Group Blog All Blog
|
เห็ดเผาะฟื้นฟูป่าลดPM 2.5
วช.หนุนทีมนักวิจัยจุฬาฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้เห็ดเผาะเพื่อฟื้นฟูป่าฯ หวังช่วยลดปัญหา PM 2.5 จากการเผาป่า พร้อมสร้างแปลงต้นแบบในการใช้ประโยชน์จากป่าทั้งทางด้านอาหารและรายได้อย่างยั่งยืน
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้สนับสนุนทุนวิจัยในโปรแกรมโจทย์ท้าท้ายด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ให้กับ “ โครงการบูรณาการของการใช้เห็ดเผาะเพื่อฟื้นฟูป่าและลด PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาป่าในบริเวณพื้นที่รอยต่ออุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน” ผศ.ดร.จิตรตรา เพียภูเขียว จากภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเผาป่าเพื่อหาของป่าของชาวบ้าน เช่น เห็ดเผาะ ซึ่งเป็นเห็ดที่ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้เหมือนเห็ดในท้องตลาดทั่วไปต้องเก็บจากป่าธรรมชาติ โดยชาวบ้านมีความเชื่อและเข้าใจผิดว่าการเผาป่าทำให้เกิดความร้อนช่วยกระตุ้นให้เกิดเห็ดเผาะจำนวนมาก ในความเป็นจริงการเผาป่าจะทำลายเส้นใยเห็ดเผาะที่อยู่กับรากพืชใต้ดิน รวมถึงพืชซึ่งเป็นที่อาศัยของเห็ดเผาะ จึงเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อต้นไม้และระบบนิเวศในพื้นที่จะเสื่อมโทรมลงไปเรื่อย ๆ และที่สำคัญจำนวนและชนิดของเห็ดป่าต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่รอยต่อระหว่างป่าอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง กับพื้นที่ทำกินของชาวบ้านเพื่อป้องกันการบุกรุกป่าอนุรักษ์ของอุทยานในอนาคต โดยใช้ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะในการช่วยกระตุ้นการเจริญและการอยู่รอดของต้นกล้า เพื่อเป็นแปลงต้นแบบในการสร้างและใช้ประโยชน์จากป่าทั้งทางด้านอาหารและรายได้อย่างยั่งยืน จากงานวิจัย ทำให้เกิดองค์ความรู้ต่าง ๆ เช่น ป่าชุมชนที่เสื่อมโทรมจากการเกิดไฟป่าต่อเนื่องทุกปีสามารถทำให้ผลผลิตเห็ดเผาะและเห็ดป่าอื่นลดลง เนื่องจากเห็ดกลุ่มนี้คือ เชื้อราที่อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพากับรากของพืชที่อาศัย เช่น ไม้ในวงศ์ไม้ยาง วงศ์ก่อและวงศ์สน เมื่อเกิดไฟป่าเส้นใยราใต้ดินจะถูกทำลายและมีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ ทั้งนี้การวิจัยในโครงการได้มีการใส่หัวเชื้อเห็ดเผาะในรูปแบบเส้นใยเพิ่มในป่าชุมชนที่ถูกรบกวนอย่างต่อเนื่อง และได้ติดตามผลผลิตเห็ดเผาะในพื้นที่หลังจากการใส่หัวเชื้อ แต่เนื่องจากการเกิดดอกเห็ดเผาะ ซึ่งเป็นโครงสร้างสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของรานั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมคือ อุณหภูมิและความชื้นดิน โดยในปี 2564 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมาพบว่า ประเทศไทยเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปีก่อน ๆ ส่งผลให้ความชื้นในดินสูงเกินกว่าความชื้นที่เหมาะสมในการทำให้เกิดเห็ดเผาะ จึงไม่พบการเกิดดอกเห็ดเผาะในพื้นที่ทั้งที่เคยพบเห็ดเผาะจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังพบดอกเห็ดป่าไมคอร์ไรซาชนิดอื่นที่เป็นอาหารในพื้นที่ป่าชุมชน เช่น เห็ดระโงกเหลือง เห็ดระโงกขาว และเห็ดไคล เป็นต้น รวมทั้งเห็ดโคนที่อาศัยอยู่กับปลวก ซึ่งเป็นเห็ดป่าที่ชอบความชื้นในดินที่ค่อนข้างสูง ผศ.ดร.