Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๘ เกิดศึกใหญ่

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๘ เกิดศึกใหญ่

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่ายยวดซิมอ๋อง เมื่อแยกจากลิวซู เตียวเตียนและลีหงนั้น ก็เดินทางไปหาน้องสาวที่บ้านแบ๊ยี่ ครั้นไปถึงกลับเห็นประตูปิดอยู่ไม่ได้ยินเสียงผู้คน ร้องเรียกหลายครั้งก็ไม่มีผู้มาเปิดประตูรับ ชาวบ้านผู้หนึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงเตี๊ยมนั้น ก็บอกกับยวดซิมอ๋องว่า เมื่อสองสามเดือนก่อนนั้นมีหญิงสาวมาอยู่กับแบ๊ยี่ ต่อมาก๊วงหง ซึ่งเป็นคนมีฝีมือ แต่เป็นคนพาลอยู่ในตำบลนี้ ได้มาข่มเหงแบ๊ยี่ และฉุดคร่าเอาหญิงนั้นไป แบ๊ยี่กับภรรยาสู้ไม่ได้ ร้องเรียกให้ชาวบ้านช่วย ก็ไม่มีผู้ใดออกมาช่วย จึงพากันไปตามหายวดซิมอ๋อง พี่ชายของนางนั้น

ยวดซิมอ๋องก็โกรธถามว่า ก๊วงหงฉุดคร่าน้องสาวเราไปได้กี่วันแล้ว ชายชาวบ้านผู้นั้นรู้ว่าเป็นยวดซิมอ๋องก็คุกเข่าลงคำนับ แล้วบอกว่าเขาเอาตัวไปหลายวันแล้ว จะเป็นประการใดไม่ทราบเลย ยวดซิมอ๋องก็ถามถึงเจ้าเมือง ชายผู้นั้นก็บอกว่าเจ้าเมืองและกรมการเมืองก็เป็นพวกก๊วงหงทั้งสิ้น เว้นแต่แปะป้าขุนนางนายทหารพึ่งมาอยู่ใหม่ ยังไม่รู้จักก๊วงหง

ยวดซิมอ๋องจึงตรงไปหาแปะป้าที่บ้าน บอกว่าตนชื่อแบ๊จุ้นเป็นที่ยวดซิมอ๋อง แปะป้าก็คำนับเชิญเข้าไปในบ้านให้นั่งที่อันสมควร แล้วถามว่ามีธุระสิ่งใด ยวดซิมอ๋องก็บอกว่ามีธุระสำคัญ ให้เชิญเจ้าเมืองมาปรึกษากันที่นี่จึงจะได้ แปะป้าจึงให้คนใช้ไปเชิญเตียงเชงเจ้าเมืองมาที่บ้าน และให้เข้าไปหายวดซิมอ๋องข้างใน

เตียงเชงก็เข้าไปคำนับ ยวดซิมอ๋องจึงว่า

“…ท่านเป็นผู้ระงับกิจสุขทุกข์ของราษฎร บัดนี้มีโจรผู้ร้ายเกิดชุกชุมขึ้น เหตุใดจึงไม่ปราบปรามเสียให้ราบคาบ ทิ้งละไว้ให้ไพร่บ้านพลเมืองได้ความเดือดร้อนนั้น มีความผิดมาก..”

เจ้าเมืองก็ว่าไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้าย ไม่มีผู้ใดมาว่ากล่าวฟ้องร้องเลย ยวดซิมอ๋องก็ว่า

“…….ก๊วงหงพวกพ้องของท่าน ประพฤติตัวเป็นพาล เที่ยวข่มเหงราษฎรชาวบ้านอยู่เนือง ๆ แต่น้องสาวของเราเอามาฝากแบ๊ยี่ไว้ ก็บังอาจฉุดคร่าเอาไปเสียได้ ยังจะแก้ตัวว่าไม่รู้……..”

เตงเชียงได้ฟังก็เป็นอันจนใจ มิได้พูดโต้ตอบแต่ประการใด ยวดซิมอ๋องจึงสั่งให้ทหารของแปะป้า เอาตัวเตงเชียงไปขังคุกไว้ แปะป้าก็คุกเข่าลงคำนับและขอโทษเตงเชียงไว้ แต่ยวดซิมอ๋องว่า เตงเชียงไม่เอาใจใส่ในราชการบ้านเมือง ต้องถอดออกเสียจึงจะสมควร แล้วก็สั่งให้แปะป้าเกณฑ์ทหารห้าร้อย ไปล้อมบ้านก๊วงหงไว้

ก๊วงหงรู้ข่าวก็ตกใจกลัว เก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของอพยพ พาครอบครัวบุตรภรรยาและนางแบ๊ลวนเอง หนีไปหาหลวงจีนกิวเลงผู้เป็นอาจารย์ ที่วัดบ่วนสิวยี่ซึ่งตั้งอยู่ที่เขาปวยง่อเหนีย เมื่อยวดซิมอ๋องยกทหารมาถึงบ้านก๊วงหงเวลาค่ำ จึงไม่เห็นมีใครออกมาต่อสู้ มีแต่ผู้หญิงแก่คนหนึ่ง นางก็เล่าเรื่องที่นางแบ๊ลวนเองเอาปิ่นแทงตาก๊วงหง จนก๊วงหงหลบหนีไปอยู่ที่ เขาปวยง่อเหนีย ให้ทราบทุกประการ

ยวดซิมอ๋องถามหนทางที่จะไป นางก็บอกว่าทางไกลประมาณร้อยลี้ แปะป้าก็ว่าจะเอาทหารไปเพียงแค่นี้ไม่ได้ ด้วยมีข่าวเล่าลือว่า ที่เขานั้นมีหลวงจีนผู้วิเศษองค์หนึ่ง ฝีมือเข้มแข็งใจกล้าหาญดุร้ายนัก ต้องกลับไปเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก ยวดซิมอ๋องจึงสั่งให้แปะป้าเกณฑ์ทหารอีกสองพันห้าร้อยคน แล้วยวดซิมอ๋องกับแปะป้าก็นำทหารสามพัน เดินทางไปเขาปวยง่อ เหนียโดยไม่ชักช้า

เมื่อมาถึงเขาปวยง่อเหนียแล้ว ก็ให้ทหารตั้งค่ายล้อมไว้ พวกศิษย์ในวัดบ่วนสิวยี่ก็เอาความไปแจ้งแก่หลวงจีนกิวเลง หลวงจีนจึงให้ก๊วงหงคุมพวกลูกวัดยกออกมาตั้งขบวนอยู่หน้าค่าย ยวดซิมอ๋องแต่งตัวขึ้นม้าถือง้าวออกจากค่ายไปดู เห็นคนที่เป็นหัวหน้านั้น เสียจักษุไปข้างหนึ่ง และไม่ได้ถือเพศเป็นหลวงจีน ก็รู้ว่าเป็นก๊วงหงจึงว่า เราชื่อแบ๊จุ้นจะมาตัดศรีษะท่านเซ่นอาวุธของเรา ถ้ายังรักชีวิตอยู่ก็จงรีบส่งนางแบ๊ลวนเองผู้น้องเรามาโดยดี จึงจะรอดจากความตาย ก๊งหวงก็หัวเราะบอกว่า ท่านมาช้าไปนางแบ๊ลวนเองเสียใจกัดลิ้นตายเสียได้สองสามวันแล้ว

ยวดซิมอ๋องได้ฟังก็โกรธขับม้าตรงเข้าไป เอาง้าวฟันถูกก๊วงหงตัวขาดตาย หลวง จีนกิวเลงเห็นดังนั้น ก็ขับม้าตรงเข้ามาจะรบกับยวดซิมอ๋อง แต่แปะป้าขออาสาเข้ารบแทน และขับม้าตรงเข้ารบกับหลวงจีนได้ห้าเพลง ก็ถูกหลวงจีนเอากิวกุนคือกระบองเหล็กวิเศษ ตีตกจากม้าตาย แล้วไล่ฆ่าฟันทหารเลวเจ็บป่วยล้มตายลงเป็นอันมาก ยวดซิมอ๋องเห็นดังนั้นกลัวจะเสียที จึงพาทหารที่เหลือตาย หนีไปทางเมืองกุยเต๊ก

พอถึงเมืองก็หยุดพักทหารอยู่นอกกำแพงเมือง โซบู๊เจ้าเมืองกุยเต๊กก็ออกมาคำนับเชิญเข้าไปในเมือง จัดที่ให้พักอยู่เป็นอันดี แล้วถามเรื่องราวที่ผ่านมา ยวดซิมอ๋องก็เล่าความตั้งแต่ก๊วงหงลักพานางเบ๊ลวนเองน้องสาวของตน ไปอยู่เขาปวยง่อเหนีย ตนจึงยกทหารตามไปสู้รบกับก๊วงหงและหลวงจีนกิวเลง จนเสียทีแตกมาให้ฟังทุกประการ และขอให้ยกทหารไปช่วยรบกับหลวงจีนกิวเลงที่เขาปวยง่อเหนียอีกครั้ง จะได้หรือไม่

โซบู๊ก็ว่าอย่าพูดดังนั้นเลย แม้ตัวไม่มามีแต่จดหมายให้ทราบ ก็จะจัดแจงยกไปให้ทันท่วงที ยวดซิมอ๋องก็ดีใจ แล้วโซบู๊ก็จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงยวดซิมอ๋อง และทหารทั้งปวงบริบูรณ์แล้ว รุ่งเช้าโซบู๊ก็เขียนหนังสือบอกข้อราชการ ให้ม้าใช้ถือไปถวายพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ที่เมืองเซียงอาน แล้วโซบู๊กับยวดซิมอ๋องก็ยกทหารสามพันออกจากเมืองกุยเต๊ก กลับไปเขาปวยง่อเหนียอีกเพื่อแก้มืออีกครั้ง

หลวงจีนกิวเลงได้แจ้งความจากศิษย์วัด ก็แต่งตัวขึ้นม้าถืออาวุธวิเศษ พาศิษย์ลงจากเขาลงมาถึงสนามรบ เห็นยวดซิมอ๋องยืนม้าอยู่หน้าทหารจึงร้องว่า

“…..ท่านหนีเราไปครั้งหนึ่งแล้ว บัดนี้จะเอาศรีษะกลับมาให้เราอีกหรือ……”

ยวดซิมอ๋องได้ฟังก็โกรธ ไม่พูดโต้ตอบแต่ประการใด ขับม้าตรงเข้ารบกับหลวงจีน กิวเลงได้สามสิบเพลง ก็อ่อนกำลังลงกลัวจะเสียที จึงรบพลางถอยพลาง โซบู๊ก็เข้าช่วยรุมรบ พวกศิษย์ของหลวงจีนก็กรูกันเข้ามาสู้รบต้านทานเป็นสามารถ ยวดซิมอ๋องกับโซบู๊เห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ ต้องพาทหารถอยหนีออกจากสนามรบ หลวงจีนกับพวกศิษย์ก็ไล่ฆ่าฟันทหารเลวล้มตายลงเป็นอันมาก ทั้งสองพาทหารถอยจนพ้นเขาปวยง่อเหนียแล้ว ก็หยุดพักตรวจดูทหารที่เหลือตาย ยังเหลืออยู่เพียงหกร้อยคนเท่านั้น

โซบู๊จึงชวนยวดซิมอ๋องกลับไปเมืองกุยเต๊กก่อน แล้วจึงค่อยรวบรวมทหารยกมาแก้แค้นต่อภายหลัง แต่ยวดซิมอ๋องบอกว่า

“……ท่านจงพาทหารกลับไปเถิด ข้าพเจ้าออกต่อสู้ก็ปราชัยพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง มีความอัปยศแก่ทแกล้วทหารมากนัก จะไปเที่ยวหาเพื่อนฝูงที่มีฝีมือ กลับมาจับพวกหลวงจีนฆ่าเสียให้จงได้……”

โซบู๊ก็คำนับลา พาทหารกลับไปเมืองกุยเต๊ก ส่วนยวดซิมอ๋องก็ออกเดินทางตรงไปเขาตังหงซัวถิ่นเดิมของตน ซึ่งเจียะยุโฮน้องร่วมสาบานเป็นใหญ่อยู่ และเพื่อตามหาฬ่อเซง นายโจรที่เขาเสียวนัวซัวซึ่งเป็นพวกเดียวกัน ให้มาช่วยสู้รบกับหลวงจีนกิวเลงต่อไป

ฝ่ายนางแบ๊ลวนเองนั้น เมื่อก๊วงหงพาตัวหนียวดซิมอ๋องพี่ชาย จากเมืองเตงฮงกุ้ยมาอยู่ที่วัดบ่วนสิวยี่เขาปวยง่อเหนียแล้วกรรมก็ยังไม่สิ้น หลวงจีนกิวเลงผู้เป็นอาจารย์ใหญ่เกิดชอบใจ อยากได้นางเป็นภรรยา ก็พูดจาแทะโลม นางแบ๊ลวนเองก็โกรธด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่าง ๆ แล้วว่าให้พาไปส่งยวดซิมอ๋องผู้พี่โดยเร็ว หลวงจีนกิวเลงก็โกรธให้ศิษย์จับตัวไปมัดไว้ กับโต๊ะศิลาแล้วเฆี่ยนตีเป็นอันมาก นางแบ๊ลวนเองได้รับความเจ็บอายก็เสียใจ กัดลิ้นของตนเองจนสลบอยู่กับที่ หลวงจีนกิวเลงสำคัญว่าตายแล้ว จึงให้ศิษย์หามเอาศพไปทิ้งไว้ริมเขา

ที่ตำบลนั้นมีนายพรานตั้งบ้านเรือนอยู่คนหนึ่ง ชื่อแบ๊หยง อายุได้สี่สิบสองปี วันหนึ่งไปเที่ยวล่าสัตว์ในป่า มาถึงชายเขาปวยง่อเหนีย เห็นหญิงผู้หนึ่งรูปร่างงดงาม นอนนิ่งอยู่กับพื้นแผ่นดิน มีเลือดไหลออกจากปาก ก็เดินเข้าไปพิเคราะห์ดู และคลำดูที่มือและเท้าเห็นยังอุ่นอยู่ ก็รู้ว่ายังไม่ตาย แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร จึงอุ้มเอานางนั้นใส่บ่าแบก เดินลัดป่าไปถึงกลางทางพบหญิงคนหนึ่ง นุ่งห่มแต่งตัวถือเพศเป็นหลวงชีเดินสวนมา นางถามว่าหญิงที่แบกมานั้นเป็นพี่น้องกันหรือ เหตุใดจึงตาย แบ๊หยงก็ว่า

“…….ไม่รู้จักกันกับข้าพเจ้าดอก แต่เห็นนอนตายอยู่ริมเขาผู้เดียว เข้าคลำตัวดูเห็นยังอุ่นอยู่ก็อุตส่าห์แบกมา ปรารถนาจะแก้ไขเผื่อจะฟื้นขึ้นได้บ้าง……”

หลวงชีถามว่ามียาแก้ได้หรือ แบ๊หยงก็ว่าไม่มีแต่ถ้าหลวงชีมี ก็จงช่วยโปรดรักษาเอาบุญเถิด หลวงชีก็เอายาที่ติดตัวมา ฝนกับน้ำกรอกเข้าปากไปได้ครู่หนึ่ง นางก็ฟื้นได้สติขึ้นแต่ยังพูดไม่ออก เพราะเจ็บลิ้น แบ๊หยงจึงอุ้มนางและพาหลวงชีไปที่บ้าน ช่วยรักษาพยาบาลอยู่เป็นหลายวัน นางแบ๊ลวนเองจึงหายเป็นปกติ หลวงชีจึงถามแบ๊หยงว่าจะเลี้ยงนางไว้เป็นภรรยาหรือ แบ๊หยงก็ว่า

“……..ใจข้าพเจ้ามิได้คิดดังนั้นดอก ทุกวันนี้อายุมากแล้ว อยู่กับภรรยาก็ช้านานไม่มีบุตรด้วยกันเลย ข้าพเจ้าปรารถนาจะเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม…….”

หลวงชีได้ฟังก็ยินดี ให้นางแบ๊ลวนเองคำนับแบ๊หยงเป็นบิดาเลี้ยง แล้วว่า

“……ท่านตั้งบ้านเรือนอยู่ผู้เดียวเปลี่ยวนัก เกลือกจะมีโจรผู้ร้ายมาทำอันตราย ก็จะได้ความลำบากต่อไป เราคิดจะฝึกหัดเพลงอาวุธ ให้นางแบ๊ลวนเองชำนิชำนาญไว้ จะได้ป้องกันรักษาตัวและบ้านเรือน ท่าน จะเห็นอย่างไร………”

แบ๊หยงก็มีความยินดี ให้นางแบ๊ลวนเองคำนับหลวงชี ตามธรรมเนียมศิษย์กับอาจารย์ แต่นั้นมาหลวงชีก็สั่งสอนเพลงอาวุธและขบวนรบอยู่ทุกเวลา นางแบ๊ลวนเองก็ค่อยคลายความทุกข์ จึงเล่าเรื่องที่เป็นมาแต่หนหลังนั้น ให้แบ๊หยงกับหลวงชีฟังถ้วนถี่ทุกประการ ตั้งแต่จากกับยวดซิมอ๋องพี่ชาย จนถึงกัดลิ้นจะฆ่าตัวตาย แบ๊หยงก็อุตส่าห์ล่าสัตว์ยิงเนื้อนกมาขายเลี้ยงกันอยู่ต่อมา มิได้ขาด

ครั้นหลวงชีได้สั่งสอนนางแบ๊ลวนเอง ให้รู้ตำรับพิชัยสงคราม และเพลงอาวุธคล่องแคล่วชำนิชำนาญแล้ว วันหนึ่งนางจึงบอกกับนางแบ๊ลวนเองว่า ถึงกำหนดที่ตนจะต้องไปแล้ว เจ้าจงอยู่ให้เป็นสุขเถิด นางแบ๊ลวนเองก็คุกเข่าลงคำนับอ้อนวอน ขอให้เมตตาช่วยอยู่สั่งสอนไปก่อน ด้วยศิลปศาสตร์ทั้งหลายนั้น ตนยังรู้น้อยนัก หลวงชีจึงเอาธูปส่งให้ดอกหนึ่งแล้วสั่งว่า ถ้าได้ความทุกข์ร้อนประการใด จงเอาธูปนี้จุดรำลึกถึงตน ก็คงจะมาช่วยได้ทันท่วงที

นางแบ๊ลวนเองจึงถามว่า ท่านอาจารย์จะไปอยู่ตำบลบ้านเมืองไหน หลวงชีก็ว่าอยู่ในวัดที่เกาะโภโถ เกาะนั้นอยู่ในทะเลแต่ไม่ห่างฝั่งนัก บนเกาะมีวัดอยู่ประมาณร้อยวัด แต่ไม่มีบ้านราษฎรอาศัย หลวงจีนและหลวงชีในวัดปั้นรูปกวนอิมเหนียไว้เป็นที่ไหว้ที่บูชาทุกวัน แล้วหลวงชีก็ลาจากไป นางแบ๊ลวนเอง ก็คำนับร้องไห้อาลัยอาจารย์เป็นอันมาก

และนางแบ๊ลวนเองก็อาศัยอยู่กับบิดามารดาเลี้ยง ต่อมาอีกเป็นเวลานาน กับซ้อมหัดเพลงอาวุธอยู่ทุกเวลามิได้ขาด

############


ฟ้าหม่น วารสารทหารม้า
พฤศจิกายน ๒๕๕๐




Create Date : 09 กรกฎาคม 2551
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 18:50:55 น. 5 comments
Counter : 335 Pageviews.

 
สงสัยมาหลายทีแล้วคุณตา ทหารเลวนี่ไม่ได้หมายถึงคนเลวใช่มั้ยค้าบ แต่หมายถึงทหารฝีมือไม่ดีถูกมั้ยค้าบ แง๊วววว


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก วันที่: 12 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:50:30 น.  

 
ธุสวัสดี มารายงานตัวค่ะ
ขออ้อ add เลยนะคะ
เดี๋ยวไว้ตามอ่านอีกที อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:41:40 น.  

 
ทหารเลวเป็นสำนวนของจีน คือพลทหารเกณฑ์
ไทยเราเรียกไพร่ราบ หรือพลเดินเม้าครับ


โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:49:50 น.  

 
สวัสดีครับคุณอ้อ
ผมอ่านเรื่องของคุณไปสองเรื่องแล้วครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:52:24 น.  

 
ติดตามอยู่นะครับ


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:34:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.