Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๑ พี่น้องร่วมสาบาน

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

“ เล่าเซี่ยงชุน “

นิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องนี้ เรียบเรียงจากเรื่อง ไต้ฮั่น ซึ่งได้แปลเป็นภาษาไทยเมื่อ ประมาณ พ.ศ.๒๔๐๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ และพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖ ในสมัย รัชกาลที่ ๕

เนื้อเรื่องอยู่ในยุคสมัยของราชวงศ์ฮั่นตอนต้น ซึ่งมี พระเจ้าฮั่นโกโจ เป็นปฐมกษัตริย์ เมื่อ พ.ศ.๓๓๗ และมีฮ่องเต้สืบราชสมบัติต่อมาอีกสามองค์ เป็นเวลาประมาณห้าสิบห้าปี จึงถึง พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าฮั่นโกโจ ขึ้นครองราชย์เมื่อ พ.ศ.๓๙๒ เป็นเวลาก่อนที่จะถึงยุคสามก๊ก ซึ่งเป็นราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย ประมาณ สามร้อยปีเศษ

ตอนที่ ๑ พี่น้องร่วมสาบาน

ในสมัยนั้นยังมีชายหนุ่มสี่คน อยู่ที่เมืองลกเอียงกุ้ย ซึ่งขึ้นอยู่กับเมืองฮ่อหนำ ต่างก็ถูกอัธยาสัยแก่กันและกัน จึงชวนสาบานเป็นพี่น้องตามลำดับ คนที่หนึ่งอายุสิบเก้าปี ชื่อ แบ๊จุ้น คนที่สองอายุสิบแปดปี ชื่อ ลิวซู คนที่สามชื่อ คักหลิน และคนที่สี่ชื่อ เปากัง บิดาของลิวซูชื่อ ลิวบ๋าย บิดาของคักหลินชื่อ คักฮุนเหลง ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน และเป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันทั้งคู่ ส่วนแบ๊จุ้นนั้นบิดามารดาได้ตายไปหลายปีแล้ว ยังมีแต่น้องสาวคนหนึ่ง ก็ยากจนอนาถาอาศัยอยู่กับญาติ เปากังเป็นบุตรชาวบ้านธรรมดา มีแต่มารดาซึ่งชราแล้วต้องดูแลรักษากันเพียงสองคน

อยู่มาไม่นานคักหลินคิดจะไปหาบิดาที่เมืองหลวง จึงลา นางเง่าสี มารดาแล้วไปคำนับลาเพื่อนทั้งสามคน เปากังก็หยิบเอาเงินส่งให้คักหลินสองร้อยตำลึง บอกว่าจงเอาไปซื้อเสบียงกินตามทาง คักหลินบอกว่าเงินของตนพอใช้สอยแล้ว จงเก็บเอาไว้ให้แบ๊จุ้นเถิด เพราะเป็นคนขัดสนมาก จะได้ซื้อหาอาหารเลี้ยงชีวิต เปากังก็ว่าเงินสองร้อยตำลึงนี้ ตนตั้งใจให้ถ้าไม่รับก็เหมือนตัดไมตรีกัน ถึงหากแบ๊จุ้นจะขัดสนประการใด ก็จะจัดแจงให้ต่อภายหลัง คักหลินจึงยอมรับเงินไว้ เปากังยังสั่งอีกว่า

“…….ถ้าท่านไปถึงเมืองเซียงอานซึ่งเป็นเมืองหลวงแล้ว จงอุตส่าห์ฝึกหัดเพลงอาวุธให้ชำนิชำนาญ จะได้ช่วยปราบปรามโจรผู้ร้ายในแผ่นดิน ให้มีความชอบชื่อเสียงจะได้ ปรากฎกับเขาบ้าง ข้าพเจ้าทั้งสามจะได้ยึดเอาท่านเป็นที่พึ่ง……..”

