Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๑๔ สามนางรูปงาม

คนชั่วแผ่นดินจิ้น

ตอนที่ ๑๔ สามนางรูปงาม

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ครั้น ซุนซิว ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว ก็มีใจกำเริบสืบเสาะหาหญิงที่มีรูปงาม เอามาหัดมโหรีให้แก่มหาอุปราชบ้าง เอาไว้เป็นส่วนตัวบ้าง ถ้าซุนซิวรู้ว่าบุตรสาวของผู้ใดงดงาม ก็เอามาได้ไม่มีผู้ใดขัดขวาง และคิดจะหาหญิงสาวให้เป็นภรรยา ซุนหวย ผู้บุตร จึงถาม อองหงวน คนสนิทว่า

“…….ท่านก็เป็นแซ่อวง รู้จักอวงเอี๋ยนผู้น้องอวงหยงบ้างหรือไม่ ได้ยินข่าวว่านางเกียสีเมื่อยังเป็นที่ฮองเฮาอยู่นั้น ได้ขอนางอวงสีบุตรสาวอวงเอี๋ยน ให้แก่สุมาเต๊กผู้เป็นที่ฮ่องไทจือ อวงเอี๋ยนก็ยอมยกให้แต่ยังไม่ได้อยู่กินด้วยกัน ครั้นสุมาเต๊กเป็นโทษต้องเนรเทศไปอยู่ตำบลกิมหยงจนถึงแก่กรรม นางอวงสีคนนี้ไปข้างไหนยังอยู่หรือไม่ เราได้ยินข่าวเขาเล่าลือมาว่าดีนัก นั้นดีอย่างไร……”

อองหงวนก็เล่าเรื่องให้ฟังทุกประการ มีความว่า เดิมอวงเอี๋ยนผู้บิดาได้ยกนาง อวงสีให้เป็นภรรยาสุมาเต๊ก แต่ยังไม่ได้อยู่กินด้วยกัน ครั้นสุมาเต๊กต้องถอดและเนรเทศ อวงเอี๋ยน ก็เอาทองขันหมากมั่นไปคืนให้นางเกียสีฮองเฮา ขอขาดจากผัวเมียกันกับสุมาเต๊ก นางเกียสีก็ยอมรับเอาทองไว้ ครั้นอยู่มามีผู้ชอบใจมาสู่ขอ อวงเอี๋ยนก็จะยกให้แต่นางอวงสีไม่ยอม พูดกับบิดาว่า

“……..ไหน ๆ บิดาก็ยกให้เป็นภรรยาฮ่องไทจือแล้ว บัดนี้ฮ่องไทจือก็ยังอยู่ ถึงบิดาจะไปขอคืนขันหมากมั่นแล้วก็จริง ซึ่งจะให้ข้าพเจ้ามีสามีใหม่นั้น ข้าพเจ้านึกอายแก่ใจนัก จะขออยู่แต่ผู้เดียวไปก่อน…..”

อวงเอี๋ยนก็นิ่งอยู่ไม่ขัดใจบุตรสาว ครั้นอยู่มาสุมาเต๊กถึงแก่กรรม นางอวงสีก็นุ่งขาวไว้ทุกข์ แล้วปลอมตัวเป็นไพร่ไปเซ่นศพสุมาเต๊ก ต่อมาอีกปีเศษ อวงเอี๋ยนผู้บิดาจึงพูดกับนาง อวงสีว่า

“…….ตัวเราชราแล้วนับวันแต่จะตาย บิดาคิดจะปลูกฝังให้เจ้ามีเรือนเสีย เจ้าจะเห็นอย่างไร…..”

นางอวงสีก็คุกเข่าลงคำนับแล้วก็ร้องไห้ พูดว่า

“…….มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า เป็นชายให้ซื่อตรงต่อเจ้านาย อย่าผ่าใจให้เป็นสอง มีอีกคำหนึ่งว่า เป็นหญิงให้ซื่อตรงต่อสามี อย่าได้เป็นสองใจ จงมีความซื่อสัตย์สุจริต ถ้าถือได้ดังนี้แล้ว เรียกว่ามีกตัญญูต่อบิดามารดา รักษาชื่อบิดามารดาไว้ได้ ข้าพเจ้าเห็นแต่ราษฎรชาวบ้าน เขายังพากันรักษาชื่อและแซ่ไว้ได้มีอยู่โดยมาก บิดาเป็นถึงขุนนางมียศศักดิ์ ข้าพเจ้าก็เป็นบุตรท่าน ธรรมดาว่าเป็นบุตรขุนนางแล้วราษฎรเรียกว่า เชยกิมเสียเจียะ แปลว่าหญิงทองพันชั่ง ชื่ออันนี้ก็ดีอยู่แล้ว……..”

นางอวงสีก็แจ้งความในใจให้บิดาทราบต่อไปอีกว่า

“……… ท่านยกข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาสุมาเต๊กซึ่งเป็นที่ฮ่องไทจือ คนทั้งปวงได้รู้ทั่วกันตลอดไป จนถึงประเทศใหญ่น้อยต่าง ๆ ก็จัดเอาเป็นดีขึ้นอีกชั้นหนึ่ง บัดนี้สุมาเต๊กถึงแก่กรรม ซึ่งบิดาจะให้มีใหม่นั้นข้าพเจ้าไม่ยอมแล้ว ด้วยสุมาเต๊กเป็นโทษต้องถอดเนรเทศไปจนตาย ทั้งนี้ใช่จะกระทำการชั่ว ให้ผิดด้วยขนบธรรมเนียมราชการนั้น หามิได้ เป็นด้วยคนพาลอิจฉาแกล้งหาความผิดใส่ คนทั้งปวงก็ย่อมรู้อยู่สิ้น ถ้าฮ่องไทจือมีบุญขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ข้าพเจ้ามิเป็นฮองเฮาขึ้นหรือ อันที่ฮองเฮานั้นเป็นยอดหญิงในแผ่นดิน ทุกวันนี้วิตกแต่พี่สาวที่บิดายกให้แก่ เกียเอ๊ก เห็นจะเอาตัวไม่รอด แต่ข้าพเจ้านี้ไม่มีสามีแล้ว จะขอรักษาชื่อไปกว่าจะหาชีวิตไม่ บิดาจงคิดหลีกเลี่ยงออกตัวเสียเถิด จะได้พ้นภัยชื่อเสียงก็จะไม่เสีย …….”

อวงเอี๋ยนได้ฟังบุตรสาวแล้วตรึกตรองดู ก็เห็นจริงด้วยทุกสิ่ง จึงคิดอ่านออกจากที่ขุนนาง อพยพครอบครัวหนีไปได้สามปีเศษ นางเกียสีฮองเฮาจึงสิ้นวาสนา และญาติพี่น้องรวมทั้งบุตรภรรยาก็ถูกประหารเสียสิ้น

และอวงหงวนก็บอกว่า บัดนี้ตนไม่ทราบว่านางอวยสีกับบิดา จะไปอยู่ที่ตำบลใด ซุนซิวได้ฟังก็มีความชอบใจอยากจะได้มาเป็นภรรยาของบุตรชาย จึงติดสินบนแก่ราษฎรชาวบ้านว่า ผู้ใดสืบได้ว่านางอวงสีบุตรสาวอวงเอี๋ยนอยู่ตำบลใด จะให้รางวัลแก่ผู้นั้นเป็นเงินหนักเท่าตัว ราษฎรชาวบ้านที่เป็นคนดีมีอันจะกิน ถึงรู้ว่านางอวงสีอยู่ที่ตำบลใด ก็นิ่งเสียไม่ยอมบอกไม่อยากได้สินบน ด้วยเห็นว่านางอวงสีเป็นคนดี ไม่คู่ควรจะสมาคมด้วยซุนซิวอันเป็นคนพาล ถ้าแม้นบอกแก่ซุนซิวเข้าแล้ว ถึงโดยซุนซิวจะไปว่ากล่าวเอานางอวงสีมาเป็นบุตรสะใภ้ ที่ไหนนางจะยอม ครั้นไม่ยอมแล้วนางก็จะมีภัยต่าง ๆ จึงพากันนิ่งปิดความเสียดีกว่า ส่วนพวกราษฎรที่เป็นคนพาลอยากได้สินบน เที่ยวสืบเสาะก็ยังไม่รู้ว่านางอวงสีอยู่ที่ตำบลใด ซุนซิวก็จนใจอยู่

อวงหงวนรู้ว่าซุนซิวชอบเสาะหาหญิงรูปงาม มาเป็นนางขับร้องและเล่นมโหรี จึงเที่ยวสืบหาและแนะนำให้แก่ซุนซิวเนือง ๆ ส่วนตนนั้นเคยเป็นลูกน้อง อองค่าย ขุนนางสมัยพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ ซึ่งไม่ถูกกับ เจียฉอง ขุนนางอีกคนหนึ่ง ในคราวที่แต่งโต๊ะประกวดแพ้แก่เจียฉอง อวงหงวนคิดจะแก้แค้นแทนนายเก่าอยู่นานแล้ว ก็บอกกับซุนซิวว่า

“……..ในเมืองหลวงนี้แต่บรรดาที่เล่นมโหรีและนางขับร้อง ข้าพเจ้าได้เที่ยวดูมามากแล้ว ไม่เห็นผู้ใดสู้เจียฉองได้เลยแต่สักแห่ง จะฟังสำเนียงเครื่องมโหรีก็เพราะ เสียงคนขับก็เพราะ รูปร่างงดงามแต่ล้วนสาว ๆ ทั้งนั้น เป็นชั้น ๆ กันหลายสำรับ………”

แล้วอวงหงวนก็พาซุนซิวไปดูภาพเขียนของหญิงสาว ที่เขียนเป็นฉากไว้ในห้องนอน เป็นรูปนางงามนั่งเก้าอี้ดีดกระจับปี่ ประสานสีดูงดงาม ซุนซิวก็ถามว่ารูปในฉากนี้เป็นรูปใคร ท่านได้มาแต่ไหนงดงามนักหนา อวงหงวนก็บอกว่าเป็นรูปนางเล็กจู๊มโหรีของเจียฉอง

ซุนซิวอยากใคร่จะได้นางเล็กจู๊มาไว้เป็นมโหรี จึงสั่งให้อวงหงวนไปหาเจียฉอง และขอนางเล็กจู๊มาอยู่กับตน อวงหงวนก็ไปหาเจียฉองแล้วบอกว่า ซุนซิวใช้ให้ตนมาหาด้วยอยากจะใคร่ได้มโหรีไปไว้ฟังเล่นพอเป็นที่สบายใจ และว่าถ้าไม่ขัดข้องก็ขอนางเล็กจู๊ไปด้วย

เจียฉองก็ว่าซุนซิวจะต้องประสงค์นั้นมีถมไป ตนไม่ขัดจะให้เครื่องมโหรีและคนร้องไปพร้อมทั้งสำรับ และว่า

“………แต่ตัวนางเล็กจู๊นั้นข้าพเจ้าขอยกเสียเถิด ด้วยนางเล็กจู๊เป็นภรรยาข้าพเจ้าเสียแล้ว เป็นจนใจนักหนา ถ้านอกนั้นมิได้ขัด ท่านจงช่วยพูดจาให้ดี อย่าให้ซุนซิวมีความขุ่นเคืองในข้าพเจ้าเลย ท่านช่วยสงเคราะห์บ่ายเบี่ยงให้เรื่องนี้เงียบไปได้ ข้าพเจ้าจะสนองคุณท่าน…..”

อวงหงวนก็กลับมาบอกแก่ซุนซิวว่า

“……..ข้าพเจ้าขอแล้วเจียฉองไม่ยอม กลับบนข้าพเจ้าว่าให้ช่วยคิดอ่านไกล่เกลี่ยความเสียจะให้เงินทอง ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเจียฉองถือตัวว่าเป็นคนมั่งมี ไว้ท่วงทีเย่อหยิ่งนัก…….”

ซุนซิวได้ฟังดังนั้น ก็โกรธเจียฉองเป็นอันมาก จึงไปหาสุมาลุนแล้วแกล้งพูดว่า พวกพ้องนางเกียสียังมีอยู่อีกคนหนึ่งแข็งแรงนัก ถ้านานไปวันหน้าเห็นคงจะคิดร้ายท่านเป็นมั่นคง สุมาลุนถามว่าผู้ใด ซุนซิวก็ว่า เจียฉองคนนี้มั่งมีเงินทอง ผู้คนพวกพ้องมาก ต้องรีบกำจัดเสียเอาไว้ช้าไม่ได้ สุมาลุนเชื่อถือซุนซิวอยู่แล้ว ก็คิดว่าเจียฉองเป็นพวกนางเกียสีจริง จึงว่า

“…….เจียฉองคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ ท่านจงคิดอ่านกำจัดเสีย อย่าเอาไว้ช้าจะเป็นเสี้ยนหนามต่อไปอีก………”

ซุนซิวก็คำนับรับคำสั่งมหาอุปราช แล้วก็จัดทหาร พร้อมด้วยศาสตราวุธ ยกไปบ้านเจียฉองทันที

ฝ่ายเจียฉองนั้น เมื่อซุนซิวใช้ให้อวงหงวนมาขอนางเล็กจู๊ไม่ได้ ก็วิตกอยู่ด้วยเกรงอำนาจซุนซิว ครั้นนางเล็กจู๊รู้เรื่อง จึงพูดกับเจียฉองว่า

“…….ซึ่งท่านมีความเมตตารักใคร่ ไม่ให้ข้าพเจ้ากับซุนซิวนั้น พระเดชพระคุณหาที่เปรียบมิได้ ถึงมาดแม้นท่านยอมให้ไป ข้าพเจ้าก็ไม่ยอมจะขออยู่สู้ตาย ไม่มีสามีเป็นสอง ซึ่งท่านไม่ให้ข้าพเจ้ากับซุนซิวเห็นคงจะเกิดความเป็นแน่ ท่านจงระวังตัวให้ดีเถิด……”

พูดกันยังไม่ทันขาดคำ ทหารของซุนซิวก็มาถึงล้อมบ้านเจียฉองไว้ นางเล็กจู๊เห็นดังนั้น จึงพูดกับเจียฉองว่า

“……การซึ่งเกิดขึ้นทั้งนี้ เพราะเขาจะต้องประสงค์ตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ขออยู่จะสู้ตาย ให้เห็นปรากฎแก่ตาท่านในเดี๋ยวนี้ แม้นซุนซิวเห็นข้าพเจ้าตายแล้ว การที่จะมาทำร้ายท่านก็จะเลิกไปได้ดอกกระมัง…….”

พูดแล้วก็เอาผ้าแพรมาผูกคอเข้ากับกิ่งไม้ที่อยู่ตรงหน้าต่าง กระโดลงไปห้อยตายอยู่ที่ต้นไม้นั้น ซุนซิวแลเห็นก็ให้ทหารเข้าแก้ แต่ก็ไม่ทันนางเล็กจู๊ขาดใจตายเสียก่อน ซุวซิวก็ให้ทหารพังประตูเข้าไป จับตัวเจียฉองและบุตรภรรยาญาติพี่น้อง มาฆ่าเสียทั้งสิ้น แล้วเก็บริบเอาทรัพย์สิ่งของทองเงินไปหมดสิ้น จึงกลับมาบอกความให้สุมาลุนทราบทุกประการ สุมาลุนก็มีความยินดี

ขณะนั้นเจ้านาย และขุนนาง อีกทั้งราษฎร ที่มีบุตรสาวรูปร่างงดงามแล้ว ต้องซุ่มซ่อนเอาไว้มิให้ผู้ใดเห็น กลัวจะไปบอกแก่ซุนซิว เมื่อซุนซิวสืบหาหญิงที่ชอบใจ จะให้เป็นภรรยาบุตรชายไม่ได้ดังปรารถนา ก็เห็นว่านางสุมาห้อตงกงจู๊ ผู้เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าเฮาฮุยเต้ งดงามถูกใจ ก็อยากจะได้มาเป็นบุตรสะใภ้ แล้วจะได้เกี่ยวดองกับฮ่องเต้ด้วย จึงเข้าไปเฝ้ากราบทูลขอนางสุมาห้อกงจู๊ จะให้แต่งกับซุยหวยผู้บุตร ฮ่องเต้ไม่อาจขัดขวางด้วยเกรงอำนาจซุนซิว ก็จำต้องโปรดให้ พอถึงวันฤกษ์ดีก็รับนางสุมาห้อตงกงจู๊ให้มาอยู่กินกับบุตรชาย ซุนซิวก็ได้เป็นบิดาของซุยหวยฮู่ม้า บุตรเขยของฮ่องเต้

อยู่มาไม่นาน ซุนซิวคิดว่า พระเจ้าเฮาฮุยเต้นั้นน้ำพระทัยดีนัก ตนกราบทูลขอสิ่งใด พระองค์ก็มิได้ขัด ทรงพระเมตตาแก่ตนเป็นอันมาก พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ บัดนี้พระองค์ไม่มีมเหสี จึงนึกถึงเอียวลักขุนนางฝ่ายพลเรือน ซึ่งเป็นพวกพ้องกัน และมีบุตรสาวอยู่คนหนึ่งชื่อนางเอียวสี รูปร่างจริตกิริยาดีมีลักษณะ สมควรจะนำเข้าไปถวายฮ่องเต้ จะได้สนิทเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง จึงให้คนไปตามเอียวลักมาหาแล้วบอกว่า

“…….เดี๋ยวนี้พระเจ้าเฮาฮุยเต้ไม่มีมเหสี ตั้งแต่นางเกียสีตายไปแล้ว ที่ฮองเฮายังว่างอยู่ เราเห็นว่านางเอียวสีบุตรสาวท่าน รูปร่างงามจริตกิริยาดีควรจะเป็นมเหสีได้ เราคิดว่าจะเอาไปถวายพระเจ้าเฮาฮุยเต้ให้เป็นที่ฮองเฮา ท่านจะคิดประการใด…….”

เอียวลักก็ว่าสุดแล้วแต่ท่านจะเห็นดีเถิด ตนไม่ขัดข้อง ซุนซิวก็เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้กราบทูลถวายนางเอียวสี ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี แล้วเมื่อถึงวันฤกษ์ดี ซุนซิวกับเอียวลัก ก็ช่วยกันตกแต่งนางเอียวสีให้สมแก่ยศศักดิ์ แล้วพาเข้าไปถวายพระเจ้าเฮาฮุยเต้ ฮ่องเต้ก็ทรงโปรดให้ตั้งนางเอียวสีเป็นที่ฮองเฮา

ตั้งแต่นั้นมาสุมาลุนกับซุนซิวก็เป็นใหญ่ในบ้านเมือง จะทำการสิ่งไรก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง อีกต่อไป.

##########



Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2552 8:37:30 น. 3 comments
Counter : 636 Pageviews.

 
สวัสดีครับ

ถ้าจำไม่ผิด แผ่นดินจิ้น ไม่มีฮ่องเต้ ที่ดีเลย


โดย: CrazyMc IP: 61.7.173.220 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:05:54 น.  

 
นั่นแหละครับ คือความจูงใจให้เรียบเรียงเรื่องนี้ไงครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:36:45 น.  

 
จะติดตามต่อนะครับ


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:8:34:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.