All Blog
เห็ดเผาะฟื้นฟูป่าลดPM 2.5
วช.หนุนทีมนักวิจัยจุฬาฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้เห็ดเผาะเพื่อฟื้นฟูป่าฯ หวังช่วยลดปัญหา PM 2.5 จากการเผาป่า พร้อมสร้างแปลงต้นแบบในการใช้ประโยชน์จากป่าทั้งทางด้านอาหารและรายได้อย่างยั่งยืน  

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง  ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้สนับสนุนทุนวิจัยในโปรแกรมโจทย์ท้าท้ายด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและการเกษตร ให้กับ “ โครงการบูรณาการของการใช้เห็ดเผาะเพื่อฟื้นฟูป่าและลด PM 2.5 ที่เกิดจากการเผาป่าในบริเวณพื้นที่รอยต่ออุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน”






 






 
โดยมี ผศ.ดร.จิตรตรา เพียภูเขียว จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหัวหน้าทีมวิจัย เพื่อลดอัตราการสูญเสียของแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และแก้ปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ เช่น เขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเผาป่าของชาวบ้านในพื้นที่เขตอุทยานและบริเวณใกล้เคียง

ผศ.ดร.จิตรตรา เพียภูเขียว จากภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเผาป่าเพื่อหาของป่าของชาวบ้าน เช่น  เห็ดเผาะ ซึ่งเป็นเห็ดที่ไม่สามารถเพาะเลี้ยงได้เหมือนเห็ดในท้องตลาดทั่วไปต้องเก็บจากป่าธรรมชาติ โดยชาวบ้านมีความเชื่อและเข้าใจผิดว่าการเผาป่าทำให้เกิดความร้อนช่วยกระตุ้นให้เกิดเห็ดเผาะจำนวนมาก

ในความเป็นจริงการเผาป่าจะทำลายเส้นใยเห็ดเผาะที่อยู่กับรากพืชใต้ดิน รวมถึงพืชซึ่งเป็นที่อาศัยของเห็ดเผาะ จึงเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อต้นไม้และระบบนิเวศในพื้นที่จะเสื่อมโทรมลงไปเรื่อย ๆ และที่สำคัญจำนวนและชนิดของเห็ดป่าต่าง ๆ 






 







 
รวมทั้งเห็ดเผาะลดน้อยลงและหายไปในที่สุดทีมวิจัย จึงศึกษาการฟื้นฟูป่าชุมชนที่เสื่อมโทรมโดยใช้ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ และเพิ่มผลผลิตของเห็ดเผาะได้โดยไม่ต้องเผาป่า เพื่อให้มีความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมา รวมถึงการปลูกป่าไม้พื้นถิ่นวงศ์ไม้ยางในพื้นที่มาตรา 64

ที่ตั้งอยู่รอยต่อระหว่างป่าอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง กับพื้นที่ทำกินของชาวบ้านเพื่อป้องกันการบุกรุกป่าอนุรักษ์ของอุทยานในอนาคต โดยใช้ราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะในการช่วยกระตุ้นการเจริญและการอยู่รอดของต้นกล้า เพื่อเป็นแปลงต้นแบบในการสร้างและใช้ประโยชน์จากป่าทั้งทางด้านอาหารและรายได้อย่างยั่งยืน

จากงานวิจัย ทำให้เกิดองค์ความรู้ต่าง ๆ เช่น ป่าชุมชนที่เสื่อมโทรมจากการเกิดไฟป่าต่อเนื่องทุกปีสามารถทำให้ผลผลิตเห็ดเผาะและเห็ดป่าอื่นลดลง เนื่องจากเห็ดกลุ่มนี้คือ เชื้อราที่อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพากับรากของพืชที่อาศัย เช่น ไม้ในวงศ์ไม้ยาง วงศ์ก่อและวงศ์สน เมื่อเกิดไฟป่าเส้นใยราใต้ดินจะถูกทำลายและมีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ







 







