Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๓ เหยื่อเงินกู้

ยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๓ เหยื่อเงินกู้

" เล่าเซี่ยงชุน "

พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ แต่เดิมนั้นเป็นพระญาติของ พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ ชื่อ จูม้ง มีความสนิทสนมกับ เงียมซง ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ทางหมอดู เคยทำนายว่าจูม้งจะมีวาสนา ต่อมาก็ได้เลื่อนเป็นฮองไทตี๋ และได้รับราชสมบัติในที่สุด แต่ก็ยังมิได้ตอบแทนคุณเงียมซง พอ พระเจ้าเจงเต็กสวรรคต เปิดให้ไล่หนังสือโดยเพิ่มตำแหน่งมากขึ้น เงียมซงจึงไล่ได้ชั้น จีนสือ พระเจ้าเกียเจ๋งก็เลื่อนให้เป็นจอหงวน และตั้งเป็นขุนนางรับราชการกำกับ ขุนนางผู้ดูแลการไล่หนังสือด้วย

ฝ่าย ไฮ้สุย ซึ่งรวบรวมเงินทองของภรรยาเข้ามาไล่หนังสือเป็นครั้งที่สามนั้น บังเอิญเมื่อถึงที่พักแล้วเกิดป่วยไข้ไม่ได้ไปไล่ กว่าจะหายเขาเลิกแล้วจึงคิดจะกลับบ้าน แต่ ไฮ้อัน ท้วงว่าหนทางไกลไปมาหลายครั้งแล้ว ให้เป็นไปต่าง ๆ กลับไปก็อายเขา อยู่เสียที่ในเมืองหลวง ดีกว่า ต่อไล่หนังสือได้แล้วจึงค่อยกลับ ไฮ้สุยก็เห็นด้วย จึงพากันไปเช่าบ้านราคาถูกอาศัยอยู่กันสามคนทั้ง ไฮ้หยง

เจ้าของบ้านเช่านั้นเป็นผู้เฒ่าชื่อ เตียเหลาหยี ภรรยาชื่อ นางชิวสี มีบุตรสาวชื่อ นางเตียง่วนชุน อายุสิบเจ็ดปี รูปร่างงดงามประกอบด้วยลักษณะดี แต่บิดามารดานั้นเป็นคนขัดสน ทำเต้าเจี้ยวขายพอเลี้ยงชีวิต นางเตียง่วนชุนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดว่องไว ชอบดูหนังสือ บิดาก็ตามใจหาซื้อหนังสือมาให้ จนกำไรที่ทำเต้าเจี้ยวหมดไป ต้องชักทุนกิน นางชิวสีก็ห้ามปราม เตียเหลาหยีก็ว่า

".....ลูกของเราอยากจะใคร่ดูหนังสือต่าง ๆ ให้เข้าใจไว้ ต้องซื้อหามาให้จะได้ดูเป็นที่สบาย หนังสือซื้อมาให้แก่บุตรของเราแต่ล้วนดี ๆ ใช่ว่าเป็นหนังสือตลกคะนอง เอามาดูเล่นเป็นที่สนุกเมื่อไร หนังสือเหล่านี้ดูรู้ไว้จะได้เป็นคติสอนใจ อย่าให้ประกอบการชั่ว....."

นางชิวสีก็ว่า

".....ท่านกล่าวนี้ก็ควร แต่ลูกเราเป็นหญิง ซึ่งจะให้ศึกษาไปแต่การหนังสือสิ่งเดียวไม่ได้ ต้องให้รู้ในการเย็บเสี้ยวร้อยปักบ้างจึงจะดี การสิ่งนี้เป็นของสำหรับผู้หญิง ข้าพเจ้าจะต้องสอนให้รู้เสียบ้าง...."

เตียเหลาหยีก็เห็นชอบด้วย นางชิวสีก็สอนให้นางเตียง่วนชุน หัดเย็บร้อยกรองจนทำได้ดีสารพัดทุกอย่าง

ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง เจ้าพนักงานมาทวงส่วยหลวง เตียเหลาหยีไม่มีเงินให้ ต้องติดค้างอยู่ เจ้าพนักงานก็จะเอาตัวไป ไฮ้สุยเห็นก็มีความเวทนา จึงอ้อนวอนแก่เจ้าพนักงานว่า อย่าเพ่อเอาตัวไปก่อนเลย ขอผัดแต่พอให้ไปหาเงินสักสองวันเถิด เมื่อไม่ได้จึงมาเอาตัวไป เจ้าพนักงานก็ผ่อนผันให้ตามคำไฮ้สุย

