ล่องใต้: ทัวร์ดำน้ำเกาะสวรรค์....หลีเป๊ะ....สตูล

อากาศเดือนเมษายน เป็นอากาศที่น่าเก็บกระเป๋าพร้อมอุปกรณ์เดินทางออกไปสู่โลกกว้างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหนก็น่าออกเดินทางไปทั้งสิ้น โดยเฉพาะทะเลอันดามัน ที่กำลังเปิดต้องรับเราอยู่ในฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างนี้

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวทะเลอันดามันส่วนมากต้องเดินทางมาจากกรุงเทพ แต่ก๊วนของเราดีหน่อย เพราะอยู่ในพื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนมาก ทำให้ลดระยะเวลาเดินทางได้เป็นอย่างดี หัวหน้าก๊วนของเรามุ่งมั่นมากที่จะเดินทางออกสู่เกาะที่ได้ชื่อว่า “มัลดีฟเมืองไทย” เลยพยายามหาทัวร์ที่เหมาะสมและยังมีพื้นที่ให้นักดำผิวน้ำมือสมัครเล่น 6 คนพอเข้าไปหาประสบการณ์อันแสนวิเศษได้ และเราก็ค้นพบทัวร์ที่เหมาะสมกับพวกเรา การเดินทางทัวร์ทะเลถ้าเราใช้บริการจากบริษัททัวร์จะดีกว่าเดินทางไปเอง เพราะเราสามารถที่จำกัดงบประมาณและยังได้ท่องเที่ยวยังสถานที่ดำน้ำได้น่าสนใจและครบถ้วนมากกว่าไปเอง......

สำหรับการเดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะในครั้งนี้ เราเลือกเดินทางจากจังหวัดตรัง... หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมไม่ขึ้นเรือที่จังหวัดสตูล เกาะหลีเป๊ะอยู่ในจังหวัดสตูลไม่ใช่เหรอ... ถูกต้องแล้วค่า เกาะหลีเป๊ะ เป้าหมายของเราอยู่ที่จังหวัดสตูล แต่ทว่า การเดินทางจากจังหวัดตรัง ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ....ไม่เหมือนใคร..... เราเริ่มต้นวันแรกของการเดินทางด้วยการเปิบอาหารแบบฉบับคนตรัง ....ติ่มซำหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ฮะเก๋า, ขนมจีบกุ้ง, ปลาทอด และที่ขาดไม่ได้คือ หมูย่างเมืองตรัง อาหารเหล่านี้ถ้าได้ลิ้มลองพร้อมกับชาร้อนยามเช้าล่ะก็ วิเศษเป็นไหนๆ... เมื่ออิ่มท้องแล้ว ก็ถึงเวลาตุนเสบียงก่อนขึ้นไปยังเกาะสวรรค์ เราก็เดินทางไปยังจุดนัดหมาย ณ หาดยาว อ.สิเกา จ.ตรัง เพื่อไปขึ้นเรือเฟอรี่ของบริษัททัวร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ... ระหว่างรอ เราก็ไม่พลาดที่จะลิ้มลองอาหารทะเลแถวๆหาดยาว ไม่ว่าจะเป็นแกงส้มรสเด็ด, ปลากระพงตัวโตทอดน้ำปลา ...ฟังก็หิวแล้วใช่ไหมล่ะ... แน่นอน เราไม่รอช้าที่จะจัดการกับอาหารหลากหลายที่วางอยู่ตรงหน้าเราแน่นอน....


