Group Blog
 
All Blogs
 
ประวัติศาสตร์ต่อจากราชวงศ์จิ้น

ประวัติศาสตร์ ต่อจากราชวงศ์จิ้น

เรื่องที่สืบต่อจากสามก๊ก


เรื่องที่สืบต่อจากสามก๊ก

จากคำนำขององค์การค้าคุรุสภา ผู้จัดพิมพ์นิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่อง สามก๊ก
ได้บอกว่า ต่อไปเป็นเรื่อง ไซจิ้น ตั้งจิ้น น่ำซ้อง ซึ่งเป็นเรื่องของราชวงศ์จิ้น
ราชวงศ์ซอ ราชวงศ์ชี ราชวงศ์หลียง และราชวงศ์ตั้น
(พ.ศ.๘๐๘-๑๑๓๒)

เป็นเวลาถึง ๒๒๔ ปี มีผู้ทราบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ พอจะเล่าสู่กันอ่านประดับสติปัญญาบ้างไหมครับ

ถ้ามีก็ขอบคุณมากครับ.




ความคิดเห็นที่ 3

ราชวงศ์ซอ หรือราชวงศ์ซ่ง นั้นก่อตั้งโดยหลิวอิ้ว ครับ

หลิวอิ้วเป็นจริงๆนับไปนับมาก็มีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ฮั่นเหมือนกัน เพราะย้อนกลับไปสัก 23 รุ่น บรรพบุรุษของหลิวอิ้วก็เป็นพี่น้องกับหลิวปังหน่ะครับ โดยสายสกุลของหลิวอิ้วจะสืบทอดมาจากฉู่อ๋อง หลิวเจียว (แต่ตำแหน่งฉู่อ๋องนั้นหายไปแล้วเมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ซีฮั่น บรรพชนของหลิวอิ้วเป็นเป็นชาวบ้านธรรมดามาหลายร้อยปีก่อนเขาจะเกิด)

ตัวหลิวอิ้วนี้ เกิดมาในตระกูลขุนนางภูธรเล็กๆในราชสำนักตงจิ้นครับ วัยเด็กถือว่าลำบากมาก เพราะบ้านของเขาไม่ใคร่มีฐานะเท่าใด บิดาก็เป็นขุนนางระดับนายกองในท้องที่เท่านั้น และตายตั้งแต่หนุ่ม หลิวอิ้วอาศัยญาติพี่น้องของบิดาเลี้ยงแบบถูไถๆยังชีพไปวันๆ พอโตเป็นหนุ่มเนื่องจากไม่มีความรู้ และบ้านเมืองอยู่ในกลียุค เขาก็เลยไปสมัครเป็นทหารเลวในท้องที่บ้านเกิดหน่ะครับ

หลังจากทำราชการอยู่หลายปี หลิวอิ้วก็ไปเป็นลูกน้องของ หลิวเหลาจื่อ ที่เป็นขุนนางระดับนายทหารในยุคนั้นครับ ช่วงปลายราชวงศ์ตงจิ้นนั้น ราชสำนักอ่อนแอมาก จักรพรรดิสกุลสุมาแทบจะไร้อำนาจ มีพวกขุนศึกภูธรตั้งตัวเป็นอิสระปกครองท้องที่ของตนเองตามใจชอบเต็มไปหมด หลิวเหลาจื่อก็เป็นขุนศึกคนหนึ่งที่ตั้งตนเป็นใหญ่อยู่ในแถบเจียงสูหน่ะครับ ด้วยความที่หลิวอิ้วเป็นคนกล้าหาญ เก่งในทางบู๊และมีสติปัญญา เขาเลยเป็นที่โปรดปราณของหลิวเหลาจื่อมาก และก้าวหน้าในราชการขึ้นเป็นลำดับ จนหลิวเหลาจื่อถูกหวนเสวียนบีบให้ฆ่าตัวตายเพราะรบแพ้ในปี ค.ศ.402 หลิวอิ้วเลยแยกวงออกมาเป็นเอกเทศของตัวเอง

