Group Blog All Blog
|
"ธ.ก.ส."เชิญชวนน้อง ๆ ส่งประกวดเรียงความชิงทุนการศึกษา150,000 บาท
"ธ.ก.ส."เชิญชวนน้อง ๆ ส่งประกวดเรียงความและคลิปวิดีโอ ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 2565 ชิงทุนการศึกษารวม 150,000 บาท ธ.ก.ส. จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 ในธีม “ยุค COVID KIDS พอเพียง” พร้อมหนุนให้เยาวชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสิ่งแวดล้อม และเปิดมุมมองของจินตนาการผ่านกิจกรรมการประกวดเรียงความในหัวข้อ “ต้นไม้ของฉัน” และประกวดคลิปวิดีโอในหัวข้อ “ความสุขของฉัน” ชิงเงินรางวัล ที่ 1 ทุนการศึกษา 30,000 บาท และรางวัลอื่น ๆ พร้อมเกียรติบัตร มูลค่ารวม 150,000 บาท ส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 27 ธันวาคม 2564 นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เนื่องด้วยวันเด็กแห่งปี 2565 ธ.ก.ส. ได้กำหนดจัดกิจกรรม วันเด็ก ธ.ก.ส. ภายใต้ธีม “ยุค COVID KIDS พอเพียง” ผ่านกิจกรรมสื่อสารทางออนไลน์ เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนเห็นคุณค่าในพลังของตนเองที่สามารถสร้างความสุข ความพอเพียงในการใช้ชีวิต และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน
SME-วิสาหกิจชุมชนนนทบุรี เขิญชวนท่องเที่ยว "นั่งแคร่แลคลอง"
SME ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชนและชุมชนบางกรวย นนทบุรี เขิญชวนท่องเที่ยว "นั่งแคร่แลคลอง "
นายศิลปชัย อ้นอยู่ ประธานวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมจังหวัดนนทบุรี (sme)จังหวัดทบุรี เปิดเผยว่า ทางsme จังหวัดนนทบุรีร่วมกับวิสาหกิจชุมชนและชุมชนบางกรวยได้มีการจัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว"นั่งแคร่แลคลอง "เพื่อเป็นการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับชุมชน ในพื้นที่โดยการเชิญท่องเที่ยวชมทัศนีภาพและสถานที่สำคัญสองฝั่งคลองบางกอกน้อย บางกรวย อ้อมนนท์ พร้อมกับไหว้พระโสกโขทัย อู่ทอง รัตนโกสินทร์และกราบเจ้ากรุงธนบุรี (พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ค้นหาอัตตาลักษณ์จังหวัดนนทบุรี ) การเดินทางการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นนอกจากจะได้ชมการท่องเที่ยวสถานที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกซื้อสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่โดยก่อนหน้านี้ทางsmeได้มีการสร้างมาร์เก็ตเพลส ตลาดน้ำ อบรมเพื่อติดอาวุธทางปัญญาให้กับชุมชน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้า ชุมชน อย่างยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือ ระหว่าง ชุมชน การศึกษา และวัด เป็นที่มาของคำว่า “บวร” ดีเดย์ 12.12 ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com มอบโปรรับปีใหม่
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรกรผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น
โดยให้เน้นเรื่องความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้บริโภค ด้วยการรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร ประกอบกับความมุ่งมั่นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาตลาดจำหน่ายสินค้าเกษตรต้องหยุดให้บริการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 เป็นเว็บไซต์สื่อกลางในการรวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตรคุณภาพที่มีช่องทางการติดต่อซื้อขายแบบออนไลน์ และผ่านการคัดสรรจากคณะทำงานฯ ระดับจังหวัด กำกับด้วยคณะกรรมการระดับประเทศ ทำให้สินค้าเกษตรคุณภาพดีจากเกษตรกรตัวจริง อาทิ กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่, Smart Farmer (SF), Young Smart Farmer (YSF), วิสาหกิจชุมชน และองค์กรเกษตรกรอื่น ๆ จากทั่วประเทศ ไปถึงมือผู้บริโภคถึงบ้านในราคายุติธรรม ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รวมทั้งยังช่วยให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีทักษะในการจำหน่ายสินค้าแบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น และในโอกาสเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ 2565 และฉลองยอดขายรวม 300 ล้านบาท กรมส่งเสริมการเกษตรได้เตรียมจัดโปรโมชั่นพิเศษคืนความสุขให้แก่ลูกค้าทุกท่าน โดยเกษตรกรเจ้าของสินค้าได้ร่วมกิจกรรมจัดโปรโมชั่นพิเศษหลายแบบ ได้แก่ สินค้าราคาพิเศษ ซื้อสินค้าที่กำหนดพร้อมรับของแถม สินค้าจัดชุดเหมาะสำหรับเป็นของขวัญปีใหม่ส่งให้ญาติมิตร ค่าส่งฟรีหรือส่วนลดค่าขนส่ง และซื้อสินค้าพร้อมบริการพิมพ์การ์ดส่งความสุข ดีเดย์เริ่มวันที่ 12 ธันวาคม 2564 - 31 มกราคม 2565 ซึ่งผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ “www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com” สินค้าที่จำหน่ายต้องเป็นสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เช่น Good Agricultural Practice (GAP), มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ Participatory Guarantee System (PGS), Good Manufacturing Practice (GMP), Primary GMP, Hazard Analysis Critical control Point (HACCP), อย., มาตรฐานอาหารฮาลาล และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป็นต้น เกษตรกรจะต้องมีประสบการณ์จำหน่ายสินค้านั้นในรูปแบบออนไลน์ด้วย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจะมีกระบวนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่อีกครั้งก่อนที่จะอนุมัติให้ผู้ที่ผ่านการประเมินเริ่มจำหน่ายสินค้าได้ ทั้งนี้ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ //www.ตลาดเกษตรออนไลน์.com ในเมนู "เข้าสู่ระบบ/สมัครสมาชิก" หรือสามารถดาวน์โหลดคู่มือการสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://bit.ly/farmer-manual -- "กรมปศุสัตว์"ยืนยันโควิดไม่แพร่เชื้อจากสัตว์เลี้ยงสู่คน
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก และล่าสุดได้มีการเผยแพร่ข่าวทางเฟซบุ๊ก กรณีพบการติดเชื้อ COVID-19 ของสุนัขและแมวในไทยโดยอ้างอิงว่ามาจากงานวิจัยทีมคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในวารสารวิชาการ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาว่า ตรวจพบการติดเชื้อในสุนัข 3 ตัว จากการตรวจ 35 ตัว และแมว 1 ตัว จากการตรวจ 9 ตัว
ทั้งหมดเป็นการตรวจสัตว์เลี้ยงในครัวเรือนที่มีเจ้าของติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งมีเพียงสุนัข 1 ตัวเท่านั้นที่แสดงอาการเล็กน้อย ส่วนสัตว์เลี้ยงที่เหลือไม่แสดงอาการ ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เกิดความกังวลและสร้างความตระหนกต่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงในไทยอย่างมากถึงความสามารถถ่ายทอดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงกลับไปยังเจ้าของสัตว์ได้ ปัจจุบันในขณะที่ทั่วโลกกำลังรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ก็มีรายงานการติดเชื้อในสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มมีรายงานการตรวจพบเชื้อครั้งแรกในสุนัขและแมวในฮ่องกงในปี 2563 และมีหลักฐานว่าแมวติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนสามารถแพร่เชื้อไปยังแมวตัวอื่นได้ คาดว่าติดเชื้อมาจากพนักงานดูแลสัตว์ที่ติดเชื้อ และยังมีรายงานว่าสามารถแพร่สู่สัตว์อื่นๆ ได้ เช่น กวาง พังพอน เสือ สิงโต หรือแม้แต่สัตว์ตระกูลลิงกอริลลา สำหรับประเทศไทยพบมีรายงานครั้งแรกในเดือนเมษายน 2564 จากสุนัขที่นำมาผ่าตัดขาเนื่องจากเป็นมะเร็งที่โรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยหลังผ่าตัดเพื่อนบ้านเจ้าของสุนัขได้แจ้งให้แพทย์ทราบว่าเจ้าของสุนัขติดเชื้อโควิด-19 จึงได้มีการเก็บตัวอย่างจากสุนัขและตรวจพบเชื้อดังกล่าว จากข้อมูลการตรวจพบเชื้อ COVID-19 ในสัตว์กลุ่มที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าสัตว์เหล่านี้ใกล้ชิดกับเจ้าของหรือได้รับการดูแลจากผู้ที่ติดเชื้อ เป็นการติดเชื้อจากคนสู่สัตว์ ปัจจุบันมีหลักฐานชัดเจนว่า มนุษย์สามารถแพร่เชื้อไปสู่สัตว์เลี้ยงได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการแพร่เชื้อกลับจากสัตว์เลี้ยงไปสู่คน เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการและข้อปฏิบัติในการดูแลสัตว์เลี้ยงของผู้ติดเชื้อ กรมปศุสัตว์จึงได้แจ้งข้อพึงปฏิบัติและมาตรการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงหากตรวจพบโรคโควิด-19 ในสัตว์เลี้ยงหรือสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงติดเชื้อ สำหรับสถานพยาบาลสัตว์ที่รับฝากหรือรักษาสัตว์เลี้ยงในกรณีที่เจ้าของสัตว์ป่วยด้วยโรคโควิด-19 รวมถึงข้อควรปฏิบัติไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://dcontrol.dld.go.th เมนูข่าวสารประชาสัมพันธ์ หัวข้อเตรียมความพร้อมกำหนดแนวทางการดูแลสัตว์เลี้ยงของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงได้มีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายในประเทศ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มหาวิทยาลัย ตลอดจนหน่วยงานระหว่างประเทศ องค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) อย่างต่อเนื่อง ขอให้ผู้เลี้ยงสัตว์ทุกท่านอย่าตื่นตระหนกและไม่ละทิ้งสัตว์เลี้ยง ซึ่งการทิ้งสัตว์เลี้ยงเป็นการเข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ยเน้นย้ำว่าในปัจจุบันสามารถระบุได้เพียงว่าสุนัขและแมวสามารถติดเชื้อโควิด-19 จากคนป่วยได้เท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลว่าสามารถแพร่เชื้อจากสัตว์เลี้ยงกลับสู่คนได้ ได้มีการศึกษาร่วมกันระหว่างกรมปศุสัตว์และคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการเก็บตัวอย่างในสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของนำมาเข้ารับบริการในโรงพยาบาลสัตว์จำนวน 120 ตัว ยังไม่พบการติดเชื้อซึ่งแสดงให้เห็นว่าเชื้อโควิด-19 และยังไม่มีการแพร่กระจายทั่วไปในสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด รวมถึงสัตว์เลี้ยงของท่าน ควรให้บุคคลอื่นที่มีสุขภาพดีเป็นผู้ดูแลสัตว์แทน หากสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงสัมผัสโรคหรือสัตว์ติดเชื้อ เช่น มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยและมีอาการที่เข้าข่ายของโรค ควรกักสัตว์แยกไว้ไม่เข้าไปคลุกคลีอย่างน้อย 14 วัน ในกรณีจำเป็นต้องการนำไปฝากเลี้ยงหรือทำการตรวจรักษาให้โทรศัพท์ปรึกษาสัตวแพทย์และแจ้งให้ทราบถึงประวัติเสี่ยงของท่านและสัตว์ก่อน ไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงไปยังสถานพยาบาลสัตว์โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า สามารถติดต่อปรึกษา หรือ ขอคำแนะนำเพิ่มเติม ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ และ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกแห่ง หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ โทร 063-225-6888 หรือแจ้งผ่าน Application : DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง "เฉลิมชัย"นำทีมติดตามนายกลงพื้นที่สุโขทัยมอบถุงยังชีพผู้ประสบอุทกภัย
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด ลงพื้นที่ติดตามพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย อำเภอศรีสำโรง จำนวน 2 จุด ได้แก่ บ้านคลองชัด หมู่ที่ 8 ต.วังใหญ่ และวัดดอนจันทร์ หมู่ที่ 4 ต.บ้านไร่ จากนั้นได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการดูแลประชาชน ณ วัดบ้านซ่าน ต.บ้านซ่าน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย
โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย (ข้อมูล ณ วันที่ 24 ก.ย. 64) ได้สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 7 เครื่อง / เครื่องผลักดันน้ำ 5 เครื่อง / รถแบคโฮ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ บริเวณลำน้ำแม่มอก และสนับสนุนเรือตรวจการ 1 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 5 ราย รวมถึงแจกจ่ายหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 10,000 กก. ถุงยังชีพ 60 ชุด สร้างเสริมสุขสัตว์ 60 ชุด และในวันนี้ (วันที่ 26 ก.ย. 64) กระทรวงเกษตรฯ ได้สนับสนุนเกษตรกร ได้แก่ หญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 10 ตัน / อาหาร TMR 2 ตัน / แร่ธาตุ 250 ก้อน (500 กิโลกรัม) / ถุงยังชีพสัตว์ 200 ชุด เชื้อราไตรโคเดอร์มา หัวเชื้อพร้อมใช้ 1,000 กิโลกรัม หัวเชื้อชั้นขยาย 1,000 ขวด (สามารถไปขยายเป็นหัวเชื้อพร้อมใช้ได้ 25,000 กก.) และเมล็ดพันธุ์ผัก 2,000 ซอง (ถั่วฟักยาว กระเจี๊ยบเขียน พริกจินดา ผักบุ้งจีน) นอกจากนี้ ยังเตรียมให้การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ในระยะต่อไป ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าว 4,551.70 ตัน เมล็ดพันธุ์ผัก 9,960 ซอง ต้นพันธุ์พืชผัก/พืชอาหาร 4,410,000 ต้น (อาทิ กระเพรา โหระพา พริก มะเขือ ผักหวาน ไพล) ต้นพันธุ์ไม้ผล/ไม้เศรษฐกิจ 176,000 ต้น ขณะเดียวกันยังเร่งรัดสำรวจความเสียหายเบื้องต้นในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย (ข้อมูล ณ วันที่ 24 ก.ย. 64) แบ่งเป็น ด้านพืช เกษตรกร 14,464 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 169,297 ไร่ ข้าว 150,774 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 16,761 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น 1,762 ไร่ โดยในพื้นที่ อ.ศรีสำโรง เกษตรกร 4,593 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 69,703 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 67,082 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 2,224 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ 397 ไร่ ด้านประมง เกษตรกร 2,504 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ (บ่อปลา) 3,087 ไร่ ในพื้นที่ อ.ศรีสำโรง เกษตรกร 300 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ (บ่อปลา) 350 ไร่ กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมมาตราการช่วยเหลือช่วยเกลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และมาตรการอื่น ๆ กรณีเสียหายสิ้นเชิง โดยสามารถติดต่อขอรับสิทธิ์การช่วยเหลือได้ที่สำนักงานเกษตร/ประมง/ปศุสัตว์อำเภอ หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ใกล้บ้านท่าน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์/คุณสมบัติเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือ จะต้องเป็นเกษตรกรที่มีพื้นที่การผลิตเสียหายสิ้นเชิงอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตฯ และขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อนเกิดภัย |
สมาชิกหมายเลข 3402302
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Friends Blog Link |