ได้เวลาเรือเฟอรี่ของเรามาแล้ว เป็นเราขนาดกลาง รูปร่างคล้ายปลากระโทงแทง (คิดว่าอย่างนั้น) เหมาะกับการวิ่งในท้องทะเลอันดามันมาก... พวกเราพาสัมภาระขึ้นเรือปรับอากาศลำนี้ทันที และไม่รอช้าที่จะออกไปสัมผัสอากาศดีๆบนดาดฟ้าเรือ.... ฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจ แต่ทว่า เรื่องตากอากาศและอาบแดด คงต้องยกให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ไม่สนใจผิวขาวๆเป็นหลัก ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทย ก็ได้ชมแฟชั่นบิกินี่เป็นอาหารตา..... เรือเฟอรี่ของเราใช้เวลาเดินทางโดยรวม 2.30 ชั่วโมง แต่ว่า ระหว่างทางเราได้แวะส่งและรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มจากเกาะหลาวเหลียง เกาะเอกชนอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวแนว Adventure อยากไปสัมผัส... และแน่นอน อนาคตเราจะไปสัมผัส.... ท้องทะเลที่เกาะหลาวเหลียงสวยมาก น้ำทะเลใส สีเขียวสดสวย ตัดกับหาดทรายสีขาว ทำให้นักท่องเที่ยวอีกหลายๆคนที่จะไปยังมัลดีฟ คิดแบบเดียวกับเราอีกหลายคน.... เรือเฟอรี่ลำเดิมออกเดินทางต่อ ตัดน้ำทะเลสีฟ้าครามสดใส ผ่านเกาะน้อยใหญ่ที่เป็นเป้าหมายในการดำน้ำของเราไปยังจุดมุ่งหมายของเรา.....


เมื่อถึงเกาะหลีเป๊ะ เราไม่สามารถเข้าไปยังชายหาดของเกาะได้เลย เพราะว่ารอบๆเกาะนั้น มีแนวปะการังเต็มไปหมด ทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องเปลี่ยนพาหนะจากเรือเฟอรี่สุดหรู ไปเป็นเรือหางยาว ตามวิถีของชาวเกาะที่นี่... เรือหางยาวลำน้อยใหญ่ พากันเข้ามารับนักท่องเที่ยวไปทีละกรุ๊ป ราคาค่ารับส่งไม่แพงมาก คิด 50 บาท/คน/เที่ยว นอกจากนักท่องเที่ยวกรุ๊ปนั้นจะมากับทัวร์ ก็จะเหมาจ่ายค่าเดินทางตรงนี้ไปแล้วนั่นเอง.... พวกเราอาศัยเจ้าหางยาวลำน้อย ลัดเลาะจากหน้าหาดพัทยาที่เรือเฟอรี่จอด ไปยังหาดอีกด้านหนึ่งของเกาะ.... หาดฝั่งนี้เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทเล็กใหญ่หลากหลาย และเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมงอีกด้วย เมื่อเรือหางยาวลอยลำเข้าใกล้ชายหาดมากขึ้นๆ พวกเราก็ได้สัมผัสกับหาดทรายขาวละเอียดและปะการังที่ใกล้แค่เอี้อมทันที.... เป็นภาพที่สร้างความประทับใจแรกให้กับการเดินทางของเราทันที..... เมื่อเข้าสู่รีสอร์ทระดับกลางๆที่เราจะใช้พักพิงในคืนนี้ “ตะรุเตา คาบาน่า รีสอร์ท” ก็มีพนักงานเข้ามาต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมกับแจกจ่ายกุญแจห้องพักให้ทีละกรุ๊ป ก่อนที่จะนัดหมายให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเตรียมตัวกับการดำน้ำในวันแรกให้พร้อม....โห....เพิ่งมาถึงกะจะให้ออกไปดำน้ำเลยเหรอ....นั่นแหละ เพราะแหล่งดำน้ำที่สวยก็ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่หน้าหาดของรีสอร์ทที่เราพักน่ะเอง..... เพื่อนเราคนหนึ่งได้สัมผัสชีวิตประมงของคนที่นี่ตั้งแต่วันแรก เพราะเค้าเก็บอุปกรณ์ดักสัตว์น้ำขึ้นมาพอดี มีปลาหลากหลายที่เข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ทว่า ชาวประมงที่นี่เลือกเฉพาะปลาขนาดและชนิดที่พวกเขาต้องการเท่านั้น ที่เหลือซึ่งเป็นปลาที่ไม่ได้ขนาดและไม่ใช่ชนิดที่รับประทานได้ พวกเขาก็จะปล่อยคืนกลับสู่ท้องทะเลทันที... เป็นการทำประมงอย่างยั่งยืนจริงๆ


