Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๗ ฮ่องเต้เจ้าสำราญ

หลากชีวิตในพงศาวดารจีน

คนซื่อแห่งกังหนำ

ตอนที่ ๗ ฮ่องเต้เจ้าสำราญ

“ เล่าเซี่ยงชุน "

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ นั้น ตั้งแต่ เล่ากึน หนีไปแล้วพระองค์ก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม ราษฎรมีความสุข ข้าวปลาอาหารและผลไม้ก็บริบูรณ์ วันหนึ่งพระเจ้าเจงเต็ก เสด็จออกขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าพร้อม จึงมีรับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาตั้ง พระราชทานให้ขุนนางทั้งปวงกินหน้าที่นั่ง เป็นที่ถูกพระทัย

ขณะนั้น จิวหยง ปรึกษากับ ฮ่อจีนปัง ว่า เราทิ้งบ้านเรือนเสีย มาทำราชการนานแล้ว บัดนี้บ้านเมืองค่อยมีความสุข เราคิดจะทูลลากลับไปเยี่ยมที่ฝังศพบิดา มารดา และจะได้รับครอบครัวเข้ามาเมืองหลวง พี่จะเห็นประการใด ฮ่อจีนปังก็เห็นชอบด้วย

ครั้นปรึกษากันพร้อมแล้ว จึงไปคุกเข่าลงกราบทูลว่า ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอถวายบังคมลาไปบ้านเดิมคำนับศพบิดามารดาสักครั้งหนึ่ง ฮ่องเต้จึงตรัสว่า

".....ท่านทั้งสองจะไปคำนับศพบิดามารดานั้น ได้ชื่อว่ากตัญญูสมควรแล้ว แต่อย่าอยู่ช้ารีบกลับมาสามเดือนให้ถึงเมืองหลวง....."

จิวหยงกราบทูลว่า บ้านเดิมข้าพเจ้าอยู่เมืองกังหนำ แต่บิดามารดายกครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนค้าขายอยู่ที่เมืองเซงเกียจนถึงแก่กรรม ข้าพเจ้าคำนับศพบิดามารดา ที่เมืองเซงเกียแล้ว จะต้องเลยไปคำนับศพปู่ย่าที่เมืองกังหนำด้วย ซึ่งพระองค์โปรดจะให้กลับมาในสามเดือน หนทางไกลจะไม่ทันกำหนด

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังจิวหยงกราบทูลว่าจะไปเมืองกังหนำ ก็มีพระทัยยินดีด้วยพระองค์ทรงทราบว่าเมืองกังหนำสนุก มีของเล่นต่าง ๆ อยากจะเสด็จไปประพาสอยู่เนือง ๆ

จึงตรัสถามว่า เมืองกังหนำเล่าลือสืบกันมาว่า คนมีปัญญาคิดทำเครื่องเล่นอย่างดีมีมากจริงหรือ

จิวหยงทูลว่าเมืองกังหนำนั้นเป็นเมืองใหญ่ กว้างขวางภูมิฐานก็งามดี กว่าเมืองทั้งปวง มีภูเขาสลับเป็นชั้น ๆ มีต้นไม้ที่ประหลาดอยู่หลายอย่างผลไม้โอชารส แถวถนนก็ราบรื่น ผู้มีปัญญาฉลาดคิดการทำของเล่นก็มีมาก นักปราชญ์ที่รู้หนังสือก็ลึกซึ้ง วัดใหญ่ก็งดงามหลายตำบล มีศาลเจ้ารูปพระกัษศปอยู่แห่งหนึ่ง ถ้าถึงเทศกาลชาวบ้านชาวเมืองคิดกัน ตั้งกระบวนแห่ที่หน้าบ้าน แต่งเครื่องบูชาประกวดกันเป็นที่สนุกยิ่งนัก