จิตรตรา กล่าวว่า ความรู้ที่ได้รับจากการวิจัยในโครงการนี้ และงานวิจัยต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ถูกนำไปถ่ายทอดสู่ชุมชนผ่านการอบรม “ปลูกป่ายังไง ให้ได้กินเห็ด” โดยได้รับการสนับสนุนจากชมรมผู้ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล มีผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ 50 คน ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้าน โดยเฉพาะเกษตรกรในตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน รวมถึงคุณครูจากตำบลใกล้เคียงเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดสู่ชุมชนของตนเองต่อไป รายงานผลการทดลองที่ผ่านมาพบว่า ในแปลงปลูกป่าใหม่ต้องใช้เวลาที่จะทำให้เกิดดอกเห็ดไมคอร์ไรซาอย่างน้อย 3 ปีหลังจากการย้ายปลูกกล้าไม้และการใส่หัวเชื้อ ดังนั้นจึงควรต้องมีการศึกษาติดตามผลการเกิดดอกเห็ดเผาะหรือเห็ดไมคอร์ไรซาอย่างต่อเนื่องในป่าชุมชน และป่าปลูกที่มีการใส่เชื้อเห็ดไมคอร์ไรซา ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเพิ่มผลผลิตของเห็ดเผาะและเห็ดป่าไมคอร์ไรซาอื่น ๆ ในอนาคต จากงานวิจัยที่มุ่งเน้นการเพิ่มผลิตของเห็ดเผาะในป่าชุมชนด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยไม่ต้องเผาป่า ทั้งการแสดงให้เห็นจริง เพื่อให้เกิดการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ การให้ชุมชนมีส่วนร่วม และมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชแบบวนเกษตร เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้กับชุมชน ส่งผลให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกิดการรวมตัวของชุมชน สามารถจัดตั้งเป็นกลุ่มเพาะกล้าไม้ที่มีคุณภาพโดยการใช้ราไมคอร์ไรซา ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชุมชนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสร้างความตระหนัก หวงแหน และการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นอีกด้วย มหึมา ! ซากหมูเถื่อนซุกห้องเย็นสมุทรสาคร
รมว.เกษตรสั่งปศุสัตว์คุมเข้มตรวจห้องเย็นต่อเนื่อง ล่าสุดพบห้องเย็นสมุทรสาครซุกซากสุกรผิดกฎหมาย 64,000 กิโลกรัม อายัดรอดำเนินคดีต่อไป
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการควบคุมป้องกันโรคระบาดสัตว์ และความปลอดภัยอาหาร ตรวจสอบห้องเย็นและตามด่านชายแดนต่างๆ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวดอย่างค่อเนื่องเเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศให้มีความปลอดภัยอาหาร ได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับมีแหล่งที่มาชัดเจนได้ พบซากสัตว์ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศจำนวน 5 รายการ รวม 64,000 กิโลกรัม โดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า 3 รายการ และไม่ทราบแหล่งที่มา 2 รายการ ประกอบด้วยซากสุกร(ตับสุกร) จากประเทศเกาหลี จำนวน 936 กล่อง น้ำหนัก 9,360 กิโลกรัม, ซากสุกร กล่องน้ำตาล ระบุข้างกล่องจากประเทศบราซิล จำนวน 895 กล่อง น้ำหนัก 10,740 กิโลกรัม ซากสัตว์ทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดซากสัตว์ดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มา พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในการเข้าตรวจสอบไว้ที่สถานีตำรวจ สภ.โคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร และแจ้งให้ผู้ประกอบการนำเอกสารใบอนุญาตนำเข้า ใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ ใบรับรองสุขศาสตร์ซากสัตว์ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงภายใน 15 วันทำการ หากไม่สามารถนำมาแสดงได้จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ https://www.dld.go.th หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 หรือ application DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง "อุตฯ-กทม.-SCG"ใช้วัตกรรมไซโคลนิกแก้น้ำเสียคลองแสนแสบ