....หลังจากนักท่องเที่ยวแต่ละคนได้รับอุปกรณ์หลักในการดำน้ำ คือ เสื้อชูชีพและอุปกรณ์ดำผิวน้ำแล้ว ไกด์ของเราก็พานักท่องเที่ยวลุยน้ำทะเลใสๆ ตีเท้าช้าๆออกไปเรื่อยๆ แค่พวกเราก้มหน้าลงไปในน้ำ ก็พบกับความตื่นตาตื่นใจจากปะการังแข็งที่มีอยู่รอบๆตัว พร้อมกับปลาทะเลหลากหลายชนิดที่พากันมองหน้านักท่องเที่ยว และตั้งคำถามว่า พวกคุณมาจากไหนกันเนี่ย....คิดแล้วก็ตลกดีนะ...เหมือนเราไปเยือนบ้านของพวกปลาทะเลเลย.... การดำน้ำแบบผิวน้ำหรือที่เรียกว่า Snorkeling ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและพยายามลอยตัวเข้าไว้ เพราะคุณอาจพบปะกับเม่นทะเลขนยาวสีดำได้ อย่างเช่นเราเป็นต้น..... วันแรกก็เจอกันเลย.... เพราะช่วงที่ลอยตัวด้วยความเพลิดเพลินจนลืมว่าน้ำทะเลมันกำลังลดลงอย่างช้าๆตามวัฏจักรของน้ำ ทำให้เราหลุดเข้าไปยังดงเม่นทะเล....ดีนะ เพื่อนนักท่องเที่ยวอีกกรุ๊ปยื่นมือเข้ามาช่วยให้หลุดออกจากดงเม่นทะเลได้... เลยโดนจิ้มไป 1 ที แต่ไม่มีหนามแหลมๆปักอยู่... รอดไป.... จากนั้นความมุ่งมั่นที่จะออกไปให้ถึงเกาะเล็กๆที่ใกล้ที่สุด นักท่องเที่ยวทุกคนก็พยายามไปให้ถึงเป้าหมายเดียวกัน เกาะเล็กๆนี้ ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินจากมุมนี้ เป็นมุมที่ดีทีเดียว... แต่ว่า สิ่งที่สัมผัสได้จากการแหวกว่ายมายังเกาะเล็กๆแห่งนี้ก็คือ คงต้องรณรงค์เรื่องจิตสำนักในการรักษาท้องทะเลสีครามของเราไว้ โดยการไม่ทิ้งขยะมูลฝอยไว้ให้เป็นอนุสรณ์นั่นเอง.... หมดเวลาชมความงาม เราก็ลอยตัวกลับไปยังหาดหน้ารีสอร์ททันที.... ด้วยความมุ่งมั่นอีกแล้วว่า... อาหารเย็นวันนี้คงทำให้เรามีความสุข หลังจากที่เหนื่อยกับการดำน้ำในวันแรก... และเป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นปลาซัมมะตัวโตทอด, แกงส้มปลาอะไรไม่รู้ แต่อร่อย, ผัดผักกับกุ้งทะเลสดๆ และไข่เจียว แค่นี้ก็ทำให้พวกเรากินกันอย่างเพลิดเพลินจนรู้ตัวอีกที ปลาซัมมะตัวนั้นก็เหลือแต่กะโหลกเท่านั้นเอง.... ประทับใจ.... ค่ำคืนคืนนี้ ไม่เหมือนกับการไปเกาะทั่วไป เพราะบรรยากาศของหลีเป๊ะยามราตรี มีอะไรมากกว่าที่คิด... เราเดินทางฝ่าสายฝนโปรยปรายจากมุมหนึ่งที่เราพัก ไปยังอีกบรรยากาศหนึ่งที่เรียกว่าเป็นแสงสีของมัลดีฟเมืองไทย นั่นคือหาดพัทยา... ระหว่างทาง เราได้พบกับหมู่บ้านชางประมง สัมผัสวิถีเรียบง่าย สบายๆ ภาษาที่เป็นของตัวเองและที่นี่ไม่นับถือศาสนาใดเป็นศาสนาหลัก แต่เกาะนี้ไม่มีหมูนะคะ.... เขาห้ามเลยหละ.... เดินต่อไปเรื่อยๆเราก็ได้พบกับบรรยากาศของร้านอาหารและผับเล็กๆที่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง และยังไปพบกับร้านทัวร์ดำน้ำบนเกาะที่มีคุณป้าฟุตฟิตฟอไฟภาษาอังกฤษได้ดีสุดๆ...เห็นแล้วอาย..... ฝั่งหาดพัทยาวันนี้ออกจะเงียบเหงากว่าที่คิดไว้ อาจเป็นเพราะฝนที่โปรยปรายลงมาไม่มีทีท่าว่าจะพักน่ะเอง.... พวกเราเลยเลือกที่จะหยุดพักที่บาร์เล็กๆแห่งหนึ่งมีชื่อน่ารักๆว่า Pooh’s Bar ซึ่งมีมอนิเตอร์จอยักษ์และเบาะนั่งแบบไทยๆ ทำให้ร้านนี้นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมแวะพัก.... เลยมีโอกาสได้แวะชิมเครื่องดื่มของร้านนี้ซึ่งราคาไม่แตกต่างจากบนฝั่งเท่าไหร่.... ก่อนกลับไปพักยังรีสอร์ทแสนสบาย....



เช้าวันที่สองของการเดินทาง... นักท่องเที่ยวอย่างเราต้องตื่นเช้าแน่นอน เพราะยังไงก็ต้องออกไปสัมผัสพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าของเกาะนี้ให้ได้... ถึงแม้ว่าบางคนคิดว่าพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนก็เหมือนกัน แต่จริงๆแล้ว ความงามในมุมมองของแต่ละที่จะแตกต่างกันออกไป... ที่นี่ก็เช่นกัน นักท่องเที่ยวแต่ละคนต่างใจจดใจจ่อที่รอให้แสงอาทิตย์ทอขึ้นจากนั้นฟากฟ้าทะเล.... เป็นภาพที่น่าประทับใจอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกัน... นักท่องเที่ยวแต่ละคนพากันเดินเล่นริมหาดทรายขาวๆ เลาะไปเรื่อยๆ ที่นี่มีโรงเรียนอยู่ด้วยนะ... ไม่น่าเชื่อเลย การศึกษาเข้าถึงทุกแห่งจริงๆ... เสร็จภาระกิจถ่ายภาพตอนเช้า ทั้งที่ยังไม่อาบน้ำแล้ว ก็ถึงเวลารับประทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ทันที มีให้เลือก 3 ชนิด คือ อาหารเช้าแบบฝรั่ง, อาหารเช้าแบบไทย และอาหารเช้าแบบจีน เชิญเลือกตามสะดวก.... ระหว่างรับประทานอาหาร ไกด์ก็นัดเวลาที่จะออกตะลุยท้องทะเลอันดามันกับนักท่องเที่ยวทุกกรุ๊ป... เวลาฤกษ์ดี 09.00 น. ทำให้พวกเรามีเวลาเตรียมตัวทากันแดดกันพอสมควร... แสงแดดวันนี้ดีมาก เป็นใจให้พวกเราดำน้ำ แน่นอน... เราต้องได้เห็นภาพสวยๆประทับใจแน่เลย.... ถึงเวลารวมพลแล้ว พวกเราก็ลงเรือหางยาว (คู่ชีพ) พร้อมกับอุปกรณ์ดำน้ำและเสื้อชูชีพ ลัดเลาะไปตามเกาะอาดัง เกาะขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับเกาะหลีเป๊ะมากที่สุด ออกไปเรื่อยๆสู่เกาะหินงาม จุดดำน้ำแรกของเราอยู่ที่หลังเกาะหินงามน่ะเอง.... เมื่อเตรียมตัวพร้อม กระโดดลงสู่น้ำทะเลใสๆ ก็ออก Snorkeling ออกไปตามไกด์ทันที... สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ไม่ต้องตกใจ เพราะไกด์ที่น่ารักจะมีห่วงยางให้เราเกาะและลากเราไปยังจุดดำน้ำต่างๆที่น่าสนใจตลอดทริปทันที.... ปะการังที่นี่สวยและสมบูรณ์อยู่มาก และมีปลาแนวปะการังที่มีขนาดและชนิดที่หลากหลาย.... ไกด์พาพวกเราดำน้ำรอบๆจุดนี้ ก่อนตามเก็บนักท่องเที่ยวที่เพลินไปหน่อยทีละคนขึ้นเรือ เพื่อเดินทางไปยังหาดหินสวยๆของเกาะหินงาม... เกาะหินงานถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องแวะเวียนมาเยือน เพราะหินที่นี่ มีสีและเอกลักษณ์เป็นของตนเองมาก หินที่นี่ห้ามนำออกไปจากเกาะ เค้ามีคำสาปด้วยนะ ดังนั้น สิ่งเดียวที่นักท่องเที่ยวจะนำออกไปได้คือ ภาพและความทรงจำที่ดีเท่านั้น.... พวกเราแยกย้ายกันเรียงหินซ้อนกันให้ได้มากกว่า 13 ก้อน และพากันถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานใหญ่เลย.... ก่อนที่ท้องจะเรียกร้องให้เดินทางต่อ เพราะจุดหมายข้างหน้าคือกินอาหารที่เกาะราวีนั่นเอง... อาหารมื้อนี้ออกจะสบายๆ เพราะเป็นข้าวกล่องซึ่งประกอบด้วยผัดพริกไก่และไข่ดาว ง่ายๆแต่อร่อยใช้ได้เลย... อาจเป็นเพราะเหนื่อยจากการดำน้ำด้วยมั้งที่ทำให้อาหารมื้อนี้วิเศษได้เช่นเดียวกัน.... นอกจากนี้ พวกเรายังได้ทดลองชิมอาหารฝีมือชาวอุทยานกันด้วยนะ ราคาก็คงต้องบอกว่าแพงกว่า แต่ถ้าเป็นอาหารที่นานๆได้ทานบนเกาะแสนสวยก็คงถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้รับ.... เมื่ออิ่มแล้ว ก็พากันพักผ่อนตามอัธยาศัย ก่อนที่ไกด์ที่น่ารักจะนำผลไม้ประจำเกาะ ... ไม่ว่าจะไปเกาะไหนก็จะเจอ ก็คือ สัปปะรดและแตงโมมาเสริฟนั่นเอง.... นักท่องเที่ยวแต่ละคนต่างทยอยกันลงเล่นน้ำหน้าเกาะ, ถ่ายรูปกับขอนไม้สีขาวตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใส และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตากล้องของเราคนหนึ่งพลัดตกน้ำ!!!... แต่มีสติมาก เพราะมือที่ถือกล้องสามารถปกป้องกล้องไว้ได้ แต่ของในกระเป๋าน่ะสิ.... ต้องทำใจ... ดีนะกระเป๋ากันน้ำระดับนึง...