Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๖ สิ้นปฐมวงศ์

คนชั่วแผ่นดินจิ้น

ตอนที่ ๖ สิ้นปฐมวงศ์

“ เล่าเซี่ยงชุน “

อยู่มาอีกไม่นาน เมืองแซจิว เมืองห้อหนำ เมืองเอียงจิว และเมืองเกงจิว ก็เกิดน้ำท่วมนาที่ลุ่มเสียด้วยน้ำ นาที่ดอนเสียด้วยสัตว์กัดต้นข้าว ราษฎรทำนาไม่ได้ผล เกิดความอดอยาก ผู้สำเร็จราชการเมือง ก็ทำใบบอกแจ้งเข้าไปยังเมืองลกเอี๋ยงเมืองหลวง

มอยองกุ้ย นายโจรใหญ่มีนายทหารฝีมือเข้มแข็งพันหนึ่ง ทหารเลวห้าหมื่น เห็นบ้านเมืองระส่ำระสาย ก็ยกเข้ามาติดเมืองเลียวไซ เจ้าเมืองก็เกณฑ์ทหารและราษฎรขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้มั่นคง แล้วทำใบบอกเข้ามาเมืองหลวงอีกทางหนึ่ง

เมื่อพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ ได้รับใบบอกทั้งสองเรื่องแล้ว ก็ตกพระทัย ตรัสปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่าจะเห็นอย่างไร บรรดาขุนนางซึ่งส่วนใหญ่เป็นพรรคพวกของ เอียงจุ้น ได้ฟังรับสั่งก็มิได้ทูลประการใด ต่างแลดูตากันอยู่ ด้วยไม่มีภูมิรู้ภูมิปัญญา มิได้เล่าเรียนศึกษาขนบธรรมเนียมราชการบ้านเมือง ได้เป็นขุนนางเพราะเสียเงินสินบนให้เอียงจุ้น จึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะดีหรือร้าย บ้างทำตาเหลือกเหลียวซ้ายแลขวา แล้วก็ก้มหน้านิ่งอยู่ บางคนก็ทูลอ้อมแอ้มฟังไม่ถนัด ฮ่องเต้ก็ทรงขัดเคืองในพระทัยนัก จึงตรัสว่า

“……..เมื่อเวลาบ้านเมืองเรียบร้อยเป็นปกติ ไม่มีเหตุการณ์ทัพศึก พากันพูดพล่อย ๆ จนไม่มีหูจะฟัง ครั้นเกิดเหตุทัพศึกมีมา เราปรึกษาด้วยก็พากันนิ่งเสียหมด คนเหล่านี้ไม่ควรจะเอาเข้ามาเป็นขุนนางเลย…….”

ตรัสพลางเอาชายฉลองพระองค์ปลายพระกร บังพระพักตร์ทรงกันแสง แล้วเสด็จเข้าข้างใน แล้วทรงนึกขึ้นได้ถึงขุนนางหกคน ซึ่งถอดเสียแต่ก่อนนั้น จึงรับสั่งให้ขันทีไปหาตัวมาเฝ้า แล้วตรัสถามว่า ซึ่งเราทำโทษถอดออกเสียจากที่ขุนนาง ช้านานเกือบปีหนึ่งแล้ว ท่านนึกอายแก่ขุนนางและราษฎรบ้างหรือไม่ คนหนึ่งชื่อเฮงจี้ก็กราบทูลว่า

“………..เดิมพวกข้าพเจ้าก็เป็นแต่ราษฎร ใส่เสื้อกางเกงแต่ล้วนผ้าและป่าน รับพระราชทานอาหารก็หยาบ เมื่อพระองค์ชุบเลี้ยงให้มียศศักดิ์ ก็ได้ใส่เสื้อกางเกงแต่ล้วนแพรอย่างดี อาหารที่รับพระราชทานก็ละเอียดมีรส ครั้นพระองค์ถอดจากยศก็กลับเป็นราษฎรตามเดิม พวกข้าพเจ้าจะมีความอายมาแต่ไหน แต่พระองค์โปรดไม่ประหารชีวิตเสียนั้น พระคุณเป็นที่สุด ซึ่งผู้อื่นนอกจากพระองค์แล้วข้าพเจ้าไม่อายเลย…….”