ผู้หญิงในเมืองนั้นมักมีรูปกิริยาดี แต่งตัวก็สะอาดงดงาม ในลำแม่น้ำใหญ่มีเรือเท้งจอดอยู่เรียงราย และชาวเมืองนั้นเล่นนักขัตฤกษ์ทั้งสี่ฤดูเป็นที่สนุกสนานเพลิดเพลินทุกตำบล

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็อยากจะเสด็จไปเที่ยวเล่น จึงตรัสเป็นอุบายว่า

"...เวลาคืนนี้ประมาณสามยามเศษเรานอนหลับสนิทนิมิตฝันว่าเทวดาองค์หนึ่งเหาะลอยมาในอากาศ ร้องบอกว่าให้เราไปเมืองกังหนำสืบหาผู้มีปัญญาซื่อตรง มาช่วยรักษาแผ่นดิน บ้านเมืองจึงจะอยู่เย็นเป็นสุข เราคิดว่าจะไปยังไม่เห็นผู้ใด จะป้องกันอันตรายได้ บัดนี้ท่านจะไปก็สมดังใจคิด เราจะไปด้วย...."

จิวหยงได้ฟังก็ตกใจ คิดว่าเรากราบทูลผิดเสียแล้ว ด้วยฮ่องเต้พอพระทัยในการเล่น ครั้นเราทูลว่าเมืองกังหนำสนุก ก็อยากเสด็จไปเที่ยว จึงแกล้งรับสั่งว่านิมิตฝัน ถ้าเรานำเสด็จไปมีเหตุอย่างไรขึ้น ขุนนางทั้งปวงก็จะติโทษเราได้ คิดแล้วจึงกราบทูลว่า

".....ซึ่งพระองค์ทรงพระสุบิน จะเชื่อถือเอาเป็นแน่ไม่ได้ ทางที่จะไปนั้นกันดารนัก เป็นซอกห้วยเชิงเขา ทั้งสัตว์ร้ายก็มีมาก แม่น้ำก็กั้นหลายตำบล อย่าเสด็จไปให้ลำบากพระองค์เลย...."

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า

"....เราไปเที่ยวสืบหาผู้มีปัญญามาตั้งเป็นขุนนาง เพราะเห็นแก่การแผ่นดินมิได้กลัวความลำบาก จะเปลื้องเครื่องกษัตริย์ออกเสีย แต่งตัวเป็นพ่อค้าปลอมไปไม่ให้ใครรู้จัก แต่ท่านทั้งสองป้องกันก็คงจะคุ้มภัยได้....."

จิวหยงก็ทูลว่า

"...พระองค์ไม่ควรเสด็จ ด้วยโบราณกล่าวไว้ว่า ราชสมบัติว่างขาดเจ้าจนวันหนึ่งก็ไม่ได้ ด้วยราชการบ้านเมืองใหญ่โตนัก เกลือกจะเป็นอันตรายสิ่งใดขึ้น ฮองไทเฮากับขุนนางทั้งปวง จะลงโทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต พระองค์จะขืนเสด็จไปให้ได้ ข้าพเจ้าทั้งสองจะยอมตายอยู่หน้าที่นั่ง...."

พระเจ้าเจงเต็กได้ทรงฟังจิวหยงกราบทูลถูกอย่างธรรมเนียม จึงทรงคิดว่าจะข่มขืนไปให้ได้ ก็จะเป็นที่ยากใจแก่คนทั้งสอง จึงตรัสว่า

".....ท่านพูดถูกต้อง แต่ไปอย่าอยู่ช้า ห้าเดือนจึงกลับมาให้ถึงเมืองหลวง....."

