู่รอบตัวบ่งชี้ว่า คนไทยไม่ได้ปฏิบัติตามศีล 5 กันเท่าใดนัก หาไม่อาชญากรรม คอร์รัปชั่น ความสำส่อนทางเพศ และสุรายาเมาคงไม่แพร่ระบาดไปทุกหัวระแหงดังทุกวันนี้ พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและผู้รู้หลายท่านถึงกับบอกว่า เมืองไทยจะเจริญก้าวหน้าอีกมากหากคนไทยเพียงแต่รักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ลำพังการรักษาศีล 5 ให้ครบยังไม่เพียงพอที่จะบอกว่าผู้นั้นเป็นชาวพุทธที่แท้ หากว่าผู้นั้นยังลุ่มหลงในอบายมุข พึ่งพาไสยศาสตร์ หวังลาภลอยคอยโชค คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน (แม้จะชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ) หรือเชื่อกรรมในทางที่ผิด จนคิดแต่จะแก้ปัญหาชีวิตด้วยการประกอบพิธี "แก้กรรม" และ "ตัดกรรม" หรือกลัวเจ้ากรรมนายเวรจนไม่กล้าช่วยเหลือใครเพราะกลัวเจ้ากรรมนายเวรของผู้นั้นจะมาทำร้ายตน ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะวิธีการหรือความเชื่อเหล่านั้นสวนทางกับหลักการทางพุทธศาสนาที่เน้นการพึ่งความเพียรของตน หมั่นฝึกฝนพัฒนาตน และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ทุกวันนี้มีความเข้าใจว่าการรักษาศีล 5 ก็เพียงพอแล้วสำหรับชาวพุทธที่เป็นฆราวาส ความเข้าใจนี้ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะศีล 5 เป็นเพียงหลักปฏิบัติขั้นต่ำเท่านั้น จำต้องมีข้อปฏิบัติอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย หากพิจารณาจากสิงคาลกสูตร ซึ่งถือกันว่าเป็นคำสอนสำคัญว่าด้วยหลักความประพฤติของฆราวาส จะเห็นชัดว่านอกจากการละกรรมกิเลส 4 (การผิดศีล 4 ข้อแรก) แล้ว พระพุทธองค์ยังทรงวางข้อปฏิบัติให้แก่ฆราวาสอีกหลายประการ ได้แก่ การละเว้นอคติ 4 และอบายมุข 6 การประพฤติตามหลักทิศ 6 (ข้อปฏิบัติระหว่างบุคคลในความสัมพันธ์ 6 แบบ เช่น ระหว่างพ่อแม่กับลูก ระหว่างครูกับศิษย์ ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง ฯลฯ) ใช่แต่เท่านั้นยังมีหลักการคบมิตร การจัดสรรทรัพย์เพื่อใช้สอย และสังคหวัตถุ 4 (ได้แก่ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา-บำเพ็ญประโยชน์ และสมานัตตตา-วางตนเสมอต้นเสมอปลาย)

การละเลยข้อปฏิบัติดังกล่าวทำให้ชาวพุทธในเมืองไทยทุกวันนี้มีความประพฤติที่ผิดเพี้ยนจากคำสอนทางพุทธศาสนาอย่างกว้างขวางดังได้กล่าวมา ไม่เว้นแม้กระทั่งในหมู่คนที่ใกล้วัดหรือใฝ่ทำบุญ จนทำให้เกิดคำถามขึ้นในหมู่ผู้รู้ทางพุทธศาสนา (และศาสนาอื่น) ว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธจริงหรือ ทั้งๆ ที่มีวัดและพระภิกษุเป็นจำนวนมากมาย

มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เป็นเช่นนั้น อาทิ การไม่ได้รับการศึกษาทางพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง (ทั้งๆ ที่มีการสอนวิชาศีลธรรมในโรงเรียนมานานหลายทศวรรษ) ความอ่อนแอและย่อหย่อนของสถาบันสงฆ์ อีกสาเหตุหนึ่งที่น่ากล่าวถึงคือ การขาดหลักความเชื่อและหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง ครอบคลุมและสอดคล้องกับสังคมสมัยใหม่