ในช่วงนี้เอง ราชสำนักจิ้นมีขุนศึกคนหนึ่งที่มีอำนาจมากระดับล้นฟ้า ชื่อว่า หวนเสวียน ครับ (แกเป็นลูกของหวนเหวินหน่ะนะ) หวนเสวียนนั้นเชื้อไม่ทิ้งแถวบิดา มักใหญ่ใฝ่สูง และอยากจะเป็นจักรพรรดิเสียเอง แต่ติดที่พวกขุนศึกทั่วแผ่นดินไม่ได้ชอบขี้หน้าเขาเลย หวนเสวียนเลยต้องอาศัยจักรพรรดิสกุลสุมาเชิดหากินไปเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดหวนเสวียนก็คิดเอาเองว่า บารมีของตนถึงขนาดแล้ว น่าจะได้ฤกธิ์ทำตนตามมติฟ้า ขึ้นเป็นจักรพรรดิเองให้รู้แล้วรู้รอดในปี ค.ศ. 404 ครับผม

แต่หวนเสวียนคาดการณ์ผิด เพราะไม่มีใครเล่นด้วยกับเขา พวกขุนศึกทั่วแผ่นดินลุกขึ้นต่อต้านเขาครับ สุดท้ายหวนเสวียนก็ถูกรุมกินโต๊ะจากทุกทิศทางจนแตกพ่ายและถูกฆ่าตายในที่สุด

ในปี ค.ศ.405 เมื่อหวนเสวียนถูกกำจัด เหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินก็แย่งชิงอำนาจกันอีกรอบครับ หลิวอิ้วเห็นว่าเป็นโอกาส เขาก็เลยยกกำลังพลเข้าไปพิทักษ์จักรพรรดิจิ้นอันตี้ที่เจี้ยนคัง
จากนั้นมาหลิวอิ้ว ก็เล่นมุขเดียวกับโจโฉหรือสุมาเจียวแลครับ อาศัยจักรพรรดิสกุลสุมาเป็นหุ่นเชิด ค่อยๆปราบขุนศึกคู่แข่งทั้งหลายในแผ่นดิน สร้างสมบารมีให้ตนเองเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 14 ปี จนมาสำเร็จในปี ค.ศ.419 หลิวอิ้วก็บีบให้จักรพรรดิจิ้นก่งตี้สละราชสมบัติทั้งน้ำตา และตั้งตัวเป็นจักรพรรดิซ่งหวู่ตี้ ใช้ชื่อราชวงศ์ว่าซ่งหน่ะครับ


ราชวงศ์ซ่งแซ่หลิว หรือหลิวซ่ง นั้น ถือเป็นราชวงศ์แรกของฝ่ายใต้ ในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ ครับ จริงๆผมคิดว่าหลิวซ่งนั้นแข็งแกร่งและมีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในบรรดาราชวงศ์ฝ่ายใต้ทั้ง 4 เลย เพราะหลิวซ่งรวมภาคใต้เป็นปึกแผ่นได้หมดเกลี้ยง ดินแดนตั้งแต่ทางใต้ของหวงเหอลงไปจรดทะเลหนานไห่เป็นอาณาเขตของหลิวซ่งทั้งหมด ถ้าหลิวอิ้วอายุยืนกว่านี้ เจาอาจจะยกทัพข้ามหวงเหอพิชิตภาคเหนือคืนมาจากพวกเซียนเปยได้หมดสิ้นก็ได้ เพียงแต่ว่าหลิวอิ้วอายุไม่ยืนพอ เลยทำการไม่สำเร็จ

จากคุณ : อุ้ย (digimontamer)
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 20:42:56