 
ดังนั้นเพื่อเพิ่มผลผลิตเห็ดเผาะในป่าชุมชนที่เสื่อมโทรม การใส่หัวเชื้อเห็ดเผาะในพื้นที่ดังกล่าวจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถเพิ่มปริมาณเส้นใยราที่อยู่กับรากไม้ใต้ดิน  เพิ่มโอกาสในการเกิดดอกเห็ด โดยหัวเชื้อของเห็ดเผาะจะอยู่ใน 2 รูปแบบหลัก คือ ดอกเห็ดแก่และสปอร์ ซึ่งได้มาจากการเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ สามารถผลิตได้ทุกฤดูกาล  

ทั้งนี้การวิจัยในโครงการได้มีการใส่หัวเชื้อเห็ดเผาะในรูปแบบเส้นใยเพิ่มในป่าชุมชนที่ถูกรบกวนอย่างต่อเนื่อง และได้ติดตามผลผลิตเห็ดเผาะในพื้นที่หลังจากการใส่หัวเชื้อ แต่เนื่องจากการเกิดดอกเห็ดเผาะ ซึ่งเป็นโครงสร้างสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของรานั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมคือ อุณหภูมิและความชื้นดิน โดยในปี 2564 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมาพบว่า ประเทศไทยเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปีก่อน ๆ

ส่งผลให้ความชื้นในดินสูงเกินกว่าความชื้นที่เหมาะสมในการทำให้เกิดเห็ดเผาะ จึงไม่พบการเกิดดอกเห็ดเผาะในพื้นที่ทั้งที่เคยพบเห็ดเผาะจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังพบดอกเห็ดป่าไมคอร์ไรซาชนิดอื่นที่เป็นอาหารในพื้นที่ป่าชุมชน เช่น เห็ดระโงกเหลือง เห็ดระโงกขาว และเห็ดไคล เป็นต้น รวมทั้งเห็ดโคนที่อาศัยอยู่กับปลวก ซึ่งเป็นเห็ดป่าที่ชอบความชื้นในดินที่ค่อนข้างสูง






 







 
นอกจากนี้ยังมีการสร้างแปลงต้นแบบในการปลูกสร้างสวนป่าในพื้นที่มาตรา 64 ของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ซึ่งแต่เดิมเป็นพื้นที่เกษตร แต่ต่อมาได้ถูกเรียกคืนกลับมาเป็นพื้นที่ของอุทยาน โดยแปลงต้นแบบนี้ถือได้ว่า เป็นแปลงฟื้นฟูพื้นที่ที่เคยถูกบุกรุกให้กลับมาเป็นป่าพื้นถิ่น ได้แก่ ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง นอกจากมีการใช้ชนิดไม้เป็นไม้พื้นถิ่นแล้ว กล้าไม้เหล่านี้ที่มีการใส่หัวเชื้อเห็ดเผาะและเห็ดป่าอื่น ๆ ถือได้ว่าเป็นการสร้างแหล่งอาหารของชุมชนในอนาคต อีกทั้งยังสามารถเป็นแหล่งรายได้ของชุมชน พร้อมกับป้องกันการบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่อนุรักษ์ได้เป็นอย่างดี

ผศ.ดร.จิตรตรา  กล่าวว่า ความรู้ที่ได้รับจากการวิจัยในโครงการนี้ และงานวิจัยต่าง ๆ ที่ผ่านมาได้ถูกนำไปถ่ายทอดสู่ชุมชนผ่านการอบรม “ปลูกป่ายังไง ให้ได้กินเห็ด” โดยได้รับการสนับสนุนจากชมรมผู้ได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล มีผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ 50 คน ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้าน โดยเฉพาะเกษตรกรในตำบลก้อ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน รวมถึงคุณครูจากตำบลใกล้เคียงเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดสู่ชุมชนของตนเองต่อไป






 







 
“ เนื้อหาในการอบรมถ่ายทอดความรู้ประกอบไปด้วย ความสำคัญของราไมคอร์ไรซา รวมถึงความสัมพันธ์ของราและพืชอาศัย การประยุกต์ใช้ราไมคอร์ไรซาในการฟื้นฟูป่า การใส่เชื้อไมคอร์ไรซา และการเพาะกล้าไม้พื้นถิ่นที่เป็นพืชอาศัยราไมคอร์ไรซาเห็ดเผาะ รวมถึงราไมคอร์ไรซาเห็ดป่าชนิดอื่น ๆ และย้ายปลูกกล้าไม้พื้นถิ่นแบบประณีต เพื่อสร้างโอกาสอยู่รอดให้กับกล้าไม้หลังการย้ายปลูก

