All Blog
ประมูลสุดยอดกาแฟ"อะราบิก้า"คว้าราคาสูงกก. 23,000 บาท
"กรมวิชาการเกษตร"จัดประมูลสุดยอดกาแฟไทย นำเมล็ดกาแฟชนะรางวัลถ้วยพระราชทานฯ ประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 รวม 40 รายการ ประมูลผ่านระบบออนไลน์ ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟเข้าร่วมประมูลคึกคัก เมล็ดพันธุ์กาแฟ “อะราบิก้า” กระบวนการผลิตแบบกึ่งแห้ง จากเกษตรกรจังหวัดน่าน คว้าราคาประมูลสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 23,000 บาท รวมยอดประมูลทั้งหมดกว่า 8 แสนบาท  ชี้อุตสาหกรรมกาแฟไทยยังมีโอกาสเติบโตทั้งตลาดในประเทศและส่งออก


นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานประมูล 10 สุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า ปัจจุบันกาแฟของไทยมีพัฒนาการกระโดดก้าวไปไกล ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และการตลาด ในการประกวด 10 สุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 นี้ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟระดับประเทศมาร่วมทดสอบรสชาติกาแฟ และคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่เป็น 10 สุดยอดกาแฟไทยใน 4 ประเภท







 








 
ทั้งนี้ได้แก่ กาแฟโรบัสต้า กาแฟอะราบิกาประเภท Dry Process, Wet Process และ Honey Process ซึ่งทั้งหมดถือเป็นต้นแบบที่ดีของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกาแฟไทย  โดยนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธานในพิธีรับถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมมอบเงินรางวัลและประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ที่ชนะการประกวด


การจัดการประกวดสุดยอดกาแฟเป็นไปตามนโยบายของนายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  ที่ต้องการรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการสวน การผลิตกาแฟตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำตลอดห่วงโซ่การผลิต ถือเป็นการยกระดับคุณภาพกาแฟไทยให้มีอัตลักษณ์ของกาแฟเฉพาะถิ่น คุณภาพดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งสามารถเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ และความยั่งยืนแก่เกษตรกร  







 







 
ปัจจุบันกาแฟถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มแบบก้าวกระโดดได้ โดยก่อนหน้านี้ราคาเมล็ดกาแฟอาจจะถูกมาก   แต่ปัจจุบันราคาเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและผ่านกระบวนการผลิตแล้วนั้นสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงมาก  เช่นในปีนี้ที่มีการประมูลกันมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 23,000 บาท ซึ่งเป็นกาแฟอะราบิก้า กระบวนการผลิตแบบกึ่งแห้ง (Semi-Dry / Honey Process) ของเกษตรกรจากจังหวัดน่านที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดในประเภทนี้ 

 
ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกให้ความนิยมดื่มกาแฟ ในประเทศก็มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟเป็นมูลค่าสูงทุกปี จึงเห็นได้ว่ากาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคต และเป็นพืชที่เกษตรกรสามารถปลูกน้อยแต่สร้างรายได้ที่มากได้แน่นอน หากเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการผลิตของพืชชนิดนี้






 







 
ดร.ธีรวัฒน์ วงศ์วรทัต นายกสมาคมกาแฟและชาไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการการจัดงานประมูล 10 สุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่าได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ โรงคั่ว และผู้สนใจ เข้ามาร่วมประมูลเมล็ดกาแฟที่ได้รับคัดเลือกเป็น 10 สุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 ใน 4 ประเภท รวมทั้งสิ้น 40 รายการ คิดเป็นมูลค่าการประมูลรวมกว่า 8 แสนบาท

โดยเมล็ดกาแฟอะราบิก้า ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในประเภทกระบวนการผลิตแบบกึ่งแห้ง (Semi-Dry / Honey Process) ของนายวิชัย กำเนิดมงคล เกษตรกรจากจังหวัดน่าน ซึ่งได้ cupping score 87.29 ได้รับการประมูลมีมูลค่าสูงที่สุด คือกิโลกรัมละ 23,000 บาท ในขณะที่กาแฟอะราบิก้าแบบเปียก หรือ Wet / Fully Wash Process มีมูลค่าการประมูลสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 3,050 บาท  

ส่วนกาแฟอะราบิก้าแบบแห้ง หรือ Dry Process มีมูลค่าการประมูลสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 5,050 บาท และกาแฟโรบัสต้า มีมูลค่าการประมูลสูงสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 5,500 บาท โดยรายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมดนี้ ผู้ประมูลจะจ่ายตรงให้กับเกษตรกรโดยทางผู้จัดกิจกรรมโดยจะไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการประมูลสูงสุด 







 









 



Create Date : 31 สิงหาคม 2565
Last Update : 31 สิงหาคม 2565 18:47:21 น.
Counter : 303 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments