Group Blog
 
All Blogs
 
ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑๑ ทำดีได้โทษ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๑๑ ทำดีได้โทษ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย หลีจีนอ๋อง แจ้งความว่า พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ ตั้งให้ จูอุน เป็นที่เลียงอ๋อง ก็มีความสงสัยว่า เหตุไฉนหนอจูอุนคนนี้ เดิมก็เป็นพวกฮ่องเฉา บำเหน็จความชอบสิ่งใดในการศึกก็ไม่มี แต่ฮ่องเต้ได้ตั้งขึ้นเป็นอ๋อง เป็นที่อัศจรรย์ใจนัก คิดดังนั้นแล้วก็ทำหนังสือขึ้นฉบับหนึ่ง มอบให้ หลีซืนหงวน บุตรคนใหญ่ถือเข้าไปกราบทูลถามฮ่องเต้ในเรื่องนี้

หลีซือหงวนก็เดินทางไปเมืองเชียงอาน เอาหนังสือไปส่งให้ ชั่นเล่งจือ ขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการ ชั่นเล่งจือทราบความในหนังสือนั้นแล้วก็ปิดความเสีย หาได้นำขึ้นกราบทูลฮ่องเต้ไม่ ตัวหลีซือหงวนก็หาได้เข้าเฝ้าไม่ รออยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลาเดือนเศษแล้ว ก็ไม่ได้ความประการใด จึงให้คนใช้ถือหนังสือลับไปแจ้งแก่บิดา เมื่อคนใช้กลับมาถึงเมืองเปงจิว หลีจีนอ๋องกำลังป่วยอยู่ แจ้งเรื่องแล้วก็มีความวิตกร้อนใจเป็นอันมาก จึงพูดว่าถ้าหายป่วยแล้วจะไปเมืองเชียงอาน เข้าเฝ้ากราบทูลถามพระเจ้าตงหัวด้วยตนเอง

ชั่นเล่งจือได้ทราบข่าวก็วิตกว่า ถ้าหลีจีนอ๋องเข้ามาเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ความซึ่งตนแอบทำรับสั่งแต่งตั้งให้จูอุนเป็นเลียงอ๋องนั้น ก็จะทะลุทลายขึ้น จึงเข้าไปเฝ้ากราบทูลพระเจ้า ตงหัวว่า มีคำคนพูดกันเป็นอันมากว่า หลีจีนอ๋องกับ หลีซุนเฮ้า ผู้บุตรคิดเป็นกบฏจะยกมาตีเมืองเชียงอาน พระเจ้าตงหัวก็ตกพระทัย ด้วยพระองค์ไม่มีสติปัญญาที่จะพิจารณาเท็จและจริงให้จะแจ้ง เชื่อถือเอาแต่ถ้อยคำของชั่นเล่งจือไปฝ่ายเดียว ก็ทรงขัดเคืองจึงตรัสว่า

“……..หลีจีนอ๋องเราก็ชุบเลี้ยงให้มียศบรรดาศักดิ์หนักหนาแล้ว ควรหรือมาคิดประทุษร้ายต่อเราได้ เมื่อการเป็นดังนี้แล้ว ท่านเห็นผู้ใดซึ่งจะไปปราบปราม กำจัดหลีจีนอ๋อง ได้เล่า……..”

ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่า

“……….เห็นอยู่แต่จูอุนผู้เดียวมีสติปัญญาและฝีมือก็เข้มแข็งชำนิชำนาญการทัพศึก ทั้งทแกล้วทหารก็มีเป็นอันมาก ควรจะยกกองทัพไปต้านทานปราบปรามหลีจีนอ๋องได้ ขอพระองค์จงรับสั่งให้จูอุนยกไปเถิด……….”

ฮ่องเต้ก็ว่า

“……..สุดแล้วแต่ท่านจะเห็นควร ท่านจงมีหนังสือไปถึงจูอุน ให้เกณฑ์ทหารยกกองทัพไปกำจัดหลีจีนอ๋องเสีย อย่าให้ทันยกมาตีเมืองเราก่อนได้……….”

ชั่นเล่งจือก็กราบถวายบังคมออกมา ทำหนังสือไปถึงจูอุนว่ามีผู้กราบทูลพระเจ้าตงหัวว่า หลีจีนอ๋องซ่องสุมทแกล้วทหารคิดจะเป็นกบฏ จะยกกองทัพมาตีเมืองหลวง พระเจ้า ตงหัวมีรับสั่งให้ท่านยกกองทัพไปปราบปรามหลีจีนอ๋องเสียโดยเร็ว ครั้นทำหนังสือแล้วก็ให้คนใช้ที่สนิทถือไป แล้วสั่งความลับไปนอกหนังสือว่า การครั้งนี้เราคิดอ่านเป็นทีอยู่แล้ว ให้จูอุนตรึกตรองให้สมกับการที่เราคิดไว้ จูอุนจึงจะได้เป็นใหญ่ยืดยาวต่อไปได้

คนใช้ก็เดินทางไปถึงเมืองเปียนเหลียง เอาหนังสือรับสั่งให้จูอุน แล้วแจ้งความนอกหนังสือให้จูอุนทราบ ตามที่ชั่นเล่งจือสั่งมา จูอุนได้แจ้งความก็มีความยินดี สั่งให้เกณฑ์ทหารสามสิบหมื่น แล้วสั่งให้ทำธงปลอมเป็นยี่ห้อของหลีจีนอ๋อง ยกกองทัพออกจากเมืองเปียนเหลียง เดินทางไปเมืองเชียงอาน

ฝ่ายหลีซือหงวนรอจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นเวลาช้านาน เข้าไปเตือนชั่นเล่งจือก็ผัดเพี้ยนบิดเบือนไป พอแจ้งข่าวว่าชั่นเล่งจือกราบทูลฮ่องเต้ กล่าวโทษหลีจีนอ๋องผู้บิดากับหลีซุนเฮ้า ว่าจะคิดกบฏก็ตกใจ รีบเดินทางออกจากเมืองเชียงอาน กลับไปบอกบิดาที่เมืองเปงจิวทุกประการ

หลีจีนอ๋องได้แจ้งข่าวจากบุตรชายแล้ว ก็มีความโกรธเป็นอันมาก ให้เกณฑ์ทหารห้าหมื่น แล้วตนเองกับหลีซุนเฮ้าก็ยกกองทัพไปยังเมืองเชียงอาน เพื่อเข้าเฝ้ากราบทูลพระเจ้า ตงหัวฮ่องเต้ ให้ทรงทราบความจริง

ฝ่ายจูอุนยกกองทัพที่ปลอมเป็นทหารของหลีจีนอ๋อง เดินทางมาถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน แล้วก็ตั้งค่ายพักอยู่ริมฝั่งน้ำ ทหารม้าใช้สืบราชการของเมืองเชียงอาน ก็รีบเข้าไปแจ้งข่าวให้กราบทูลฮ่องเต้ว่ามีกองทัพยกมาเป็นอันมาก มีธงยี่ห้อหลีจีนอ๋องตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเปาเหลงชวน

พระเจ้าตงหัวก็ตกพระทัย ตรัสปรึกษากับขุนนางว่าหลีจีนอ๋องเป็นกบฏ ยกกองทัพมาครั้งนี้ ผู้ใดจะรับอาสาออกไปต้านทานสู้รบได้บ้าง ก็มีนายทหารผู้หนึ่งชื่อ ง่วยอิว กราบทูลจะขออาสาออกไปสู้รบเอาชัยชนะ ฉลองพระเดชพระคุณให้จงได้ ชั่นเล่งจือจึงว่า

“……..ท่านนี้เป็นขุนนางฝ่ายทหารก็จริงอยู่ แต่ยังไม่เคยทำศึกสงคราม อย่าพูดเอาแต่ง่าย ๆ เลย การครั้งนี้สำคัญอยู่…….”

ง่วยอิวก็ว่าปู่และบิดาของตนก็เป็นนายทหาร ได้ทำศึกสงครามมาหลายครั้ง ตนเองก็ไปด้วยทุกครั้ง เหตุใดจึงมาดูหมิ่นดังนี้เล่า ชั่นเล่งจือก็ตวาดเอาว่า

“…….ตัวเป็นแต่ขุนนางผู้น้อย ราชการสิ่งใดที่มีมา ขุนนางผู้ใหญ่ต้องปรึกษากันยังไม่ทันจะตกลง ตัวเสือกเข้ามาจะรับอาสา อวดสติปัญญาและฝีมือดังนี้ หาสมควรไม่………”

ง่วยอิวได้ฟังดังนั้นก็เป็นอันจนใจ ต้องนิ่งก้มหน้าอยู่มิได้ตอบแต่ประการใด ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่า

“……..ศึกหลีจีนอ๋องครั้งนี้ยกมาจวนจะถึงเมืองแล้ว ครั้นจะรักษาเมืองก็กลัวว่าจะไม่ทันท่วงที เห็นว่าควรจะต้องทิ้งเมืองเสีย เสด็จไปอยู่เมืองไซคีจิว จะได้เกณฑ์กองทัพหัวเมืองเข้ามาช่วยสู้รบเหมือนครั้งก่อน……….”

พระเจ้าตงหัวไม่ทราบในกลอุบายของชั่นเล่งจือ จึงตรัสว่าเมื่อเห็นการดังนั้นแล้ว ก็จงรีบตระเตรียมกันให้พร้อม ค่ำวันนี้จะได้หนีไป พอถึงเวลาดึกประมาณสองยาม พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ก้เสด็จออกจากเมืองเชียงอาน ชั่นเล่งจือก็ให้คนสนิทไปแจ้งแก่จูอุนให้ทราบ จูอุนจึงยกกองทัพติดตามพระเจ้าตงหัวไป

เมื่อขบวนของพระเจ้าตงหัวพากันอพยพมาใกล้จะถึงเมืองเกยปอกุน ทหารที่อยู่ระวังหลังก็ขึ้นมากราบทูลว่ากองทัพของหลีจีนอ๋อง ยกติดตามมาเกือบจะทันอยู่แล้ว ฮ่องเต้ก็ตกพระทัย ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่าจะต้องหาที่พักให้ได้เสียก่อน และเขาเกยปอซัวนี้เป็นที่สูงกว้างขวาง พอจะหยุดยั้งสู้รบกับข้าศึกได้ ว่าแล้วก็พาฮ่องเต้กับครอบครัวและบริวาร ขึ้นไปอยู่บนเนินเขาเกยปอซัว จูอุนตามมาถึงก็สั่งให้ทหารตั้งค่ายล้อมเชิงเขาไว้มั่นคง

ฝ่ายหลีจีนอ๋องยกกองทัพมาถึงเมืองเชียงอานแล้ว ก็ทราบความว่า ชั่นเล่งจือคิดอุบายหลอกลวงพระเจ้าตงหัว ให้ทิ้งเมืองหลวงหนีไปเสีย และมีกองทัพของจูอุนที่ปลอมแอบอ้างยี่ห้อหลีจีนอ๋องยกไล่ติดตามไป ก็แบ่งทหารให้หลีซือหงวนอยู่รักษาเมืองเชียงอาน ส่วนตนเองกับหลีซุนเฮ้าก็รีบยกทหารตามไปโดยเร็ว จนถึงเขาเกยปอซัวเห็นกองทัพของจูอุนตั้งล้อมเชิงเขาอยู่ จึงสั่งให้ทหารตั้งค่ายกระหนาบไว้อีกชั้นหนึ่ง

ในขณะนั้นพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ขึ้นไปดูอยู่บนเขา เห็นกองทัพข้าศึกตั้งล้อมไว้แน่นหนาไม่มีท่าทางจะออกได้ ก็ตกพระทัยกลัวยิ่งนัก จึงรับสั่งแก่ชั่นเล่งจือว่าครั้งนี้เห็นจะเป็นอันตรายเสียจริงดอกกระมัง จะคิดแก้ไขประการใดจึงจะพ้นภัยไปได้ ชั่นเล่งจือก็คิดในใจว่าตนเองได้ล่อลวงฮ่องเต้การเกินมาถึงบัดนี้แล้ว ถ้ามีผู้ใดกราบทูลขึ้นฮ่องเต้ก็คงจะไม่เลี้ยงเป็นแน่ จึงกราบทูลว่า

“……..ข้าพเจ้าเห็นอุบายอยู่อย่างหนึ่ง แต่จะกราบทูลที่นี่ไม่สมควร เชิญพระองค์เสด็จขึ้นไปบนยอดเขาให้พ้นขุนนางทั้งปวง ข้าพเจ้าจึงจะทูลชี้แจงให้ทรงทราบ………..”

พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ก็เสด็จขึ้นไปกับชั่นเล่งจือ และห้ามคนทั้งปวงไม่ให้ตามขึ้นไปด้วย แล้วชั่นเล่งจือก็ให้ ชันเหลง ชันเฮ้าซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทคอยเฝ้าอยู่ต้นทาง ห้ามมิให้ผู้ใดผ่านขึ้นไป ส่วนตนเองกลับลงมาบอกความแก่ ไท้จือหลีขี และพระญาติวงศ์กับขุนนางทั้งปวงว่า พระเจ้าตงหัวจะจำศีลอยู่บนยอดเขาสักเจ็ดวัน ห้ามมิให้ผู้ใดขึ้นไปเฝ้า และหาเครื่องเสวยขึ้นไปถวาย มีรับสั่งให้ตนหาสิ่งของเป็นเครื่องบวช ขึ้นไปถวายให้เสวยแต่ตัวผู้เดียว แล้วชั่นเล่งจือ ก็สั่งให้เจ้าพนักงานเครื่องจัดเครื่องเจ ให้ตนนำขึ้นไปถวาย ไท้จือหลีขีและขุนนางทั้งหลายทั้งปวงก็เชื่อฟังมิได้มีใครขัดขืน

