Group Blog All Blog
|
ชู กาแฟโบราณ ของดีเมืองสตูล พัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน
นายพลเชษฐ์ ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดกาแฟโบราณในพื้นที่จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญและมีชื่อเสียงของภาคใต้ตอนล่าง จากข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล
คาดว่ามีพื้นที่ปลูก จำนวน 268 ไร่ พบมากที่สุดในอำเภอควนโดน รองลงมา อำเภอเมือง ควนกาหลง และมะนัง ตามลำดับ ให้ผลผลิตกาแฟรวมทั้งหมดประมาณ 4,000 กก./ปี ซึ่ง สศก. ได้ติดตามการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโตนปาหนัน และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟโบราณชุมชนควนโดนใน จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ พบว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโตนปาหนัน ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่ม จำนวน 39 คน มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์กาแฟโบราณ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบซอง มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 7.4 บาท/ซอง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 40 ซอง/กาแฟ 1 กก. (บรรจุซองละ 75 กรัม) ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 20 บาท/ซอง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟโบราณชุมชนควนโดนใน ตำบลควนโดน อำเภอควนโดน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่ม จำนวน 27 คน สำหรับบรรจุภัณฑ์แบบซอง มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 17.8 บาท/ซอง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 25 ซอง/กาแฟ 1 กก. (บรรจุซองละ 120 กรัม) ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 35 บาท/ซอง สำหรับรูปแบบการดำเนินงานของทั้ง 2 กลุ่ม จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรับซื้อเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้าเพื่อนำมาผลิตเป็นกาแฟโบราณจากเกษตรกรในจังหวัดประมาณร้อยละ 59 และนำเข้าจากจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ชุมพร ระนอง และกระบี่ ประมาณร้อยละ 41 เนื่องจากผลผลผลิตกาแฟในจังหวัดยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ราคารับซื้อเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 80-100 บาท/กก. ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ ด้านสถานการณ์ตลาด ผลิตภัณฑ์ร้อยละ 45 จำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง รองลงมาร้อยละ 22.5 จำหน่ายผ่านสมาชิกกลุ่มเพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้ผู้บริโภคทั้งในและนอกจังหวัด นายสุธรรม ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 จังหวัดสงขลา (สศท. 9) กล่าวว่า จุดเด่นกาแฟโบราณของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จะเน้นการผลิตแบบสูตรดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนาน โดยยังใช้แรงงานคนทั้งหมดในกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคั่วและใส่ส่วนผสมโดยการใช้เตาถ่าน เนื่องจากเกษตรกรห่างหายจากการผลิตกาแฟมาเป็นระยะเวลานาน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทางหน่วยงานราชการจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้ ทั้งด้านการปลูก ดูแลรักษา เก็บเกี่ยวอย่างมีคุณภาพ รวมถึงด้านตลาด เพื่อให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจ และผลิตกาแฟอย่างมีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.9 โทร. 0 7431 2996 หรือ อีเมล zone9@oae.go.th หรือหากสนใจข้อมูลการด้านการผลิตและการตลาดของกาแฟโบราณ สอบถามได้ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโตนปาหนัน โทร. 08 7298 9936 และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟโบราณชุมชนควนโดนใน โทร. 08 8599 8391 ด่วน ! กยท.แจกหุ่นฝึกนำสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินหายใจ
กยท.แจกหุ่นฝึกนำสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินหายใจ Anti-Choking Model จำนวน 200 ตัว ฟรี พร้อมส่งต่อให้สถานศึกษาของรัฐ ระดับประถม-มัธยม หากสนใจรีบแจ้งความประสงค์ ด่วน! ภายในวันที่ 31 ก.ค. นี้
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ผลิตหุ่นฝึกการนำสิ่งแปลกปลอมออกจากทางเดินหายใจ Anti-Choking Model ซึ่งเป็นชุดฝึกการปฏิบัติที่ทำจากยางพารา จำนวน 200 ชุด พร้อมมอบแก่สถานศึกษาของรัฐบาลในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศ "กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน-คูโบต้า"เปิดโครงการพัฒนาอาชีพผู้ได้รับผลกระทบโควิด
ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสยามคูโบต้า ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ “โครงการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตร เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19”
