Group Blog
 
All Blogs
 

อะไรก็ได้ (๓๘) ม้าในวรรณคดี (๑)

อะไรก็ได้ (๓๘)


นิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับเดือน กันยายน ๒๕๓๘ มีเรื่องเกี่ยวกับม้าในวรรณคดี ผู้เขียนใช้ชื่อว่า สายอักษร จะขอคัดมาเพียงสองเรื่อง เรื่องแรกคือ ม้าสีหมอก

ม้าสีหมอกเป็นม้าที่กวีรจนา ให้เห็นภาพม้าจริง ๆ มีรูปลักษณะและความสามารถยี่ยงม้าดี ๆ จะพึงมี มิใช่ม้าที่มีลักษณะกึ่งม้ากึ่งเทพยดาดังเช่นม้าอื่น การที่กวีพรรณนาภาพม้าตามที่เป็นจริงนี้ ก็เหมาะสมแก่เรื่องเป็นอย่างยิ่ง เพราะขุนช้างขุนแผน เป็นเรื่องที่แสดงชีวิตคนไทยสามัญนี่เอง

เมื่อขุนแผนต้องเสียวันทองให้แก่ขุนช้าง ด้วยอุบายของฝ่ายนั้น ก็คิดแค้นอยู่ไม่วาย และเมื่อตรึกตรองดูแล้ว ขุนแผนก็ตระหนักว่า แม้ตนจะเป็นคนมีวิชาดี แต่ก็ยังขาดอาวุธคู่มือ และขาดพาหนะคู่ใจ อันล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับนักรบ ขุนแผนรำพึงว่า

จะตีดาบซื้อม้าหากุมาร
ให้เชี่ยวชาญวิชาได้ฝ่าศึก
ถ้าสามสิ่งนี้ได้สมอารมณ์นึก
จะอึกทึกมาอย่างไรก็ไม่กลัว

ครั้นขุนแผนได้กุมารทอง และตีดาบฟ้าฟื้นคู่มือสำเร็จแล้ว ก็ออกท่องเที่ยวตระเวนหาซื้อม้าชนิดที่ตนต้องการสืบไป แหล่งที่ซื้อม้าของกองทัพไทยสมัยนั้นก็คือ ที่มะริดและตะนาวศรี ครั้นซื้อได้แล้วก็ต้อนม้ารอนแรมมาเรื่อย ๆ ขุนแผนได้มาพบม้าสีหมอกเข้าตอนนี้เอง คำกลอนต่อไปนี้จะแสดงประวัติและลักษณะของม้าสีหมอก ไว้อย่างชัดแจ้งว่าดังนี้

หลวงศรีได้ม้ามามอบให้
ทั้งม้าเทศม้าไทยหกสิบห้า
อีเหลืองเมืองมฤทพลอยติดมา
ผัวมันท่านว่าเป็นม้าน้ำ
มีลูกตัวหนึ่งชื่อสีหมอก
มันออกวันเสาร์ขึ้นเก้าค่ำ
ร้ายกาจหนักหนานัยน์ตาดำ
เห็นม้าหลวงข้ามน้ำก็ตามมา
มาถึงสิงขรผ่อนพักหยุด
ปล่อยม้าอุตลุดให้กินหญ้า
กรมการกุยปราณส่งเนื่องมา
ผ่านฉะอำถึงท่าเพชรบุรี
เลี้ยงม้าอยู่ศาลาบ้านแตงแง
บันไดอิฐติดแค่คีรีศรี
สีหมอกลองเชิงเริงฤทธี
เข้ากัดฟัดขยี้เอาม้าเทศ

ฝ่ายหลวงทรงพลแกขัดใจ
ให้ไพร่ไล่ตีม้าผีเปรต
มันดุร้ายซุกซนเป็นพ้นเพศ
เข้าที่ไหนไล่เฉดมันออกไป