คักหลินก็รับคำแล้วคำนับลาเพื่อนทั้งสาม ออกเดินทางตรงไปเมืองเซียงอาน ส่วนแบ๊จุ้นก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านเปากัง

อยู่มาวันหนึ่งแบ๊จุ้นเดินไปเที่ยวถึงตำบลลกเอี๋ยง เห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งนั่งร้องไห้ร่ำไรอยู่ เมื่อเห็นแบ๊จุ้นก็ร้องเรียกให้ช่วย แบ๊จุ้นจึงเดินเข้าไปใกล้ถามว่าร้องไห้ด้วยเหตุใด นางก็บอกว่านางชื่อเฮงสี สามีของนางชื่อเปกเสงได้ถึงแก่กรรมเสียนานแล้ว วันนี้นางพาบุตรหญิงชื่อนางเองหงอ มาดูการเล่นอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน พอดี เตงกวางบุตรเตงป้ามากับเพื่อนประมาณสิบคน ได้ฉุดเอาบุตรสาวไป ด้วยแต่เดิมเคยให้เถ้าแก่มาว่ากล่าว ขอซื้อบุตรสาวไปเป็นภรรยาน้อยหลายครั้ง แต่ตนไม่ยอมให้จึงอาฆาตอยู่ และเตงกวางผู้นี้ถือว่ามีอำนาจมาก ผู้ใดจะไปฟ้องร้องว่ากล่าวที่ไหนก็ไม่ได้ ขอให้แบ๊จุ้นได้เมตตาช่วยทุกข์ให้ด้วย

แบ๊จุ้นก็รีบตามกลุ่มอันธพาลไปจนทัน และเรียกเตงกวางให้หยุดก่อน เตงกวางก็หันมาถามว่า ถือดีอย่างไรจึงมาเรียกตนให้หยุด แบ๊จุ้นก็ว่าบิดาของท่านและตัวท่านก็มีอำนาจวาสนามาก ชอบแต่จะช่วยอุปถัมภ์ทำนุบำรุงให้ไพร่บ้านพลเมืองมีความสุขจึงจะควร นี่กลับไปข่มเหงฉุดบุตรสาวของเขามาดังนี้ ผิดธรรมเนียมนัก ถ้าความทราบไปถึงขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง แล้วบิดาท่านมิพลอยผิดไปด้วยหรือ ท่านจงตรึกตรองดูให้มากก่อน

เตงกวางก็ชี้หน้าแบ๊จุ้นว่าเจ้าเป็นอะไร จึงบังอาจมาว่ากล่าวดังนี้ แบ๊จุ้นว่าไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกับนางเองหงอดอก แต่เห็นท่านเป็นบุตรขุนนางแล้วไม่เห็นแก่กฎหมาย ทำใจใหญ่เกินไปนัก เตงกวางก็ว่าเจ้าไม่รู้อะไร มารดานางเองหงอเป็นหนี้อยู่ เราทวงหลายครั้งแล้วไม่ได้ จึงเอานางเองหงอมาเป็นตัวประกัน แบ๊จุ้นก็ชี้หน้าว่าโกหกตัวฉุดบุตรสาวเขามาแล้ว กลับว่าเขาเป็นหนี้อีก เตงกวางก็โกรธโดดเข้าชกแบ๊จุ้น แต่แบ๊จุ้นหลบทันและชกตอบไปถูกหน้าอกเตงกวาง ถึงกับล้มลงและเอาเท้าถีบอีกทีหนึ่ง เตงกวางเจ็บปวดเหลือทนจึงขาดใจตายอยู่ที่นั้น

ขณะนั้นนางเฮงสีที่ตามไปด้วยก็ตกใจกลัวยิ่งนัก แบ๊จุ้นก็บอกให้นางพาบุตรีกลับไปบ้านโดยเร็ว ตนจะอยู่รับโทษแทนเอง นางก็พานางเองหงอกลับบ้าน และเก็บทรัพย์สิ่งของที่ดีมีราคาพอสมควร พากันหนีออกจากบ้านไป

พวกของเตงกวางที่มาด้วยกันนั้น เห็นเตงกวางตายก็กรูกันเข้ามาจะจับกุม แบ๊จุ้นก็สู้พลางถอยพลาง หนีไปได้ประมาณทางหลายสิบลี้ พวกนั้นสู้ไม่ได้ก็พากันกลับมาหามศพเตงกวางไปบ้าน และบอกเตงป้าผู้บิดาให้ทราบ เตงป้าก็สั่งให้คนใช้ประมาณสามสิบคน เที่ยวตามหาและจับตัวผู้ที่ฆ่าบุตรชายของตน มาให้จงได้

แบ๊จุ้นก็หนีมาหาเปากังที่บ้าน เล่าความให้ทราบทุกประการ และว่าตนจะต้องหนีไปอยู่ที่อื่นก่อน ขอความเมตตาให้เงินไปซื้อกินตามทางบ้าง เปากังก็ว่าตนเองอยากจะไปกับแบ๊จุ้นด้วย แต่มารดาแก่ชรามากไม่มีผู้อยู่ปฏิบัติรักษา แล้วก็หยิบเงินให้แบ๊จุ้นร้อยตำลึง แบ๊จุ้นก็ลาไปหาลิวซูเล่าความให้ฟังโดยละเอียด ลิวซูก็ให้เงินอีกแล้วสั่งว่า เมื่อไปอยู่ที่แห่งใดจงมีหนังสือมาบอกให้รู้บ้าง หากมีสุขทุกข์ประการใด จะได้ไปเยี่ยมเยือนปรึกษาหารือกัน แบ๊จุ้นก็ลากลับไปบ้านจัดแจงข้าวของพอสมควร พานางแบ๊ลวนเองผู้เป็นน้องสาว ไปหาเอียเองผู้เป็นน้าชายเล่าเรื่องเดือดร้อนให้ฟัง เอียเองก็รับน้องสาวไว้เลี้ยงดู แต่ยังกลัวความผิดจึงขับไล่แบ๊จุ้นไปให้พ้น แบ๊จุ้นจึงคำนับลา เดินทางต่อไป

เมื่อเดินทางไปถึงเขาตงหงซัวใกล้เมืองฮู่ก๊วง ก็ได้ยินเสียงม้าล่อแล้วมีสมุนโจรออกมาเรียกค่าผ่านทาง แบ๊จุ้นก็ไม่กลัวสั่งให้พวกเหล่านั้นไปบอกนายโจร ให้มาลองฝีมือกันก่อน ถ้าตนแพ้ก็จะยอมสามิภักดิ์อยู่ด้วย ถ้าตนชนะจะไล่นายโจรให้ไปเสียจากเขานี้ ไม่ให้กระทำโจรกรรมอีกต่อไป ถ้าไม่เชื่อจะเอาไฟเผาเสียให้สิ้นทั้งภูเขา

นายโจรชื่อเจียะยุโฮ ได้ฟังลิ่วล้อรายงานก็โกรธ รีบแต่งตัวใส่เกราะถือง้าวลงมาจากเขา ตรงเข้าไปเอาง้าวฟันแบ๊จุ้นกลางศรีษะ แบ๊จุ้นเอากระบองเหล็กคู่รับไว้ได้ แล้วก็รบกันได้ประมาณสิบเพลง แบ๊จุ้นได้ทีตีถูกนายโจรล้มลง แต่ก็ไม่ตีซ้ำกลับฉุดมือให้ลุกขึ้น เจียะยุโฮเห็น แบ๊จุ้นมีฝีมือเข้มแข็งก็เชิญขึ้นไปบนเขา ให้คนใช้จัดน้ำชามาเลี้ยงกัน เมื่อถามชื่อแซ่กันแล้ว แบ๊จุ้นก็เล่าเรื่องที่ตนหนีมาให้นายโจรทราบ เจียะยุโฮก็ว่า

“…….ท่านกับข้าพเจ้าจงสาบานเป็นพี่น้อง ช่วยกันทำนุบำรุงเขาตังหงซัวให้บริบูรณ์มั่งคั่งขึ้น จะได้ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เขานี้…….”

แบ๊จุ้นก็ท้วงว่า

“……..ซึ่งจะสาบานเป็นพี่น้องกันนั้นก็ชอบอยู่ แต่จะประพฤติตัวเป็นโจรอยู่ดังนี้ ข้าพเจ้าไม่ยอม ถ้าคิดกลับใจเสียใหม่ อุตส่าห์ตั้งทำมาหากินโดยสุจริต หรือเข้าไปทำราชการอยู่ในเมืองหลวง ให้มีชื่อเสียงปรากฎเป็นที่สรรเสริญแก่คนทั้งปวง จึงจะควร…….”