รายงานผลการทดลองที่ผ่านมาพบว่า ในแปลงปลูกป่าใหม่ต้องใช้เวลาที่จะทำให้เกิดดอกเห็ดไมคอร์ไรซาอย่างน้อย 3 ปีหลังจากการย้ายปลูกกล้าไม้และการใส่หัวเชื้อ ดังนั้นจึงควรต้องมีการศึกษาติดตามผลการเกิดดอกเห็ดเผาะหรือเห็ดไมคอร์ไรซาอย่างต่อเนื่องในป่าชุมชน และป่าปลูกที่มีการใส่เชื้อเห็ดไมคอร์ไรซา ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเพิ่มผลผลิตของเห็ดเผาะและเห็ดป่าไมคอร์ไรซาอื่น ๆ ในอนาคต

จากงานวิจัยที่มุ่งเน้นการเพิ่มผลิตของเห็ดเผาะในป่าชุมชนด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยไม่ต้องเผาป่า ทั้งการแสดงให้เห็นจริง เพื่อให้เกิดการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ การให้ชุมชนมีส่วนร่วม และมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชแบบวนเกษตร เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้กับชุมชน   ส่งผลให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกิดการรวมตัวของชุมชน สามารถจัดตั้งเป็นกลุ่มเพาะกล้าไม้ที่มีคุณภาพโดยการใช้ราไมคอร์ไรซา ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชุมชนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสร้างความตระหนัก หวงแหน และการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่นอีกด้วย





 




 



Create Date : 22 สิงหาคม 2565
Last Update : 22 สิงหาคม 2565 18:42:11 น.
Counter : 282 Pageviews.

0 comment
มหึมา ! ซากหมูเถื่อนซุกห้องเย็นสมุทรสาคร
รมว.เกษตรสั่งปศุสัตว์คุมเข้มตรวจห้องเย็นต่อเนื่อง ล่าสุดพบห้องเย็นสมุทรสาครซุกซากสุกรผิดกฎหมาย 64,000 กิโลกรัม  อายัดรอดำเนินคดีต่อไป
   
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการควบคุมป้องกันโรคระบาดสัตว์ และความปลอดภัยอาหาร ตรวจสอบห้องเย็นและตามด่านชายแดนต่างๆ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าซากสัตว์ผิดกฎหมายอย่างเข้มงวดอย่างค่อเนื่องเเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศให้มีความปลอดภัยอาหาร ได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพมาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับมีแหล่งที่มาชัดเจนได้






 







 
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์  กล่าวว่า ได้กำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์โดยชุดปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมายดำเนินการตรวจสอบ รายงานและดำเนินการลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่จากกองสารวัตรและกักกัน ร่วมกับด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี และด่านกักกันสัตว์นครปฐม ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 2 แห่ง หลังได้รับข้อมูลแจ้งว่ามีการลักลอบนำเข้าซากสัตว์จากต่างประเทศมาซุกซ่อนไว้ ผลการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด 1 แห่ง 

พบซากสัตว์ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศจำนวน 5 รายการ รวม 64,000 กิโลกรัม โดยไม่มีใบอนุญาตนำเข้า 3 รายการ และไม่ทราบแหล่งที่มา 2 รายการ ประกอบด้วยซากสุกร(ตับสุกร) จากประเทศเกาหลี จำนวน 936 กล่อง น้ำหนัก 9,360 กิโลกรัม, ซากสุกร กล่องน้ำตาล ระบุข้างกล่องจากประเทศบราซิล จำนวน 895 กล่อง น้ำหนัก 10,740 กิโลกรัม






 







 
ซากสุกร (ตับสุกร) กล่องขาวจากเยอรมัน จำนวน 1,120 กล่อง น้ำหนัก 11,200 กิโลกรัม, ซากสุกร (กระเพาะหมู) กล่องน้ำตาล ไม่ทราบแหล่งที่มา จำนวน 560 กล่อง น้ำหนัก 5,600 กิโลกรัม และซากสุกรบรรจุถุงใส ไม่ทราบแหล่งที่มา น้ำหนัก 23,500 กิโลกรัม