จิวหยง ฮ่อจีนปังก็มีความยินดีถวายบังคมลากลับมาบ้าน จัดแจงสิ่งของพอสมควรสั่งบ่าวไพร่ให้อยู่รักษาบ้านเรือน ครั้นเวลาเช้าก็ไปคำนับลาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเสร็จแล้ว ก็รีบออกจากเมืองหลวง ขุนนางทั้งปวงก็ตามไปส่งจนนอกประตูเมือง

จิวหยงกับฮ่อจีนปังเดินไปถึงเก๋งใหญ่อยู่ห่างกำแพงเมืองสิบลี้ ชื่ออางเต๋งกวางเอียะกว้างใหญ่งดงาม มีขุนนางเจ้าพนักงานรักษา เป็นของหลวงสำหรับแขกเมืองพักอาศัย พอดีเวลาเย็นก็หยุดพักอยู่ ณ ที่นั้น

ฝ่ายพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ใช้ให้ขันทีไปสืบดู ทราบว่าจิวหยงกับฮ่อจีนปังออกจากบ้านไปแล้ว ก็ทรงพระอักษรฉบับหนึ่งมอบให้ขันที และรับสั่งว่าท่านอย่าแพร่งพรายไป ถ้าขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาเฝ้า จงบอกว่าเราป่วยออกว่าราชการไม่ได้ ต่อครบห้าวันแล้วจึงเอาหนังสือนี้ไปส่งให้ เนียฉู

รับสั่งแล้วก็ผลัดเครื่องทรงออกแต่งตัวเป็นพ่อค้าเอาตราและกำไลหยกสำหรับกษัตริย์ กับหยิบทองห่อติดพระองค์ไปด้วย เดินหลบหลีกออกจากพระราชวัง ไปถึงนอกกำแพงเมือง ทรงคิดว่าจิวหยงกับฮ่อจีนปังเห็นจะพักอยู่ที่เก๋งอางเต๋งกวางเอียะเป็นมั่นคง

พอเวลาพลบค่ำเดือนหงายสว่าง ก็รีบเดินไปได้ประมาณยามเศษ ก็ถึงเก๋งใหญ่จึงเคาะประตูร้องเรียก ผู้รักษาประตูเปิดออกมาดู เห็นชายหนุ่มแต่งตัวเป็นพ่อค้ากิริยาเรียบร้อย จึงถามว่าท่านชื่อไรมีธุระสิ่งใด

ฮ่องเต้ก็บอกว่าเราชื่ออึงหลุน มาหาจิวหยงฮ่อจีนปังท่านจงบอกให้ทราบด้วย ผู้รักษาประตูก็เข้าไปแจ้งความแก่คนทั้งสองตามสั่ง สองพี่น้องก็สงสัยด้วยชื่ออึงหลุน มิได้เคยรู้จัก พอเดินออกมาดูก็จำได้ว่าเป็นพระเจ้าเจงเต็ก แต่ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์จึงชงักนิ่งอยู่ แล้วเชิญเสด็จเข้าไปข้างใน คุกเข่าลงคำนับตามธรรมเนียม แล้วทูลถามว่าพระองค์เสด็จมาที่นี่ มีพระราชประสงค์สิ่งใด

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ตรัสว่า

".....ตั้งแต่ท่านมาเราไม่มีความสุข จึงได้ลอบแปลงตัวหลบหลีกตามมา ปรารถนาจะไปเมืองกังหนำด้วย...."

จิวหยงฮ่อจีนปังได้ฟังก็ตกใจกราบทูลว่า

".....ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาอย่าเสด็จไปเลย ข้าพเจ้าทั้งสอง ก็ยังไม่กลับบ้านเดิม จะตามเสด็จเข้าเมืองหลวง ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณก่อน ต่อว่างลงเมื่อใด จึงจะถวายบังคมลาต่อครั้งหลัง....."

ฮ่องเต้ตรัสว่า

".....ท่านอย่าพูดวุ่นวายเลย เรามิได้เชื่อฟัง ถึงท่านทั้งสองไม่ป้องกัน เราก็คงจะไปแต่ผู้เดียว...."