เพื่อบูรณาการพัฒนาฝีมือแรงงานนอกระบบที่อยู่ในภาคการเกษตรให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะให้ได้มาตรฐานฝีมือแรงงาน จนสามารถนำไปประกอบอาชีพ รวมทั้งเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้างจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 นายไวพจน์ หามาลา ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อให้หลายธุรกิจปิดตัวลงและนำไปสู่การเลิกจ้างงาน สยามคูโบต้าจึงได้นำเอาองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาช่วยให้ผู้ที่ถูกเลิกจ้างที่มีความสนใจด้านการเกษตร โดยรับสมัครผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมด้านการทำเกษตร อาทิ องค์ความรู้ในการทำเกษตรครบวงจร การจัดการทรัพยากรแหล่งน้ำรับมือวิกฤตภัยแล้ง ผู้รับการฝึกจะได้รับฝึกทั้งในภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ ตามระยะเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองเมื่อจบหลักสูตร สามารถนำความรู้ไปปรับใช้และนำไปประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน ยันม่าร์สนับสนุนแข่งขัน AFF Suzuki Cup 2020 ปีที่ 3
ยันม่าร์สนับสนุนการแข่งขัน AFF Suzuki Cup 2020 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ยันม่าร์ต่อสัญญาสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน AFF Suzuki Cup 2020 อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการสนับสนุนต่อเนื่องเป็นครั้งที่สาม สำหรับการแข่งขันฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในปี 2559 และ2561
สำหรับการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน AFF Suzuki Cup 2020 ยันม่าร์จะจัดกิจกรรมต่างๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียนภายใต้แบนเนอร์ที่มีข้อความว่า “WE ASSIST HOPE” ซึ่งเป็นข้อความที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ของบริษัท รวมถึงการสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ ภายในชุมชน ตลอดจนการสร้างโอกาสและแรงกระตุ้นผ่านกีฬาฟุตบอลและให้ความช่วยเหลือสนับสนุนด้านการเกษตร ด้วยเทคโนโลยีระบบการจัดการทางการเกษตรอันทันสมัยที่เรียกว่า SMARTASSIST ของยันม่าร์
“ในฐานะการเป็นพันธมิตรร่วมกับ AFF Suzuki Cup 2020 เราจะแสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพสังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านเทคโนโลยีการเกษตรและความรักความสามัคคีที่มีต่อการกีฬาร่วมกัน” โซตะ ฮารายะมะ หัวหน้าสำนักงานส่งเสริมธุรกิจกีฬาของบริษัท YANMAR HOLDINGS กล่าวเพิ่มด้วยว่า “กีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่รวบรวมผู้คนต่างชาติต่างภาษามาไว้ด้วยกันและยันม่าร์เองต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่มีความชื่นชอบการกีฬาด้วย”
มัลคอล์ม ธอร์ป กรรมการผู้จัดการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ SPORTFIVE ซึ่งเป็นผู้ดูแลพันธมิตรที่สนับสนุนการแข่งขัน AFF Suzuki Cup กล่าวว่า “ความสำเร็จครั้งสำคัญของยันม่าร์จากการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ในแมตช์ก่อนหน้านี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของการแข่งขัน AFF Suzuki Cup ในการยกระดับแบรนด์ในหมู่แฟนๆ ฟุตบอลทั่วภูมิภาคนี้ เราจะยังคงให้การสนับสนุนแบรนด์ระดับนานาชาติเช่นเดียวกับยันม่าร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความชื่นชอบของแฟนๆ ฟุตบอล รวมถึงเป็นการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ยันม่าร์อีกด้วย”
ยันม่าร์จะเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมการแข่งขันในแมตช์ที่เลือกไว้ ซึ่งจะนำเสนอเทคโนโลยีการเกษตรของบริษัทฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมอบให้กับแฟนๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การที่ยันม่าร์สนับสนุนการแข่งขัน AFF Suzuki Cup 2020 ในครั้งนี้ ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่จะสร้างประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นให้กับผู้คนในสังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านกีฬาฟุตบอลนี้ด้วย
กยท.New Normal การ์ดไม่ตก มอบหน้ากากอนามัยยางพารา"รามา-พระมงกุฎฯ
นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านธุรกิจและปฏิบัติการ
นางณพรัตน์ วิชิตชลชัย รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิตยาง ผู้บริหารและพนักงานของ กยท. มอบหน้ากากอนามัยยางพาราจำนวน 10,000 ชิ้น แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี และ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อเป็นการสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ตระหนักถึงความจำเป็นในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID -19 โดยเฉพาะกับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะรับการแพร่กระจายของเชื้อจากคนไข้ที่มารับการรักษา ผ่านละอองสารคัดหลั่งที่แพร่กระจายสู่ระบบทางเดินหายใจ หรือการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่ไอหรือจามออกมา นายประพันธ์ กล่าวว่า กยท. จึงผลิตหน้ากากอนามัยจากยางพาราที่ใช้ผ้ามัสลินและมีแผ่นกรองหรือฟิลเตอร์ที่ทำจากยางพาราผสมผงถ่านชาโคล สามารถช่วยป้องกัน กรองเชื้อโรคและสิ่งสกปรก รวมถึงฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของไวรัส COVID -19 โดยมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จำนวนแห่งละ 5,000 ชิ้น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป |
สมาชิกหมายเลข 3402302
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Friends Blog Link |