ฮ่องเต้จึงตรัสถามว่า ท่านอายแต่เราผู้เดียวนี้ด้วยเหตุอันใด เฮงจี้ก็กราบทูลต่อไปว่า

“…….ข้าพเจ้ามาทำราชการสนองพระเดชพระคุณ ก็โดยซื่อสัตย์สุจริต ทราบว่าผู้ที่เป็นพระญาติพระวงศ์อันสนิท มีความกตัญญูรักใคร่ในพระองค์ ข้าพเจ้ากราบทูลหวังจะให้เอามาไว้สำเร็จราชการ ต่างพระเนตรพระกรรณเป็นที่เบาพระทัย ก็ไม่โปรด ผู้อื่นกราบทูลคัดง้างให้พระญาติพระวงศ์ของพระองค์ที่สนิท ห่างไกลไปเสียได้สมความคิดของเขา ความข้อนี้แหละข้าพเจ้าอายแก่พระองค์มากนัก……….”

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็หวนคิดถึงซินอ๋อง ทรงกันแสงน้ำพระเนตรอาบพระพักตร์ ขุนนางพวกตงฉินซึ่งเฝ้าอยู่ที่นั้น ก็พากันร้องไห้คิดถึงซินอ๋องทุกคน พระเจ้าซีโจบู๊จึงตรัสห้ามว่า ความเรื่องนี้อย่าพูดถึงอีกเลย เราได้เห็นผิดไปเสียแล้ว จงช่วยกันคิดอ่านราชการบ้านเมืองต่อไปเถิด แล้วก็รับสั่งให้ดูหนังสือใบบอกที่หัวเมืองส่งมาให้นั้น

ขุนนางทั้งหลายก็ช่วยกันพิจารณาแล้ว เพียวเต๊กก็กราบทูลว่า ข้อซึ่งน้ำท่วมนาที่เสียหาย และเสียด้วยสัตว์ต่าง ๆ นั้น การอันนี้มีขึ้นเป็นครั้งคราว แล้วก็คงจะหายไปเอง ราษฎรที่ทำนาได้ผลไว้แต่ก่อนก็พอจะเจือจานกันไป ครั้นขึ้นปีใหม่คงจะทำนาได้เหมือนเก่า แล้วว่า

“………วิตกแต่พวกโจรที่มาตีเมืองเลียวไซนั้นสำคัญอยู่ ด้วยเมืองเลียวไซมีไพร่พลทหารน้อยนัก ตันหมงเจ้าเมืองนั้นฝีมือก็อ่อนไม่เข้มแข็ง ข้าพเจ้าคิดว่าขอให้มีหนังสือไปถึง ฮ่อคำเจ้าเมืองเอียงจิว ให้ยกกองทัพไปตั้งขัด กันมอยองกุ้ยไว้อย่าให้ตีล่วงเข้ามาได้ แล้วมีหนังสือไปถึงเมืองฮ่อหนำ เมืองแซจิว เมืองเกงจิว เกณฑ์ทหารให้สมทบเข้ากองทัพฮ่อคำ แล้วหาขุนนางที่มีสติปัญญาพูดจาเฉลียวฉลาด ควรจะเป็นที่เชื่อฟังได้ ให้ยกกองทัพออกไป ถ้าเห็นว่ามอยองกุ้ยตีเมืองเลียวไซและหัวเมืองเล็กน้อย ซึ่งขึ้นแก่เมืองเลียวไซนั้นยังไม่ได้ ก็ให้ยกกองทัพสมทบช่วยฮ่อคำ ตีมอยองกุ้ยให้แตกไปจงได้ แม้นมอยองกุ้ยตีเมืองเลียวไซได้แล้ว ให้ขุนนางที่มีสติปัญญานั้นไปพูดจาเกลี้ยกล่อมมอยองกุ้ย ให้เข้ายอมสามิภักดิ์โดยดี จงแต่งตั้งมอยองกุ้ยให้มียศศักดิ์ขึ้น…”

ฮ่องเต้ก็ตรัสถามว่าเราจะได้ผู้ใดออกไปเกลี้ยกล่อมมอยองกุ้ยให้ได้ราชการ ขุนนางที่ปรึกษาก็กราบทูลว่า เห็นแต่ เจียฉอง ด้วยมีสติปัญญาหลักแหลมลึกซึ้ง ทั้งใจก็อารีรอบคอบ มีกตัญญูต่อแผ่นดิน พวกขุนนางที่ยากจนได้พึ่งพาอาศัยเจียฉองเป็นอันมาก ฮ่องเต้ก็ให้หาเจียฉองมาเฝ้า แล้วรับสั่งให้ไปเกลี้ยกล่อมมอยองกุ้ย ให้เป็นขุนนางตำแหน่งแม่ทัพกองนอก และให้เจ้าพนักงานทำตราตำแหน่ง กับเสื้อหมวกเครื่องยศ ที่จะพระราชทาน ให้เจียฉองคุมไปทำการให้สำเร็จ ตามคำแนะนำของเพียวเต๊ก เพราะเพียวเต๊กเห็นว่า ฮ่องเต้มีพระทัยไม่แน่นอนมักกลับกลอก ชอบเชื่อฟังแต่ขุนนางพวกสอพลอ คนซื่อตรงว่ากระไรไม่ใคร่เชื่อ ถ้ามีทุกข์ร้อนมาถึงแล้วตรองการมักถูก แม้นเป็นสุขสบายอยู่ก็มักเห็นผิดเป็นชอบ ถ้าไม่กราบทูลขอตราตั้งกับเครื่องยศไปก่อน ภายหลังอาจเปลี่ยนพระทัยได้

เจียฉองก็คุมพลไปถึงเมืองเลียวไซ ซึ่งมอยองกุ้ยตีแตกและยึดครองไว้ได้แล้ว เจียฉองก็เกลี้ยกล่อมมอยองกุ้ยให้ยอมสวามิภักดิ์และรับเครื่องยศตามตำแหน่ง เป็นเจ้าเมือง เลียวไซ แทนเจ้าเมืองเก่าที่ถูกฆ่าตาย มอยองกุ้ยก็ให้ทำการฝังศพเจ้าเมืองเก่า ตามยศอย่างเจ้าเมือง บุตรภรรยาและมารดากับญาติพี่น้อง ของเจ้าเมืองเก่าก็รับเป็นธุระเลี้ยงดูอยู่ที่เมืองเลียวไซเป็นอย่างดี และมอยองกุ้ยเมื่อเป็นเจ้าเมือง ก็ตั้งอยู่ในยุติธรรมทำนุบำรุงราษฎรชาวเมืองเลียวไซ ให้อยู่เย็นเป็นสุขทุกครัวเรือน

เมื่อเจียฉองกลับมาถึงเมืองหลวง กราบทูลฮ่องเต้และถวายบัญชีจำนวนไพร่พล ที่มอยองกุ้ยมอบให้แล้ว ฮ่องเต้ก็ดีพระทัยเป็นอันมาก จึงตรัสว่าเจียฉองนี้ มีสติปัญญาหลักแหลม ใจกว้างขวางจริง ซึ่งได้ทดรองเกื้อหนุนขุนนางที่ขัดสนนั้น สิ้นเงินทองมากน้อยเท่าใด จงทำบัญชีมาเบิกเอาเงินในคลังไปเถิด เจียฉองทูลว่าซึ่งทรงพระกรุณาโปรดนี้ พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่เงินทองของตนยังมีพอใช้อยู่ จึงไม่ขอรับพระราชทาน พวกขุนนางตงฉินต่างก็นิยมชมชอบเจียฉอง แต่พวกขุนนางกังฉินก็ไม่พอใจหาทางกำจัดอยู่

ต่อมาอีกสามปีพระเจ้าซีโจบู๊ดำริจะให้มีการไล่หนังสือ และสอบสวนฝีมือเพลงอาวุธ เพื่อหาคนเข้าทำราชการทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ เอียงจุ้นขุนนางกังฉินก็ทราบทูลแนะว่า ให้เจ้าเมืองกรมการจัดแจงคัดเลือก แล้วขึ้นบัญชีตามลำดับเอกโทตรี ส่งเข้ามาให้พิจารณาอีกครั้ง

ฮ่องเต้ทรงเห็นชอบด้วย จึงมีหนังสือรับสั่งไปถึงหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งปวง ทั่วพระราชอาณาเขต ตามที่ขุนนางกังฉินกราบทูล แต่เมื่อเล่าหงีซึ่งเป็นขุนนางที่ปรึกษาทราบความ ก็ทำเรื่องราวเข้าไปถวายต่อพระหัตถ์ มีความว่า