เมื่อเร็วๆ นี้ พระสงฆ์และฆราวาสกลุ่มหนึ่งซึ่งตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ได้ร่วมกันเชิญชวนชาวพุทธทั้งประเทศประกาศเจตนาสมาทาน "หลักชาวพุทธ" ซึ่งประกอบด้วยหลักการ 5 ประการ และข้อปฏิบัติ 12 ประการ โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เป็นผู้ประมวลสรุปจากแก่นคำสอนของพุทธศาสนาและนำมาจัดวางให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนสมัยใหม่

หลัก 5 ประการ เน้นในเรื่องการฝึกตน (เพราะเชื่อว่า "มนุษย์จะประเสริฐได้เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือ การศึกษา") และพึ่งความเพียรของตน (คือมุ่งมั่นที่จะ "สร้างความสำเร็จด้วยการกระทำที่ดีงามของตน โดยพากเพียรอย่างไม่ประมาท")

ส่วนในเรื่องไตรสรณคมน์ หรือการถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ได้จำแนกเป็นหลัก 3 ประการ และอธิบายอย่างเป็นรูปธรรม กล่าวคือ การถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ หมายถึง ความตั้งใจที่จะ "ฝึกฝนตนให้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์และมีเมตตากรุณา ตามอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

การถือพระธรรมเป็นสรณะ หมายถึง การถือว่า "ความจริง ความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตัดสิน"

การถือพระสงฆ์เป็นสรณะ หมายถึง ความตั้งใจที่จะ "สร้างสังคมตั้งแต่ในบ้าน ให้มีสามัคคี เป็นที่มาเกื้อกูลร่วมกันสร้างสรรค์"

ขอให้สังเกตว่า พระรัตนตรัยในที่นี้มิได้หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วางไว้บนหิ้งเพื่อกราบไหว้บูชา หรือหวังผลดลบันดาลให้ร่ำรวยอวยโชค อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่หมายถึงแบบอย่างอันควรแก่การดำเนินรอยตามหรือเป็นอุดมคติในการดำเนินชีวิต

ข้อที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ การตอกย้ำให้คิดถึงส่วนรวม ซึ่งตรงกับหลักการของสงฆ์ที่ถือเอาประโยชน์ของสังฆะ หรือส่วนรวมเป็นใหญ่ นี้เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างมากเพราะชาวพุทธไทยนับวันจะคิดถึงแต่ตัวเองมากขึ้นทุกที จนปล่อยปละละเลยสังคม ซึ่งมีส่วนในการทำให้สังคมเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ

ข้อปฏิบัติหรือ "ปฏิบัติการ" 12 ข้อนั้น แบ่งเป็น 3 หมวด พระพรหมคุณาภรณ์ได้เรียบเรียงอย่างคล้องจองกัน ทำให้จำง่าย กล่าวคือ "มีศีลวัตรประจำตน เจริญกุศลเนืองนิตย์ ทำชีวิตให้งามประณีต" โดยมีข้อปฏิบัติที่ชัดเจนในแต่ละข้อ

หมวด ก. "มีศีลวัตรประจำตน" เน้นการพัฒนาฝึกฝนตน แต่ไม่ได้หมายถึงศีล 5 เท่านั้น หากครอบคลุมถึงไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังนั้นนอกจาก "สมาทานเบญจศีลเป็นนิจ" และ "ไม่มืดมัวด้วยอบายมุขแล้ว" ยังมีอีก 2 ข้อ คือ "ทำจิตให้สงบ ผ่องใส" ด้วยการเจริญสมาธิและอธิษฐานจิต วันละ 5-10 นาที ในด้านปัญญานั้น ข้อปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมคือ "สวดสาธยายพุทธวจนะ หรือบทสวดมนต์ โดยเข้าใจความหมาย อย่างน้อยก่อนนอนทุกวัน"

นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติเพื่อการปลูกฝังศรัทธาในสิ่งที่ดีงามและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต นั่นคือ "แสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์ และบุคคลที่ควรเคารพ" กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการมีกัลยาณมิตรเพื่อเกื้อกูลต่อการฝึกฝนตน

