Group Blog
 
All Blogs
 
ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑ พี่น้องตระกูลหลี

ทหารเสือแผ่นดินถัง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ตอนที่ ๑ พี่น้องตระกูลหลี


นิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่อง ทหารเสือแผ่นดินถัง ชุดนี้ ได้เรียบเรียงมาจากเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่อง ชั่นถังหงอโต้ ซึ่ง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อครั้งเป็นที่ สมุหพระกลาโหม ได้บัญชาให้แปลเมื่อ วันเสาร์ เดือนอ้าย ขึ้นแปดค่ำ ปีขาล พุทธศักราช ๒๔๐๙ ในตอนปลาย รัชกาลที่ ๔ และได้พิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕

เป็นเรื่องราวของราชวงศ์ถัง ซึ่งเริ่มเมื่อ พ.ศ.๑๑๖๑ หลังจากได้มีฮ่องเต้เสวยราชย์มาแล้ว ๑๘ องค์ เป็นเวลา ๒๙๐ ปี จึงสิ้นสุดลงใน พ.ศ.๑๔๕๐ มีเรื่องราวโดยพิศดาร ดังต่อไปนี้…….

ตอนที่ ๑ พี่น้องตระกูลหลี

ในสมัย พระเจ้าเทียนหูฮ่องเต้ รับราชสมบัติต่อจาก พระเจ้าฮีจงฮ่องเต้ เป็นเวลาที่บ้านเมืองสุขสบาย ไม่มีศึกสงคราม เจ้านายที่ถือว่าเป็นชาติตระกูลสูง ก็เพลิดเพลินไปด้วยอิสริยยศ ไม่ใคร่จะเรียนวิชา และไม่คบหาปรึกษากับผู้มีสติปัญญา ครั้นได้ครอบครองแผ่นดินขึ้นแล้ว ก็ไม่มีปัญญาที่จะทำนุบำรุงบ้านเมือง ขุนนางในครั้งนั้นก็เป็นแต่ขุนนางสืบตระกูลบ้าง เป็นขุนนางด้วยการประจบสอพลอบ้าง เป็นขุนนางด้วยเป็นญาติพี่น้อง ด้วยเป็นคนรักคนชอบกับเจ้านายบ้าง หามีพวกที่เป็นขุนนางด้วยความรู้และสติปัญญาไม่

ขุนนางฝ่ายทหารก็มีตัวครบตามตำแหน่ง แต่ไม่รู้จักที่ว่าการจะรบทัพจับศึก และกระบวน พิชัยสงครามอย่างไร เพลงอาวุธก็มิได้ฝึกหัดให้ชำนิชำนาญ เป็นแต่ถืออาวุธไว้สำหรับมือเท่านั้น ขุนนางฝ่ายพลเรือนก็ไม่ใคร่รู้จักกฎหมาย ตัดสินข้อคดีความของราษฎร ให้ต้องตามยุติธรรม เป็นแต่คอยฟังกระแสรับสั่งของฮ่องเต้เป็นประมาณ รับสั่งสิ่งใดขุนนางก็ไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ราชการแผ่นดินจึงแปรปรวนไป อำนาจของฮ่องเต้และขุนนาง ก็ลดน้อยถอยลงมาทุกชั้น ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองจึงได้พากันกำเริบ เป็นโจรเป็นผู้ร้ายมากขึ้น ชาวไร่ชาวนาจะออกไปทำนาทำไร่ ก็ต้องถือศาตราวุธสำหรับตัว และมีเพื่อนพี่น้อง จึงไปมาได้

พระเจ้าเทียนหูฮ่องเต้ครองราชสมบัติมาได้สามปี ก็บังเกิดฝนแล้ง ราษฎรทำนาไม่ได้ผล ข้าวแพงไพร่บ้านพลเมืองจึงอดอยาก พระองค์ก็ทรงพระราชดำริว่า พระนามของพระองค์
คงจะไม่ถูกกับชตาบ้านเมือง จึงเปลี่ยนพระนามเสียใหม่เป็น พระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ และมีรับสั่งให้ประกาศไปตามหัวเมืองทั้งปวง ให้ผู้มีสติปัญญาและฝีมือซึ่งจะปราบปรามโจรผู้ร้ายได้ เข้ามาสมัครทดลองสติปัญญาและเพลงอาวุธ ถ้าดีแล้วจะตั้งแต่งให้เป็นขุนนาง มียศบรรดาศักดิ์ สำหรับปราบโจรผู้ร้ายและข้าศึกศัตรูแผ่นดิน

ในครั้งนั้น ชั่นเล่งจือ ขุนนางผู้ใหญ่เป็นผู้กำกับ การคัดเลือกผู้เข้ามาสมัคร ก็ได้เรียกร้องทรัพย์สินสิ่งของเป็นสินบน จากผู้สมัครทั้งปวง ผู้ใดมีสินบนก็ได้รับการตั้งแต่งให้เป็น ขุนนางนายทหาร ผู้ใดไม่มีชั่นเล่งจือก็เพิกเฉยเสีย แม้จะมีฝีมือและสติปัญญา ก็หาแต่งตั้งให้ไม่

ชายผู้หนึ่งชื่อ ฮ่องเฉา เป็นชาวเมืองเซียะเชียชิว แขวงเมืองตังกูกุ้ย ขึ้นกับเมืองเซ่าจิว เป็นผู้มีร่างกายใหญ่โต มีหน้าตาดุร้าย มีความรู้เพลงอาวุธคล่องแคล่ว และรู้ตำรับพิชัย สงครามดี เมื่อชั่นเล่งจือเห็นฝีมือแล้วอยากจะได้ไว้เป็นพวก จึงนำเข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อขอให้ตั้งเป็นขุนนางนายทหารที่จอหงวน แต่เมื่อพระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นฮ่องเฉา หน้าตาน่ากลัวผิดกับคนทั้งหลาย ก็ตกใจกลัวถึงกับลมจับล้มลงบนพระที่นั่ง เมื่อค่อยคลายหายขึ้นก็ให้ทหารรักษาพระองค์ ขับไล่ฮ่องเฉาออกไปเสียให้พ้นสายพระเนตร

ฮ่องเฉาก็น้อยใจว่าตนเองนั้นมีสติปัญญาและและฝีมือเข้มแข็ง สมควรที่จะเป็นนายทหารได้ แต่หารู้ไม่ว่าจะเลือกสรรเอาคนที่มีรูปร่างหน้าตางดงามด้วย จึงมีความโกรธแค้นไม่ยอมกลับบ้าน หลบไปอาศัยอยู่ที่วัดชั่งป้วยยี่ และมีผู้คนที่มีฝีมือ แต่ไปสมัครที่เมืองหลวงแล้วไม่มีสินบนให้ชั่นเล่งจือ พากันมาเข้าพวกด้วยเป็นอันมาก

เมื่อมีกำลังมากพอแล้ว ฮ่องเฉาก็ยกพลไปยึดครองเมืองซองจิว โดยที่เจ้าเมืองกลัวอำนาจยอมยกให้แต่โดยดี ฮ่องเฉาตั้งตัวอยู่ที่เมืองซองจิวประมาณหกเดือนเศษ ก็สามารถเกลี้ยกล่อมผู้คนและทหารได้หลายสิบหมื่น ฝึกซ้อมเพลงอาวุธชำนิชำนาญพร้อมมูลกันแล้ว ก็ยกทัพไปตีหัวเมืองใกล้เคียง ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ได้อีกหลายเมือง สุดท้ายจึงยกไปตีด่านท่องกวน ใกล้เมืองเชียงอานซึ่งเป็นเมืองหลวง

นายด่านก็หนีเข้าไปเฝ้ากราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ ก็ตกพระทัยครั้นปรึกษากับขุนนางทั้งปวง ก็ไม่มีผู้ใดอาสาต่อสู้ป้องกันเมืองได้ ชั่นเล่งจือจึงพาพระเจ้ากวังเผงอพยพจากเมืองเชียงอาน พร้อมด้วยขนย้ายพระราชทรัพย์ และนางสนมที่โปรดปราน กับขุนนางที่จงรักภักดีไปอยู่ที่เมืองไซคีจิ๋ว ฮ่องเฉาก็เข้ายึดครองเมืองเชียงอานได้โดยง่าย และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่า พระเจ้ากิมถองฮ่องเต้ และรับสั่งให้ จูอุน นายทหารใหญ่คุมทหารสิบหมื่น พร้อมด้วยนายทัพนายกอง ไปจับตัวพระเจ้ากวังเผงที่เมืองไซคีจิ๋ว

แต่จูอุนนั้น เมื่อตอนเข้าไปในพระราชวังที่เมืองเชียงอาน ได้พบ นางเง็กล่วนเอง ซึ่งเป็นพระกนิษฐาของพระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ กำลังจะหนีไปโดดบ่อน้ำให้ตาย จูอุนก็ช่วยชีวิตไว้และได้นางเป็นภรรยาโดยฮ่องเฉาไม่รู้ ครั้นยกทหารไปถึงเมืองไซคีจิ๋ว เข้าเฝ้าพระเจ้ากวังเผงแล้ว กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ และขอสวามิภักดิ์ด้วย พระเจ้ากวังเผงจึงแต่งตั้งให้จูอุนมียศศักดิ์ เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองเปียนเหลียง คอยป้องกันเมืองไซคีจิ๋ว และหาหนทางไปตีเมืองเชียงอานคืนต่อไป

อยู่มาไม่นาน พระเจ้ากวังเผงฮ่องเต้ ก็ทรงพระดำริว่า พระนามของพระองค์คงจะไม่ถูกกับชตาแผ่นดินอีก จึงเปลี่ยนพระนามเป็น พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ และทรงระลึกถึงพระญาติองค์หนึ่งคือ หลีจีนอ๋อง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองซาถออยู่ในเขตแดนของพวกฮวน เป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งมีทหารสำหรับรบอยู่สี่สิบหมื่นเศษ มีบุตรตัวบุตรเลี้ยงสิบสองคน จึงมีรับสั่งให้ เทียะเปงซือ ขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ ไปเกลี้ยกล่อมหลีจีนอ๋องให้ยกทัพมาช่วยตีเมืองเชียงอาน พร้อมกับมีหนังสือรับสั่ง ถึงเจ้าเมืองใหญ่อีกยี่สิบแปดหัวเมือง ให้ยกกองทัพมารวมกันที่เมืองฮ่องตงฮู้ เพื่อรวมกำลังเข้าตีเมืองเชียงอานด้วย

หลีจีนอ๋องนั้นเดิมชื่อ หลีอาหยี เป็นบุตร กอกเซียง โอรสของ พระเจ้าบูจง พระอัยกาของพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ เมื่อครั้งแผ่นดิน พระเจ้าฮีจงฮ่องเต้ พระราชบิดาของพระเจ้าตงหัว ได้ตั้งให้เป็น หลีจีนอ๋อง แต่เกิดวิวาทกับน้องชายของฮองเฮา พระเจ้าฮีจงทรงขัดเคืองจะให้เอาตัวไปฆ่าเสีย แต่ขุนนางทูลขอโทษไว้จึงให้เนรเทศออกไปนอกเขตแดน หลีจีนอ๋องจึงไปตั้งตัวอยู่ที่เมืองซาถอ

เทียะเปงซือถือรับสั่งพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ และคุมสิ่งของพระราชทาน พร้อมด้วยนายทหารแปดคน ทหารเลวห้าร้อย เดินทางไปถึงเชิงเขาเอียฮู้เนียก็พบโจรพวกหนึ่ง ตัวนายนั้นโพกผ้าเหลือง ใส่เกราะถือทวนขี่ม้ายืนสกัดทางอยู่ เรียกร้องจะเอาเงินค่าผ่านทาง เทียะเปงซือไม่ยอมให้ พวกโจรจึงออกมาไล่ตีต้อนจับเอาพวกทหาร และเกวียนใส่ของพระราชทาน ที่คุมมานั้นไปจนหมดสิ้น เทียะเปงซือขับม้าหนีมาได้แต่ตัวผู้ดียว ครั้นหนีมาได้ไกลแล้วก็ลงจากม้านั่งใต้ต้นไม้คิดรำพึงว่า ครั้งนี้เจ้านายแผ่นดินถังคงจะสิ้นเชื้อวงศ์เสียจริงแล้ว จึงเผอิญให้เป็นเหตุดังนี้ ตนเองถูกใช้มาก็ไม่ได้ราชการเป็นที่น่าอัปยศหนักหนา จะมีชีวิตอยู่ไปใยผูกคอตายเสียดีกว่า

ขณะที่เทียะเปงซือร้องไห้รำพันอยู่นั้น ก็มีทหารพวกหนึ่งเดินเป็นกระบวนแห่แหนกันมา ตัวนายนั้นเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม เมื่อเข้ามาใกล้ก็ถามเทียะเปงซือว่า ทำกิริยาจะผูกคอตาย อยู่ดังนี้ด้วยเหตุสิ่งใด เทียะเปงซือจึงลุกออกมาคำนับแล้วบอกว่า

“…….ข้าพเจ้านี้ชื่อเทียะเปงซือ เป็นขุนนางอยู่ในพระเจ้าตงหัว ซึ่งครอบครองแผ่นดินถัง พระเจ้าตงหัวรับสั่งใช้ให้ไปหาหลีอาหยี ซึ่งเป็นที่หลีจีนอ๋อง ณ เมืองซาถอ……”