ขุนนางคนใดตั้งอยู่ในกตัญญูกตเวทีมีใจซื่อตรงยั่งยืน เป็นที่เชื่อถือแห่งพระมหากษัตริย์ และขุนนางราษฎรทั้งปวง ประกอบด้วยปัญญารู้หนังสือมาก และมีฝีมือเข้มแข็งในการสงคราม เรียกว่าจู๊ค้าวทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ ซึ่งจะออกไปเป็นแม่กองไล่หนังสือและเพลงอาวุธนั้น จะต้องถวายสัตย์ปฏิญญาณสาบานต่อหน้าที่นั่งเสียก่อน จึงจะเป็นที่ไว้วางใจได้ การครั้งนี้พระองค์มีหนังสือรับสั่งไป ให้หัวเมืองใหญ่น้อยเป็นแม่กองเองนั้น มีโทษอยู่แปดข้อ

ข้อหนึ่ง ผู้ที่เป็นแม่กองนั้นมีมาก ไม่มีสิทธิ์ขาดอยู่แต่ผู้เดียว ก็จะถือพวกพ้องแกงแย่งกัน ผู้ใดมีอำนาจมากก็ยกเอาพวกพ้องของตน

ข้อสอง ผู้ที่เข้ามาทดลองวิชานั้น ถ้ามีเงินทองมากำนัลให้แก่ผู้ไล่แล้ว ถึงวิชาความรู้ไม่ดีไล่ไม่ได้ ก็ยกเอาว่าเป็นได้

ข้อสาม ถ้าพวกที่เรียนรู้ดีจริงแต่ยากจน ไม่มีพวกพ้องช่วยสนับสนุน ก็จะต้องเปล่าไป

ข้อสี่ คนที่ไม่รู้จักอะไรก็จะมียศศักดิ์ขึ้น

ข้อห้า ขุนนางผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ จะบังคับบัญชาพวกเหล่านี้ด้วยการสิ่งใด ก็จะไม่สิทธิ์ขาด

ข้อหก ผู้ที่ไล่ได้ทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ มีในบัญชีคราวหนึ่งก็มากกว่าหมื่นคน ล้วนแต่มีผู้ช่วยอุดหนุนทั้งนั้น ถ้าแม้นเกิดวิวาทกัน ผิดจากพระองค์แล้วไม่มีผู้ใดจะตัดสินลงได้

ข้อเจ็ด คนเหล่านี้เพราะเสียเงินลงทุนไปก่อนจึงได้เป็นขุนนาง ครั้นเป็นขึ้นแล้วก็ต้องคิดหาทรัพย์มาใช้ ด้วยการไม่เป็นยุติธรรม ราษฎรจะได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ

ข้อแปด คนที่เรียบร้อยตั้งอยู่ในสัตย์สุจริตก็จะเสื่อมสูญไปหมด

พระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ทรงทราบความตลอดแล้ว ก็เห็นจริงด้วยทุกข้อ แต่จนใจที่มีหนังสือไปก่อนแล้ว จึงค่อยคิดแก้ไขต่อภายหลัง แต่เมื่อหัวเมืองไล่หนังสือแล้ว ส่งบัญชีมามากมาย พอฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ ขุนนางต่างก็กราบทูลขอรับพระราชทานให้แต่งตั้งคนของตน จนรำคาญพระทัยนัก จึงไม่เสด็จออกมาว่าราชการ เพราะกลัวขุนนางจะรบกวน เสด็จอยู่แต่ข้างในเป็นเวลานาน

ต่อมาพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ ทรงพระดำริที่จะถอด สุมาซอง ลูกเลี้ยงของ นางเอียงกิมฮองเฮา ออกจากตำแหน่งไทจือหรือรัชทายาท แล้วยก สุมาเต๊ก บุตรของสุมาซองขึ้นเป็นแทน เอียงจุ้นซึ่งเป็นบิดาของนางเอียงกิมฮองเฮา ก็ให้บุตรสาวช่วยคัดค้าน เพราะสุมาซองเป็นคนโง่ ต่อไปถ้าได้ขึ้นครองราชสมบัติ พวกกังฉินก็จะหากินได้สบาย เมื่อฮ่องเต้ปรึกษากับฮองเฮา นางก็ว่า

“……..ซึ่งจะยกบุตรขึ้นเป็นใหญ่กว่าบิดานั้นไม่มีธรรมเนียม ต่อไปภายหน้าถ้า สุมาเต๊กได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินขึ้นแล้ว จะเอาสุมาซองผู้เป็นบิดาไปไว้ที่ไหน………”

ฮ่องเต้ก็ไม่อาจขัดได้ อยู่มาอีกสองเดือนเศษ ฮ่องเต้ประชวรลงออกขุนนางไม่ได้ เอียงจุ้นก็เข้าไปดูแลประจำอยู่ในพระราชวัง ในเวลานั้นมีเชื้อพระวงศ์แซ่สุมาเป็นอ๋อง รับราชการอยู่ในเมืองหลวงแปดองค์ เอียงจุ้นคิดว่าถ้าฮ่องเต้ดับสูญลงแล้ว การของตนที่คิดไว้จะไปไม่ตลอด ติดขัดด้วยอ๋องทั้งแปดนี้ จึงกราบทูลให้ฮ่องเต้มีรับสั่ง ให้อ๋องทั้งแปดองค์ออกไปรับราชการตามหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อดูแลป้องกันพระราชอาณาเขต มิให้พวกฮวนเข้ามาย่ำยีได้

อ๋องทั้งแปดองค์นั้นคือ ลือนำอ๋อง หรือ สุมาเหลียง ให้ไปอยู่ เมืองอิจิว

นำเอียงอ๋องหรือ สุมากัง ให้ไปอยู่เมืองกวนตง

ชออ๋องหรือ สุมาอุย ให้ไปอยู่เมืองเกงจิว

อวยนำอ๋องหรือ สุมายุ้น ให้ไปอยู่เมืองเอียงจิว

เซียงซาอ๋องหรือ สุมาแซ ให้ไปอยู่เมืองฮิวจิว

เซงโตอ๋องหรือ สุมาแท่ง ให้ไปอยู่เมืองไซเหลียง

โงวอ๋องหรือ สุมาอัน ให้ไปอยู่เมืองกิจิว

ลื่อเจียงอ๋องหรือ สุมาเจ๊ก ให้ไปอยู่เมืองยงจิว

พระญาติวงศ์แซ่สุมาของพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้หรือ สุมาเอี๋ยน ทั้งแปดนี้ ต่างก็ไม่ชอบอัธยาศัยกันและกัน หามีความรักสามัคคีช่วยกันรักษาแผ่นดินไม่

อยู่มาอีกหลายเวลา ฮ่องเต้มีพระอาการมากขึ้น รู้พระองค์ว่าเห็นจะไม่รอดเป็นแน่ จึงรับสั่งแก่เอียงจุ้นให้ไปตาม สุมาเหลียง หรือ ลือนำอ๋อง จากเมืองอิจิวมาเฝ้า หวังจะมอบราชการบ้านเมืองไว้ ให้เอาเป็นธุระช่วยทำนุบำรุงไทจือกับสุมาเต๊กในภายหน้า เอียงจุ้นก็ปิดความเสียไม่ได้ไปตามรับสั่ง และกราบทูลว่าให้คนไปหาแล้วไม่พบบ้าง พบแล้วไม่มาบ้าง

พระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้เฝ้าคอยสุมาเหลียงอยู่นาน จนสิ้นพระกำลังก็สวรรคต เมื่อพระชนมายุได้ห้าสิบห้าปี อยู่ในราชสมบัติยี่สิบห้าปี เอียงจุ้นจึงยกสุมาซองไทจือขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าเฮาฮุยเต้ เมื่อทำการฝังพระศพพระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ ตามยศอย่างกษัตริย์แต่ก่อนแล้ว ก็ตั้งนางเกียสีไทฮุยเป็นที่ฮองเฮา ตั้งพระราชบุตรคือสุมาเต๊กเป็นไทจือ ตั้ง นางเอียงกิมฮองเฮาพระราชมารดาเลี้ยง เป็นฮองไทเฮา และตั้งเอียงจุ้นเป็นผู้สำเร็จราชการทั้ง แผ่นดิน สมความปรารถนา

พระเจ้าซีโจบู๊ฮ่องเต้ หรือ สุมาเอี๋ยน ในแผ่นดินสามก๊ก ก็ได้สิ้นชีวิตลงหลังจากได้รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นราชอาณาจักรเดียว ได้เพียงไม่กี่สิบปี และปล่อยให้พระราชบุตรผู้โง่เขลา ปกครองบ้านเมือง ในอำนาจของผู้สำเร็จราชการพวกกังฉินต่อไป อีกเป็นเวลาหลายปี

############





Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 5:59:08 น. 1 comments
Counter : 702 Pageviews.

 
ตายซะแระ
อุตสาห์รวมแผ่นดินได้แต่ดันก่อปัญหาเพิ่มอีกเพียบ เสียดายแทน


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:16:58:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.