หมวด ข. "เจริญกุศลเนืองนิตย์" มีจุดเด่นคือการทำความดีเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น ช่วยเหลือส่วนรวม หรือส่งเสริมสิ่งดีงามในสังคม ได้แก่ "บำเพ็ญทานเพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อบูชาคุณ เพื่อสนับสนุนกรรมดี" และ "บำเพ็ญประโยชน์ อุทิศแด่พระรัตนตรัย มารดาบิดา ครูอาจารย์ และท่านผู้เป็นบุพการีของสังคมแต่อดีตสืบมา" โดยทำสัปดาห์ละ 1 ครั้งทั้งการให้ทานและบำเพ็ญประโยชน์

นอกจากการทำความดีเพื่อผู้อื่นแล้ว หมวดนี้ยังพูดถึงการบำเพ็ญกุศลเพื่อพัฒนาตนด้วย ได้แก่ ตักบาตรวันพระ หรือ "แผ่เมตตา ฟังธรรม หรืออ่านธรรม โดยบุคคลที่บ้าน ที่วัด ที่โรงเรียน หรือที่ทำงานร่วมกัน ประมาณ 15 นาที" รวมทั้งร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาและวันสำคัญของครอบครัว

เห็นได้ว่าหมวดนี้เป็นข้อปฏิบัติเพื่อนำพาตนออกมาเชื่อมโยงกับสังคมและพระศาสนาด้วยการบำเพ็ญประโยชน์หรือร่วมกิจกรรมทางศาสนา โดยชักชวนครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงานให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย นับเป็นการสร้าง "ชุมชนทางศีลธรรม" อย่างใหม่ ทดแทนหมู่บ้าน ซึ่งเคยเป็นสถานที่บ่มเพาะศีลธรรมให้แก่ผู้คนอย่างได้ผลมาแล้วในอดีต

ข้อปฏิบัติหมวดนี้จะช่วยให้ชาวพุทธไม่เก็บตัวอยู่ตามลำพัง หรือมัวแต่ฝึกฝนตนจนละเลยผู้อื่น ทั้งๆ ที่ยังมีการฝึกฝนตนอีกมากที่สามารถทำร่วมกับผู้อื่นหรือทำเพื่อผู้อื่นได้

หมวด ค. "ทำชีวิตให้งามประณีต" มีจุดเน้นอยู่ที่การเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพหรือเครื่องใช้ ได้แก่ "ฝึกความรู้จักประมาณในการบริโภค" นอกจากรู้จักพอดีในการกินแล้ว ความพอดีในการเสพความบันเทิงก็สำคัญ ข้อปฏิบัติในส่วนนี้คือ "ชมรายการบันเทิงวันละไม่เกินกำหนดที่ตกลงกันในบ้าน" ที่น่าสนใจในข้อนี้คือ "มีวันปลอดการบันเทิงอย่างน้อยเดือนละ 1 วัน"

นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติเพื่อการอยู่อย่างประหยัดเรียบง่าย คือ "ดูแลของใช้ของตนเองและทำงานของชีวิตด้วยตนเอง"

หมวดนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการดำเนินชีวิตในยุคบริโภคนิยม ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นเร้าให้เสพจนงมงายมืดมัว หากไม่มีข้อปฏิบัติหรือข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรม ก็ง่ายที่จะพลัดหลงจนเป็นทาสของสิ่งเสพ โดยเฉพาะความบันเทิงเริงรมย์ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นอบายมุขอย่างใหม่

ข้อสุดท้ายของหมวดนี้คือ "การมีสิ่งบูชาสักการะประจำตัวเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย และตั้งมั่นอยู่ในหลักชาวพุทธ" ข้อนี้เป็นหลักปฏิบัติเพื่อการมีท่าทีอย่างถูกต้องต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระพุทธรูป หรือพระธาตุ นั่นคือไม่ใช่บูชาเพื่อหวังผลดลบันดาลให้สำเร็จทางโลก แต่ถือเป็นอนุสติเพื่อการทำความดีตามหลักการของชาวพุทธ คือ ฝึกตน พึ่งความเพียร และไม่ประมาท

หลักชาวพุทธ ทั้ง 5 หลักการ และ 12 ปฏิบัติการ นับได้ว่าเป็นหลักแห่งการดำเนินชีวิตอันประเสริฐที่เหมาะกับยุคปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ครอบคลุมทั้งการบำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน โดยอาศัยหลักไตรสิกขา ไตรสรณคมน์ และบุญกิริยาวัตถุ 10 สามารถเป็นเครื่องกำกับชีวิตไม่ให้พลัดลงไปในกระแสบริโภคนิยมอันเชี่ยวกราก หรือหลงงมงายกับลัทธิหวังผลดลบันดาลที่กำลังแพร่ระบาด ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ชาวพุทธมีบทบาทในการสร้างสรรค์สังคมส่วนรวม

หากจะมีสิ่งใดที่น่าเพิ่มเติมในหลักนี้ก็เห็นจะเป็น ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับสัมมาอาชีวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในอริยมรรคมีองค์ 8 ที่ชาวพุทธไทยในปัจจุบันไม่สู้จะให้ความสำคัญเท่าไร ยิ่งปัจจุบันสังคมมีความซับซ้อนมากจนเราสามารถมีส่วนร่วมในการเบียดเบียนผู้อื่นผ่านอาชีพการงานได้ นอกเหนือจากการค้าขายอาวุธ มนุษย์เนื้อสัตว์ ของเมา และยาพิษ ซึ่งพุทธศาสนาถือว่าเป็น มิจฉาวณิชชา อยู่แล้ว

ในข้อนี้สิกขาบทของคณะสงฆ์หมู่บ้านพลัมของท่านติช นัท ฮันห์ น่าจะเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับชาวพุทธไทยได้ กล่าวคือ "ขอเธออย่าได้ประกอบอาชีวะอันก่อให้เกิดภัยต่อมนุษย์และธรรมชาติ อย่าเข้าร่วมลงทุนในบริษัทกิจการใด ที่กำจัดโอกาสในการหาเลี้ยงชีวิตของผู้อื่น จงเลือกอาชีวะซึ่งช่วยให้เธอประจักษ์ในอุดมคติแห่งการุณยธรรม"

จุดเด่นประการหนึ่งของหลักชาวพุทธที่ควรย้ำในที่นี้ก็คือ การมีข้อปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ลำพังความตั้งใจว่าจะ "ทำให้ดีที่สุด" นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเลื่อนลอย และมักจะไร้ความหมาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการตั้งจิตแน่วแน่ที่จะทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม (เช่น ทำสมาธิวันละ 10 นาที บำเพ็ญทานอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง มีวันปลอดการบันเทิงอย่างน้อยเดือนละ 1 วัน) ความตั้งใจมั่นที่จะทำความดีนี้แหละที่เรียกว่า "อธิษฐาน" ซึ่งมิได้แปลว่า การตั้งจิตร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่เข้าใจกันในปัจจุบัน

ผู้ที่ต้องการประกาศเจตนาสมาทานหลักชาวพุทธ หรือต้องการร่วมเผยแพร่หลักดังกล่าว โปรดดูรายละเอียดได้ใน //www.chaobuddha.com


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:8:03:36 น.  

 





พรุ่งนี้วันพระ ขึ้น 8ค่ำเดือน 11
เป็นช่วงที่เริ่มเทศกาลบุญกฐินแล้วค่ะ
อยากชวนเพื่อนๆไปทำบุญกฐินร่วมกันค่ะ
ที่สวนผึ้ง..ราชบุรี



เพราะกำลังใจจากเพื่อนๆแห่งโลกไซเบอร์คนดีเสมอ
พร้อมจะช่วยเหลือเคียงข้างมิตรเช่นเรา
กัลยาณมิตรแสนประเสริฐแห่งเรา
อยากให้ทุกคนไปร่วมทำบุญกับเรานะ...