โชคดีไป .... หลังจากเก็บภาพสวยๆแล้ว ก็ถึงเวลาออกดำน้ำซะที... พวกเราได้ดำน้ำหน้าเกาะราวี ซึ่งมีจุดดำน้ำอยู่ด้วยกัน 9 จุด แต่ละจุดต้องเกาะเชือกไปตามทางเรื่อยๆ น้ำที่นี่กระแสน้ำค่อนข้างแรงกว่าที่แรกที่ได้ดำน้ำ ดังนั้น นักท่องเที่ยวต้องอาศัยความระมัดระวังระหว่างการดำน้ำด้วยและต้องพยายามอย่าสัมผัสปะการัง กว่าเค้าจะสร้างตัวเองขึ้นมาได้นานมาก... นักท่องเที่ยวแต่ละคนก็จะได้รับคำแนะนำเรื่องนี้ก่อนดำน้ำก่อนเสมอจากไกด์ที่น่ารักนั่นเอง... ณ จุดดำน้ำที่นี่ ได้พบกับปลาไหลมอลเล่ย์ที่แอบแว๊บมาพบกันนักท่องเที่ยว ปลาปักเป้าตัวโตที่ยังไม่ตกใจจนพองลม นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้เห็นดาวขนนกสีสันสดใสอย่างใกล้ชิดอีกด้วย.... หลังจากเต็มอิ่มแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปยังจุดดำน้ำหินเรือใบ... ณ จุดนี้ ปะการังสวยงามมาก นอกมีหอยมือเสือขนาดต่างๆให้สัมผัสด้วยตาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นปลาแปลกๆได้อีกด้วย... และที่ประทับใจที่สุดคือ เกือบจะเฉียดให้เม่นทะเลสีดำฝากรักอีกแล้ว... เพราะเราน่ะแหละที่บุกเข้าบ้านของเม่นทะเลพวกนั้น เค้าอยู่กันเป็นดงเลยนะ... สร้างสีสันและความสวยงามให้กับท้องทะเลได้มากทีเดียว.... แน่นอน พวกเราต้องได้แวะดูปะการังอ่อน ณ จุดที่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของการดำน้ำ “ร่องน้ำจาบัง” เรียกว่า ถ้ามาถึงแล้วไม่ลงดำน้ำ เหมือนมาไม่ถึงเลยทีเดียว... แต่ว่า จะดูความสวยงามละเอียดอ่อนขนาดนี้ ต้องแลกกับความอันตรายซะหน่อย ... เพราะร่องน้ำจาบังมีกระแสน้ำที่แรงกว่าที่อื่นมาก ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องเกาะเชือกตลอดการเดินทาง ณ จุดนี้ ..... กระแสน้ำแรงขนาดที่พัดตัวเราลอยข้ามเชือกได้อย่างง่ายดาย แต่ปะการังอ่อนหลากสีทำให้หายเหนื่อยได้มากเลย.... จุดดำน้ำสุดท้ายของวันนี้คือหลังเกาะเดิมที่เราได้ไปเที่ยวเล่นมาเมื่อวานนั่นเอง ไม่น่าเชื่อนะหลังเกาะเดิมนี้ปะการังจะสวยมาก แต่เพื่อนเราบางคนเหนื่อยล้า และเลือกที่จะไม่ลงดำน้ำ กลับต้องพบกับการเมาคลื่นแทน.... กลับมาถึงรีสอร์ท ก็พากันอาบน้ำ พักผ่อน ก่อนที่จะได้เวลาอาหารเย็นมื้อใหญ่ของวันนี้ อาหารที่รีสอร์ทจัดให้ล้วนแต่น่าทานทั้งนั้น แต่ว่าอาหารกลับไม่หมดเหมือนเมื่อวาน เพราะความเหนื่อยที่ได้จากการดำน้ำนี่เอง ทำให้ปลาซัมมะตัวโตต้องตายเปล่าจริงๆ..... ค่ำคืนนี้พวกเรายังมีแรงออกไปดูแสงสีของหาดพัทยา เก็บประสบการณ์แสงสียามราตรีก่อนกลับ... ไม่ว่าจะเป็นแสงสีของรีสอร์ทต่างๆ ที่พากันตั้งโต๊ะดินเนอร์ริมทะเลกลางแสงเทียน หรือเป็นการแสดงควงกระบองและโซ่ไฟ... สร้างสีสันให้กับราตรีนี้ได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะแยกย้ายกันพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน.....



วันสุดท้ายของการเดินทาง ไม่น่าเชื่อเลยเวลาผ่านไปรวดเร็วมาก พระอาทิตย์หน้าหาดยังสวยเหมือนเคย แต่ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาเยือนอีกก็ไม่รู้... ทำให้เราต้องออกไปเก็บภาพประทับใจตามมุมต่างๆไว้ได้มากที่สุด บรรยากาศยามเช้าบนเกาะวันนี้ออกจะคึกคักสักหน่อย เพราะมีตลาดนัดยามเช้าที่พากันออกมาจำหน่ายอาหารและขนมตอนเช้า สภากาแฟที่อยู่คู่กับปลาท่องโก๋หน้าตาธรรมดาราคา 3 บาท และตลาดนัดเสื้อผ้าที่เดินทางมาขายไกลถึงที่นี่ และเช้านี้ พวกเรายังได้มีโอกาสใส่บาตรบนเกาะ.... ประทับใจมาก.... ไม่น่าเชื่อนะว่าเกาะหลีเป๊ะจะมีพระอยู่ด้วย.... หลังจากรับประทานอาหารเช้า นักท่องเที่ยวทุกคนก็ทยอยเก็บของและ Check out จากรีสอร์ท กล่าวลาไกด์และน้องๆที่น่ารักของรีสอร์ทที่ช่วยดูแลเป็นอย่างดีตลอดการเดินทาง และถ่ายรูปร่วมกันกับคณะเดินทางทั้งหมด... ก่อนจะโดยสารเรือหางยาวเจ้าเก่า เพื่อไปขึ้นเรือเฟอรี่ลำเดิมซึ่งวิ่งยาวมาจากเกาะลังกาวี... สัญญานะว่าคราวหน้าจะกลับมาเยี่ยมเธออีกนะ หลีเป๊ะ.... มัลดีฟเมืองไทย....