ทั้งสองได้ฟังก็คิดว่าถึงจะทูลทัดทานสักเท่าใดที่ไหนจะเชื่อฟัง ด้วยพระทัยมุ่งหมายอยากจะไปฝ่ายเดียว คิดแล้วจึงกราบทูลว่า ถ้าพระองค์จะเสด็จไปเมืองกังหนำให้ได้ ข้าพเจ้าทั้งสองก็จะป้องกันไปมิให้เป็นอันตราย

ฮ่องเต้ได้ฟังก็ยินดีจึงตรัสว่า ตั้งแต่นี้ไปถ้าพบผู้คนอย่าถวายบังคมเหมือนข้ากับเจ้าเลย จงคำนับอย่างอาหลานเถิดคนทั้งปวงจึงจะไม่สงสัย จิวหยงทูลว่าทิ้งอย่างธรรมเนียมเสีย มิเป็นการล่วงเกินพระองค์ไปหรือ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเราอนุญาตแล้วไม่เป็นไร

ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ กับจิวหยงฮ่อจีนปังออกจากที่ เก๋งอางเต๋งกวางเอียะ เดินตรงไปเมืองหงยุนกุ้ย เมื่อถึงบ้านทั้งสองจึงทูลว่าพระองค์จงพักอยู่ข้างนอกก่อน ข้าพเจ้าทั้งสองจะเข้าไปแจ้งกับมารดาให้จัดที่รับเสด็จ ฮ่องเต้ก็รับคำ ทั้งสองก็คำนับลาเข้าไปในบ้าน

ฝ่าย นางเฮงสี นางลีสี นางเสียวเหนย เห็นจิวหยงกับฮ่อจีนปัง แต่งตัวอย่าง ขุนนางเดินเข้ามาก็มีความยินดี วิ่งออกไปคำนับกันตามธรรมเนียม แล้วจิวหยง กับฮ่อจีนปังก็เข้าไปคำนับมารดา ต่างคนถามถึงทุกข์และสุขกัน ทั้งสองก็เล่าความตั้งแต่จับพวกโจรได้เข้าไปเมืองหลวงโปรดให้เป็นขุนนาง จนทูลลากลับมาบ้าน และฮ่องเต้ตามมาด้วย ให้มารดากับนางทั้งสามฟังทุกประการ
ทุกคนก็มีความยินดี

ฮ่อจีนปังจัดที่เรียบร้อยแล้วก็ออกไปรับฮ่องเต้เข้ามาในบ้าน เชิญเสด็จประทับในที่อันสมควรแล้ว ทั้งหมดก็คุกเข่าลงถวายบังคม ฮ่องเต้เห็นไม่มีคนอื่นจึงรับคำนับอย่างธรรมเนียมกษัตริย์ แล้วตรัสถามหญิงทั้งสามคนนี้ชื่อใดเป็นอะไรกับท่าน

จิวหยงกราบทูลว่า นางลิสีเป็นภรรยาฮ่อจีนปัง นางเฮงสีเป็นภรรยากิมเหงา นางเสียวเหนยเป็นผู้มีคุณแก่นางเฮงสี แล้วก็เล่าเรื่องแต่ต้นจนปลายให้ทรงทราบทุกประการ

ฮ่องเต้ก็ตรัสกับนางเฮงสีว่า เรากลับเข้าไปเมืองหลวงจะเอาชื่อท่านจารึกไว้ในแผ่นศิลา แล้วจะตั้งให้มียศศักดิ์ขึ้น นางเฮงสีมีความยินดีคุกเข่าลงถวายบังคมทูลว่า นางเสียวเหนยนั้นข้าพเจ้ายกให้เป็นภรรยาจิวหยง แต่ยังหาได้อยู่ด้วยกันไม่ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเรากลับมาจากเมืองกังหนำแล้ว จะพาเข้าเมืองหลวงจึงค่อยแต่งการให้อยู่ด้วยกัน

พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็ประทับอยู่ที่บ้านของฮ่อจีนปังด้วยความสำราญพระทัยทั้งการเสวยและบรรทม มิได้คิดถึงราชการ และความวิตกห่วงใยของขุนนางทั้งปวงที่เมืองหลวงแต่ประการใด.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มิถุนายน ๒๕๔๓


Create Date : 30 พฤษภาคม 2551
Last Update : 30 พฤษภาคม 2551 16:56:37 น. 0 comments
Counter : 1395 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.