- เตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินทางต่าง ๆ ไปให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันหนาว (พกติดตัวอย่าได้ขาด เพราะอากาศที่ดอยอินทนนท์หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี) ร่ม, หมวก และรองเท้าสำหรับเดินบนดอย
จุดที่ 1 พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่เกือบถึงยอดดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุคู่บารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพียงแค่ใช้สายตามองสัมผัส นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมความสวยงามสมพระเกียรติของทั้งสองพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้ อีกทั้งยังล้อมรอบด้วยภูมิทัศน์ของสวนดอกไม้สวย และยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่
พระมหาธาตุนภเมทนีดล
พระมหาธาตุนภเมทนีดลนั้น สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นรูปทรงคล้ายระฆังคว่ำ 8 เหลี่ยม เหนือชั้นระฆังคว่ำขึ้นไปจะมีรูปร่างคล้ายกับดอกบัวหงาย และมียอดปลีแหลมสีทอง พร้อมทั้งฉัตร 9 ชั้นสีเงินอยู่ด้านบนสุด
พระมหาธาตุนภพลภูมิสิ
พระมหาธาตุนภพลภูมิสิ
และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ มีลักษณะเป็นรูปทรง 12 เหลี่ยม ตัวสถูปมีลักษณะคล้ายระฆังคว่ำเช่นกัน แต่มีขอบระเบียงรูปซุ้มกลีบบัวแบ่งเป็นระดับทั้งหมด 6 ระดับ โดยตัวสถูปนั้นตกแต่งด้วยโมเสกแก้วสีม่วงอมชมพูสวยงาม
ในวันที่ฟ้าใสและอากาศเป็นใจ นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับทะเลหมอกในตอนเช้า ซึ่งพอตกช่วงสาย ทะเลหมอกก็จะเริ่มจางคลายตัวให้เรามองเห็นวิวทะเลภูเขาแทน
บรรยากาศของทะเลหมอกยามเช้า
จุดที่ 2 ชมฝูงแกะ (งานปศุสัตว์) ณ หน่วยวิจัยผาตั้ง นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ซ่อนตัวอยู่ในดอยอินทนนท์ และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไปมากนัก ไฮไลท์สำคัญของที่นี่ นั่นคือ การเฝ้าชมเหล่าฝูงแกะที่วิ่งออกมาอวดโฉม ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง เหมือนกับต่างประเทศเลยทีเดียวเชียว
โดยรายได้ส่วนใหญ่ของชาวบ้านที่นี่ มักนำเอา "ขนแกะ" มาแปรรูปเป็นเส้นใยทอผ้าขายให้กับนักท่องเที่ยว เป็นหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน นอกเหนือจากการปลูกผัก ซึ่งมูลนิธิโครงการหลวงรับสนองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ซึ่งแกะทั้งหมดนำเข้าสายพันธุ์จากประเทศออสเตรเลีย ประกอบด้วย 4 สายพันธุ์ ได้แก่ คอร์ริเดล, บอนด์, ดอร์เซท และพันธุ์พื้นเมือง
ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากขนแกะ
ถึงแม้ว่าแกะที่นี่จะไม่ได้ถูกเลี้ยงเพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม เพราะถูกเลี้ยงเพื่อเป็นแกะเศรษฐกิจ แต่ถึงอย่างนั้นนักท่องเที่ยวก็สามารถเข้ามาถ่ายรูปกับฝูงแกะเหล่านี้ได้ แนะนำว่าให้มาช่วงเช้า ๆ โดยชาวบ้านจะปล่อยแกะให้ออกหากินในช่วงเวลาประมาณ 09.30-10.00 น. นักท่องเที่ยวจะได้เห็นอิริยาบถน่ารัก ๆ ของฝูงแกะ ที่บ้างแย่งกันรุมกินอาหาร บ้างและเล็มหญ้าตามเชิงเขา นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวบนดอยอินทนนท์ที่คุณไม่ควรพลาด
ฝูงแกะที่ทยอยออกมาจากคอก
อิริยาบถของฝูงแกะที่กำลังกินอาหารอย่างอร่อย
จุดที่ 3 ชมต้นกาแฟประวัติศาสตร์ ณ บ้านหนองหล่ม บ้านหนองหล่ม ชุมชนชาวปกาเกอะญอ ที่นี่มีต้นกาแฟประวัติศาสตร์ ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2517 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาท เพื่อทอดพระเนตรต้นกาแฟ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2-3 ต้น โดยเป็นต้นกาแฟของพ่อตา "ลุงพะโย่ ตาโร" ชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ และปลูกเอาไว้ท่ามกลางไร่ฝิ่น ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของชาวเขาในยุคนั้น
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพบกาแฟต้นนี้เข้า จึงเกิดความรู้สึกสนพระราชหฤทัยขึ้นมาว่า ต้นกาแฟก็เติบโตที่นี่ได้เหมือนกัน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งเองว่า การที่เสด็จฯ ไปนั้นทำให้ชาวบ้านเขาเห็นว่ากาแฟนั้นสำคัญ จึงสนใจที่จะปลูก จนบัดนี้กาแฟบนดอยมีมากมาย และก็เริ่มจาก 2-3 ต้นนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันกาแฟพันธุ์อาราบิก้าของโครงการหลวง กลายเป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก และที่สำคัญ
สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวเขาได้อย่างยั่งยืน
และนี่คือกาแฟต้นแรก จุดกำเนิดของกาแฟต้นอื่น ๆ ที่ทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองกาแฟ และเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นอยู่ที่ดีของชาวบ้านที่นี่
สายตาของคุณลุงพะโย่ ตาโร ชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ ขณะที่กำลังเล่าเรื่องราวความหลังที่เกิดขึ้นกับ "ต้นกาแฟประวัติศาสตร์" ต้นนี้ โดยไม่เคยลืมเลือนจากความทรงจำ