Create Date : 15 พฤษภาคม 2552
Last Update : 20 พฤษภาคม 2552 11:36:21 น. 7 comments
Counter : 1634 Pageviews.

 
หวัดดีค่ะ
อืมน่าเที่ยวมาก อยู่ใกล้ๆ แค่หาดใหญ่ แต่ไม่เคยไป
ต้องหาโอกาสไปสักครั้ง


โดย: PrettyNatty วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:20:40 น.  

 
แน่นอนจ้า ต้องไปแน่ๆ อาจจะอีก 2-3เดือน(พาแฟนไปเที่ยวนะ)เค้าน่าจะชอบทะเลเมืองไทยนะ

บาย..เจอกันใหม่นะ


โดย: PrettyNatty วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:04:39 น.  

 
สวยจังเมืองไทย อิจฉามากกก ขอข้อมูลเรือได้มั้ยคะ ปีใหม่จะได้ตามไปเที่ยวค่ะ


โดย: รักอันดามันจัง IP: 124.121.180.87 วันที่: 26 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:29:11 น.  

 
ได้เลยค่ะ....ตอนไปเที่ยวเนี่ย สามารถไปได้หลายทางค่ะ ต้องถามก่อนว่ามาจากทางไหนนะคะ....
ไปจากตรังก็ได้, หรือจะไปที่สตูลเลย....มีหลายแบบให้เลือก ฝากเมล์ไว้นะคะ แล้วจะตอบให้ค่ะ


โดย: auau_pi วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:07:25 น.  

 
naruk_plam@hotmail.com แล้วก็ hi 5 ด้วยค่ะใช้ตัวเดอียวกัน msn ด้วยค่ะ อยากเที่ยวจัง


โดย: pupa IP: 58.147.40.29 วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:15:20:08 น.  

 
add ชื่อไว้ใน MSN แล้วค่ะ ไว้คุยกันนะคะ


โดย: auau_pi วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:7:18:07 น.  

 
เรียนดำน้ำกับมืออาชีพวันนี้ที่ //www.seafari.co.th


โดย: Wood PPCnSEO IP: 61.7.147.82 วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:15:41:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

auau_py
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




นักเขียนตัวเล็กๆ ที่แชร์ความสุขด้วยการแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ จากการเดินทาง
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add auau_py's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.