All Blog
ผุดไอเดียแคปซูลนั่งพ่นยาควบคุมเชื้อแพร่กระจาย
กรมสบส.ผุดไอเดียแคปซูลนั่งพ่นยาควบคุมการแพร่กระจายเชื้อระบบทางเดินหายใจ  

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ คิดค้นออกแบบแคปซูลนั่งพ่นยา ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ ในระบบทางเดินหายใจ ป้องกันแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล สร้างความมั่นใจให้กับเจ้าหน้าที่และผู้รับบริการ

นายแพทย์ณัฐวุฒิ  ประเสริฐสิริพงศ์  อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า โรงพยาบาลเป็นสถานพยาบาลที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก สิ่งสำคัญที่ต้องได้มาตรฐาน คือ โรงพยาบาลต้องมีการควบคุมให้ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการในระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคหอบหืดและถุงลมโป่งพอง

จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่แยกเฉพาะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อทางอากาศ ถ้าไม่มีการควบคุมความชื้น ความดันอากาศ อุณหภูมิ และการระบายอากาศ ยาที่ใช้พ่น จะเกิดการฟุ้งกระจายในอากาศบริเวณโดยรอบ  ทำให้เสี่ยงในการติดเชื้อแก่เจ้าหน้าที่ตลอดจนผู้มารับบริการในโรงพยาบาล


 


 
 
จากปัญหาดังกล่าว กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 7 จึงได้ศึกษาออกแบบแคปซูลนั่งพ่นยา ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ ในระบบทางเดินหายใจ เพื่อสร้างความมั่นใจและสะดวกแก่ผู้รับบริการ และเจ้าหน้าที่ผู้สังเกตอาการขณะใช้ยากับผู้มารับบริการ

นายบุญเพ็ง ยอดบุญมา ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 7  กล่าวเพิ่มเติมว่า แคปซูลพ่นยา ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ ในระบบทางเดินหายใจ มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความดันอากาศ และการระบายอากาศ วิธีการโดยให้ผู้ที่รับการพ่นยาเข้าไปในพื้นที่ที่จัดเตรียมออกแบบไว้ให้ นั่งเก้าอี้ด้วยท่าสบายและปิดประตูเพื่อกันอากาศถ่ายเทปะปนกัน


 


 

 
 
อากาศจะไหลผ่านบริเวณตัวของผู้รับบริการในพื้นที่จำกัดมีระบบระบายอากาศเข้าและมีพัดลมดูดอากาศเสียผ่านชุดกรองฆ่าเชื้อออกไปทิ้งนอกอาคารมีท่อต่อระบายอากาศ ข้อดีของชุดแคปซูล นั่งพ่นยา ควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ  ในระบบทางเดินหายใจ คือ มีขนาดพอดีกับผู้ป่วยสะดวกต่อการใช้งาน ใช้พื้นที่น้อย สามารถใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อน ราคาไม่สูงต่อชุดอุปกรณ์ ชุดควบคุมสามารถวัดเทียบค่ามาตรฐานได้ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้นำไปทดลองใช้ในโรงพยาบาลวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามแล้ว

ทั้งนี้  โรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณปรีชา  ชื่นชมภู ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 7 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หมายเลขโทรศัพท์ 081 444 7748 ในวันและเวลาราชการ


 









 



Create Date : 19 สิงหาคม 2562
Last Update : 19 สิงหาคม 2562 10:03:40 น.
Counter : 1212 Pageviews.

