มธุรดา yuri บทที่ ๓
บทที่ ๓ บ้านนี้ดูแปลกประหลาดพิกล พัณณินบอกกับรัญชน์หลังจากที่เธอวิ่งเข้ามาเกาะแขนของเพื่อนไม่ยอมปล่อย งี้แหละ บ้านที่ไม่มีคนอยู่ มันดูน่ากลัวถูกปล่อยรกร้างมาตั้งนาน แถมยังมีต้นไม้ใหญ่ๆ อยู่รอบๆ บ้านความน่ากลัวเลยยิ่งมากขึ้น รัญชน์พยายามใช่เหตุผลประกอบเพื่อปลอบใจตัวเองไปด้วย ใช่ว่าเธอจะไม่กลัว เธอกลัวเหมือนกัน ยิ่งบ้านหลังนี้สร้างมานานร่วมๆร้อยปี แค่ประวัติความเป็นมาก็ทำให้ขนลุกขนพอง นั่นสิ ฉันว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ได้ข่าวว่า เมื่อก่อนเคยเป็นโกดังเก็บไม้ของปางไม้เชียวนะแก โกดังเหรอ อือ...โกดังเก็บไม้สักที่ล่องมาตามแม่น้ำเป็นของใครน้า นึกก่อน พัณณินทำท่าคิดอยู่สักพัก อ๋อ...แม่เลี้ยงวรัญชลี เจ้าของปางไม้ที่โด่งดังเมื่อสมัยเจ็ดสิบกว่าปีก่อนโน้น ว่าไปแม่เลี้ยงคนนี้ก็มีข่าวเยอะนะ แกไปรู้จักเขาได้ไง กลับชาติมาเกิดรึ ไอ้บ้า ฉันเคยทำบ้านไม้หลังหนึ่ง ฉันซื้อไม้จากบริษัทของแม่เลี้ยงไงแกจำไม่ได้รึ พัณณินพยายามเท้าความถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน เธอต้องหาไม้สักเพื่อเอามาซ่อมบ้านไม้หลังโตของผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เธอได้ไม้สักทองชั้นดีจากบริษัทวรัญชลีปางไม้ที่ยังพอมีเก็บเอาไว้แต่ราคาของไม้สักแต่ละท่อนสูงลิบลิ่วจนคนอย่างเธอไม่สามารถที่จะซื้อหาเอามาทำบ้านได้ นอกจากลูกค้าจะสั่งเท่านั้น จำได้แล้ว บ้านไม้ทรงขนมปังขิงอะไรของแกนั่นใช่ไหม ใช่หลังนั้นแหละ อยู่ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่แกเคยไปนี่นา ใช่ปะ เคย บ้านของคุณนาลันทา ฉันจำได้แม่น ชื่อเธอแปลกหูแล้วไงต่อ ไม่แล้วไง ฉันรู้มาแค่ แม่เลี้ยงเคยเป็นคนของเวียงโมระย้ายมาอยู่เมืองไทยก่อนการกบฏ ไม่ได้กลับไปโมระอีกเลย บ้านหลังนี้คงสร้างราวๆ นั้น เกือบร้อยปี ยังแข็งแรงขนาดนี้แสดงว่าช่างที่มาสร้างเอาไว้คงเก่งมาก รัญชน์มองไปรอบๆห้องที่เธอยืนอยู่ รู้สึกทึ่งกับฝีมือช่างไม้ในสมัยนั้นเป็นอย่างมากงานออกมาอย่างแนบเนียนแม้เวลาจะผ่านเลยมานานความสวยยังคงเดิมไม่เปลี่ยนไป นั่นสิ ว้าย... อยู่ๆพัณณินร้องขึ้นมาทำเอารัญชน์ที่กำลังเดินถ่ายรูปเก็บรายละเอียดของห้องแต่ละห้องต้องตกใจตาม ไอ้บ้า ร้องมาได้ ตกใจหมด รัญชน์กระโดดตัวลอยเข้าไปกอดพัณณินเอาไว้แน่น เธอแทบจะทิ้งกล้องถ่ายรูปในมือหล่นพื้นโชคดีที่เธอเอาสายกล้องคล้องติดมือเอาไว้ไม่อย่างนั้นคงได้เสียเงินซื้อกล้องตัวใหม่โดยไม่จำเป็น แกๆ รูปๆพัณณินพูดออกมาเพียงไม่กี่คำ เธอชี้ไปยังรูปแขวนผนัง รัญชน์มองตามนิ้วของเพื่อน เห็นภาพๆ หนึ่ง เป็นภาพเก่าๆที่เจ้าของบ้านคงตั้งใจแขวนเอาไว้ให้ดูเด่นเป็นสง่า น่าแปลก เธอเข้ามาในห้องนี้ครั้งแรกทำไมไม่เห็นหรือเป็นเพราะตู้ไม้สักขนาดใหญ่ ดึงดูดสายตาของเธอแทนภาพๆ นั้นก็เป็นได้ น่ากลัว มีพวงมาลัยแขวนเอาไว้ด้วย รัญชน์มองดูรายละเอียดในภาพนั้น พบว่าคงเป็นภาพเก่าสีไม่ใช่แค่เพียงซีด หากแต่ยังแตกลายเป็นสีน้ำตาลเก่าๆ เหมือนๆ กับภาพโบราณทั่วๆไป แต่ความใหญ่ของภาพนั้นทำให้รัญชน์ต้องจ้องมองมันไม่วางตา ในภาพนั้นมีรูปของผู้ชายคนหนึ่ง นุ่งโสร่ง โพกศีรษะเหมือนๆกับชาวพม่า แต่ไม่น่าจะใช่ รูปแบบการโพกผ้าที่ศีรษะนั้นไม่ได้ทิ้งปลายเหมือนกับที่เคยเห็นรูปภาพเก่าของชาวพม่าหากแต่มันถูกจับเก็บปลายไปจนหมด เหมือนๆ พวกเจ้านายฝ่ายเหนือรัญชน์บอกอย่างนั้น ไม่มั๊ง พวกนั้นไม่นุ่งโสร่ง นั่นดิ อาจเป็นรูปเจ้าของบ้านก็ได้ หรือไม่ก็เดาว่าเป็นชาวโมระคนใดคนหนึ่งที่เจ้าของบ้านเคารพบูชารัญชน์รีบสรุป หากมัวโอ้เอ้อยู่ที่ภาพๆ นี้ เธอ คงไม่ได้ทำงาน แกจะไปไหน พัณณินเอ่ยถามเมื่อเห็นรัญชน์ทำท่าจะเดินจากไป ไปทำงานต่อสิ ขืนยืนอยู่ตรงนี้ถึงมืดค่ำมีหวังไม่ฉันก็แกหัวโกร๋นแน่ ว่าจบรัญชน์รีบยกกล้องของเธอถ่ายรูปที่เธอต้องการ โดยไม่หันไปสนใจพัณณินอีกเลย มธุรดากลับมาถึงโรงแรมในช่วงดึก หลังจากที่ต้องออกไปทำตามหน้าที่ของเธอ วันนี้ร้านเพชรของเวียงโมระเปิดตัวที่ห้างหรูใจกลางเมือง เพชรจากเวียงโมระเป็นที่ต้องการของผู้สะสม ด้วยความแวววาวยิ่งกว่าเพชรที่ขุดได้จากที่อื่นทำให้ราคาของเพชรจากเวียงโมระสูงลิบลิ่ว หลังจากที่เจ้าพ่อของเธอขึ้นปกครองเวียงโมระ ท่านได้ทำให้เวียงโมระมีชื่อเสียงในทุกด้านแต่เป็นการทำแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่หักโหมและไม่ทำให้ประชาชนของเวียงโมระต้องเปลี่ยนพฤติกรรม รายได้หลักของโมระมาจากเหมืองเพชร ป่าไม้และของป่า ด้วยความที่ประชาชนเวียงโมระมีไม่มากนักจึงทำให้การแจกจ่ายสวัสดิการทางสังคมให้กับประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึง แม้เวียงโมระจะเป็นประเทศในหุบเขา แต่มีสาธารณูปโภคทุกอย่างพร้อมโรงพยาบาล หมอ โรงไฟฟ้าพลังลม พลังน้ำ ถนนหนทางที่ไปถึงทุกหมู่บ้านเครือข่ายการสื่อสาร และอื่นๆ โมระเป็นประเทศปิด จึงทำให้การติดต่อค้าขายกับนานาประเทศมีน้อยส่วนใหญ่เวียงโมระจะเป็นฝ่ายเสนอขายสินค้ามากกว่าการซื้อเข้าประเทศทำให้ดุลการค้าของเวียงโมระไม่เคยเสียเปรียบประเทศใด เธอเคยถามท่านพ่อของเธอ ว่าเหตุใดจึงไม่เปิดประเทศทำไมต้องจำกัดคนที่จะเข้ามาลงทุน หรือท่องเที่ยวในประเทศของเธอ เธอคิดว่าการที่มีเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาในประเทศจะทำให้โมระมีเงินสกุลอื่นมาช่วยหนุนเงินทุนสำรองของประเทศให้มั่นคงมากขึ้น คำตอบที่ได้มาทำให้ตัวเธอรู้สึกอึง หญิงเคยลงทุนทำการค้าไหมลูก เคยเจ้าค่ะ หญิงต้องการอะไรจากการทำการค้าบ้าง กำไรสิเจ้าคะ หญิงคิดว่า ถ้าเราให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในบ้านเมืองเรามากๆเขาจะได้กำไรจากการลงทุนนั้นหรือเปล่าคะ ได้สิคะท่านพ่อ แล้วถ้าเขาได้กำไร เขาจะเอาเงินกำไรไปทำอะไร เอาเก็บสิเจ้าคะ หรือไม่ก็เอามาลงทุนเพิ่ม แล้วถ้าเขาได้กำไรจากกำไรที่เขาลงทุนเพิ่มนั้นอีกเขาจะเอาไปทำอะไร คงส่งกลับประเทศ นั่นสิคะ ถ้าเขาได้กำไรและกำไรนั้นถูกส่งกลับประเทศเขาจนหมด โมระจะได้อะไรจากการลงทุนเหล่านั้นคะหญิง เธอจำได้ว่าเธอไม่มีคำตอบให้กับเจ้าพ่อนั่นทำให้เธอกลับไปคิดทบทวนถึงโครงการที่เธออยากจะให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในโมระดูเหมือนว่า ท่านพ่อจะพอใจกับการบริหารประเทศแบบดั้งเดิมที่โมระเคยทำมาร่วมพันปี โมระไม่มีกองกำลังทหารที่ทันสมัย ทหารของโมระมีจำนวนไม่มากนั่นก็อีกประเด็นหนึ่งที่เธอเคยถามเจ้าพ่อ ทำไมเราไม่สร้างกองกำลังให้แข็งแกร่งกว่านี้ล่ะคะท่านพ่อ เรามีทหารพอเพียงกับการป้องกันประเทศ มีมากไม่เป็นผลดีกับเรา ทำไมถึงไม่ดีล่ะเจ้าคะในเมื่อประเทศข้างเคียงมีด้วยกันทั้งนั้น โมระไม่เคยคิดจะรุกรานใคร เราอยู่อย่างสงบสันติมานานถ้าวันใด วันหนึ่ง เราสร้างกองกำลังที่มีศักยภาพอย่างที่ลูกว่ามาประเทศเพื่อนบ้านต้องหวาดระแวงเรา เรานั่นแหละจะลำบากอีกอย่างพ่อไม่ชอบการรบราฆ่าฟันกัน ถ้าประเทศมหาอำนาจต้องการที่จะฮุบประเทศเราแต่เราไม่มีกองกำลังอะไรจะป้องกันประเทศเจ้าพ่อไม่คิดบ้างหรือเจ้าคะว่าเราคงสิ้นประเทศ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ชาวโมระทุกคนจะเป็นทหารหากใครอยากครอบครองประเทศที่ไม่มีประชาชนหลงเหลืออยู่ในประเทศเลยสักคน ให้เขา เอาไปถ้าวันนั้นมีจริง