"กระทรวงอุตสาหกรรม"จับมือกทม.เอสซีจี จัดทำโครงการ“จิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ที่ชุมชนกมาลุลอิสลาม”เฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.) ให้ร่วมบูรณาการพัฒนาคุณภาพน้ำในคลองเปรมประชากร และคลองแสนแสบตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) 2. การติดตั้งและใช้งานระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ณ สถานที่จริง (Onsite) โดยกระทรวงฯ ร่วมกับ เอสซีจี ดำเนินการจัดสร้างระบบฯ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ชุมชนกมาลุลอิสลาม ซึ่งจะช่วยลดการระบายน้ำเสียของชุมชนลงคลองแสนแสบตั้งแต่ต้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 3. การผลิตถังดักไขมัน 1,500 ถัง เพื่อนำไปติดตั้งแก่บ้านเรือนและชุมชนริมคลองแสนแสบและคลองสาขา ในพื้นที่ 21 เขต ปัจจุบัน กระทรวงฯ ได้ส่งมอบถังดักไขมันแล้ว 1,122 ถัง ซึ่งจะส่งมอบครบถ้วนภายในเดือนนี้ กระทรวงฯได้สนองพระบรมราโชบายเรื่องจิตอาสามาสู่การปฏิบัติด้วยการร่วมพัฒนาคุณภาพน้ำ ในแม่น้ำและลำคลองสายสำคัญของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาน้ำเสีย ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน นอกจากโครงการจิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบแล้ว ในปีนี้ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการใน 10 คลองและแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี มีความมุ่งมั่นร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่น โปร่งใส) ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังกับกระทรวงอุตสาหกรรม ในโครงการ “จิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ที่ชุมชนกมาลุลอิสลาม” เฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อร่วมนำนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาน้ำเสียในลำน้ำสาธารณะและลุ่มน้ำสายหลักของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุณภาพชีวิตของชุมชนเมืองที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำสาธารณะ อีกทั้งยังช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อโรค โดยจะติดตั้งนวัตกรรมดังกล่าว จำนวน 2 ชุด ซึ่งถังบำบัดน้ำเสีย 1 ชุด จะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ถึง 1,000 ลิตรต่อวัน ตอบโจทย์การใช้งานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนกมาลุลอิสลาม นอกจากนี้ เอสซีจีพี ยังได้ร่วมสนับสนุน ถังดักไขมัน นวัตกรรมแบบดีไอวาย ที่เอสซีจีพีพัฒนาขึ้น โดยทำจากวัสดุที่หาซื้อได้ทั่วไป ประกอบง่าย ราคาประหยัด เพื่อใช้กรองเศษอาหารและช่วยแยกไขมันออกจากน้ำก่อนปล่อยน้ำทิ้งสู่ท่อระบายน้ำ ช่วยเสริมสร้างสุขอนามัยให้ชุมชนน่าอยู่มากยิ่งขึ้น” ผู้สนใจสามารถติดตามนวัตกรรมและข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจี ได้ที่ https://www.scg.com/esg/ https://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel อบจ.ประจวบทอดผ้าป่าสร้างรูปเหมือนขุนรองปลัดชู
อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดพิธีทอดผ้าป่าสมัคคีสร้างรูปเหมือน“ขุนรองปลัดชู”วีรบุรุษเมืองวิเศษไชยชาญ อดีตผู้ต้านทัพพม่าและจบชีวิตที่ อ่าวหว้าขาว(ปัจจุบันคือพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)
องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดพิธีทอดผ้าป่าสมัคคีเพื่อสร้างรูปเหมือนขุนรองปลัดชู โดยมีพระครูพิศิษฏ์ธรรมนิเทศ วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พลตรี ดร.วรวุฒิ แสงทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน.นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ดร.มังกรแก้ว ดรุณศิลป์ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ และดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี ร่วมเป็นประธานและนำข้าราชการท้องถิ่น ชาวทุ่งมะเม่าและชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกันนี้ยังได้ทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อร่วมสมทบทุนสร้างรูปเหมือนขุนรองปลัดชูขนาด 2 เท่าคนจริง เพื่อประดิษฐานไว้ ณ บริเวณอนุสรณ์สถานชายทะเลหาดหว้าขาวแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ขุนรองปลัดชูและนักรบทั้ง 400 นาย จากเมืองวิเศษชัยชาญต้านทัพพม่าจนเสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวได้สักการะและรำลึกถึงบุญคุณและวีรกรรมความกล้าหาญ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ขุนรองปลัดชู เป็นผู้นำในคณะกรมการเมืองวิเศษไชยชาญ (ปัจจุบันคืออำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง) มีชีวิตในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) ซึ่งได้รวบรวมไพร่พลเข้าเป็นกองอาสาสมัคร 400 คน สังกัดกองอาทมาต เพื่อเข้าร่วมทัพกรุงศรีอยุธยาต่อต้านการบุกครองของกองทัพพม่าในสงครามพระเจ้าอลองพญา เมื่อสามารถระดมไพร่พลเข้าเป็นอาสาสมัครกองอาทมาตได้ 400 คนแล้ว ขุนรองปลัดชูได้นำกำลังของตนเข้าสมทบกับกองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์* ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปตั้งทัพสกัดกองทัพพม่าที่นำโดยเจ้ามังระราชบุตรและมังฆ้องนรธา อันยกมาทางเมืองมะริดและตะนาวศรี หลังจากตีทัพของพระยายมราชแห่งอยุธยาที่แก่งตุ่มแขวงเมืองตะนาวศรีแตกแล้ว กองอาทมาตของขุนรองปลัดชูได้ปะทะกับกองทัพพม่าซึ่งมีกำลังราว 8,000 คน ตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงก็ยังไม่แพ้ชนะ แต่ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าและไม่ได้รับกำลังเสริมจากทัพของพระยารัตนาธิเบศร์* (พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมและพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวว่า ได้รับไพร่พลจากทัพหลักเป็นกองหนุนสมทบอีก 500 คน) กองอาทมาตจึงตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเพราะความอ่อนล้า และถูกฝ่ายตรงข้ามไล่ต้อนลงทะเลฆ่าฟันจนเสียชีวิตทั้งหมดในวันนั้น ด้านทัพของพระยารัตนาธิเบศร์เมื่อทราบว่ากองอาทมาตของขุนรองปลัดชูแตกพ่าย จึงได้เร่งเลิกทัพหนีกลับมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับทัพของพระยายมราช และกราบทูลรายงานการศึกว่า "ศึกพม่าเหลือกำลังจึงพ่าย" ส่วนกองทัพพม่าเมื่อผ่านเมืองกุยบุรีได้แล้วก็ยกทัพมายังกรุงศรีอยุธยาโดยสะดวก เนื่องจากแนวรับต่าง ๆ ในลำดับถัดมาของฝ่ายอยุธยาถูกตีแตกในเวลาอันสั้น ...................................................................... หมายเหตุ *พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมและพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ออกชื่อเป็น พระยาธรรมา ชมรมกอล์ฟ ปปร.24 สถาบันพระปกเกล้าจัดแข่งขัน"ไรเดอร์ คัพ"
ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ประธานชมรมกอล์ฟ ปปร.24 สถาบันพระปกเกล้า เป็นเจ้าภาพจัดแข่ง ขัน ไรเดอร์ คัพ กับ นายอุทัย ฉัตรศิริกุล ประธานชมรม กอล์ฟ ปปร.25 เพื่อเชื่อมสำพันธ์ไมตรี โดยมี เทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานรุ่น 24 และ ศักดิ์ชาย ศรีมานพ ประธานรุ่น 25 เข้าร่วมด้วย ณ.ชวนชื่น ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟคลับ ปทุมธานี
|
สมาชิกหมายเลข 3402302
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Friends Blog Link |