1 comment
กสม.เชิญเสนอชื่อบุคคลผลงานดีเด่นด้านสิทธิมนุษยชน
กสม.ขอเชิญชวนเสนอชื่อบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2562ตั้งแต่วันนี้ - 16 กันยายน 2562

นายโสพล จริงจิตร เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 247 (5)

ในการสร้างเสริมทุกภาคส่วนของสังคมให้ตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิมนุษยชน และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 27 (2)


 
ในการส่งเสริมและเผยแพร่ให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนของแต่ละบุคคลที่ทัดเทียมกัน และการเคารพในสิทธิมนุษยชนของบุคคลอื่นซึ่งอาจแตกต่างกันในทางวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และศาสนา

โดย กสม. ได้เห็นถึงบทบาทอันสำคัญยิ่งของบุคคลและองค์กรที่ทำงานเพื่อพิทักษ์และพัฒนาสิทธิมนุษยชนให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยเฉพาะผู้ที่อุทิศตนเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน


 
อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์ต่อบุคคลทุกคนในสังคมและหรือประเทศชาติโดยรวม จึงได้จัดทำ "โครงการคัดเลือกบุคคลและองค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2562" ขึ้น

ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 2548 เพื่อมอบรางวัลยกย่อง เชิดชู และประกาศเกียรติคุณบุคคลและองค์กรเหล่านี้ให้สังคมได้รับรู้ อันเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ที่อุทิศตนเอง


เป็นแบบอย่างและเป็นแรงบันดาลใจแก่บุคคลและองค์กรอื่นในสังคม เพื่อจะได้เกิดจิตสำนึก ความตระหนัก และร่วมมือกันรณรงค์ให้เกิดกระแสสังคมในการให้ความสำคัญต่อการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง อันส่งผลให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยลดน้อยลงได้

ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันเสนอชื่อบุคคลและองค์กรมีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนใน 7 ด้าน ได้แก่ 1) สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม 2) สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 3) สิทธิเด็ก


 
4) การขจัดการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ 5) การขจัดการเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์และสถานะบุคคล 6) การต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติหรือลงโทษอื่นที่โหดร้าย และ 7) สิทธิคนพิการ หรือ สิทธิผู้สูงวัย โดยรางวัลแต่ละด้านสามารถเสนอชื่อได้ทั้งบุคคล โดยไม่จำกัดเพศ และองค์กรได้ทั้งภาครัฐภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน" นายโสพล กล่าว

ทั้งนี้ บุคคลและองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 7 ด้าน จะได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล รางวัลละ 25,000 บาท (สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยพิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในงานวันสิทธิมนุษยชนสากล 10 ธันวาคม ประจำปี 2562


 
ผู้สนใจสามารถเสนอชื่อบุคคลและองค์กรได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 16 กันยายน 2562 โดยจัดส่งแบบเสนอชื่อพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์มาที่ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

สำนักส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 6 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 หรือ ส่งทางอีเมล chamaree@nhrc.or.thดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.nhrc.or.th  และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2141 3930, 0 2141 3931



 




 

              

 

 



Create Date : 01 สิงหาคม 2562
Last Update : 1 สิงหาคม 2562 17:07:02 น.
Counter : 565 Pageviews.

0 comment
บริการฟรีแท็กซี่เฉลิมพระเกียรติ
ปล่อยคาราวานรถแท็กซี่สหกรณ์ 300 คัน ร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา วิ่งรับผู้โดยสารฟรีทั่วกรุงเทพฯ

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2562 พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะอธิบดี กรมส่งเสริมสหกรณ์

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าร่วมในพิธี โดยมี นายวิฑูรย์แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการครั้งนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 


 
โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับสหกรณ์แท็กซี่ ผู้ประกอบการแท็กซี่ และสมาชิกสหกรณ์ผู้ขับรถแท็กซี่ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนพรรษา ครบ 67 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2562 

โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์  จากนั้นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ปล่อยคาราวานรถแท็กซี่เพื่อเริ่มวิ่งบริการประชาชน โดยได้ตั้งขบวนรถแท็กซี่เริ่มจากบริเวณสนามหญ้าของสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ เขตดุสิต กรุงเทพฯ  

 


 
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการจัดงานดังกล่าวว่า มีความประทับใจและชื่นชมเป็นอย่างมาก ที่ขบวนการสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์แท็กซี่ ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมากว่า 30 ปี

ได้ร่วมกันทำกิจกรรมทำความดีด้วยหัวใจ ในโอกาสสำคัญตลอดมา กิจกรรมทำความดีเพื่อถวายความจงรักภักดีในวันนี้ นอกจากเป็นการแสดงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาแล้ว

 


 
ยังจะเห็นได้ว่าพวกเราทุกคนได้น้อมนำพระปณิธานในการเป็นจิตอาสาของพระองค์ท่านมาปฏิบัติซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการทำความดีด้วยหัวใจ โดยหวังว่ากิจกรรมที่ได้ร่วมกันทำในวันนี้ จะสร้างแรงจูงใจให้พี่น้องประชาชนได้มาร่วมกันสร้างความดีในรูปแบบต่างๆ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10  และเป็นพลังในการพัฒนาขบวนการสหกรณ์ให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

ทั้งนี้ โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2562  ทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันนำรถแท็กซี่สหกรณ์ ประมาณ 300 คัน มาวิ่งให้บริการแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครในวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น.

 


 
ซึ่งผู้โดยสารสามารถนั่งรถแท็กซี่ฟรี โดยไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆโดยประชาชนสามารถใช้บริการรถแท็กซี่ที่มีสัญลักษณ์สติ๊กเกอร์สีเหลืองข้อความว่า  “เรารักในหลวงรัชกาลที่10” และ “ฟรี” ติดอยู่บริเวณกระจกกันลมด้านหน้า มองเห็นได้ชัดเจน

โครงการดังกล่าวทางเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจ โดยน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10

 


 
ในการเป็นจิตอาสามาเป็นทางในการปฏิบัติเพื่อสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดขึ้นกับคนในสังคมไทย พร้อมกันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ยังได้ทดลองนั่งรถแท็กซี่สหกรณ์ฟรี เส้นทางจากสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ เขตดุสิต ไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย


 



 






 



Create Date : 27 กรกฎาคม 2562
Last Update : 27 กรกฎาคม 2562 12:08:24 น.
Counter : 997 Pageviews.

0 comment
"ไต้หวัน-ไทย"แชร์นวัตกรรมการแพทย์อัจฉริยะ
"ไต้หวัน-ไทย"แชร์นวัตกรรมการแพทย์อัจฉริยะยกระดับอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ดึงเอกชน 16 บริษัท จัดแสดงอุปกรณ์การแพทย์นานาชาติ โชว์เครื่องอัลตร้าซาวด์พกพา กระดาษอิเล็กทรอนิกส์ แว่นตาสำหรับผ่าตัดกระดูก คลังข้อมูลระบบคลาวด์ 

นายเฉิน มู่ ควน ผู้อำนวยการ รพ.จางฮั่วคริสเตียน เปิดเผยว่า รพ.จางฮั่วคริสเตียน และสมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป  ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานแสดงอุปกรณ์การแพทย์นานาชาติและการประชุมวิชาการทางการแพทย์ประจำปี 2562 (Medical Devices ASEAN 2019)  

ภายในงานได้นำผู้ประกอบการการรักษาด้านระบบอัจฉริยะระดับคุณภาพจากไต้หวัน 16 ราย จัดแสดงเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพจากไต้หวัน เพื่อตอบรับความหลากหลายในความต้องการทางการแพทย์ และการรักษาสุขภาพของไทยและอาเซียน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีทางการรักษาที่พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว


 

 
สำหรับการจัดงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มุ่งเน้นผลักดันนโยบายไทยแลนด์4.0 และนโยบายโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  และการร่วมมือกับนโยบายมุ่งสู่ใต้ของรัฐบาลไต้หวันในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อด้านการยกระดับอุตสาหกรรมทางการแพทย์ให้ยั่งยืน  โดยการแบ่งปันแนวทางพัฒนาการร่วมมือ และโอกาสในการทำสัญญา ผ่านงานเสวนา “นวัตกรรมและการประยุกต์ใช้การดูแลสุขภาพด้วยระบบอัจฉริยะของไต้หวัน”