ฝ่ายจูอุนเห็นหลีจีนอ๋องยกกองทัพมาตั้งค่ายกระหนาบไว้ จึงสั่งให้นายทหารยกทหารออกไปรบกับหลีจีนอ๋อง ด้วยทหารของจูอุนมีมากกว่าหลายเท่า แม้หลีซุนเฮ้ากับนายทหารคนสนิทจะสู้รบฆ่าทหารของจูอุนตายไปเป็นอันมาก แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ จนถึงเวลาค่ำต่างฝ่ายก็กลับเข้าค่ายไป

จูอุนเห็นนายทหารของตนล้มตายลงด้วยฝีมือหลีซุนเฮ้าหลายสิบคน ก็คิดครั่นคร้ามฝีมือและทหารของหลีจีนอ๋องเป็นอันมาก จึงปรึกษากับนายทหารทั้งปวงว่า

“……….หลีจีนอ๋องยกกองทัพมาครั้งนี้ ทแกล้วทหารล้วนแต่มีฝีมือเข้มแข็งเป็น อันมาก กองทัพเราเดี่ยวนี้ก็ขัดสนเสบียงอาหาร ด้วยเรายกกองทัพมาช้านานแล้ว ซึ่งจะอยู่สู้รบ ขับเคี่ยวไปกับหลีจีนอ๋องนั้น ก็เห็นจะไม่ได้ชัยชนะ จำเราจะยกเลิกกองทัพกลับไปเมืองเปียน เหลียง ทำนุบำรุงทแกล้วทหารให้มีกำลังพร้อมมูลด้วยเสบียงอาหารแล้ว จึงจะกลับมารบกับหลีจีนอ๋องอีก………….”

แล้วก็สั่งให้นายทหารตรวจเตรียมกันให้พร้อมไว้ พอเวลาดึกประมาณสองยามเศษ จูอุนก็เลิกกองทัพ กลับไปเมืองเปียนเหลียง

ครั้นเวลารุ่งเช้า หลีจีนอ๋องมิได้เห็นกองทัพของจูอุน ก็รู้ว่าเลิกหนีไปเสียสิ้นแล้ว จึงให้ทหารไปเที่ยวสืบฟังข่าวพระเจ้าตงหัว ก็ได้ความว่าเสด็จอยู่บนเขาเกยปอซัว หลีจีนอ๋องก็ให้ทหารพักอยู่เชิงเขาตนเองกับหลีซุนเฮ้าก็ขี่ม้าไม่ถืออาวุธ ขึ้นไปบนเขาจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ครั้นขึ้นไปถึงที่ขุนนางพระญาติพระวงศ์และบริวารทั้งหลายพักอยู่ ก็หาเห็นองค์ฮ่องเต้ไม่

ชั่นเล่งจือก็ร้องห้ามว่า

“………ท่านอย่าเพิ่งเข้ามา เราจะไปกราบทูลพระเจ้าตงหัวให้ทราบเสียก่อน….”

หลีจีนอ๋องกับหลีซุนเฮ้า จึงลงจากหลังม้านั่งพักรออยู่ ชั่นเล่งจือก็หายขึ้นไปบนยอดเขาแต่ผู้เดียว ทั้งสองพ่อลูกก็หาได้รู้ว่าชตากรรมของฮ่องเต้ จะเป็นประการใด.

##########

วารสารฟ้าหม่น
มีนาคม ๒๕๔๕

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:30:40 น. 0 comments
Counter : Pageviews.



Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2554 10:16:31 น. 2 comments
Counter : 417 Pageviews.

 
พอดีไปตอบอันเก่าอ่ะค่ะ ลืมไปว่ามาลงตรงนี้ดีกว่า ได้อ่านที่เขียนโต้ตอบในถนนแล้ว ดีใจนะคะ ที่เด็กๆทำให้คุณเจียวต้ายสดชื่นขึ้นทันตาเห็นอิๆ

ปกติหนูก็คุยไม่เก่งเสียด้วย ไม่เชื่อต้องตามจารย์จีค่ะ เพราะว่าเค้าคุยเก่งมากๆๆ เน๊อะๆ ยิ่งถ้าได้คุยถูกคอกับใคร พูดไม่หยุดเลยเชียว ใช่มั๊ยค่ะคณเจียวต้าย


โดย: Setakan วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:48:51 น.  

 
ผมคุยได้กับเพื่อนทุกวัยทั้งชายหญิงครับ
และไม่ค่อยถือสาหารืออะไร ว่ามาไงก็ว่าไปงั้นครับ.
ที่ผมวานกระซิบอย่าลืมนะครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:03:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.