เจียะยุโฮได้ฟังก็เห็นชอบด้วย จึงว่าท่านจะประพฤติตัว ประพฤติใจอย่างไรก็จะปฏิบัติตาม แบ๊จุ้นก็พาเจียะยุโฮออกไปที่กลางแจ้ง กระทำสัตย์อธิษฐานสาบาน เป็นพี่เพราะแก่กว่าหนึ่งปี ให้เจียะยุโฮเป็นน้อง แล้วเจียะยุโฮก็กำชับสั่งบรรดาลิ่วล้อซึ่งเป็นบริวารว่า ตั้งแต่นี้ไปอย่าได้กระทำโจรกรรมเหมือนก่อน ให้ตั้งทำมาหากินโดยสุจริต แต่นั้นมาที่เขาตังหงซัวก็ไม่มีโจรผู้ร้าย ราษฎรลูกค้าวาณิชก็ได้ไปมาค้าขายเป็นสุขสบาย

ชื่อเสียงของแบ๊จุ้นก็ปรากฎทราบไปถึง เฮ่งอุ๋ย ผู้รักษาเมืองเกงจิว คิดว่าถ้าทิ้งไว้นานจะเกิดเป็นศัตรูแผ่นดินขึ้น จึงเกณฑ์ทหารห้าพันจัดเป็นขบวนทัพ ยกตรงไปใกล้จะถึงเขา ตังหงซัว ก็หยุดทหารให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ และแต่งหนังสือให้คนใช้ถือไปให้แบ๊จุ้น มีความว่า

เราผู้ชื่อเฮ่งอุ๋ยเป็นที่ตินหนำเจียงกุน แจ้งความว่าแบ๊จุ้นตั้งซ่องสุมผู้คนมาฝึกหัดเป็นทหารอยู่ที่เขาตังหงซัวมาก จะคิดเป็นขบถหรือ บัดนี้เรายกกองทัพมาจะเอาตัวท่านไป ท่านจะอ่อนน้อมต่อเราโดยดี หรือจะสู้รบกันเวลาไร ก็จงมีหนังสือบอกกำหนดนัดมาให้เรารู้

แบ๊จุ้นอ่านทราบความแล้วก็สลักหลังหนังสือนั้น ให้คนใช้ถือกลับไปว่า เราจะออกไปรบกับท่านให้ถึงแพ้ชนะในวันนี้

แล้วเฮ่งอุ๋ยและแบ๊จุ้นกับเจียะยุโฮ ก็แต่งตัวใส่เกราะ ขึ้นม้าถืออาวุธออกมาพบกันที่เชิงเขา เฮ่งอุ๋ยก็ร้องบอกว่า

“……..ท่านซ่องสุมผู้คนไว้ปรารถนาจะเป็นขบถต่อแผ่นดิน เราจึงมาช่วยเตือนสติให้ ถ้าท่านยังรักชีวิตอยู่ ก็จงมายอมสามิภักดิ์แก่เราเสียโดยดี จึงจะรอดจากความตาย…….”

แบ๊จุ้นก็ตอบว่า

“…….เราไม่มีความผิดสิ่งใด ตั้งทำมาหากินโดยสุจริต มิได้คิดประทุษร้ายต่อแผ่นดิน ถ้าพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้มีหนังสือรับสั่งมาถึงเราเมื่อไร เราจึงจะเข้าไปทำราชการสนองพระคุณโดยความซื่อสัตย์กตัญญู ซึ่งจะอ่อนน้อมยอมเข้าอยู่แก่ท่านนั้น อย่าพึงหมายเลย เชิญท่านกลับไปบ้านเมืองโดยดี แล้วทำหนังสือบอกตามคำเรากล่าว เข้าไปกราบทูลพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ด้วย…..”

เฮ่งอุ๋ยก็โกรธว่าแบ๊จุ้นพูดจาเย่อหยิ่ง จึงขับม้าเข้าไปรบกับแบ๊จุ้น ไม่ทันถึงเพลงแบ๊จุ้นก็เอากระบองเหล็กตีเฮ่งอุ๋ย เจ็บปวดมากจนอาเจียนเป็นโลหิต ซบอยู่กับอานม้า แต่แบ๊จุ้นก็ไม่ได้ตีซ้ำ คงปล่อยให้เฮ่งอุ๋ยเลิกทหารกลับไปเมืองเกงจิว แล้วก็ทำหนังสือใบบอกให้ทหารถือไปกราบทูลฮ่องเต้ที่เมืองหลวง

เมื่อพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ แบ๊เซียงหยูขุนนางตงฉินก็เอาหนังสือบอกของเฮ่งอุ๋ย เจ้าเมืองเกงจิวเข้าไปถวาย ฮ่องเต้รับมาทรงอ่าน มีความว่าที่ตำบลเขาตังหงซัวแขวงเมืองเกงจิว มีนายโจรตั้งเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คนไว้เป็นอันมาก เจ้าเมืองได้ยกทหารไปครั้งหนึ่งก็สู้ฝีมือและกำลังไม่ได้ ถ้าจะละไว้ก็คงจะเป็นเสี้ยนศัตรูแผ่นดินเป็นแน่

ฮ่องเต้ทราบความแล้วก็ตรัสปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า จะให้ผู้ใดเป็นแม่ทัพยกไปปราบปรามดี คุดตงเสงขุนนางกังฉินก็ทูลให้ลิวบ๋ายเป็นแม่ทัพ ยกไปปราบโจรครั้งนี้ ฮ่องเต้ก็ทรงท้วงว่า

“……..ท่านพูดผิดไปดอกกระมัง ลิวบ๋ายเขาเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือน ที่ไหนจะรู้จักการทัพศึก…….”

คุดตงเสงก็กราบทูลว่า

“…….เมื่อครั้งแผ่นดินไซ่ฮั่น ฮั่นสินมีกำลังเรี่ยวแรงน้อย รูปร่างก็แบบบาง ฝีมือเพลงอาวุธก็ไม่สู้แข็งแรง ยังเอาชนะฌ้อปาอ๋องได้สืบแผ่นดินฮั่นมาจนทุกวันนี้ ก็เพราะฮั่นสินมีสติปัญญาวางทหารถูกต้องตามแบบอย่าง ซึ่งจะถือเอาแต่กำลังและฝีมือฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้……”

ฮ่องเต้ก็เห็นด้วย จึงตรัสถามลิวบ๋ายว่า เราจะให้ท่านเป็นแม่ทัพยกไปปราบโจรที่เขาตังหงซัว จะได้หรือไม่ ลิวบ๋ายกราบทูลว่า

“…….ธรรมดาเกิดมาเป็นขุนนางได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนแล้ว ก็ต้องเอากายฝ่าคมอาวุธ สนองพระคุณตามกำลังและสติปัญญา กว่าจะหาชีวิตไม่…….”

พระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี ตรัสอวยพรให้มีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู แล้วจึงมีรับสั่งตั้งลิวบ๋ายให้เป็นแม่ทัพ คุมทหารหมื่นหนึ่งยกไปปราบโจรที่เขาตังหงซัว

ลิวบ๋ายจึงสั่งคักฮุนเหลงผู้เพื่อนว่า ถ้าลิวซูผู้บุตรมาหาตนที่เมืองหลวงแล้ว ขอให้บอกให้กลับไปเสียโดยเร็ว ถ้าขืนอยู่จะเกิดความอันตราย จากพวกกังฉินเป็นแน่ คักฮุนเหลงก็รับคำ ลิวบ๋ายก็คำนับลาขุนนางทั้งหลาย ยกกองทัพไปทางเขาตังหงซัวตามรับสั่งโดยเร็ว.


###########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
กันยายน ๒๕๔๙



Create Date : 04 กรกฎาคม 2551
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 19:48:45 น. 4 comments
Counter : 546 Pageviews.

 
แบ๊จุ้นนี่ท่าทางจะมือเท้่าหนัก แค่ชกกับถีบก็ทำให้ตายได้ น่ากลัวจัง


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก IP: 202.123.145.203 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:04:08 น.  

 
อ้าว....คุณข้าวโพดแอบมาอ่านตั้งเกือบปีแล้ว
ขออภัยด้วย ผมเพิ่งเห็นครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:7:05:31 น.  

 
เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนอ่า น่าสนใจๆ


โดย: kira7 IP: 203.144.144.164 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:03:19 น.  

 
ขอบคุณคุณkira7 ที่สนใจครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:32:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.