ในส่วนของเวทีกิจกรรมหลัก มีโซนจัดแสดงอุปกรณ์การรักษาอาเซียน ซึ่งดึงดูดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีการรักษาในไทยและประเทศอื่นๆในอาเซียนร้อยกว่าคนให้เข้าร่วม โดยภายในงานได้มีการพูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างคึกคัก


 

 
ซึ่งเป็นงานเสวนาหลักของงานและเน้นแบ่งปันประสบการณ์ทางการรักษาด้วยระบบอัจฉริยะซึ่งยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเป็นหลัก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานเสวนาครั้งนี้จะมีส่วนช่วยในการแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ในด้านการรักษาด้วยระบบอัจฉริยะของระหว่างทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น

ด้านนายถงเจิ้นหยวน ผู้แทนรัฐบาล สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายมุ่งสู่ใต้ของไต้หวัน จะสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและไต้หวันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในประเทศไทยได้จัดทำแอคเคาท์ LINE ไว้หลายแอคเคาท์ด้วยกันเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ


 
โดยไต้หวันเป็นผู้นำด้านการรักษาด้วยระบบอัจฉริยะ หน่วยงานทางการแพทย์ระดับสูงต่างๆ เช่นรพ.กรุงเทพคริสเตียน รพ.โอเวอร์บรุ๊ค รพ.ตำรวจ รพ.อาร์เอสยูอินเตอร์เนชั่นแนล และรพ.หัวเฉียว โดยโรงพยาบาลต่างๆ ดังกล่าว เคยเข้าเยี่ยมชม
รพ.จางฮั่วคริสเตียน และผู้ประกอบการการรักษาด้วยระบบอัจฉริยะจากไต้หวัน 

นายถงเจิ้นหยวน กล่าวด้วยว่า การรักษาด้วยระบบอัจฉริยะเป็นยุทธศาสตร์ และเป้าหมายหลักในนโยบายทางการแพทย์ของไทย ในอนาคตทางไต้หวันมีความยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์และนำสินค้าพร้อมเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นยอดมาสู่ประเทศไทย ผลักดันให้การรักษาด้วยระบบอัจฉริยะของไทยปฏิรูปได้เร็วยิ่งขึ้น


ภายหลังงานเสวนา ผู้ร่วมงานยังได้เยี่ยมชมซุ้มจัดแสดงเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพจากไต้หวันพร้อมกับแขกผู้เข้าร่วมเสวนา เพื่อสัมผัสประสบการณ์กับสินค้าพิเศษต่างๆ อาทิเช่น เครื่องอัลตราซาวด์แบบพกพา กระดาษอิเลคทรอนิกส์ หรือ e-paper เทคโนโลยีการแสดงผลที่เลียนแบบลักษณะการใช้หมึกบนกระดาษปกติ แว่นตาทางการแพทย์สำหรับการผ่าตัดกระดูก ระบบกายภาพอัจฉริยะแบบคลังข้อมูลคลาวด์ และเครื่องตรวจอัจฉริยะที่สามารถตรวจได้ทั้งตา หู ช่องปาก และผิวหนัง ฯลฯ

 


 
สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 16 รายที่เข้าร่วมซุ้มจัดแสดงเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพจากไต้หวันต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกะทิในด้านนี้ มี 11 รายนำโดยโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน ได้แก่ บริษัทImedtac บริษัทeplus บริษัทK2 Medical (Thailand) บริษัทbionime บริษัทLonggood บริษัทEUE Tech

บริษัทTaiwan Main Orthopaedic Biotechnology บริษัทBenQ Medical Technology บริษัทQSCC บริษัทMedimaging Integrated Solution และบริษัทBeautycom Biotechnology และ 5 ราย นำโดยสมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป ได้แก่ บริษัทLeadtek บริษัทThinkCloud บริษัทLIPS บริษัทHuijia Health และบริษัทSeteria 



 





 



 



Create Date : 16 กรกฎาคม 2562
Last Update : 16 กรกฎาคม 2562 16:22:28 น.
Counter : 639 Pageviews.

