|
อะไรก็ได้ (๑๐) จากสื่อสารถึงสื่อสาร
อะไรก็ได้ (๑๐)
ผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้ช่วยบรรณาธิการ นิตยสารทหารสื่อสาร ตั้งแต่ฉบับประจำ เดือน พฤษภาคม สิงหาคม ๒๕๓๐ จนถึง ฉบับประจำเดือน มกราคม เมษายน ๒๕๓๔ รวม ๑๕ ฉบับ ในฉบับสุดท้าย ก่อนจะไปประจำมณฑลทหารบกที่ ๑๑ ผมก็พาพรรคพวกลาท่านผู้อ่าน ไว้ในคอลัมน์ จากสื่อสาร...ถึงสื่อสาร ดังนี้
ท่านผู้อ่านที่รัก จดหมายฉบับนี้น่าจะเป็นฉบับสุดท้ายที่จะได้เขียนในหน้านี้ เพราะอีกไม่ช้าผมก็จะต้องไปรายงานตัว เข้าประจำมณฑลทหารบก และอีกไม่นานก็จะต้องพ้นจากหน้าที่ ในกองบรรณาธิการนิตยสารประจำเหล่าทหารสื่อสารฉบับนี้ไป หลังจากที่ได้เสนอหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ตั้งแต่เมื่อ ๓๐ ปีก่อน พร้อมกันนั้นก็จะพ้นจากหน้าที่การงาน ของเหล่าทหารสื่อสาร และกองทัพบกไปโดยสิ้นเชิงด้วย เพราะทางราชการคงไม่คิดที่จะเรียกระดมผู้ที่อายุเกิน ๖๐ ปี ไปแล้ว กลับมาอีกเป็นแน่ ไม่ว่าจะมีเหตุเพทภัยร้ายแรงขนาดไหนเกิดขึ้นก็ตาม เป็นการพ้นจากภาระหน้าที่ ซึ่งได้ทำมาตั้งแต่อายุย่างเข้า ๑๖ ปี กลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่เสียที
สิ่งใดที่เคยคุ้นกันอยู่นาน เมื่อจำเป็นจะต้องจากกันไป ก็อดที่จะเสียดายไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ทำใจไว้นานแล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีการเปลี่ยนแปลง และพลัดพรากจากกันไปเป็นที่สุด ไม่ว่าจะต้องการเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม ไม่มีอะไรที่จะสามารถยึดถืออยู่ได้ตลอดไป แต่โดยเฉพาะนิตยสารทหารสื่อสาร นั้น เป็นสิ่งที่รักมากยิ่งกว่าสิ่งใด ในชีวิตการทำงานภายในรั้วสีม่วงนี้ ก็ย่อมจะต้องอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างเป็นธรรมดา เพราะคงจะห่างไกลกันออกไปทุกที อย่างที่ว่าเมื่อมีเวลามากขึ้น อาจจะเขียนอะไรต่ออะไรมาลงพิมพ์ได้มากขึ้นนั้น ท่านผู้ใหญ่ที่เคยผ่านไปก่อนคนแล้วคนเล่า ไม่เห็นมีใครปฏิบัติได้เลยสักคนเดียวผมเองก็คงทำไม่ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้เขียนเรื่องประจำที่เคยมีชื่อผ่านสายตาของท่าน มาเป็นเวลาหลายปี ก็อาจจะหดหายไปหลายชื่อด้วย
อย่างพัชรรัตต์ ซึ่งโผล่หน้ามาในแวดวงของทหารสื่อสาร ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ด้วยเรื่องผ่อนอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วต่อมาก็พัฒนา ไปเขียนเรื่องประเภทสารคดี ทีเล่นทีจริง จนท่านบรรณาธิการท่านหนึ่งในยุคหลัง ถึงกับเรียกตัวไปพบ และขอให้เข้ามาช่วยท่านในกองบรรณาธิการด้วยกัน ซึ่งก็รีบรับคำด้วยความยินดี แต่แล้วท่านก็กลับไม่ได้เป็นบรรณาธิการต่อไปอีก ก็เลยไม่ได้ร่วมงานกับท่านจนแล้วจนรอด
อีกรายหนึ่งคือ วรพจน์ ซึ่งเป็นพี่น้องกับ พัชรรัตต์ ชอบเขียนเรื่องเกี่ยวกับ แบบธรรมเนียมของทางราชการที่น่าสนใจ แต่เอามาย่อยให้อ่านได้ง่าย เข้าใจง่าย และได้ความรู้ไปในตัว รายนี้เข้ามาครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ ห่างกันถึง ๑๐ ปี
ถัดไปอีกก็เป็น จอจาน รายนี้เป็นเจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ยุคขาวดำ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๓ ๒๕๑๕ มีความรู้เรื่องต่าง ๆ ของสถานีโทรทัศน์เป็นอย่างดี ก็เลยเขียนถึงเบื้องหลังของการทำรายการต่าง ๆ ในสมัยนั้น ส่งมาลงทหารสื่อสาร ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๔ แล้วก็เขียนติดต่อกันไปถึง ๑๒-๑๓ ตอน กว่าจะจบก็ล่วงเข้าไปถึง พ.ศ.๒๕๑๖ แล้วก็หยุดไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงหันมาเขียนเรื่องขำขันบ้าง เรื่องสั้นบ้างประปราย
อีกรายหนึ่งคือ กัปตันนัมเบอร์วัน เริ่มเขียนกลอนตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๑๘ รายนี้นามปากกาก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นร้อยเอก ได้เข้าเรียนหลักสูตรชั้นนายร้อย เหล่าทหารสื่อสาร ประเภทนายทหารจากชั้นประทวน รุ่นที่ ๑๓ ได้เลขประจำตัวเบอร์ ๑ ก็เลยเอามาตั้งเป็นนามปากกา เขียนกลอนเย้าแหย่เพื่อนในชั้น จนจบการศึกษาแล้วไม่หายมัน ก็ส่งมาให้ทหารสื่อสารลงบ้าง ส่วนมากเป็นกลอน แต่ถ้าเรื่องขำขันขาดแคลนก็จะตะบุ้ยแทนไปได้เหมือนกัน
รายต่อมาชื่อแปลก ห่อ ปูเค็ม ชื่อได้มาตั้งแต่เมื่อแรกรุ่นเข้าทำงานใหม่ ๆ ยากจนถึงขนาดต้องห่อข้าวไปกินที่ทำงาน และชอบไปมั่วสุมอยู่แถว ๆ ตรอกปูเค็ม ซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ แถวสี่แยกเกียกกาย ใกล้กับโรงเรียนทหารขนส่ง เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วเพราะเขาพัฒนาเอาพื้นที่ไปสร้างเป็นโรงเรียนช่างกล ขส.ทบ.หมด รายนี้เขียนกลอนส่งเข้ามาเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ เหมือนกัน ต่อมาจึงใช้เขียนเรื่องขำขัน แล้วก็เลยติดต่อกันมาไม่ขาดสาย
อีกรายหนึ่ง มาเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ คือ นายพิสดาร เป็นชื่อเลียนแบบ นายรำคาญ นายหนหวย นายกล้าหาญ นักเขียนที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น ความจริงเขาเคยเขียนที่ วปถ.ปริทรรศน์ มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๑ แต่แล้วก็เงียบหายไปพร้อมกับหนังสือเล่มนั้น เพิ่งมาโผล่ที่ทหารสื่อสาร
ถัดไปอีกได้เอาชื่อมาจากภาษาบาลี ประภัสสร ทิดคนนี้เคยบวชที่วัดบูรณศิริมาตยาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกสั้น ๆ วัดศิริอำมาตย์ อยู่ริมคลองหลอดตรงข้ามกระทรวงยุติธรรม ไม่ทราบว่าสอบได้นักธรรมหรือปรียญ ชอบอ่านหนังสือธรรมะของ ท่านพุทธทาส ท่านปัญญานันทะ พอเขียนหนังสือก็เลยเอาฉายา ปภสฺสโร เมื่อสมัยห่มผ้าเหลืองมาตั้งเป็นนามปากกา เขียนเรื่องเขียนกลอนก็เฉียด ๆ อยู่แถว ๆ กำแพงวัดนั่นเอง รายนี้เพิ่งปรากฏตัวเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐
อีกรายเป็นมวยแทน ชอบเขียนในคอลัมน์ แม่บ้านสื่อสาร ชื่อเหมือนให้หวย สามเจ็ดแปด สืบสวนได้ความว่าเป็นพ่อครัวตัวแสบ อยู่ในหมู่แม่ครัวทั้งฝูงที่เขาลือกันว่ามีอยู่ตั้ง ๓๗๘ คน จริงเท็จไม่ทราบ อดีตหัวหน้กองกำลังพลท่านหยึ่งชอบเรียกว่าโต้โผ เพราะมีหน้าที่รวบรวมพรรคพวกไปช่วยทำกับข้าวให้ชาวบ้านกินกันอยู่เสมอ
รายสุดท้ายแต่เก๋ากึ๊กกว่าเพื่อน คือ เพทาย ทิพยสุนทร รายนี้ตามประวัติแกเขียนเรื่องสั้นมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๑ เขียนอยู่ ๑๐ ปี มีผลงานเปรอะไปหมด ทั้งหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน รายสะดวก แล้วจึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนิตยสารฉบับสำคัญ ของเหล่าทหารสื่อสาร เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ ที่ วปถ.ปริทรรศน์ ไล่ ๆ กับ นายพิสดาร จากนั้นก็ไปลงใน แฟนสัมพันธ์ นิตยสารของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก แล้วจึงมาถึง ทหารสื่อสาร เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ แต่แกชอบเล่นตัวไม่ค่อยยอมเขียนให้ง่าย ๆ จึงมีผลงานน้อย ดีอยู่หน่อยที่แกมีน้ำใจมาช่วยตรวจคัดเรื่อง และพิสูจน์อักษรให้ด้วยความเต็มใจไม่คิดค่าตัว และช่วยเขียน ท้ายเล่ม ในนามของกองบรรณาธิการตลอดมา ตั้งแต่บัดนั้น จนถึงฉบับอำลาอาลัยนี้
ทั้งหมดที่เล่ามานี้ได้ข่าวว่า จะยกขบวนตามออกไปพร้อมกันหมด นอกจากบางรายที่ยังขยันเขียนอยู่ ก็อาจมีผลงานบ้างเป็นครั้งคราว ตามแต่ท่านบรรณาธิการจะกรุณา
สำหรับท่านผู้อ่าน ซึ่งได้คุ้นเคยกับนักเขียนเหล่านี้มานาน ก็จำเป็นต้องกล่าวคำอำลาไปก่อน ตามวาระอันควร ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อเรื่มต้นขึ้นแล้ว ก็ต้องมีสิ้นสุดลงเปธรรมดา
ถ้าจะพูดตามสำนวน ปภัสสร ก็คงจะเป็นคาถาของท่านพุทธทาสว่า ตถตา มันเป็นเช่นนั้นเอง.
ด้วยรักและคิดถึงจากใจจริง ฒูฬญ์
แล้วนิตยสาร ทหารสื่อสาร ฉบับต่อไป ก็ได้เปลี่ยนชื่อคอลัมน์ อะไรก็ได้ เป็น ที่นี่...สะพานแดง แต่ยังคงความมุ่งหมายเดิม คือใครก็ได้ จะเขียนเรื่องอะไรก็ได้ ส่งมาเถอะจะพิจารณาลงพิมพ์ให้ทั้งนั้นแหละ
แต่คอลัมน์ที่ เจียวต้าย จะคัดลอกเอามาฝากเพื่อน ๆ นี้ คงไม่ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย และขอยุติตรงนี้ไว้ก่อน เพราะพิมพ์แค่นี้ นิ้วกลางมือขวา ก็เป็นตะคริวแข็งค้างงอไม่เข้าแล้ว.
#############
Create Date : 03 มีนาคม 2553 Last Update : 3 มีนาคม 2553 20:08:54 น.
Create Date : 20 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:18:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 480 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|