ซากสัตว์ทั้งหมดนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดซากสัตว์ดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มา พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานในการเข้าตรวจสอบไว้ที่สถานีตำรวจ สภ.โคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร และแจ้งให้ผู้ประกอบการนำเอกสารใบอนุญาตนำเข้า ใบอนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์ ใบรับรองสุขศาสตร์ซากสัตว์ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงภายใน 15 วันทำการ หากไม่สามารถนำมาแสดงได้จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตามกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งเบาะแสได้ที่ https://www.dld.go.th หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 หรือ application DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง  





 



Create Date : 28 กรกฎาคม 2565
Last Update : 28 กรกฎาคม 2565 18:36:34 น.
Counter : 416 Pageviews.

0 comment
"อุตฯ-กทม.-SCG"ใช้วัตกรรมไซโคลนิกแก้น้ำเสียคลองแสนแสบ
"กระทรวงอุตสาหกรรม"จับมือกทม.เอสซีจี จัดทำโครงการ“จิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ที่ชุมชนกมาลุลอิสลาม”เฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.จอส.) ให้ร่วมบูรณาการพัฒนาคุณภาพน้ำในคลองเปรมประชากร และคลองแสนแสบตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10)







 







 
โดยในการดำเนินการนำร่องที่คลองแสนแสบร่วมกัน 3 กิจกรรม ได้แก่  1. การร่วมตรวจกำกับดูแลโรงงานจำพวกที่ 2  จำนวน 62 แห่ง ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2565 ซึ่งกระทรวงฯพร้อมสนับสนุนเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าหน้าที่ กทม. ในการให้ความรู้ การตรวจกำกับในเชิงแนะนำและการดำเนินคดีหากพบสถานประกอบการ กระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งจัดทำคู่มือการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยทั้งทางเอกสารและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ปฏิบัติงานต่อไป

2. การติดตั้งและใช้งานระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ณ สถานที่จริง (Onsite)  โดยกระทรวงฯ ร่วมกับ เอสซีจี ดำเนินการจัดสร้างระบบฯ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ชุมชนกมาลุลอิสลาม ซึ่งจะช่วยลดการระบายน้ำเสียของชุมชนลงคลองแสนแสบตั้งแต่ต้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 3. การผลิตถังดักไขมัน 1,500 ถัง  เพื่อนำไปติดตั้งแก่บ้านเรือนและชุมชนริมคลองแสนแสบและคลองสาขา ในพื้นที่ 21 เขต ปัจจุบัน กระทรวงฯ ได้ส่งมอบถังดักไขมันแล้ว 1,122 ถัง ซึ่งจะส่งมอบครบถ้วนภายในเดือนนี้

กระทรวงฯได้สนองพระบรมราโชบายเรื่องจิตอาสามาสู่การปฏิบัติด้วยการร่วมพัฒนาคุณภาพน้ำ ในแม่น้ำและลำคลองสายสำคัญของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาน้ำเสีย ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน นอกจากโครงการจิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบแล้ว ในปีนี้ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการใน 10 คลองและแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว







 







 
โดยกิจกรรมส่งมอบพื้นที่เพื่อจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน และการส่งมอบถังดักไขมันในวันนี้ ได้รับความร่วมมือในการดำเนินงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากปราศจากพลังความสามัคคีของทุกฝ่าย

นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี มีความมุ่งมั่นร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม ตามแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่น โปร่งใส)

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกกำลังกับกระทรวงอุตสาหกรรม ในโครงการ “จิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ที่ชุมชนกมาลุลอิสลาม” เฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อร่วมนำนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหาน้ำเสียในลำน้ำสาธารณะและลุ่มน้ำสายหลักของประเทศ  ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุณภาพชีวิตของชุมชนเมืองที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำสาธารณะ







 