0 comment
เทรนด์สวมใส่เสื้อผ้าอย่างยั่งยืน ???
Sustainable Fashion trendsเทรนด์การสวมใส่เสื้อผ้าตัวโปรดอย่างยั่งยืน โดยไม่กลัวเสื้อเก่า
 
ปัจจุบัน กิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ถูกโยงกับปรัชญาการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน ผู้บริโภคในปัจจุบันมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เทรนด์ผู้บริโภคที่เน้นการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองมีมากขึ้น จากการสำรวจ consumer insight ในปี 2019* ได้แก่ Plastic-free world ที่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ก็มีการรณรงค์การใช้ถุงผ้า หรือ นำถุงใส่ของมาเอง







โดยมีการคิดราคาหากผู้บริโภคต้องการใช้ถุงพลาสติก ซูเปอร์มาร์เก็ตบางที่กำหนดหนึ่งวันในสัปดาห์เป็นวันปลอดการใช้ถุงพลาสติก The Rise of Green Consumption หรือ การที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรม “Go green” ซึ่งหมายถึงผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมที่คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า 
นอกจากเทรนด์ที่เป็นที่นิยมข้างต้นแล้ว ยังมีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ผู้บริโภคสามารถทำได้ และจะนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน นั่นคือการสร้าง Sustainable Wardrobe ซึ่ง พลพัฒน์ อัศวะประภา หรือหมู-อาซาว่า ดีไซเนอร์อันดับต้นของประเทศไทยแห่งแบรนด์ Asava ให้ความเห็นว่า “ปัจจุบันวงการแฟชั่นก็มีแนวทางที่ทำให้เสื้อผ้าที่ผู้บริโภคใส่แล้วคุ้มค่าตามแนวทางการบริโภคอย่างยั่งยืน





ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าตัวผมเป็นคนที่ใส่เสื้อผ้าซ้ำอยู่ตลอด เชื่อว่าทุกคนจะมีเสื้อผ้าตัวโปรด ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องหน้าอาย แต่เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุนให้ผู้บริโภคปฏิบัติ เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย แน่นอนว่าใครหลายคนอาจจะกังวลเวลาใส่เสื้อผ้าซ้ำ ดังนั้นเวลาจะเลือกซื้อเสื้อผ้า tips ง่ายๆ อาทิ 
เลือกแบบที่เราชอบจริงๆ คิดว่าใส่อย่างน้อย 30 ครั้ง ถือว่าคุ้ม 
เลือกเสื้อผ้าที่มีความทนทาน ทำจากวัสดุและเนื้อผ้าที่มีคุณภาพ 
เลือกเสื้อผ้าที่เราสามารถดูได้จากป้ายเสื้อ ว่าผลิตจากผ้าชนิดใด และมีวิธีการดูแล
 นอกจากนี้ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการดูแลรักษาเสื้อผ้าตัวโปรด สำหรับตัวผมเลือกใช้เครื่องซักผ้าคุณภาพสูงที่มีฟังก์ชันการถนอมเสื้อผ้าที่หลากหลาย ด้วยเทคโนโลยีถนอมผ้าให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ ซึ่งเครื่องซักผ้าที่มีประสิทธิภาพสูงบางรุ่นพบว่าสามารถ ช่วยปกป้องสีผ้าได้ดีกว่าเดิม 40% จากการทดสอบหลังซักมาแล้วกว่า 52 ครั้ง ดังนั้นเรามั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าตัวโปรดของเราใส่กี่ครั้งสีก็ยังสดใส เรียกได้ว่าเป็น “เครื่องรักผ้า” ทีเดียว






สนับสนุนข้อมูลโดยอีเลคโทรลักซ์ 
*หมายเหตุ ข้อมูล Consumer insight จาก 
https://www.beveragedaily.com 
https://blog.globalwebindex.com





 



Create Date : 16 กรกฎาคม 2562
Last Update : 16 กรกฎาคม 2562 13:23:52 น.
Counter : 711 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments