Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๘ กำจัดคู่แข่ง

คนชั่วแผ่นดินจิ้น

ตอนที่ ๘ กำจัดคู่แข่ง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อเอียงจุ้นได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่มีใครจะเทียบเท่าแล้ว ก็ลืมไปว่ายังมีผู้ที่เป็นใหญ่กว่าตนอยู่ คือนางเกียสีฮองเฮาซึ่งถูกตนขัดขวางหลายประการ จึงคอยหาช่องจะแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งฮ่องเต้เสด็จไปที่ตึกของฮองเฮา นางออกมารับเสด็จเมื่อปราศรัยตามธรรมเนียมแล้ว นางเกียสีฮองเฮาก็กราบทูลว่า

“…..ข้าพเจ้าได้ยินข่าวขุนนางเขาพูดกันว่า เอียงจุ้นตั้งซ่องสุมผู้คนเกลี้ยกล่อม ขุนนาง คิดการใหญ่หมายจะชิงเอาราชสมบัติ กำจัดพระองค์เสีย ขออย่าได้วางพระทัยหลงเชื่อ ไปนัก…….”

พระเจ้าเฮาฮุยเต้ก็ตรัสว่า

“…….เราเป็นบุตรนางฮองไทเฮา นางฮองไทเฮาเป็นบุตรเอียงจุ้น เอียงจุ้นก็นับว่าเป็นตาของเรา ซึ่งจะคิดร้ายนั้นเห็นจะไม่เป็น……”

นางเกียสีฮองเฮาก็กราบทูลว่า

“……ซึ่งพระองค์จะทรงเห็นดังนี้ไม่ถูก อันราชสมบัติแล้วย่อมอยากได้ด้วยกันทุกคน…….อันพระองค์เป็นแต่นับว่าหลาน ถ้าจะว่าที่จริงแล้วก็เป็นผู้อื่น ซึ่งจะทรงเชื่อถือไว้วางพระทัยทีเดียวนั้นไม่ได้ เมื่อเอียงจุ้นมากราบทูลพระองค์ ขอเลื่อนที่ขุนนางให้มียศยิ่งขึ้นไปทุกตำแหน่งนั้น ผิดด้วยอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ขุนนางเหล่านี้ยังไม่มีความชอบ ไม่ควรจะขอให้เลื่อนที่ เอียงจุ้นทำทั้งนี้ปรารถนาจะเกลี้ยกล่อมขุนนางให้นับถือเป็นพวกพ้อง จะได้คิดทำการสะดวก ความเรื่องนี้มีผู้รู้เห็นมาก……”

และย้ำว่าถ้าฮ่องเต้ไม่เชื่อคำพูดของนาง ก็จงรับสั่งถามขุนนางดูเถิด แล้วนางก็ ออกชื่อขุนนางที่เป็นพวกของตนคือ เม่งก๊วง หลีคี้ และตังเมง มายืนยัน ฮ่องเต้เห็นว่าฮองเฮาพูดจาได้หลักฐานมั่นคงอยู่ จึงมีรับสั่งให้ขุนนางทั้งสามนายนั้นเข้ามาเฝ้า แล้วตรัสถามว่า เอียงจุ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการทั้งแผ่นดิน ท่านดูท่วงทีเห็นเป็นอย่างไรบ้าง ขุนนางทั้งสามก็กราบทูลว่า

“…..เอียงจุ้นทำการกำเริบหลายอย่าง คงจะคิดขบถชิงเอาราชสมบัติเป็นแน่ ข้าพเจ้าทั้งสามได้ทราบความมานานแล้ว ปรึกษากันว่าจะกราบทูลก็กลัวพระองค์ไม่เชื่อ จะมีภัยต่าง ๆ …..”

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ตกพระทัย จึงเสด็จกลับไปหานางเกียฮองเฮาว่า การที่นางพูดนั้นจริงทุกอย่าง และปรึกษาว่าจะทำประการใดดี นางเกียฮองเฮาได้ท่วงทีที่จะกำจัดเอียงจุ้น จึงกราบทูลว่า

“…….ในเมืองหลวงนี้ ไม่เห็นผู้ใดที่มีกำลัง ซึ่งจะมาร่วมคิดกำจัดเอียงจุ้นได้ พิเคราะห์ดูไปก็เห็นแต่ล้วนพวกเอียงจุ้นทั้งนั้น คนที่จะเป็นใจให้กำจัดเอียงจุ้นนั้นมีน้อยนัก ขอพระองค์จงมีหนังสือลับไปถึง สุมาอุยผู้เป็นที่ไตโตต๊กเกงจิว ให้ยกกองทัพเข้ามากำจัดเอียงจุ้ย ด้วยไตโตต๊กเกงจิวเป็นคนซื่อตรงต่อแผ่นดิน ถ้ารู้หนังสือแล้วโดยการที่ว่าเอียงจุ้นเป็นขบถนั้นไม่จริง ไตโตต๊กเกงจิวคงจะมีหนังสือมากราบทูลทัดทานห้ามปราม แม้นเป็นการจริงแล้วคงจะยกกองทัพมากำจัดเอียงจุ้น ตามรับสั่ง……..”

ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงทรงเขียนอักษรด้วยลายพระหัตถ์ฉบับหนึ่ง เข้าผนึกให้เจ้าพนักงานนำไปส่งให้สุมาอุยเจ้าเมืองเกงจิว มีความว่า

บัดนี้เอียงจุ้นเกลี้ยกล่อมขุนนางคิดการใหญ่ ด้วยใจกำเริบหมายจะกำจัดเราเสีย ชิงเอาราชสมบัติ ถ้าไตโตต๊กเกงจิวรู้หนังสือนี้แล้ว จงเห็นแก่แผ่นดินให้เร่งยกกองทัพเข้ามา กำจัดเอียงจุ้นเสียโดยเร็ว ความเรื่องนี้อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาด

สุมาอุย ซึ่งไม่ชอบกันกับเอียงจุ้นอยู่แล้ว ได้ทราบความก็ดีใจ รีบยกกองทัพมาโดยเร็ว พอใกล้จะถึงเมืองหลวงก็พักทหาร รอฟังรับสั่งอยู่

เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบว่าสุมอุย ยกกองทัพมาถึงแล้ว ก็ปรึกษากับฮองเฮาหาทางกำจัดเอียงจุ้น จึงโปรดให้ทำหนังสือฉบับหนึ่งให้เอียงจุ้น มาปรึกษาราชการเรื่องกองทัพที่ยกมา

เอียงจุ้นได้แจ้งในหนังสือรับสั่งแล้ว ก็จัดแจงจะไปเฝ้า น้องชายสองคนก็ทักท้วงว่า น่าสงสัยว่าจะเป็นอุบายของนางเกียฮองเฮา ถ้าแม้นเข้าไปเห็นว่าจะมีภัยเป็นมั่นคง เอียงจุ้นก็ว่า

“……..ซึ่งนางเกียฮองเฮามีความพยาบาทนั้น เราก็รู้อยู่แล้ว แม้นนางเกียฮองเฮาคิดการอย่างว่า นางฮองไทเฮาอยู่ข้างในคงจะรู้ ที่ไหนจะนิ่งไว้ คงบอกมาให้เราแจ้ง เห็นการไม่เป็นเหมือนเจ้าคิดดอก……”

น้องชายก็ว่า สุมาอุยก็เป็นคนซื่อสัตย์ ซึ่งจะเป็นขบถยกกองทัพมาชิงเอาสมบัติในเมืองหลวงนั้น ไม่เห็นด้วย น่าจะเป็นอุบายมั่นคง ขอจงงดฟังการดูก่อนอย่าเพ่อไป เอียงจุ้นได้ฟังก็กริ่งใจ ไม่รู้ว่าไปนั้นจะดีหรือร้าย จึงให้หาจูจิ้นคนสนิทมาปรึกษาว่า ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เข้าเฝ้า เพื่อทรงปรึกษาราชการ แต่น้องชายสองคนระแวงว่าจะเป็นอุบายของฮองเฮา ท่านจะเห็นประการใด จูจิ้นก็ว่า ถ้าท่านไปเห็นภัยจะมีเป็นแน่แท้ จงเร่งระวังตัวเถิด เอียงจุ้นก็ถามว่าถ้าดังนั้นเราจะคิดประการใดจึงจะพ้นภัย จูจิ้นก็แนะว่า

“…….แม้นจะให้พ้นภัยแล้ว ท่านจงคุมทหารยกไปทางประตูหุนเล่งหมึงจึงจะได้ ด้วยประตูหุนเล่งหมึงนั้นใกล้กับตึกนางเกียสีฮองเฮา แล้วก็ปิดอยู่ไม่มีคนเฝ้า ประตูทั้งเจ้ดนั้นมีทหารประจำทุกประตูจะเข้าไปก็ยาก แม้นท่านคุมทหารไปเอาไฟเผาทำลายประตูหุนเล่งหมึงเข้าไปได้แล้ว จึงจับเอาตัวนางเกียสีฮองเฮาอันเป็นหญิงกาลีเมืองฆ่าเสีย แล้วยกสุมาเต๊กซึ่งเป็นฮองไทจือขึ้นครองสมบัติ จัดขุนนางผู้เฒ่าที่เป็นคนซื่อตรง ออกไปพูดจากับสุมาอุย ไกล่เกลี่ยเสียให้ดี การก็คงจะเลิกไปได้…….”

เอียงจุ้นก็ว่า อันประตูหุนเล่งหมึงนี้ ได้สร้างไว้แต่ครั้งแผ่นดินสามก๊ก พระเจ้างุยเต้ได้ลงทุนทำสิ้นเงินหลายร้อยหมื่นตำลึง น่าเสียดายด้วยเป็นของสำหรับบ้านเมืองมาช้านาน ยัง งดงามดีอยู่ไม่ควรจะทำลายเสีย เอียงจุ้นก็ไม่ตกลงปลงใจและคิดลังเลอยู่ จูจิ้นเห็นว่าเอียงจุ้นทำกิริยารีรอไม่สู้จะเต็มใจทำตามถ้อยคำของตน จึงคำนับลากลับมาหาโปอิ้น เล่าความให้ฟังทุกประการ โปอิ้นก็ว่า

“……แต่ก่อนเราได้เตือนสติ เอียงจุ้นก็ไม่เชื่อฟัง ครั้งนี้เห็นเอียงจุ้นจะไม่รอดแล้ว เราจะอยู่ไปภัยจะมีเป็นมั่นคง ต้องคิดอ่านเอาตัวรอดเถิด……”

ขุนนางทั้งสองปรึกษาเห็นพร้อมกันแล้ว ก็เก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของ อพยพครอบครัวหนีไปอยู่เมืองอื่น

พระเจ้าเฮาฮุยเต้ก็มีรับสั่งให้เตรียมทหารไว้ พร้อมสรรพด้วยเครื่องสาตราวุธครบมือ และมีรับสั่งกำชับว่า ถ้าเห็นเอียงจุ้นเข้ามาแล้ว ให้จับตัวฆ่าเสียทีเดียว ทหารก็คอยอยู่ตามรับสั่ง แต่คอย ๆ อยู่ช้านานก็ไม่เห็นเอียงจุ้นเข้ามา ก็ปรึกษาฮองเฮาอีก นางเกียสีฮองเฮาก็ว่า การที่เราคิดกันไว้ เห็นเอียงจุ้นจะรู้ตัวเสียแล้ว นิ่งไว้ช้าไม่ได้ ต้องรีบกำจัดเสียโดยเร็ว

ฮ่องเต้จึงทรงเขียนพระอักษร มอบให้เจ้าพนักงานนำไปส่งให้สุมาอุยที่นอกเมือง มีความว่า ให้ไตโตต๊กเกงจิวเห็นแก่แผ่นดิน จงเร่งรีบยกกองทัพเข้ามาล้อมบ้านเอียงจุ้น จับเอียงจุ้นกับพวกพ้องซึ่งเป็นศัตรูแผ่นดินฆ่าเสียให้จงได้ สุมาอุยแจ้งความแล้วก็ยกทหารเข้ามาล้อมบ้านเอียงจุ้นไว้

ฝ่ายนางฮองไทเฮาผู้บุตรของเอียงจุ้น ได้ทราบว่ากองทัพเจ้าเมืองเกงจิว ยกเข้ามาล้อมบ้านเอียงจุ้นผู้บิดาไว้ก็ตกใจ ครั้นจะออกไปก็ไม่ได้ ด้วยข้างในรักษากวดขันไม่ให้ผู้ใดเข้าออก จึงทำหนังสือฉบับหนึ่งเป็นใจความว่า การครั้งนี้เอียงจุ้นผู้บิดาเราถึงที่อับจนแล้ว แม้นผู้ใดช่วยบิดาเราให้รอดจากความตายได้ จะให้รางวัลเป็นเงินหมื่นตำลึง ทองคำพันตำลึง ครั้นทำหนังสือแล้วจึงผูกลูกเกาทัณฑ์ยิงออกไปข้างนอกพระราชวัง

ทหารเก็บหนังสือได้ก็เอาไปให้นายทหาร ซึ่งเป็นพวกของนางเกียสีฮองเฮา ก็เอาหนังสือนั้นไปให้ฮองเฮา นางก็เอาไปถวายฮ่องเต้ พระเจ้าเฮาฮุยเต้ทรงทอดพระเนตรแล้ว เห็นชัดว่าเป็นหนังสือของฮองไทเฮา ก็ขัดเคืองมากขึ้นว่ารู้เห็นเป็นใจด้วยเอียงจุ้น คบคิดกันเป็นขบถจะนิ่งช้าไว้ไม่ได้ จึงมีรับสั่งให้ทหารรักษาพระองค์ ยกไปสมทบกับทหารเจ้าเมืองเกงจิว จับตัวเอียงจุ้นกับพวกพ้องฆ่าเสียให้สิ้น

ทหารรักษาพระองค์กับทหารเมืองเกงจิวที่ล้อมบ้านอยู่ ก็พังบ้านเข้าไปไล่ฆ่าฟันเอียงจุ้นกับพวกพ้องตายหมดสิ้น เว้นแต่นางพังสีภรรยาเอียงจุ้นเป็นผู้เฒ่าจึงไม่ได้ฆ่า แล้วสุมาอุยก็ให้คนใช้ถือหนังสือเข้าไปกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี

ฝ่ายนางฮองไทเฮาได้แจ้งว่าฮ่องเต้กับฮองเฮา คิดกันให้สุมาอุยยกทัพมาฆ่า เอียงจุ้นบิดาของตน กับพวกพ้องเสียหมดสิ้นแล้ว ก็ร้องไห้รำพันต่าง ๆ ครั้นวายโศกแล้วจึงคิดว่า ตนเองได้มีคุณแก่เฮาฮุยเต้ และนางเกียสีเป็นอันมาก ไม่ควรจะทำแก่ตนถึงเพียงนี้ จะต้องไปต่อว่าให้จงได้ ถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต

แล้วนางฮองไทเฮาก็มาที่ตึกนางเกียสีฮองเฮา และพบฮ่องเต้เสด็จประทับอยู่ที่นั้นด้วย จึงพูดว่า

“………ท่านไม่ควรจะคิดฆ่าบิดาเราเลย เมื่อครั้งพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ รับสั่งเป็นหลายครั้งว่าจะถอดท่าน ออกเสียจากที่ฮองไทจือ แล้วจะตั้งสุมาเต๊กขึ้นเป็นฮองไทจือ เราก็ได้กราบทูลทัดทานไว้ทุกครั้ง ท่านจึงได้เป็นไทจืออยู่ตามเดิม จนได้ราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าไม่ได้เป็นฮองไทจือแล้ว ราชสมบัติจะมิเป็นของผู้อื่นหรือ อนึ่งเราก็ได้เลี้ยงมาแต่ยังเป็นทารก จนเจริญวัยได้เป็นที่ฮองไทจือ ท่านจะได้คิดถึงคุณเราแต่สักนิดหนึ่ง ก็ไม่มีเลย ถึงกระไรก็ต้องคิดดูบ้าง…….”

แล้วก็หันไปทวงบุญคุณกับฮองเฮาว่า

“……..ถึงตัวเจ้าก็เหมือนกัน เมื่อครั้งพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้จะตั้งพระเจ้าเฮาฮุยเต้ เป็นฮองไทจือนั้น ก็รับสั่งปรึกษาเราจะยกนางอวยสีขึ้นเป็นที่ไทฮุย เราก็ได้พูดคัดง้างไว้เป็นหลายครั้ง เจ้าจึงได้เป็นที่ไทฮุยมาจนได้เป็นฮองเฮาก็เพราะใคร ช่างไม่มีใจนึกถึงบุญคุณเราแต่สักนิดหนึ่งเลย มาคิดอ่านฆ่าบิดาเราเสียได้……”

นางเกียสีฮองเฮาได้ฟังคำลำเลิกของนางฮองไทเฮาก็โกรธ จึงว่า

“…….เอาอะไรมาพูดจา ได้ทำคุณไว้แก่เราเมื่อครั้งไร เมื่อคราวนั้นแต่ไม่พลอยซ้ำเติมก็ดีอยู่แล้ว ยังจะกลับมายกบุญคุณอีกเล่า อันเอียงจุ้นบิดาของท่านนั้นเป็นขบถต่อแผ่นดิน ควรที่จะฆ่าเสีย ท่านไม่รู้หรือสุมาฮิวซึ่งเป็นที่ซินอ๋อง เป็นเชื้อพระวงศ์ตายไปนั้น ด้วยอุบายความคิดของผู้ใด ไม่ใช่เอียงจุ้นหรือ และขุนนางทั้งปวงที่ต้องถอดเป็นโทษบ้าง ลาออกจากราชการบ้าง ก็เพราะเอียงจุ้นทั้งนั้น……”

นางฮองไทเฮาได้ฟังนางเกียสีฮองเฮาเถียงเอาดังนั้น ก็ไม่ได้โต้ตอบแต่ประการใด หันกลับไปยังที่อยู่ของตน โดยไม่รู้ว่านางเกียฮองเฮานั้น ยังไม่หายความอาฆาตต่อตนอยู่ แล้วจะเกิดเหตุต่อไปประการใด ก็ไม่ทราบ.

##########



Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 6:09:17 น. 4 comments
Counter : 746 Pageviews.

 

แวะมา Happy Valentine’s Day นะคะ




โดย: praewa cute วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:7:21:56 น.  

 
ขอบคุณครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:09:27 น.  

 
เวรทงยมนส


โดย: แดน IP: 117.47.82.104 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:27:22 น.  

 
ขออภัยคุณ แดน ไม่ทราบว่าเป็นคาถา หรือใบ้หวยครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:57:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.