นายทหารผู้นั้นก็ถามว่า ท่านนี้เป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์หรือ เทียะเปงซือก็รับว่าตนเป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ นายทหารผู้นั้นก็ลงจากหลังม้าเดินเข้ามาจับมือเทียะเปงซือให้ลุกยืนขึ้น เทียะเปงซือจึงถามชื่อแซ่และว่ารู้จักตนได้อย่างไร นายทหารผู้นั้นก็บอกว่า

“……..ข้าพเจ้าแซ่ลี้ชื่อหงวน เป็นบุตรผู้ใหญ่ของหลีอาหยี ซึ่งเป็นที่หลีจีนอ๋อง ครองเมืองซาถอ ข้าพเจ้าได้ยินบิดาออกชื่อถึงท่านอยู่เนือง ๆ จึงได้รู้ว่าท่านเป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ บัดนี้ข้าพเจ้าลาบิดาออกมาเที่ยวยิงนกไล่เนื้อเล่นในป่า ท่านไปไหนมาจึงมานั่งเศร้าโศกอยู่ในพุ่มไม้นี้แต่ผู้เดียว……..”

เทียะเปงซือก็เล่าความตั้งแต่ฮ่องเฉาเป็นกบฏ จนพระเจ้าตงหัวต้องหนีมาอยู่ที่เมืองไซคีจิ๋ว และให้ตนมาเชิญหลีจีนอ๋องไปช่วยปราบกบฏ แต่กลับถูกพวกโจรตีปล้นจนหมดตัว ตั้งใจจะผูกคอตาย ท่านก็ได้มาพบเข้า จึงนับว่าเป็นบุญของพระเจ้าแผ่นดินถัง

หลีซือหงวนได้ฟังจึงว่าอย่าวิตกเลย จะเอาทรัพย์สินเหล่านั้นคืนมาให้จงได้ แล้วก็ขึ้นม้านำทหารไปถึงที่ชุมนุมพวกโจร แล้วร้องท้าพวกโจรให้ออกมาสู้กัน สีถิซัว นายโจรก็ยกพวกโจรสองร้อยเศษออกมา ครั้นเห็นหลีซือหงวนก็คุกเข่าลงคำนับแล้วก้มหน้านิ่งอยู่ หลีซือหงวนก็ถามชื่อแซ่และเหตุที่มาปล้นของหลวง นายโจรก็บอกว่าเมื่อเวลาเช้า เจียเองตัด นายรองของตน ได้ปล้นเอาทรัพย์สิ่งของเงินทองเป็นอันมาก และจับคนไว้ได้ประมาณห้าร้อยเศษ ถามคนที่ถูกจับว่าเป็นของพระเจ้าแผ่นดินถัง พระราชทานให้บิดาของหลีซือหงวน ตนจึงจะเอาสิ่งของนั้นมาคืน แต่เจียเองตัดไม่ยอม ตนคิดถึงคุณและกลัวอาญาจากหลีจีนอ๋อง จึงตัดศรีษะเจียเองตัดเสีย แล้วรวบรวมเอาทรัพย์สิ่งของและผู้คน จะเอาไปส่งให้หลีจีนอ๋อง พอดีมาพบหลีซือหงวน จึงขอสมัครทำราชการอยู่ด้วย

หลีซือหงวนก็ยินดีรับไว้ สั่งให้กลับไปเผาที่ชุมนุมเสีย และรวบรวมทรัพย์สิ่งของที่ปล้นเอาไปนั้น กลับไปถึงเมืองซาถอภายในวันนี้ แล้วหลีซือหงวนก็จัดคนใช้ขี่ม้าเร็วรีบไปแจ้งความแก่บิดาก่อน แล้วพาเทียะเปงซือเดินทางต่อไปจนใกล้เมืองซาถอ ก็พบหลีจีนอ๋องจัดกระบวนทหารหมื่นหนึ่งมาคอยต้อนรับ

เทียะเปงซือกับหลีจีนอ๋องก็ลงจากม้าคำนับกันตามธรรมเนียม แล้วหลีจีนอ๋องจึงว่า ตั้งแต่พลัดพรากจากบ้านเมืองมา ก็มีใจคิดถึงท่านผู้เป็นมิตรสหายอยู่มิได้ขาด บัดนี้ท่านอุตส่าห์มาถึงนี่ได้พบกันก็เป็นบุญหนักหนา แล้วหลีจีนอ๋องก็พาเทียะเปงซือเข้าไปในเมือง จัดที่อยู่เลี้ยงดูปฏิบัติเป็นอันดี

ครั้นเทียะเปงซือและทหารทั้งปวงมีที่อยู่เป็นปกติแล้ว ก็เข้าไปหาหลีจีนอ๋อง แจ้งว่า บัดนี้แผ่นดินถังเกิดยุคเข็ญด้วยฮ่องเฉาคิดกบฏ พระเจ้าตงหัวต้องหนีมาอยู่เมืองไซคีจิ๋ว และมีรับสั่งว่า

“……..การครั้งนี้ไม่เห็นผู้ใดแล้ว เห็นแต่ท่านผู้เดียว จะปราบยุคเข็ญคืนเอาแผ่นดิน ให้คงเป็นแผ่นดินถัง แซ่ลี้จะได้ยืนยงคงเป็นเจ้า ให้ท่านยกกองทัพไปช่วยรักษาเชื้อวงศ์และแซ่ลี้ไว้ ให้คงเจริญอยู่ในราชอิสริยยศเหมือนแต่ก่อน……..”

แล้วก็ส่งหนังสือรับสั่งให้ หลีจีนอ๋องจึงให้ตั้งโต๊ะจุดธูปเทียนคำนับรับหนังสือรับสั่งมาฉีกผนึกออกอ่าน มีความว่า

….พระเจ้าตงหัวผู้ครองแผ่นดินถัง ขอแจ้งความมายังหลีอาหยีผู้เป็นหลีจีนอ๋อง ด้วยฮ่องเฉาชาวเมืองเช่าจิ๋วเป็นต้นกบฏ ยกเข้าตีบ้านเล็กเมืองน้อยได้หลายเมือง ฆ่าฟันไพร่พลทหารล้มตายเป็นอันมาก แล้วยกมาตั้งค่ายประชิดเมืองเชียงอาน ข้าพเจ้าเห็นว่าสู้รบต้านทาน รักษาเมืองไว้มิได้ ด้วยขุนนางนายทหารซึ่งมีสติปัญญาและมีฝีมือนั้น มีอยู่น้อยตัวนัก จึงได้ทิ้งเมืองเสียมาอยู่เมืองไซคีจิ๋ว ปรารถนาจะรวบรวมทหารหัวเมือง ยกกองทัพไปกำจัดฮ่องเฉาคืนเอาเมืองเชียงอานให้จงได้ แต่หาคนที่มีสติปัญญาจะเป็นแม่ทัพนั้นไม่มีตัว

บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่าท่านมาอยู่เมืองซาถอก็มีความยินดี ด้วยท่านกับข้าพเจ้าเป็นญาติวงศ์เดียวกัน จึงมีหนังสือมาตั้งให้ท่านเป็นที่หลีจีนอ๋องแม่ทัพใหญ่ ได้บังคับบัญชานายทัพนายกองและทหารทั้งสิ้น แล้วให้เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองคีจิ๋ว เมืองไตจิ๋ว เมืองเจียะจิ๋ว เมืองไกจิ๋วด้วย ประการหนึ่งถ้าท่านจะต้องประสงค์สิ่งไร มีผู้ขัดขวางไว้ก็ให้จับผู้นั้นฆ่าเสีย

ข้าพเจ้าได้จัดสิ่งของคือเสื้อลายมังกรสำรับหนึ่ง สายรัดเอวประดับหยกสายหนึ่ง เงินสิบเกวียน มอบให้เทียะเปงซือขุนนางฝ่ายอาลักษณ์คุมมาให้ท่าน ขอท่านได้จัดกองทัพยกไปช่วยกำจัดฮ่องเฉา คืนเอาเมืองเชียงอานให้จงได้ แผ่นดินของพระเจ้าถังเกาโจ๊อัยกาเรา ซึ่งเป็น ต้นวงศ์สืบแผ่นดินถังมานั้น จึงมีความเจริญยืนยาวต่อไป…………

หลีจีนอ๋องอ่านหนังสือแจ้งข้อความทุกประการแล้ว เทียะเปงซือก็นำเอาสิ่งของพระราชทานมามอบให้ หลีจีนอ๋องก็รับสายรัดเอวกับเสื้อเข้าสวมใส่ แล้วเรียกบุตรทั้งสิบสองคน กับขุนนางและนายทหารประมาณห้าร้อย ให้มาคำนับระลึกถึงพระเจ้าตงหัวทุกคน

แต่หลีจีนอ๋องจะทำการสิ่งใดต่อไป เพื่อช่วยกอบกู้แผ่นดินถังของวงศ์ตระกูลนั้น ก็คงจะต้องรอให้ถึงตอนหน้า.

#############

วารสารฟ้าหม่น
มีนาคม ๒๕๔๔


Create Date : 14 กรกฎาคม 2551
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 12:38:52 น. 0 comments
Counter : Pageviews.




Create Date : 28 มกราคม 2554
Last Update : 28 มกราคม 2554 20:37:18 น. 0 comments
Counter : 554 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.