ผู้อ่านจะเห็นว่า สีหมอกนั้นเป็นม้าพยศแข็งแรงทั้งดุทั้งซน และแม้หลวงทรงพลจะรำคาญ ไม่ชอบเจ้าสีหมอกสักเพียงไร ผู้อ่านก็มิได้ชังไปตาม ตรงข้ามกลับจะเอ็นดูเจ้าสีหมอกอยู่มาก ๆ ด้วยซ้ำไป และในกลอนต่อไปนี้ท่านกวีก็ได้พรรณนาให้คนอ่านเวทนาเจ้าลูกม้าติดแม่ แกมขบขันที่มันก่อความโกลาหลให้แก่กองม้าหลวง

สีหมอกจะเข้าไปหาแม่
ถูกเขาทึ้งวิ่งแร่ออกมาใหม่
พอคนนิ่งวิ่งเข้าไปทันใด
ต้องเวียนไล่เขาชังไปทั้งกอง

ขุนแผนได้เห็นม้าสีหมอกก็พอใจมากเพราะขุนแผนเป็นคนดูม้าเป็น จึงชอบใจทั้งรูปลักษณะ ความคล่องแคล่วว่องไว และความพยศของมัน

ครานั้นขุนแผนแสนสนิท
ทุกทิศลือทั่วกลัวสยอง
เห็นม้าสีหมอกออกลำพอง
สมปองปรารถนาที่นึกไว้
ลักษณะถูกต้องตำราสิ้น
ดังองค์อินทร์เทวราชประสาทให้
ท่วงทีแคล่วคล่องว่องๆไว
ก็เข้าไปหาหลวงทรงพลพลัน

เมื่อขุนแผนเข้าไปเจรจาขอซื้อ ก็ซื้อได้โดยง่าย เพราะสีหมอกไม่ใช่ม้าหลวงประการหนึ่ง และหลวงทรงพลผู้ควบคุมขบวน ก็ระอามันเต็มทีแล้วอีกประการหนึ่ง ฉะนั้นเมื่อมีคนมาขอซื้อ หลวงทรงพลก็ออกจะยินดี รีบขายให้ในราคาที่ลดหย่อนเป็นพิเศษ เจ้าม้าสีหมอกจึงมีราคาเพียงสิบห้าตำลึงเท่านั้นเอง ครั้นได้ม้าต้องประสงค์แล้ว ขุนแผนก็เสกเป่าผูกใจม้าตามวิธีของตนพร้อมทั้งกล่าวประเล้าประโลมไปด้วย

เสกหญ้าด้วยมหาละลวยใหญ่
เข้าใกล้สีหมอกแล้วบอกว่า
จะไปกับเราก็เข้ามา
ยื่นหญ้าให้พลันในทันที
สีหมอกรับหญ้ามาเคี้ยวกลืน
ชมชื่นปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ให้มีใจจงรักด้วยภักดี
ติดขุนแผนเดินรี่ตามหลังไป

ขุนแผนเลี้ยงม้าสีหมอกเป็นอย่างดี ทั้งคนและสัตว์ต่างก็รัหใคร่ผูกพันกันเป็นอันมาก เพราะขุนแผนเป็นนักรบสามารถในการบังคับม้า ก็พอใจในม้าพยศที่ฉลาดปราดเปรียว ส่วนม้าเมื่อได้ผู้ขับขี่ที่เข้าใจ และให้ความรักความเมตตา มันก็ย่อมมีจิตจงรักภักดีตอบ

ครั้นขุนแผนได้ของต้องประสงค์ครบทั้งสามสิ่ง คือ ม้าสีหมอก ดาบฟ้าฟื้น และกุมารทอง ขุนแผนก็จัดการแก้แค้นโดยบุกรุกขึ้นเรือนขุนช้าง และพานางวันทองหนีไปอย่างอุกอาจ บทเสภาตอนจะพานางไปขึ้นม้านี้ฟังไพเราะนัก ไม่ว่าจะใช้ร้องส่ง หรือขับเสภา

ว่าพลางจูงสีหมอกม้า
เบาะอานพานหน้าดูงามสม
ดังจะปลิวลิ่วลอยไปตามลม
อย่าปรารมภ์เลยนะเจ้ามาขี่ม้า

(ยังมีต่อ)





Create Date : 19 มิถุนายน 2553
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 19:24:52 น.