 
สำหรับโครงการดังกล่าว เอสซีจีได้สนับสนุน นวัตกรรมระบบบำบัดน้ำเสียไซโคลนิก (Zyclonic) พัฒนาโดย เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ซึ่งเป็นนวัตกรรมขจัดของเสีย ฆ่าเชื้อโรคในน้ำจากห้องน้ำและครัวเรือน ด้วยกระบวนการชีวภาพและเคมีไฟฟ้า ติดตั้งและบำรุงรักษาง่าย ซึ่งจะช่วยบำบัดน้ำเสียจนได้น้ำที่ปราศจากสีและกลิ่น สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เช่น รดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง เป็นต้น

อีกทั้งยังช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อโรค โดยจะติดตั้งนวัตกรรมดังกล่าว จำนวน 2 ชุด ซึ่งถังบำบัดน้ำเสีย 1 ชุด จะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ถึง 1,000 ลิตรต่อวัน ตอบโจทย์การใช้งานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนกมาลุลอิสลาม นอกจากนี้ เอสซีจีพี ยังได้ร่วมสนับสนุน ถังดักไขมัน นวัตกรรมแบบดีไอวาย ที่เอสซีจีพีพัฒนาขึ้น โดยทำจากวัสดุที่หาซื้อได้ทั่วไป ประกอบง่าย ราคาประหยัด เพื่อใช้กรองเศษอาหารและช่วยแยกไขมันออกจากน้ำก่อนปล่อยน้ำทิ้งสู่ท่อระบายน้ำ ช่วยเสริมสร้างสุขอนามัยให้ชุมชนน่าอยู่มากยิ่งขึ้น”

ผู้สนใจสามารถติดตามนวัตกรรมและข่าวสารอื่นๆ ของเอสซีจี ได้ที่ https://www.scg.com/esg/ https://scgnewschannel.com / Facebook: scgnewschannel / Twitter: @scgnewschannel หรือ Line@: @scgnewschannel





 



 



Create Date : 14 กรกฎาคม 2565
Last Update : 14 กรกฎาคม 2565 19:15:25 น.
Counter : 459 Pageviews.

0 comment
อบจ.ประจวบทอดผ้าป่าสร้างรูปเหมือน“ขุนรองปลัดชู”
อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดพิธีทอดผ้าป่าสมัคคีสร้างรูปเหมือน“ขุนรองปลัดชู”วีรบุรุษเมืองวิเศษไชยชาญ อดีตผู้ต้านทัพพม่าและจบชีวิตที่ อ่าวหว้าขาว(ปัจจุบันคือพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)

องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดพิธีทอดผ้าป่าสมัคคีเพื่อสร้างรูปเหมือนขุนรองปลัดชู โดยมีพระครูพิศิษฏ์ธรรมนิเทศ วัดราชบพิธ สถิตมหาสีมาราม ประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พลตรี ดร.วรวุฒิ แสงทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน.นายสราวุธ ลิ้มอรุณรักษ์ นายกอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ ดร.มังกรแก้ว ดรุณศิลป์ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ และดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี ร่วมเป็นประธานและนำข้าราชการท้องถิ่น ชาวทุ่งมะเม่าและชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์







 







 
รวมถึงชาววิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ประกอบพิธีบวงสรวงบูชาและทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับขุนรองปลัดชู และนักรบ 400 นาย ที่ได้สละชีวิตต้านทัพพม่าปกป้องอธิปไตยของไทยจนต้องจบชีวิตลง ณ บริเวณชายทะเลหาดหว้าขาวแห่งนี้

พร้อมกันนี้ยังได้ทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อร่วมสมทบทุนสร้างรูปเหมือนขุนรองปลัดชูขนาด 2 เท่าคนจริง เพื่อประดิษฐานไว้ ณ บริเวณอนุสรณ์สถานชายทะเลหาดหว้าขาวแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ขุนรองปลัดชูและนักรบทั้ง 400 นาย จากเมืองวิเศษชัยชาญต้านทัพพม่าจนเสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและนักท่องเที่ยวได้สักการะและรำลึกถึงบุญคุณและวีรกรรมความกล้าหาญ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา

ขุนรองปลัดชู เป็นผู้นำในคณะกรมการเมืองวิเศษไชยชาญ (ปัจจุบันคืออำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง) มีชีวิตในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) ซึ่งได้รวบรวมไพร่พลเข้าเป็นกองอาสาสมัคร 400 คน สังกัดกองอาทมาต เพื่อเข้าร่วมทัพกรุงศรีอยุธยาต่อต้านการบุกครองของกองทัพพม่าในสงครามพระเจ้าอลองพญา

เมื่อสามารถระดมไพร่พลเข้าเป็นอาสาสมัครกองอาทมาตได้ 400 คนแล้ว ขุนรองปลัดชูได้นำกำลังของตนเข้าสมทบกับกองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์* ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปตั้งทัพสกัดกองทัพพม่าที่นำโดยเจ้ามังระราชบุตรและมังฆ้องนรธา อันยกมาทางเมืองมะริดและตะนาวศรี หลังจากตีทัพของพระยายมราชแห่งอยุธยาที่แก่งตุ่มแขวงเมืองตะนาวศรีแตกแล้ว







 







 
ทัพดังกล่าวจึงเดินทางข้ามด่านสิงขรมุ่งสู่เมืองกุยบุรี เพื่อใช้เส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลเข้าสู่กรุงศรีอยุธยา พระยารัตนาธิเบศร์ซึ่งรั้งทัพอยู่ที่กุยบุรีจึงส่ง กองอาทมาตของขุนรองปลัดชูให้มาสกัดทัพอยู่ที่อ่าวหว้าขาว (ปัจจุบันอยู่ในเขตตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์)

กองอาทมาตของขุนรองปลัดชูได้ปะทะกับกองทัพพม่าซึ่งมีกำลังราว 8,000 คน ตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงก็ยังไม่แพ้ชนะ แต่ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าและไม่ได้รับกำลังเสริมจากทัพของพระยารัตนาธิเบศร์* (พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมและพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวว่า ได้รับไพร่พลจากทัพหลักเป็นกองหนุนสมทบอีก 500 คน) กองอาทมาตจึงตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเพราะความอ่อนล้า และถูกฝ่ายตรงข้ามไล่ต้อนลงทะเลฆ่าฟันจนเสียชีวิตทั้งหมดในวันนั้น

ด้านทัพของพระยารัตนาธิเบศร์เมื่อทราบว่ากองอาทมาตของขุนรองปลัดชูแตกพ่าย จึงได้เร่งเลิกทัพหนีกลับมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับทัพของพระยายมราช และกราบทูลรายงานการศึกว่า "ศึกพม่าเหลือกำลังจึงพ่าย" ส่วนกองทัพพม่าเมื่อผ่านเมืองกุยบุรีได้แล้วก็ยกทัพมายังกรุงศรีอยุธยาโดยสะดวก เนื่องจากแนวรับต่าง ๆ ในลำดับถัดมาของฝ่ายอยุธยาถูกตีแตกในเวลาอันสั้น


......................................................................



หมายเหตุ  *พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมและพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ออกชื่อเป็น พระยาธรรมา






 






 

 



Create Date : 04 กรกฎาคม 2565
Last Update : 4 กรกฎาคม 2565 18:02:43 น.
Counter : 259 Pageviews.

0 comment
ชมรมกอล์ฟ ปปร.24 สถาบันพระปกเกล้าจัดแข่งขัน"ไรเดอร์ คัพ"
ดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ประธานชมรมกอล์ฟ ปปร.24 สถาบันพระปกเกล้า เป็นเจ้าภาพจัดแข่ง ขัน ไรเดอร์ คัพ กับ นายอุทัย ฉัตรศิริกุล ประธานชมรม กอล์ฟ ปปร.25 เพื่อเชื่อมสำพันธ์ไมตรี โดยมี เทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานรุ่น 24 และ ศักดิ์ชาย ศรีมานพ ประธานรุ่น 25 เข้าร่วมด้วย ณ.ชวนชื่น ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟคลับ ปทุมธานี






 






 

















 



Create Date : 12 มิถุนายน 2565
Last Update : 12 มิถุนายน 2565 17:10:54 น.
Counter : 230 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments