Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ ๒๑ คนซื่อต้องเสี่ยงภัย

ยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๒๑ คนซื่อต้องเสี่ยงภัย

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ ไฮ้สุย ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ เต้งซินอ๋อง นางเตียฮองเฮา และ จูเอี๋ยวไทจือ แล้ว ก็เชิญ โอเจงติด ตุลาการที่ร่วมชำระความมาซักถาม โอเจงติดก็เล่าความจริงให้ฟังว่า เต้งซินอ๋องที่จะเป็นขบถนั้นความไม่จริง เดิมเหตุเกิดขึ้นด้วยเรื่องสวาท โดย เงียมซือพวน ได้หลอกให้เด็กหนุ่มคนสนิทของเต้งซินอ๋องมาที่สวนดอกไม้ แล้วเงียมซือพวนก็ทำการมิดี เมื่อเด็กไปฟ้องเต้งซินอ๋องก็โกรธ ยกพวกทหารที่มีฝีมือไปบ้านเงียมซือพวน ทุบตีคนในบ้านและทำลายสิ่งของ เงียมซง ก็แกล้งกราบทูลว่าเต้งซินอ๋องเป็นขบถ จะทำร้ายเงียมซือพวนและ เงียมซง และจะเลยเอาสมบัติ ที่จริงเป็นเหตุเกิดเพราะเงียมซือพวนก่อขึ้น

ไฮ้สุยจึงว่า

“……..เจ้าองค์นี้ประพฤติการไม่ดี ความนิดหนึ่งเท่านี้ไม่ควรจะทำวุ่นวายในบ้านเขา เหมือนดังดูถูกเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าคิดว่าจะทิ้งไว้ในคุกให้เข็ดหลาบ แต่จนใจกีดด้วยองค์ อื่น ๆ รู้ความเรื่องนี้แล้วจะพากันน้อยใจว่า พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ ปรับโทษเต้งซินอ๋องเกินไป การที่ว่าเต้งซินอ๋องเป็นขบถนั้นชำระก็ยังไม่จริง พวกอ๋องทั้งหลายที่ออกไปเป็นใหญ่ในหัวเมือง จะสำคัญว่าพวกขุนนางในเมืองหลวง เป็นใจด้วยเงียมซงเสียทั้งสิ้นแม้นอ๋องทั้งหลายพร้อมใจกันโกรธ บ้านเมืองก็จะไม่เป็นสุข……….”

แล้ววันรุ่งขึ้นไฮ้สุยก็ทำเรื่องราวกราบทูล ขออภัยโทษให้แก่เต้งซินอ๋อง ด้วยเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่เคยมีความสุขมาต้องทรมานอยู่ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแล้วก็เสด็จขึ้น แต่มีรับสั่งให้เงียมซงเข้าไปเฝ้าข้างใน พระราชทานเรื่องราวที่ไฮ้สุยถวาย ให้เงียมซงดู เงียมซงเกรงว่าจะเข้าตัว จึงว่าถ้าไฮ้สุยเห็นว่าเต้งซินอ๋องสุจริต จะรับประกันให้พอวางพระทัยในเรื่องขบถได้ ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นชอบ รับสั่งให้ไฮ้สุยมาเฝ้าแล้วตรัสถามว่า เต้งซินอ๋องนั้นคบคนมีฝีมือไว้มาก เราไม่สู้จะวางใจเกลือกจะเป็นขบถ แต่ตัวท่านเห็นว่าไม่เป็นขบถแน่แล้ว จะรับประกันได้หรือ

ไฮ้สุยจึงทำหนังสือประกันตัวเต้งซินอ๋องไว้ว่า

“……..แม้นไปวันหน้าเต้งซินอ๋องเป็นขบถขึ้น ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานอาญาเสมอเต้งซินอ่อง แม้นมีตัวโจทก์เข้ามาว่ากล่าวเต้งซินอ๋องเป็นขบถ ข้าพเจ้าจะส่งตัวเต้งซินอ๋องไปให้ตุลาการชำระ เมื่อเท็จจริงประการใดสุดแล้วแต่ตุลาการ ซึ่งข้าพเจ้ามาถวายเรื่องราวและรับประกันทั้งนี้ ใช่ว่าจะเห็นแก่สินบนเงินทอง หรือใช้แรงแทนคุณเต้งซินอ๋องหามิได้ ด้วยเห็นแก่การแผ่นดิน………”

ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้ถอดเต้งซินอ๋องออกจากคุกเข้ามาเฝ้า และรับสั่งว่าตัวท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ประพฤติการไม่ชอบ ทำให้คนทั้งปวงเขาติเตียนได้ ถ้าไฮ้สุยไม่รับประกันเราก็ไม่ไว้ใจ เต้งซินอ๋องได้ฟังก็คิดว่าฮ่องเต้ทรงทราบ เรื่องที่ตนเล่นสวาทกับบ่าวหนุ่ม ๆ ก็มีความละอายเป็นอันมาก

เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว วันรุ่งขึ้นก็จัดของกำนัลมาหาไฮ้สุย แล้วพูดว่าท่านมีคุณต่อข้าพเจ้ามาก ไม่มีอะไรมา ได้แต่ทองร้อยตำลึง เงินพันตำลึง แพรต่วนร้อยม้วน มาสนองคุณท่าน ไฮ้สุยก็บอกว่า

“………ซึ่งข้าพเจ้าทำเรื่องราวถวาย และรับประกันท่านให้ออกจากโทษทั้งนี้ ใช่จะเห็นแก่ประโยชน์เงินทองสิ่งใดหามิได้ ข้าพเจ้าเห็นแก่การแผ่นดินอย่างเดียว เงินทองของท่านที่เอามานั้น ท่านจงเอาไว้ใช้สอยเถิด ซึ่งข้าพเจ้าพูดนี้ท่านไม่เข้าใจ ก็จะสำคัญว่าของที่เอามาให้ไม่สมที่รับประกันจึงมิได้เอา ไม่อย่างนั้นดอก ข้าพเจ้าจะพูดให้เห็น……….”

แล้วก็ชี้แจงต่อไปว่า

“………ตัวท่านก็เป็นใหญ่กว่าอ๋องทั้งหลาย จะประพฤติการสิ่งใดต้องตรึกตรองคิดถึงพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศานุวงศ์ อย่าได้มัวเมาลุ่มหลงไปด้วยการเล่นสนุกนัก จะพาให้เสียชื่อเสียง ถ้าประพฤติผิดอย่างธรรมเนียมแล้ว ก็เป็นที่คนทั้งปวงติเตียนหมิ่นประมาทได้ การสิ่งไรถือผิดและชอบ ชั่วและดี แม้นประพฤติแล้ว ที่จะปิดบังไว้มิให้ผู้ใดรู้นั้น อย่าพึงสงสัย คงจะมีคนรู้มิน้อยก็มาก………”

เต้งซินอ๋องได้ฟังก็เข้าใจชัด ว่าไฮ้สุยรู้เรื่องการเล่นสวาทของตนเป็นอย่างดี ก็มีความอายเป็นอันมาก จึงว่าการทั้งนี้ผิดจากท่านแล้ว ตัวข้าพเจ้าก็ไม่มีกำหนดว่าจะพ้นโทษเมื่อไร ไฮ้สุยก็ว่าจะพูดทำไมไม่ต้องการ เหมือนเรื่องนางเตียฮองเฮากับไทจือ แม้นท่านไม่มัวเมาด้วยการเล่น เอาใจใส่ในราชการอยู่แล้ว ถึงคนจะหาความผิดใส่ฮองเฮาและไทจือก็ไม่กล้าทำ ด้วยท่านเป็นเจ้าผู้ใหญ่กีดขวางอยู่

เต้งซินอ๋องก็รับสารภาพว่า

“………ตัวข้าพเจ้านี้ ถึงเป็นผู้ใหญ่ก็จริง แต่เปรียบเหมือนหุ่น ภายนอกมีเครื่องหุ่นอยู่ก็งดงาม ภายในมีแต่โครงเปล่า…………”

ไฮ้สุยได้ฟังก็หัวเราะ และมิได้ถือสาหาความต่อไป ตั้งแต่นั้นมาเต้งซินอ๋องก็เลิกการเล่นสนุกทั้งหลายเสีย

เมื่อเสร็จเรื่องเต้งซินอ๋องแล้ว ไฮ้สุยก็ทำเรื่องราวถวายกราบทูลขึ้นฉบับหนึ่ง มีความว่า ด้วยฮ่องเต้ทรงพระเมตตาโปรดให้ตนเป็นแม่ทัพ ออกไปปราบพวกฮวนเมืองเกาจือก๊ก สำเร็จการศึกแล้ว กลับมาก็ได้ทราบว่าตันชุนซ่อนอาวุธไว้ในมือเสื้อ จะทำร้ายฮ่องเต้ ครั้นจับตัวตันชุนได้ ร้องให้นางเตียฮองเฮากับไทจือช่วย ฮ่องเต้รับสั่งให้ตุลาการชำระตันชุน ซึ่งให้การซัดทอดถึงฮองเฮากับไทจือ ตุลาการได้ผูกเฆี่ยนตี ผู้ร้ายก็ให้การยืนคำอยู่ จึงเอาตัวไปขังคุกไว้ จะชำระต่อไปให้ได้ความจริงโดยแท้ ตันชุนก็ตายเสียแล้ว และไฮ้สุยก็ย้ำว่า

“………ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูที่ความ ผู้ร้ายนั้นมีพิรุธอยู่สามข้อ ข้อหนึ่งยังไม่ทันชำระ ก็ร้องให้นางเตียฮองเฮากับไทจือช่วย ครั้นเอาตัวผู้ร้ายไปชำระซักถาม ก็ซัดว่านางเตีย ฮองเฮากับไทจือใช้มา ชำระจนถึงผูกตันชุนก็ให้การยืนคำอยู่ มีคำนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า…… ธรรมดาคนซึ่งเป็นผู้ร้ายนั้น ย่อมซัดทอดถึงแต่คนที่เกลียดชัง คนซึ่งเป็นที่นับถือรักใคร่ เป็นมิตรของตัวมิได้ซัดถึง ข้าพเจ้าเห็นว่าตันชุนผู้ร้ายซึ่งจับได้นี้ ย่อมจะนับถือรักใคร่ผู้ที่ใช้มามากกว่าชีวิตของตัว จึงได้รับอาสาทำการใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งจะซัดเอาผู้ใช้ง่าย ๆ นั้นข้าพเจ้าไม่เห็นสม ข้อนี้มีพิรุธเป็นที่สงสัย ข้อหนึ่งรูปพรรณตันชุนก็มั่นคงแข็งแรง ถูกเฆี่ยนแต่เพียงสี่สิบทีเท่านั้น ให้เฆี่ยนถูกที่สำคัญเมื่อไร ไม่เจ็บปวดถึงสาหัสก็ตายไป ดังนี้เป็นที่สงสัยนัก ข้อหนึ่งข้าพเจ้าเห็นว่า คงมีคนคิดใช้อุบายให้ตันชุนแกล้งมาทำร้ายแก่พระองค์ แล้วซักซ้อมตันชุนผู้ร้ายให้ซัดทอดถึงนางเตียฮองเฮากับไทจือเป็นมั่นคง ดังนี้ก็เป็นที่สงสัย…..”

ไฮ้สุยยืนยันว่าความเรื่องนี้ ต้องมีตุลาการใหม่ชำระ ซักฟอกให้ขาวโดยยุติธรรม นางเตียฮองเฮากับไทจือจึงจะหายความมัวหมอง ถึงแม้ฮ่องเต้จะทรงพระเมตตาไม่ทำโทษแก่ฮองเฮาและไทจือ แต่มลทินก็ยังติดอยู่ ไปเบื้องหน้าถ้าไทจือได้ราชสมบัติ คำที่ตันชุนให้การไว้ ก็มีปรากฎอยู่ พระนามของไทจือก็มัวหมองอยู่ชั่วฟ้าและดิน ด้วยไทจือนี้เจ้าและขุนนางนับถือว่าตั้งอยู่ในยุติธรรม ธรรมดาว่าพระเจ้าแผ่นดิน ฮองเฮา และไทจือนี้ มีวาสนาบารมีมาก เปรียบเหมือนน้ำในมหาสมุทร คำตันชุนซึ่งซัดทอดนั้น เปรียบเหมือนของที่มีกลิ่นเหม็น จะมาลบกลบน้ำในพระมหาสมุทรนั้นไม่ได้ แล้วลงท้ายว่า

“…….พระองค์ก็เป็นกษัตริย์อันประเสริฐ พระเกียรติยศปรากฎไปในนานาประเทศ ถ้ามีพระราชบุตรเช่นตันชุนให้การแล้ว พระเกียรติยศก็เสื่อมไป ขอพระองค์จงทรงพระดำริให้มาก……..”

เมื่อฮ่องเต้ได้รับมาทอดพระเนตรสิ้นข้อความแล้ว ก็เสด็จเข้าข้างใน โดยไม่มีผู้ใดทราบความ ทั้งเงียมซงและขุนนางที่เฝ้าอยู่ ต่างก็สงสัยกันไปต่าง ๆ นา ๆ

ต่อมาเมื่อเงียมซงเข้าไปเฝ้าข้างใน เพื่อเล่นหมากรุกกับฮ่องเต้ ในขณะนั้นกำลังทอดพระเนตรเรื่องราวที่ไฮ้สุยถวายอยู่ ฮ่องเต้จึงส่งเรื่องนั้นให้เงียมซงดู และตรัสว่าไฮ้สุยจะพูดจาว่ากล่าวสิ่งไรเห็นเป็นความจริง ควรจะเชื่อฟังได้ทุกอย่าง เมื่อชำระตันชุนถ้าไฮ้สุยอยู่ ไม่ได้ไปราชการทัพแล้ว คงจะได้ความจริง

เงียมซงก็กราบทูลว่าไฮ้สุยเป็นคนเจ้าสติปัญญา หาแต่ความชอบ เลือกเอาที่ดี มากล่าว ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าท่านเป็นผู้ใหญ่พูดอะไรอย่างนั้นไม่ถูก ไฮ้สุยเขาว่ากล่าวนี้ใช่แกล้งว่าตามใจชอบเมื่อไร ว่าไปตามการ ใช่ว่าความไม่มี ไฮ้สุยตกแต่งขึ้น จะได้ว่าเป็นคนคิดหาความ

เงียมซงก็ไม่สบายใจ เมื่อถวายบังคมลากลับมาบ้านแล้ว ก็ให้คนไปเชิญ เตีย จีเป๊ก เตียบุนหอ และ เตียกือเจี้ย มาที่บ้านและเล่าเรื่องที่ได้ไปเฝ้าฮ่องเต้ และความที่ตรัสนั้นทุกประการ ทั้งสามนายก็ตกตลึงแลดูตากันอยู่ เตียจีเป๊กก็ว่าจะวิตกทุกข์ร้อนไปทำไม ตันชุนตายเสียแล้วจะเอาใครมาชำระ เตียบุนหอว่าอย่าประมาท เนื้อความข้อหนึ่งที่ตันชุนร้องขึ้นนั้น ไม่เป็น ไรเหมือนนกจับไม่มีรอย แต่ข้อสองที่ตันชุนตายในคุกนั้นสำคัญนัก เขาสืบเอาตัวคนที่ไปมาหาสู่ ถ้าได้ตัวพวกเราก็จะพากันผิด

เตียกือเจี้ยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจหน้าซีดสลดเหงื่อไหลอาบเสื้อ ด้วยตัวเป็นต้นเหตุให้ตันชุนตาย เงียมซงต้องปลอบว่าด้วยอยู่ในระหว่างชำระ ถึงพวกเราจะไปหาตันชุน ก็หวังจะ พูดจาปลอบโยนตันชุน ให้ได้ความจริง เตียกือเจี้ยจึงค่อยคลายใจ แต่เตียบุนหอก็ว่าความเรื่องนี้ ถ้าชำระกันขึ้นใหม่แล้ว ก็คงจะไม่พ้นปัญญาไฮ้สุย ถ้าจะให้ดีแล้วต้องคิดอ่านหาช่องทางกำจัด ไฮ้สุย เสีย เงียมซงก็ว่าในขณะนี้เราจะคิดกำจัดไฮ้สุยนั้นยังไม่ได้ คิดแต่ให้ไฮ้สุยห่างไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยต่อสติปัญญา หาอุบายกำจัดภายหลัง ทั้งหมดก็เห็นชอบด้วย จึงแยกย้ายกันกลับไปบ้าน

ต่อมาอีกไม่ช้า ก็มีทูตจากเมืองประเทศราช นำเครื่องบรรณาการเข้ามาถวายฮ่องเต้ ตามกำหนด ยังขาดแต่เมืองอันน่ำก๊ก เมื่อเงียมซงเข้าเฝ้าพระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ ก็กราบทูลว่าเมืองอันน่ำก๊กขาดส่งเครื่องบรรณการมาสามปีแล้ว ทีจะคิดขบถ แม้นละไว้คงจะมีใจกำเริบขึ้น จะยกกองทัพมากระทำย่ำยี ในพระราชอาณาเขต ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าถ้าเมืองอันน่ำก๊กเป็นขบถ หัวเมืองซึ่งใกล้เคียงกับเขตแดนเมืองอันน่ำก๊ก คงมีหนังสือบอกเข้ามา