ความคิดเห็นที่ 4

1. จักรพรรดิซ่งหวู่ตี้ หรือ หลิวอิ้ว สวรรคตในปี ค.ศ.422 ครับ หลังจากเป็นจักรพรรดิได้ 3 ปี โอรสของเขาคือ หลิวอี้ฟุ ก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน นักประวัติศาสตร์ให้นามแต่งตั้งของพระองค์ว่า จักรพรรดิส้าวตี้ พระองค์ครองราชสมบัติแค่ 1 ปี ครับ ตลอดรัชสมัยนั้นพระองค์ปกครองอย่างอ่อนแอและไม่ค่อยสนใจราชกิจ พวกขุนนางไร้สามารถได้ตำแหน่งใหญ่โตเต็มราชสำนัก สุดท้ายพระองค์เลยโดนเหล่าขุนนางนำโดย ตานเต้าจี๋, หวางหง, และ เซี่ยฮุย ก่อกบฎ ยกทัพเข้าไปจับกุมตัวพระองค์คาพระตำหนัก และบีบให้สละราชสมบัติไปในที่สุด ก่อนจะโดนเนรเทศไปชนบท และถูกนักฆ่าที่สวีเซียนจื้อขุนนางอีกคนที่รวมหัวกันถอดพระองค์จากราชสมบัติจ้างมา ลอบปลงพระชนม์ไปในปี 429 ครับ

2. เมื่อจักรพรรดิส้าวตี้ถูกปลดจากราชสมบัติ พวกขุนนางก็หันไปตั้ง องค์ชายหลิวอี้หลง พระอนุชาของจักรพรรดิส้าวตี้ขึ้นครองราชย์แทนในปี ค.ศ.424 นักประวัติศาสตร์ให้นามแต่งตั้งของพระองค์ว่า จักรพรรดิเหวินตี้

จักรพรรดิเหวินตี้นั้นเป็นจักรพรรดิที่ครองราชย์นานที่สุดของหลิวซ่งครับ คือตั้งแต่ปี 424-453 (30 ปี) ตลอดรัชกาลพระองค์ถือว่าปกครองอย่างเข้มแข็งครับ แม้จะมีเละเทะไปบ้าง แต่ก็ทำให้หลิวซ่งเข้มแข็งและรุ่งเรือง ทว่าก็ต้องเผชิญกับการรุกรานของราชวงศ์เป่ยเว่ยทางเหนืออยู่เป็นเนืองนิจ

3. จักรพรรดิเหวินตี้สวรรคตเพราะถูกพระโอรสคือ หลิวส้าวปลงพระชนม์ในปี 453 ครับ และหลิวส้าวก็ตั้งตนเป็นจักรพรรดิแทน แต่อยู่ได้แค่ไม่กี่วันก็โดนหลิวจวิ้นเข้ามายึดอำนาจ หลิวส้าวก็ถูกสำเร็จโทษไป

4. จักรพรรดิองค์ต่อมาคือ จักรพรรดิเซียวหวู่ตี้ หรือหลิวจวิ้น ครับ หลังจากเขายึดอำนาจจากหลิวส้าวแล้ว ก็กวาดล้างขุมกำลังเดิมๆของพวกหลิวส้าวจนหมด และขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน แต่ทว่าตลอดรัชกาลต้องเผชิญกับการก่อกบฎจากญาติติโกโหติกาทั้งหลายเป็นเนืองนิจ พระองค์ครองราชได้ 10 ปี จนถึงปี ค.ศ. 464 ก็สวรรคต

5. จักรพรรดิองค์ต่อมาคือ จักรพรรดิเฉียนเฟยตี้ หรือ หลิวจือเหย่ ครับ จักรพรรดิองค์นี้เข้าขั้นนิสัยวิปริต ชอบทรมาณคน สั่งประหารขุนนางเพียงเพราะเหม็นขี้หน้า เป็นพวกรักร่วมเพศแบบวิตถาร เนื่องจากทรงปกครองแบบโหดร้ายและมั่วซั่ว เลยถูกพวกขุนนางลอบสังหารในปี ค.ศ.465 ครับผม

6. พอจักรพรรดิเฉียนเฟยตี้ถูกลอบปลงพระชนม์แล้ว พวกขุนนางก็พร้อมใจกันยกให้ หลิวอวี่ ที่เป็นโอรสองค์หนึ่งในจักรพรรดิซ่งเหวินตี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน นักประวัติศาสตร์ให้นามพระองค์ว่า จักรพรรดิซ่งหมิงตี้ ครับ
แรกๆจักรพรรดิหมิงตี้ก็ทรงปกครองดีอยู่ พยายามใช้ขุนนางดี ห่างขุนนางถ่อย แต่คงเป็นเวรเป็นกรรมของราชวงศ์นี้ เพราะพอปกครองไปนานๆ จักรพรรดิก็ชักจะไม่ไว้ใจขุนนาง และขุนนางก็หาทางเลื่อยบัลลังก์จักรพรรดิครับ ราชวงศ์ซ่งก็เข้าวงเวียนเดิมคือ จักรพรรดิและขุนนางถือมืดหันมาจ่อกัน แย่งอำนาจกันเองเละเทะ สุดท้ายพระองค์ป่วยและสวรรคตในปี ค.ศ. 472 ทิ้งรัชทายาท หลิวอวี้ เอาไว้ในวัยเพียง 8 ชันษา

ในยุคของจักรพรรดิหมิงตี้นี้ มีขุนศึกคนหนึ่งที่โดดเด่นก้าวพุ่งแรงขึ้นมาครับ เขาคือ เซียวเต้าเฉิง ที่สามารถฝ่ามรสุมความไม่ไว้วางใจระหว่างจักรพรรดิและขุนนาง กระโดดจากขุนพลประจำเขตทหารเล็กๆ มาเป็นนายทหารใหญ่ได้แบบเต็มภาคภูมิ และเป็นหนึ่งในคนที่จักรพรรดิหมิงตี้ไว้วางพระทัย

7. หลิวอวี้ก็ขึ้นสืบราชสมบัติเป็นจักรพรรดิโฮ่วเฟยตี้ครับ แต่แน่นอนว่ายุวกษัตริย์อย่างพระองค์อยู่รอดได้ไม่นาน ท่ามกลางกระแสชิงอำนาจที่ดุเดือด และคนที่ลงมือก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เซียวเต้าเฉิงนั่นเอง เขาปลดและสำเร็จโทษจักรพรรดิโฮ่วเฟยตี้ในปี ค.ศ. 477 และหันไปตั้งพระอนุชาของจักรพรรดิโฮ่วเฟยตี้คือ หลิวจุ้น ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน

8. หลิวจุ้น ก็โดนเซียวเต้าเฉิงเชิดเป็นจักรพรรดิชุนตี้ในปี 477 ครับ แต่แน่นอนว่าเขาไร้อำนาจใดๆ พวกขุนศึกหลายคนที่ภักดีต่อราชวงศ์ซ่ง (หรืออยากชิงอำนาจเอาไว้แข่งกับเซียวเต้าเฉิงก็เป็นได้) เช่น เสิ้นโหย่วจือ ก็พยายามก่อการช่วยพระองค์ปราบเซียวเต้าเฉิงครับ แต่เนื่องจากเสิ่นโหย่วจือเขี้ยวลากดินไม่พอ เลยโดนคนเขี้ยวใหญ่กว่าเช่น เซียวเต้าเฉิงกำจัดไป

คราวนี้เซียวเต้าเฉิงก็ตั้งหน้าตั้งตาแผ่ขยายอิทธิพลอย่างเต็มที่ครับ โดยมามุขเดียวกับพวก โจโฉ, สุมาเจียว และหลิวอิ้วเลย ค่อยๆกำจัดคนที่ภักดีต่อจักรพรรดิซ่งไปทีละรายสองราย อวยยศตัวเองให้ใหญ่ขึ้นเทียบเคียงจักรพรรดิเรื่อยๆ หาคนของตนมาใส่ในราชสำนักจนเต็มไปหมด และแล้วในปี ค.ศ. 479 เซียวเต้าเฉิงเห็นว่ากรุยทางเรียบเป็นถนนลาดยางแล้ว ก็จับจักรพรรดิชุนตี้ไปสำเร็จโทษ และตั้งตนเป็นจักรพรรดิฉีเกาตี้ เปลี่ยนราชวงศ์จากซ่งเป็นฉีนับแต่นั้นมา

แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 55 06:31:38

จากคุณ : อุ้ย (digimontamer)
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:09:44










ความคิดเห็นที่ 5

เซียวเต้าเฉิงนั้นเป็นใครมาจากไหน ?

ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า บรรพชนของเซียวเต้าเฉิงนั้นก็เป็นเพื่อนกับจักรพรรดิสกุลหลิวนั่นแลครับ เพราะสกุลเซียวของเซียวเต้าเฉิงสืบทอดเชื้อสายมาจาก เซียวเหอ เพื่อนและลูกน้องคู่ใจของหลิวปังนั้นแล (คนกันเองจริงๆ)

บิดาของเขา เซียวเฉิงจื้อ ก็เคยเป็นข้ารับใช้ในราชสำนักหลิวซ่งมาก่อนครับ และเมื่อเซียวเต้าเฉิงที่เกิดในปี ค.ศ.426 เติบโตขึ้น เขาก็เจริญตามรอยบิดา เข้าเป็นทหารเช่นกัน และก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ท่ามกลางยุคสงครามที่ขุนทหารเปลี่ยนถ่ายกันเป็นว่าเล่นเพราะไม่ตายในสนามรบก็โดนพิษการเมืองตายในคุก เซียวเต้าเฉิงนั้นนับว่าดวงดีครับ เพราะจับพลัดจับผลูได้มารับใช้ หลิวอวี่ และพอหลิวอวี่ขึ้นเป็นจักรพรรดิหมิงตี้ในปี 465 เซียวเต้าเฉิงก็พลอยได้ดิบได้ดีตามไปด้วยครับ

จักรพรรดิซ่งหมิงตี้นั้น จริงๆสมัยเป็นแค่อ๋องพระองค์อุปนิสัยน่าคบ แต่พอเป็นจักรพรรดิแล้วอำนาจบังตา เห็นใครก็คิดว่าจะมาแย่งอำนาจไปหมด ตลอดรัชกาลนั้น นอกจากส่งทหารไปทำศึกต่อต้านพวกเซียนเปยทัวปาเป่ยเว่ยแล้ว ก็ยังทำสงครามในราชสำนัก กำจัดทั้งขุนนาง พระญาติพระวงศ์ หรือใครก็ตามที่น่าสงสัยไม่เลือกหน้า แต่เซียวเต้าเฉิงที่โดนสงสัยมาหลายครา กลับรอดมาได้อย่างฉิวเฉียดครับ เรียกว่านอกจากแกจะเก่งแล้วยังเฮงอีกต่างหาก

พอจักรพรรดิหมิงตี้สวรรคตในปี 472 พวกพระญาติที่เก่งๆในสกุลหลิวก็ตายไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกไม่เอาไหน ไร้อำนาจ หรือไม่ก็เด็กอมมือทั้งสิ้น เซียวเต้าเฉิงเลยสบายแฮ ได้กุมอำนาจคอยเชิดจักรพรรดิโฮ่วเฟยอย่างสนุกสนาน ค่อยๆสานต่อแผนการจนยึดอำนาจจากสกุลหลิวได้หมดจรด และกลายเป็นจักรพรรดิฉีเกาตี้ในปี 479 ครับ

จักรพรรดิฉีเกาตี้ครองราชย์ได้ไม่นาน ก็สวรรคตในปี ค.ศ.482 ครับผม

จากคุณ : อุ้ย (digimontamer)
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:20:28










ความคิดเห็นที่ 6

ราชวงศ์ฉีนั้นเป็นราชวงศ์ที่ 2 ของราชวงศ์ฝ่ายใต้ แต่ยังคงใช่เจี้ยนคังเป็นราชธานีเช่นเดิมครับ ในยุคนี้ราชสำนักเป่ยเว่ยทางเหนือเข้มแข็งมาก ราชวงศ์ฝ่ายใต้เสียดินแดนเหนือแม่น้ำไหวเหอไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว แต่ก็เป็นยุคที่พุทธศาสนากำลังเริ่มจะรุ่งเรืองในดินแดนใต้พอดีครับ

ต่อจากจักรพรรดิฉีเกาตี้ ก็คือ จักรพรรดิฉีหวู่ตี้ หรือ พระนามคือ เซียวเจ๊อะ ครับ

จักรพรรดิหวู่ตี้นั้นครองราชย์ตั้งแต่ปี 482-493 นับเป็นเวลา 11 ปีที่ดีพอสมควรสำหรับราชวงศ์สั้นๆอย่างฉี เพราะในยุคนี้ราชสำนักฉีและเป่ยเว่ยได้ลงนามในสนธิสัญญาต่อกัน ทำให้ฉีไม่มีสงครามจากภายนอกหน่ะครับ จักรพรรดิหวู่ตี้นั้นทรงพยายามจะฟื้นระบบขุนนางแบบขงจื้อขึ้นมาในราชสำนักฝ่ายใต้ ทรงพยายามจะชำระกฎหมายและกฎมณเฑียรบาลต่างๆให้มีความยุติธรรมมากขึ้น แต่ช่วงเวลาในรัชกาลของพระองค์สั้นไป เลยไม่ค่อยจะเห็นอะไรเป็นรูปธรรมนักครับ

เมื่อจักรพรรดิหวู่ตี้สวรรคตในปี 493 นั้น พระองค์ยังไม่ได้แต่งตั้งรัชทายาทขึ้นมาแทน หนานอ๋อง เซียวจางเหมา หน่ะครับ (เซียวจางเหมา ไท่จื่อ ป่วยและสวรรคตไปก่อนจักรพรรดิหวู่ตี้จะสวรรคตไม่นาน) ลูกชายของเซียวจางเหมาคือ เซียวจ้าวหยี ยึดอำนาจขึ้นเป็นจักรพรรดิแทนครับ

อันตัวเซียวจ้าวหยีนั้น เป็นพระนัดดาคนโปรดของจักรพรรดิหวู่ตี้ครับ เพราะเขาเป็นคนตั้งใจเล่าเรียน นิสัยสุภาพเรียบร้อย และสติปัญญาดี แต่นั่นเป็นสิ่งหลอกลวงทั้งสิ้น เพราะพอลับหลังจักรพรรดิหวู่ตี้ เซียวจ้าวหยีเป็นอันธพาลตัวยง หยาบช้าและขี้โกหกเป็นที่สุด พอเขาขึ้นเป็นจักรพรรดิก็กระทำการชั่วร้ายหลายประการ ทั้งกำจัดคนที่ไม่ชอบ เกณฑ์สาวๆเข้าวังเป็นสนม ตั้งพวกเพื่อนชั่วเป็นขุนนางกุมอำนาจครับ

เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิองค์ใหม่กระทำการชั่วช้านั้น ขุนนางใหญ่อย่างเซียวซีเหลียน และเซียวหลวน ก็พยายามทูลทัดทาน แต่เซียวจ้าวหยีถือตัวไม่ฟังใครครับ สุดท้ายสองขุนนางเลยสมคบกันจับตัวเซียวจ้าวหยีสำเร็จโทษเสีย และหันไปตั้งน้องชายของเซียวจ้าวหยีคือ เซียวจ้าวเหวิน ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทนในปี 494

เซียวจ้าวเหวินก็ได้สองขุนนางแซ่เดียวกัน สนับสนุนให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิครับ นักประวัติศาสตร์ให้พระนามว่า ไห่หลิงอ๋อง (เพราะครองราชย์สั้นจนไม่มีพระนามแต่งตั้ง หุหุ) แต่เขานั่งบัลลังก์ได้แค่ 1 เดือน เซียวหลวนก็อ้างว่าสุขภาพของเซียวจ้าวเหวินไม่ดี ทำงานหนักเดี๋ยวตายคาราชสมบัติคงจะไม่งาม อย่ากระนั้นเลย เซียวหลวนในฐานะขุนนางที่ดีควรจะช่วยผ่อนผันภาระของเจ้านาย เซียวหลวนเลยปลดเจ้านายอย่างเซียวจ้าวเหวินทิ้ง ยอมเสียสละสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ หุหุ

เซียวหลวนขึ้นเป็นจักรพรรดิฉีหมิงตี้ในปี 494 นั่นเองครับ เซียวหลวนนั้นนับญาติไปนับญาติมา เขาเป็นหลานอาของเซียวเต้าเฉิง (จักรพรรดิเกาตี้) หน่ะครับ แต่เนื่องจากบิดาของเซียวหลวนคือ เซียวเต้าเซิง (พี่ชายของเซียวเต้าเฉิง) ป่วยตายไปแต่ยังหนุ่ม แถมแม่ของเซียวหลวนก็ตายตามอีก เซียวหลวนเลยตกอยู่ในความอุปการะของเซียวเต้าเฉิงผู้เป็นอาต่อมา และก้าวหน้าในราชการเป็นลำดับแลครับ

จักรพรรดิหมิงตี้พอขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ก็พยายามทำนุบำรุงแผ่นดินหน่ะครับ แต่เพราะพระองค์ได้ราชสมบัติมาแบบไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่ ทางเป่ยเว่ยเลยเอาเป็นเหตุ ให้ส่งกองทัพบุกอาณาจักรฉีถึง 2 ครั้งในปี 495 และ 497 ครับ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับฉีค่อนข้างมาก โดยที่หนักสุดคือในปี 497 ที่ฉีต้องเสียเมืองสำคัญในแถบหว่านหยางไป ทำให้ดินแดนทางต้นแม่น้ำไหวเหอหลุดมือไปหมด และทำให้แคว้นจิงโจวตกอยู่ในอันตรายครับ

จักรพรรดิหมิงตี้ทรงล้างอายด้วยการโทษว่า การพ่ายแพ้นี้เพราะเชื้อพระวงศ์ไม่สามัคคีช่วยกันรบ เลยป้ายความผิดให้พระญาติในสายของจักรพรรดิเกาตี้ครับ พวกอ๋องสกุลเซียว 10 พระองค์เลยโดนจักรพรรดิหมิงตี้จับประหารบูชายันต์ความผิดในการเสียหว่านหยางเสียเลย

จักรพรรดิหมิงตี้สวรรคตในปี 498 ครับ และเป็นช่วงปีที่เละเทะของฉี เพราะเหล่าขุนศึกก่อการกบฎกันเต็มแผ่นดิน และรัชทายาทคือ เซียวเป่าจวนก็ขึ้นครองราชย์แทนเป็น ตงหุนโหว (คือครองราชย์สั้นมาก ไม่มีพระนามแต่งตั้ง เลยใช้ตำแหน่งเก่าเรียกแทน หุหุ)

เซียวเป่าจวนนั้น เพียรพยายามจะปราบพวกขุนศึกที่ก่อกบฎทั้งแผ่นดินให้สงบครับ แต่เนื่องจากต้าฉีแหลกสลายลุกเป็นไฟแล้ว เขาพยายามอย่างไรก็ไร้ผล ปราบคนนี้เดี๋ยวก็มีคนโน้นขึ้นมาใหม่ สุดท้ายก็โดนพวกกบฎสกุลเซียวเหมือนกันฆ่าตายในปี 501

ในปี 501 นั้น เซียวเป่าหรง น้องชายของเซียวเป่าจวนก็ก่อกบฎขึ้นมา โดยมีเซียวเอี่ยน ขุนศึกใหญ่ช่วยสนับสนุนครับ กองทัพของเซียวเอี่ยนถล่มเซียวเป่าจวนเสียเละ และช่วยหนุนให้เซียวเป่าหรงขึ้นเป็นจักรพรรดิฉีเหอตี้ในปี 501

แต่เซียวเป่าหรงนั้นไม่มีอำนาจอะไรเลยครับ และต้าฉีก็แตกเป็นเสี่ยงๆจนไม่มีใครสนใจจักรพรรดิลอยๆอย่างเขาอีก เซียวเอี่ยนเห็นว่าให้เซียวเป่าหรงเป็นจักรพรรดินานไป ก็เปลืองเวลาเปล่าๆ เลยจัดการปลดเขาทิ้งในปี 502 และตั้งตัวเป็นจักรพรรดิเหลียงหวู่ตี้ เปลี่ยนราชวงศ์จากฉีเป็นเหลียงแทนในปี 502 นั้นแล

จากคุณ : อุ้ย (digimontamer)
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:50:44








Create Date : 17 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2555 9:06:12 น. 2 comments
Counter : 2601 Pageviews.

 
ขอบคุณมากๆ เลยครั.. ^^


โดย: KAI (nookookai8 ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:48:44 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: จิตเดิม วันที่: 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:43:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.