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:41:09 น.
Counter : 2074 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๓๗) คนธรรมดา

อะไรก็ได้ (๓๗)

ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน กันยายน ๒๕๓๗ มีเรื่องของ “แม่พิศ” อีกเรื่องหนึ่ง ในชุดนิทานชีวิต คือ “คนธรรมดา”

ในห้องนอนกว้างใหญ่ห้องนั้น พื้นห้องปูพรมนุ่มหนาไว้ทั้งห้อง เวลาค่อนรุ่ง อากาศเย็นภายนอก ช่วยให้เครื่องปรับอากาศทวีความเย็นฉ่ำขึ้น ด้านหนึ่งของห้องมีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ แต่บนเตียงนั้นมีชายชรานอนอยู่แต่ผู้เดียว ส่วนหญิงชรานั้นนั่งสมาธิอยู่บนผ้าปูนอนคนละด้านกับเตียง

นั่งกำหนดลมหายใจ สูดเข้าให้ยาวให้ลึก แล้วปล่อยออกแผ่ว ๆ เบา ๆ พอสบาย เอาสติระลึกรู้ตามลมหายใจที่ เข้า...ออก สักครู่ก็รู้สึกว่าจิตนิ่งสงบดี น่าจะพอใจแล้ว จึงลองตามดูจิตที่มันเริ่มฟุ้งออกไปบ้าง ดูซิว่ามันจะไปทางไหน ไปอย่างไร

อ้อ ! มันกำลังออกไปมองตนเอง มองอย่างเผิน ๆ เหมือนคนอื่นเขามอง มองแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ พลางปลงอนิจจังไปด้วย ก็ร่างนี้มิใช่หรือที่เมื่อสาว ๆ น่ารักน่าชม ถูกฟตามชวนให้ไปประกวดนางงาม ตั้งแต่เพิ่งจะเริ่มใช้คำนำหน้าว่านางสาว แล้วเดี๋ยวนี้มีอะไรเหลือ นอกจากความทรงจำ เก่า ๆ ก็คือภาพปัจจุบัน ที่ฟันก็หลุดร่วงต้องใส่ใหม่ เนื้อหนังก็เหี่ยวแห้งอบ่อนยาน

แล้วอะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวไปอยู่วัด ๘ วัน ๑๐ วัน ไปฝึกจิตปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสสนา สมาธิ เดี๋ยวก็ออกจากวัดไปฝึกเต้นระบำรำไทย อยู่ในโรงพยาบาล “ โอ๊ย....ปวดหัว ปวดหัว” เพื่อน ๆ ที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ข่าวเข้าถึงกับร้องลั่น เมื่อพบหน้า

“ อะไรจะขนาดนั้น แปลกคนจริง ๆ เธอนี่นะ “ เธอก็เลยคิดไปว่าเธอเป็นคนแปลกจริง ๆ ซะด้วย

แต่...เอ๊ะ ขณะนี้ ขณะที่เธอนั่งฝึกวิปัสสนาสมาธิอยู่นี่ เธอกลับได้คิดว่า พุทโธ่เอ๋ย คนเรานี่ มีเยอะแยะไปเกลื่อนเมืองทีเดียวละ คนบ้องตื้น ทำอะไรตื้น ๆ กว้าง ๆ แต่ก็ทำตามผู้รู้ คือหมอ และหลวงพ่อแนะนำให้ ทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว กับสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของตนเอง เพราะเป็นคนอ่อน ๆ เอน ๆ ลู่ตามผู้รู้ไปเรื่อย ๆ เหมือนต้นหญ้าลู่ลมนั่นแหละ

จะว่าดีก็ดี ตรงที่ไม่ถึงกับหักโค่นล้มลง

จะว่าไม่ดีก็คงไม่ดี ตรงที่เอาดีไม่ค่อยจะได้

แต่....จะเอาเลว ก็ไม่ค่อยจะได้อีกเหมือนกัน

เพราะเป็นคนธรรมดา ๆ ที่รู้ตัวว่าต้องประสบกับความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และพยายามทำความเจ็บ ความตายให้เป็นทุกข์น้อยที่สุด เป็นธรรมดา ธรรมชาติที่สุด เท่านั้นเอง

##########


Create Date : 07 มิถุนายน 2553
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 6:16:42 น.




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:40:25 น.
Counter : 480 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๓๖) ความทุกข์บนรถเมล์

อะไรก็ได้ (๓๖)


ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน มกราคม ๒๕๓๖ มีเรื่องที่น่าสนใจนอกคอลัมน์ ที่นี่.....สะพานแดง อยู่เรื่องหนึ่ง คือ ความทุกข์บนรถเมล์ โดย “แม่พิศ”

ฉันขึ้นรถเมล์สาย ๑๑ ที่ต้นทางตรงสามแยกอ่อนนุช พัฒนาการ เพื่อจะไปลงประตูน้ำ รถว่างพอให้ฉันเลือกนั่งได้ตามชอบใจในเช้าวันนี้

“เก้าอี้เดี่ยวตรงบันไดหน้าดีกว่า” ฉันสั่งตัวเองพลางคิดต่อไปว่า “นั่งสบายและลงรถได้รวดเร็วง่ายดี” แล้วฉันก็ปล่อยอารมณ์ไปตามสายตา ดูต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ในตอนเช้าพอเพลิน ๆ จนกระทั่งคนเต็มรถ ฉันจึงหันมามองผู้ที่ทยอยกันขึ้นมายืนด้วยความเร่งรีบที่จะให้ทันเวลาเรียนบ้าง ทะนทำงานบ้าง เพื่อคอยรับของที่พะรุงพะรังจากเขาเหล่านั้นมาวางไว้บนตัก

รถเคลื่อนออกอย่างรวดเร็ว วิ่งข้ามสะพานคลองประเวศไปจอดป้ายซึ่งมีคนรออยู่กลุ่มใหญ่....ไม่มีคนลง มีแต่ขึ้นจนรถที่เต็มอยู่แล้วแน่นอัดยิ่งขึ้น .....รถวิ่งต่อไปจอดหน้าหมู่บ้านผาสุก มีลงคนเดียว ขึ้นมาอีกกลุ่มใหญ่ จึงล้นจนขนาดบางคนเอาเท้าแหย่ไว้ข้างเดียวที่ขั้นบันได ตัวห้อยต่องแต่งออก ไปนอกรถ

ป้ายต่อไปเป็นตลาดพัฒนาการ คนลงหลายคนแต่ก็ขึ้นมาใหม่จนแน่นกว่าเดิม ผู้หญิงอ้วนเตี้ยคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ฉันโหนราวบนไม่ถนัด จึงเกาะหลักเสาข้างบันไดแทน ถูกดันจนมือหลุดจากหลักเสา ต้องเอาก้นมาพักพิงไว้กับพนักพิงของฉัน แล้วเอนตัวไปเกาะกระจกหน้าต่างแทน

ตอนนี้นอกจากไหล่จะถูกเบียดจนพิงอยู่ไม่ได้ ตัวยังต้องแบกน้ำหนักแขนของเธอ ไว้อีก ต้องขยับก้นตัวเองออกไปนิดหน่อย เพื่อสละพนักพิงให้เธอ และทำคอยืดยาวยื่นหัวออกไปข้างหน้า ให้พ้นจากการถูกแขนกดทับ

อาแป๊ะแก่ผู้หนึ่งเข้ามาเกาะเสาแทน ถุงที่ห้อยอยู่ในมือแก เป็นของร้อน ๆ จากตลาดแปะบนหัวเข่าฉันจนสะดุ้งโหยง ต้องเบนหัวเข่าหนี อาแป๊ะเลยได้ช่อง ดันขาตัวเองพรวดเข้ามาหาช่องว่างตรงหว่างขาฉัน จนเนื้อเปลือยเปล่านอกกางเกงขนสั้นของแก ถูไถกับเนื้อหนังแท้ ๆ ของฉันไปมา

อื๋อย์....ขนลุก...รำคาญ พร้อมทั้งเกิดอาการรังเกียจ แต่....ถึงอย่างไรฉันก็ต้องทนเพราะอาแป๊ะนั่นแกก็ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว ที่จะวางขาของแกลงไปได้ ฉันยังดีกว่าแกตั้งเยอะ ที่ยังมีที่นั่งโดยไม่ต้องโหน หรือห้อยตัวออกไปอยู่นอกรถอย่างเด็กหนุ่มพวกนั้น ที่มีเพียงที่วางเท้าข้างเดียวบบันได น่าหวาดเสียวนัก

เฮ้อ ชีวิตบนรถเมล์ในชั่วโมงเร่งรีบนี่ มันช่างหฤโหดเสียจริง ๆ ต่อไปนี้ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงการใช้รถเมล์ในเวลานี้เสียที พื่อ...จะได้ลดปริมาณผู้ที่โหนต่องแต่งอยู่ตรงบันไดรถลงอีกสักหนึ่งคน.

###########


Create Date : 05 มิถุนายน 2553
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 8:17:52 น.




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:39:53 น.
Counter : 601 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๓๕) นี่แหละคน (๒)

อะไรก็ได้ (๓๕)


คราวนี้เอาบทความเรื่อง นี่แหละคน ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน มกราคม ๒๕๓๘ ท่อนท้ายมาต่อให้จบ

ต่างจิตต่างใจ

ในโลกของความเป็นจริงที่มองเห็นกันอยู่ คนบางคนดีแสนดี บางคนก็เลวแสนเลว และเห็นแก่ตัว ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์ ดีไปหมดเสียทุกอย่าง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทำให้คนแต่ละคนซึ่งแตกต่างกันนี้ ร่วมมือกันทำงานให้บังเกิดผลงาน ก็เห็นจะพอแล้ว

ต่างมีของดี

มันสมองคนเรานั้น เป็นเครื่องมือ ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการงาน แม้จะมีความคิดแตกต่างกัน หรือสวนทางกันก็ตาม การรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็นมาก อย่าได้ดูถูกดูหมิ่น ความคิดเห็นของคนอื่นเลย แต่ละความคิดจะช่วยให้ท่าน มีแนวทางในการแก้ไข วินิจฉัย ตัดสินใจ สั่งการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี และเป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด

ท่านทำงานคุ้มกับเงินเดือนหรือเปล่า

ท่านลองหัดเป็นคนช่างสังเกตบ้างซี ไม่ต้องอะไรอื่น แค่ดูที่ทำงาน ในแต่ละชั่วโมง ในแต่ละวัน ท่านจะพบว่าคนบางคน ทำงานได้นิดเดียว เพราะมัวแต่คุย มัวอ่านหนังสือพิมพ์ เล่นอะไรต่าง มากมาย ทั้งนี้มันขึ้นอยู่ที่ว่า แต่ละคนมีความสำนึกร่วมในการทำงาน มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องเกี่ยวพันกับหัวหน้า หรือลูกพี่โดยตรง ถ้าลูกพี่คนไหนทำเป็นตัวอย่างที่ดีแล้วละก็ ปัญหาจะไม่เกิดเลย

ลูกพี่ที่ดี

ต้องพยายามยกย่อง และให้ความดีความชอบผู้ร่วมงานอื่น ๆ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ชื่อเสียง ต้องให้ลูกน้องของท่านได้มีส่วนร่วมด้วย ไม่ใช่ท่านคอยรับแต่ชอบ หรือเอาหน้าแต่เพียงผู้เดียว ถ้าท่านรู้จักรับผิด และให้ลูกน้องเพื่อนร่วมงานรับชอบ ท่านก็จะเป็นเจ้านายหรือลูกพี่ ที่ใคร ๆ พากันยกย่อง และรักใคร่นับถือได้ในที่สุด

ต้องรู้จักเอาใจใส่คนอื่น ๆ

ลูกพี่ที่เป็นกันเองกับลูกน้อง คอยดูแลเอาใจใส่ในความทุกข์ความสุขของลูกน้อง จะเป็นลูกพี่ที่ลูกน้องรักใคร่ ยกย่องบูชากว่าแบบอื่น ๆ ท่านเองควรจะมีศิลปะการเป็นลูกพี่ในเรื่องนี้อยู่บ้าง

เรื่องธรรมดานี่เอง

การกล่าวคำขอบคุณกับคนที่ทำอะไรให้ท่าน เป็นเรื่องที่น่าทำ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ที่ลูกพี่จะบอกกับลูกน้องตัวเองว่า “ขอบคุณมาก” ผมอยากจะให้คุณช่วย “กรุณาดูเรื่องนี้ให้ผมหน่อย” ผลที่ได้มันจะทำให้ลูกน้อง และทุกคนในหน่วยงาน มีความสบายใจ มีความเป็นกันเอง เกิดความร่วมมือประสานกันมากขึ้นเสียอีก

สุดปรารถนา

อย่าได้ให้ความหวังหรือให้คำมั่นกับใครง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องตำแหน่งหน้าที่ หรือความก้าวหน้า เขาจะจดจำทุกสิ่งที่ท่านบอกกล่าวไว้ ไม่มีวันลืมเลือน เขาคงคาดหวังว่า ท่านจะต้องทำได้ ตามที่ท่านพูด

(จบแล้ว)


Create Date : 03 มิถุนายน 2553
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 5:31:53 น. 2 comments
Counter : Pageviews. Add to




อะไรก็ได้แล้วกัน ค่ะ
ระวังและดูแต่ที่ตัวเองคนเดียวก็พอ
พยายามได้ทำแต่เรื่องที่เหมาะสม ที่ดี ที่ถูกต้อง
คนอื่นเราไม่มีสิทธิ์ ห้ามข้องเกี่ยว ห้ามเสนอบอก
ชั่วชีวิตมันสั้น อย่างน้อยคนรุ่นหลังแม้ไม่ชื่นชม
จะได้ไม่มีคำไล่ต่อว่า สาบส่ง
...
คุณลุง สบายดีนะคะ
ดูแลสุขภาพมากๆค่ะ

โดย: PANPISA IP: 124.120.113.66 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:12:56:15 น.




ผมได้ตั้งใจไว้ว่าเรื่องที่ผมเขียน แม้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของตนเอง
ก็จะไม่โอ้อวดให้เกินความจริง และไม่บังอาจสอนผู้อื่นครับ

แต่ตอนหลังนี้ สมองมันเสื่อมลง ก็หาเรื่องที่คิดว่ามีประโยชน์ ของผู้เขียนท่านอื่น มาวางเพิ่มขึ้น

ผู้ใดอ่านแล้ว จะถูกใจหรือไม่ถูกใจ ก็ออกความเห็นได้ ตามสะดวกครับ ผมก็แค่อาจจะออกความเห็นเพิ่มเท่านั้นครับ

ขอบคุณที่ติดตามมาอ่านในบล็อกครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:20:23:07 น.





 

Create Date : 28 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:39:08 น.
Counter : 507 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๓๔) นี่แหละคน

อะไรก็ได้ (๓๔)

จากนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน มกราคม ๒๕๓๘ นายทหารสื่อสารท่านหนึ่ง ปัจจุบันเป็นพันเอก(พิเศษ) ได้เขียนบทความเรื่อง นี่แหละคน ไว้ให้ผู้อ่านขบคิดพิจารณา ดังนี้

ยอมแพ้เสียบ้าง

การเอาชนะคนอื่นด้วยการเป็นศัตรูนั้นไม่เป็นการฉลาดเลย มีแต่ทำให้เกิดผลเสียมากกว่า ที่สำคัญที่สุดการเอาชนะผู้อื่นนั้น เป็นความลำบากกว่าอะไรอื่น ทางที่ดีก็คือการผูกมิตรกับเขาเสียดีกว่า แม้จะเสียศักดิ์ศรีไปบ้าง แต่ได้ผลเกินคุ้ม

ชอบนินทา

เป็นธรรมดาอยู่เอง ที่ใครต่อใครชอบที่จะนินทาว่ากล่าวคนอื่น ไม่มีใครหรอกที่จะเที่ยวประจานความเลวของตัวเองให้คนอื่นฟัง ถ้าเห็นว่าไม่อยากจะสร้างศัตรู ท่านควรปิดปากให้แน่น ยอมทำตัวเป็นคนโง่จะดีเสียกว่า เพราะขืนทำเป็นคนรู้มาก พูดเรื่องคนอื่นอยู่เรื่อย ท่านก็จะลำบากได้ในภายหลัง นิ่งเสียตำลึงทอง

วิธีสร้างความเชื่อมั่น

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเพื่อนร่วมงาน ก็คือการที่อยู่ในระเบียบวินัยที่ดี ไม่ว่าตำแหน่งใหญ่โตสักแค่ไหน ก็ไม่ควรละเมืดหรือละเว้นต่อกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้ลูกน้องเอาเป็นตัวอย่างเด็ดขาด เมื่อทุกคนมีระเบียบวินัยที่ดี ความเชื่อมั่นก็สร้างได้ไม่ยาก

ไม่มีอะไรดีไปกว่าคำชมเชย

“ถ้านายของเราจะดีกับเราเสียหน่อย เราก็คงมีความสุขมาก นี่เขาคอยแต่สั่ง ๆ ๆ ๆ ลูกเดียว แม้แต่รอยยิ้มก็ไม่เคยเห็น เวลาทำอะไรผิดก็รี่เข้ามา ฉอด ๆ ๆ ๆ แต่ถ้างานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี จะชมสักคำก็ไม่มี ถ้าพูดดีกับเราเราจะทำงานใจขาดเลย เพราะเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน อยากได้คำชมเชยเหมือนกันนี่นะ “ คนทุกคนจะมีความคิดอย่างนี้ทั้งนั้น

ถึงลูกถึงคน

สาเหตุที่นายพลรอมเมล ประสบชัยชนะในการรบหลายครั้ง เพราะท่านบัญชาการรบในสนามเอง ท่านแก้ปัญหาในจุดต่าง ๆ ของสนามรบเอง แต่การปกครองคนนั้น ต้องเข้าให้ถึงลูกถึงคน เข้าถึงจิตใจอันแท้จริงของเขา ให้คำปรึกษา แนะนำ เยี่ยมเยียน สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ

ความผิดพลาด

ไม่ว่าจะมีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่า อะไรมันผิด อะไรมันถูก หรือคิดว่าคนอื่นจะเป็นอย่างที่คุณคิด ท่านจงหัดมองคน มองโลกในแง่ดีเสียบ้าง ท่านก็จะเข้าใจมนุษย์รอบ ๆ ตัวท่านได้ดีขึ้น และงานของท่านก็จะดีขึ้นเป็นเงาตามตัว

ความสุภาพอ่อนโยนที่คนมองข้าม

ท่านมักจะมีความสุภาพอ่อนโยนกับคนอื่น ๆ ที่แปลกหน้าหรือเป็นแขก เพราะท่านรู้ว่าจะช่วยให้การเจรจาติดต่อเรื่องราวต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นกับทุกหน่วยงาน คือท่านมักจะละเลยหรือมองข้าม ที่จะใช้ความสุภาพนิ่มนวล กับคนที่ทำงานร่วมกันกับท่านทุกวัน

ถ้าท่านผู้อ่านเห็นด้วย ลูกน้องของท่านก็คงจะยินดี
และถ้าท่านได้ปฏิบัติอยู่แล้วด้วย เขาก็น่ายินดียิ่งขึ้น

(ยังมีตอ)

Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 6:14:59 น.




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:38:32 น.
Counter : 497 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.