ขอให้เรามีความตั้งใจดัวยความบริสุทธิ์ใจ
มิได้แอบแฝง..หรือมีเจตนาไม่ดี..อะไรก็ย่อมทำลายยาก
และผ่านอุปสรรคและเจอะเจอสิ่งดีดีแน่นอนค่ะ




และต้องขอขอบคุณเพื่อนๆญาติพี่น้องมากมายในโลกความจริง
ที่ช่วยให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้ด้วยความตั้งใจ
คุณแคทตั้งใจค่ะในงานกฐินในปีที่ 3
ขอบคุณมากมายในทุกๆๆโลกจริงๆๆค่ะ


หลวงพ่อท่านสุดปลี้มใจเสมอกับทุกท่านที่บริจาคค่ะ
หลวงพ่อท่านฝาก..อนุโมทนาทุกท่านค่ะ



เชิญร่วมทำบุญบริจาคทานที่บล็อกคุณอุ้มได้เลยค่ะ

คลิกเข้าไปที่ BLOG อุ้มสีได้ที่นี่ค่ะสำหรับงานกฐินปี 52

สนใจไปทำบุญกันไหมค่ะ





โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:22:36:02 น.  

 



วันนี้วันพระ ขึ้น 15ค่ำเดือน 11
ตรงกับวันออกพรรษา..
พรุ่งนี้อย่าลืมตักบาตรเทโวนะค่ะ

เป็นช่วงที่เริ่มเทศกาลบุญกฐินแล้วค่ะ
อยากชวนเพื่อนๆไปทำบุญกฐินร่วมกันค่ะ
ที่สวนผึ้ง..ราชบุรี

ขอให้เรามีความตั้งใจดัวยความบริสุทธิ์ใจ
มิได้แอบแฝง..หรือมีเจตนาไม่ดี..
อะไรก็ย่อมทำลายยาก
และผ่านอุปสรรคและเจอะเจอสิ่งดีดีแน่นอนค่ะ




งานกฐินปีนี้..ทางหลวงพ่อท่านได้แจ้งมา

โดยมีกำหนดการ ทอดกฐินสามัคคี


ในวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เวลา 10.00 พระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์
ฉลององค์กฐิน
เวลา 11.00 น.ถวายภัตราหารเพล แด่พระสงฆ์
พร้อมกันนี้เชิญ ทุกท่านรับประทานอาหาร
เวลา 12.30 น. เทศน์อานิสงฆ์ กฐิน 1 กัณฑ์
เวลา 13.00น. พิธีทอดกฐินสามัคคี

จะนำรถส่วนตัวไปร่วมด้วยก็ยินดีค่ะ..
ขับรถ 2ชมเองค่ะ..จาก..กทม..
หรือนั่งรถตู้ หน้าบิ๊กซีพระราม 2..ถึงวัดเลยค่ะ
ปีนี้เป็นปีที่ 3ท่านว่าบุญกุศลแรงนักแล


ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจที่จะร่วมงานกฐินกับเรา
เราเต็มใจเสมอนะค่ะ..
หลวงพ่อท่านอยากให้ไปชมวัดท่านแยอะๆค่ะ
มีอาหารเลี้ยงเต็มที่ค่ะ..ฟรีค่ะ

ถ้าเพื่อนๆประสงค์จะร่วมทำบุญและทาน
ถึงน้อยนิดเพียงหยิบมือ
ขอบอกค่ะว่า

หลวงพ่อท่านสุดปลี้มใจเสมอกับทุกท่านที่บริจาคค่ะ
หลวงพ่อท่านฝาก..อนุโมทนาทุกท่านค่ะ



ถ้าสนใจร่วมทำบุญบริจาคทาน
เชิญบล็อกคุณอุ้มได้เลยค่ะ

คลิกเข้าไปที่ BLOG อุ้มสี
ได้ที่นี่ค่ะสำหรับงานกฐินปี 52


เจอกันงานบุญกฐินที่วัดหนองขามนะค่ะ
กัลยาณมิตรที่แสนดีเสมอ






ปล..แวะมาชวนไปเที่ยวงานบุญด้วยกันค่ะ
ไปด้วยกันไหมค่ะใกล้กทม..แค่นี้เองค่ะ

ยังไงจะนำบุญกฐินมาฝากนะค่ะ
ดูแลสุขภาพมีความสุขเสมอนะค่ะ




โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:23:22:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.