พอรุ่งเช้าเตียเหลาหยีหาบเต้าเจี้ยวไปขายตามบ้านขุนนาง จนถึงบ้านเงียมซง พอดี เงียมยี่ บ่าวของเงียมซงเดินออกมา เห็นเตียเหลาหยีหน้าไม่สบาย จึงถามทุกข์สุข เตียเหลาหยีก็เล่าความซึ่งไม่มีเงินจะเสียส่วยหลวง กลัวเขาจะเอาตัวไป ให้เงียมยี่ฟังทุกประการ เงียมยี่ก็ว่าอย่าวิตกทุกข์ร้อนไปเลย เราจะสงเคราะห์ให้แก้ร้อนไป กว่าจะหามาให้เราได้ เตียเหลาหยีได้ฟังก็ดีใจจึงว่า ข้าพเจ้าค้างเงินส่วยอยู่เจ็ดตำลึง จะขอกู้แต่พอไปใช้เขา

เงียมยี่ว่าไม่ได้ถ้าจะกู้แล้วต้องครบสิบหรือร้อยตำลึง เตียเหลาหยีก็ขอกู้เพียงสิบตำลึง เงียมยี่ว่าจงทำตั๋วกู้มาจะเอาดอกเบี้ยเดือน หนึ่ง ตำลึงละสองหุน เตียเหลาหยีก็ยอมจึงทำตั๋วประทับตราส่งให้ เงียมยี่ก็เข้าไปในเรือน หยิบเอาเงินมาให้เตียเหลาหยี บอกว่าเงินนี้หนักสิบตำลึง แต่เตียเหลาหยีชั่งดูได้น้ำหนักแต่เพียงแปดตำลึง เตียเหลาหยีก็ทักท้วง เงียมยี่บอกว่า ตามธรรมเนียมของเรา ถ้าผู้ใดมากู้เงินสิบตำลึงแล้ว ต้องชักค่าธรรมเนียม สองตำลึงอย่างนี้ทุกราย เตียเหลาหยีจะไม่เอาก็ไม่ได้จำใจต้องเอาไว้ก่อนแล้วจึงลาเงียมยี่ไปขายเต้าเจี้ยวต่อไป

เมื่อเตียเหลาหยีกลับมาถึงบ้าน ก็เล่าความที่ไปกู้เงินเงียมยี่ให้ภรรยาฟังโดยตลอดและว่า

".....แต่แรกเราคิดว่าเงียมยี่เป็นคนดีมีเมตตา ให้เรากู้เงินมาแก้ร้อน ครั้นทำตั๋วกู้สิบตำลึงให้แล้ว ก็เอาเงินมาให้แปดตำลึง ครั้นเราเห็นว่าเป็นคนโกงจะคืนเอาตั๋ว ก็ตกอยู่ในมือเขาแล้ว ต้องเอามาพอแก้ร้อนไปคราวหนึ่ง ภายหน้าจึงค่อยคิดหาใช้เขาต่อไป....."

ภรรยาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ครั้นวันรุ่งขึ้นเวลาเช้า เจ้าพนักงานมาเอาเงินค่าส่วย เตียเหลาหยีก็เอาเงินออกมาให้แล้วว่า ข้าพเจ้าค้างส่วยอยู่เจ็ดตำลึง ท่านจงทอนมาให้แก่ข้าพเจ้าตำลึงหนึ่ง เจ้าพนักงานว่าเราไม่มีเงินทอน ท่านจงเอาเงินนี้ไปแตกมาเถิด

เตียเหลาหยีก็เอาเงินไปที่ตลาดขอแตกเงินแก่ชาวร้าน แต่ชาวร้านก็ไม่เอาเพราะเห็นว่าเป็นเงินแดง และว่าเหตุใดท่านจึงเอาเงินแดงมาใช้ ชอบแต่จับตัวไปส่งเจ้าพนักงานชำระเอาตัวผู้ทำเงินแดงจึงจะควร เตียเหลาหยีได้ฟังก็ตกใจ ว่าเงินนี้ไม่ใช่ของข้าพเจ้า เป็นของเงียมยี่ข้าพเจ้าไปกู้มาจากเขา แล้วก็เล่าความที่ไปกู้เงินจากเงียมยี่ให้ชาวร้านฟังทุกประการ

ชาวร้านก็เชื่อว่าเป็นจริง เพราะรู้อยู่ด้วยกันว่าเงียมยี่เป็นคนโกง จึงว่าเงินแดงแน่แล้วไปขอเปลี่ยนเขามาใหม่เถิด แต่ก็พูดกันว่า เตียเหลาหยีถูกเงียมยี่หลอกเอาแล้ว เงินแดงนี้เอาไปเปลี่ยนที่ไหนเงียมยี่จะรับ

ฝ่ายเตียเหลาหยีครั้นมาถึงบ้านเงียมยี่ก็ไม่พบคนใช้แจ้งว่าเงียมยี่ไม่อยู่ พอกลับมาบ้านเจ้าพนักงานก็รออยู่ เตียเหลาหยีเล่าความให้ฟัง เจ้าพนักงานก็ว่าอย่างเดียวกับชาวร้าน และว่าถ้าขืนไปเซ้าซี้ เงียมยี่ก็คงหาความอื่นใส่เอาเป็นแน่ เพราะรู้ว่าเงียมยี่เป็นคนพาล แต่ก็เร่งรัดว่าเงินที่ท่านจะใช้ค่าส่วยก็เป็นเงินแดงไปเสียแล้ว ท่านจะเอาที่ไหนมาใช้ก็เร่งเอามาเถิด

เตียเหลาหยีก็อ้อนวอนว่า ท่านจงได้เอ็นดูแก่ข้าพเจ้าเถิด ขอผัดอีกครั้งหนึ่ง เจ้าพนักงานว่าเราผ่อนให้ผัดเป็นช้านานมาแล้ว ครั้งนี้ไม่ได้เงินเราก็จะเอาตัวท่านไป

ไฮ้สุยอยู่ข้างหลังบ้านได้ยินเสียงเถียงกันก็ออกมาดูเห็นเจ้าพนักงานจะเอาตัวเตียเหลาหยีไป จึงถามเรื่องราว เตียเหลาหยีก็เล่าเรื่องราวที่ไปกู้เงินเงียมยี่มาเป็นเงินแดง ชำระ ค่าส่วยไม่ได้ เจ้าพนักงานก็จะเอาตัวไป ไฮ้สุยก็มีความสงสาร จึงออกเงินเจ็ดตำลึงของตัวใช้แทนค่าส่วย เจ้าพนักงานได้เงินแล้วก็พากันกลับไป

วันต่อมาเตียเหลาหยีก็ไปหาเงียมยี่อีก แต่ก็ไม่พบเป็นหลายครั้ง ไฮ้สุยก็ว่าอย่าไปเลยท่านจะเอาเงินแดงไปเปลี่ยนนั้นเห็นจะไม่ได้แล้ว แต่เตียเหลายี่ก็ไม่ฟัง ได้พยายามไปคอยดักจนพบ แต่เงียมยี่ก็ไม่รับเถียงว่าเงินนี้มิใช่ของเรา ตัวเอาไปช้านานแล้วจะมาเปลี่ยนอะไรเดี๋ยวนี้ เตียเหลาหยีก็จนปัญญาต้องกลับมาบ้าน

ต่อมาอีกประมาณสองเดือน เงียมยี่ก็ไปที่บ้านเตียเหลาหยี จะทวงเอาเงินต้นและดอกเบี้ย อ้างว่าเงินนี้เป็นของเงียมซงนายเรา เตียวเหลาหยีผัดว่าครั้งนี้ยังขัดนัก เงียมยี่ไม่ฟังจะเอาให้ได้ ไฮ้สุยได้ยินก็เดินออกมาพบเงียมยี่ ถามว่าท่านมาด้วยกิจกังวลสิ่งใดหรือ เงียมยี่ก็หาว่าเตียเหลาหยีเป็นคนไม่ดี เห็นว่าเป็นคนขัดสนมีความเวทนาให้เงินกู้มาแก้ร้อน หาคิดถึงคุณไม่กลับว่าเราใช้เงินแดง เราขัดใจจะเอาทั้งต้นเงินและค่าป่วยการให้ได้เดี๋ยวนี้

ไฮ้สุยก็ว่า

"....เตียเหลายี่เป็นคนขัดสนมากนัก ขอผัดไปอีกสักหน่อยเถิด ครั้งก่อนเมื่อเจ้าพนักงานเขามาเร่งเงินส่วย ก็ไม่มีจะให้ ข้าพเจ้าต้องช่วยออกเงินรองไปเจ็ดตำลึง เงินที่กู้มา ก็เป็นเงินแดง....."

เงียมยี่ก็ว่าผัดไม่ได้ ถึงกำหนดแล้วจะต้องเร่งเอาเดี๋ยวนี้ ทั้งเงินต้นและค่าป่วยการขณะนั้นนางชิวสี กับนางเตียง่วนชุน ก็ออกมาช่วยอ้อนวอนเงียมยี่ขอผัดไปก่อน

เงียมยี่เห็นนางเตียง่วนชุนรูปร่างดี มีความรักใคร่อยากจะได้เป็นภรรยา จึงบอกกับเตียเหลาหยีว่า ท่านยังไม่มีจะใช้จะขอผัดไปก่อนเราก็จะผ่อนให้ตามใจ หรือท่านจะต้องการใช้เงินทำทุนบ้างเราจะให้ไว้อีกก็ได้ พูดแล้วก็หยิบเงินออกให้เตียเหลาหยีสองตำลึง

เตียเหลาหยีเกรงใจไม่รับไว้ แล้วว่าแต่ท่านเมตตาผ่อนให้ข้าพเจ้าผัดก็เป็นบุญคุณอยู่แล้ว เงินสองตำลึงนี้ท่านจงเอาคืนไปเถิด เงียมยี่ว่าเราเห็นท่านยากจนขัดสนอยู่ ก็มีความเมตตาแก่ท่านมากจึงให้เงินแก่ท่านยังไม่เอาไว้อีกเล่า เตียเหลาหยีเห็นเงียมยี่พูดทีโกรธ ก็รับเอาเงินนั้นไว้ด้วยความเกรงใจ

แต่เมื่อเงียมยี่กลับไปแล้ว จึงพูดกับภรรยาว่า ดูท่วงทีกิริยาเงียมยี่เห็นจะชอบใจบุตรหญิงของเรา ภรรยาก็ตอบว่าถึงชอบใจก็ไม่ให้ คบค้าอะไรกับคนพาล เตียเหลาหยีก็นิ่งอยู่

ฝ่ายเงียมยี่ครั้นกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็ให้มีใจเสน่หารักใคร่นางเตียง่วนชุนเป็นอันมาก คิดหาทางที่จะให้เตียเหลาหยีเป็นหนี้ให้มากขึ้น จึงเอาตั๋วกู้เงินสิบตำลึง มาแก้ให้เป็นห้าสิบตำลึง แล้วเก็บไว้ประมาณห้าเดือน จึงหาคนเป็นคู่ร่วมคิดที่จิตเป็นพาลด้วยกัน พอไว้ใจกันได้ ให้เป็นเถ้าแก่ไปขอนางเตียง่วนชุนที่บ้าน

เตียเหลาหยีไม่ยอม พูดกับเถ้าแก่ว่า บุตรของข้าพเจ้ายังเป็นเด็กอยู่ ยังไม่รู้จักสุขทุกข์สิ่งใด ท่านเงียมยี่เป็นผู้ใหญ่มีทั้งทรัพย์และยศศักดิ์ ข้าพเจ้าเป็นคนจนอนาถาไม่สมควรกัน เถ้าแก่จึงว่า

"....ตัวท่านเมื่อเวลามีทุกข์ ไปหาเงียมยี่ก็ให้ท่านพึ่ง ถ้าท่านได้เขาไว้เป็นบุตรเขยก็ดีจะได้พึ่งกันต่อไป ทุกวันนี้เงียมซงผู้นายเงียมยี่เป็นข้าหลวงเดิม พระเจ้าแผ่นดินโปรดปรานรักใคร่เงียมซงเป็นอันมาก เงียมยี่เล่าเป็นคนใช้สนิทของเงียมซง การสิ่งใดในบ้านเงียมซงก็สุดแล้วแต่ เงียมยี่ หากไปเมื่อหน้าโดยจะมีธุระถ้อยความสิ่งใดเกิดขึ้นก็ช่วยได้ ข้าพเจ้าเห็นดีแล้วจึงมาขอ....."

เตียเหลาหยีก็ว่าบุตรข้าพเจ้ายังไม่สมควร ข้าพเจ้าเป็นหนี้เงียมยี่อยู่สิบตำลึง เมื่อท่านจะเอาเงินของท่านเมื่อใด ก็ต้องหาให้ท่านเมื่อนั้น เถ้าแก่เห็นว่าไม่สำเร็จแน่แล้วจึงว่า ท่านเป็นหนี้เงียมยี่ห้าสิบตำลึงมิใช่หรือ แล้วก็ลากลับไป

เตียเหลาหยีได้ยินว่าตนเป็นหนี้เงียมยี่ถึงห้าสิบตำลึง ก็สงสัยแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ด้วยเหตุใด จึงได้แต่นิ่งรอฟังความอยู่.

##########



Create Date : 07 กันยายน 2551
Last Update : 7 กันยายน 2551 8:06:58 น. 2 comments
Counter : 406 Pageviews.

 
สวัสดีขอรับ
เข้ามาอ่าน
แล้วสงสัย
ว่า เจียวต้าย แปลว่าอะไร
เอ่อ..ไม่ได้เกี่ี๋ยวกับเนื้อเรื่องเลย


โดย: HastaLaVista วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:9:12:06 น.  

 
ลองเข้าไปในกลุ่ม หน้าบ้านชานเรือนซีครับ
มีเรื่องที่มาของชื่อเจียวต้ายด้วยครับ


โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:7:57:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.