เงียมซงก็ว่าซึ่งจะคอยให้ทัพเมืองอันน่ำก๊กยกมาก่อน ก็จะเป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เมืองประเทศราชอื่น ๆ จะหมิ่นประมาทได้ ควรจัดขุนนางเป็นข้าหลวงไปเตือนก้องเสียก่อน ถ้าแม้นขัดขวางประการใด จึงให้ขุนนางที่เป็นข้าหลวง ออกไปคิดอ่านกับหัวเมืองน้อยใหญ่ ยกไปตีปราบปรามเสีย อย่าให้กำเริบขึ้นได้ จึงจะเป็นที่เกรงขามแก่เมืองประเทศราชทั้งปวง

ฮ่องเต้ตรัสถามว่าจะให้ผู้ใดออกไปดี เงียมซงได้ทีก็กราบทูลว่า ไม่เห็นผู้ใดที่จะประกอบด้วยสติปัญญา ใจซื่อสัตย์มั่นคงเหมือนไฮ้สุย แต่เมืองเกาจือก๊กเข้มแข็งยิ่งกว่านี้ ไฮ้สุยยังปราบได้ อนึ่งไฮ้สุยก็เป็นชาวไฮ้หนำใกล้กับเมืองอันน่ำก๊ก ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็เห็นชอบด้วย

เมื่อถึงเวลาเสด็จออกว่าราชการ ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้ไฮ้สุยเข้าเฝ้า แล้วตรัสว่าเมืองอันน่ำก๊กขาดก้องมาสามปีเข้านี่แล้ว ถ้านิ่งละเลยไว้ก็จะกำเริบ ไม่เห็นผู้ใดที่จะไว้วางใจ เห็นแต่ท่านผู้เดียว จะให้ออกไปเตือนก้อง อย่าให้เสียราชการได้ แม้นเจ้าเมืองอันน่ำก๊กจะดื้อดึงประการใด จงเกณฑ์ทหารตามหัวเมืองน้อยใหญ่ ไปปราบเสียให้ราบคาบ อย่าให้มากระทำย่ำยีเขตแดนของเราได้เป็นอันขาด

ไฮ้สุยก็กราบทูลว่าพระองค์ประสงค์จะใช้แล้ว ก็จะสนองพระเดชพระคุณไปตามกำลัง กว่าจะหาชีวิตไม่ ฮ่องเต้ก็พระราชทานหนังสือรับสั่ง และเครื่องยศให้แก่ไฮ้สุย มีอำนาจสั่งการแก่หัวเมืองทั้งหลายได้โดยเด็ดขาด

ไฮ้สุยก็ถวายบังคมลากลับมาบ้าน จัดอาหารและเงินเล็กน้อย กับคนใช้สี่คนและ ไฮ้หยง ให้ ไฮ้อัน อยู่เฝ้าบ้าน ด้วยคิดว่าถ้าไปถึงหัวเมืองขึ้น จึงจะเกณฑ์เอาไพร่พลทหารไปเมืองอันน่ำก๊ก ให้สมควรกับเกียรติยศ ที่เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ออกไปจากเมืองหลวง

ฝ่ายเงียมซงและพรรคพวก ครั้นรู้ว่าไฮ้สุยออกจากเมืองหลวงไปแล้วก็ดีใจ จึงปรึกษากันว่า ไฮ้สุยไปครั้งนี้ มีบ่าวตามไปสี่ห้าคนเท่านั้น ถ้าเราจะแต่งคนตามไปฆ่าเสียที่กลางทาง อย่าให้ทันถึงหัวเมือง การก็จะสำเร็จโดยง่าย ด้วยหนทางที่ไฮ้สุยจะไปนั้น กว่าจะถึงก็ไกลมาก

ความคิดของกังฉินพวกนี้ จะเป็นผลสำเร็จหรือไม่ ก็จะต้องคอยติดตามต่อไป.

##########



Create Date : 09 ตุลาคม 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 4:51:35 น. 0 comments
Counter : 443 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.