พ่อนี่แหละจะเป็นคนแรกที่สละชีพเพื่อประเทศของเรา คำตอบของเจ้าพ่อทำให้มธุรดาต้องคิดหนักดูเหมือนว่าความคิดระหว่างเธอกับเจ้าพ่อมีบางอย่างที่ยังไม่ตรงกัน เธอเติบโตมาจากต่างแดน ถูกส่งให้ไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กความรู้สึกนึกคิดจึงต่างไปจากเจ้าพ่อของเธอ แต่เมื่อเจ้าพ่อยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอจึงต้องทำตาม ประชาชนชาวโมระไม่เคยลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการปกครองของเจ้าหลวงหนำซ้ำยังเคารพและยำเกรงเจ้าหลวงยิ่งกว่าสิ่งใด จะมีแต่เวียงฟ้าเท่านั้นถ้าเวียงฟ้ามีประกาศิตอะไรลงมา ถึงเป็นเจ้าหลวงก็ต้องทำตาม ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยพบกับองค์เทพีของเวียงฟ้ามาก่อน จะว่าไปเธอไม่เคยพบคนของเวียงฟ้าเลยด้วยซ้ำเธอจึงไม่ค่อยรู้สึกเคารพเวียงฟ้าเหมือนประชาชนชาวโมระทั่วไป แต่เมื่อสองปีก่อนเธอกลับมาโมระเป็นการกลับมาหลังจากที่จากประเทศบ้านเกิดไปหลายปี คนของโมระมาต้อนรับเธอ องค์เทพีเสด็จมารับด้วยองค์เองเธอรู้สึกถูกชะตากับองค์เทพีเวียงฟ้าองค์นี้มาก แต่ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันองค์เทพียกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอลงสามครั้ง จากนั้นจึงหลบให้ผู้มาต้อนรับคนอื่นๆเข้ามาหาเธอ หลังจากนั้น เธอได้มีโอกาสขึ้นเวียงฟ้าพร้อมๆ กับเจ้าพ่อเพื่อขึ้นไปทำบุญประจำปีให้กับพระศพของเจ้าหลวงองค์ก่อนๆ บนเวียงฟ้าผู้คนบางตา อากาศค่อนข้างเย็นเธอรู้สึกชอบสภาพแวดล้อมที่เธอได้เห็น วิหารใหญ่ของเวียงฟ้า ที่เธอเข้าไปนั้นทำให้เธอแทบลืมหายใจ พิธีกรรมต่างๆ ที่เธออยู่ร่วมดูขลังจนขนลุกองค์เทพีพาเธอและเจ้าพ่อเข้าไปยังสุสานของเจ้าหลวงโมระในที่แห่งนั้นดูสงบไม่น่ากลัวอย่างที่เธอคิดไว้แต่แรก แต่...เธอไม่เห็นพระศพของเจ้านางหลวงเมจกาในสุสานแห่งนั้น เธอให้เหตุผลกับตัวเองว่า เจ้านางหลวงเมจกาเป็นหญิงจึงไม่ได้บรรจุพระศพเอาไว้ ณ ที่นั้นและจนบัดนี้เธอยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเองในเรื่องนี้ องค์เทพีขอพบเธอเป็นการส่วนตัว ในวิหารยุรา ส่วนเจ้าพ่อของเธอทำ สมาธิอยู่ในสุสานราวกับว่ากำลังจะทำการสื่อสารกับเจ้าหลวงองค์ก่อนที่อยู่ในสุสานแห่งนั้น องค์เทพีนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง มีเธอนั่งอยู่ตรงกันข้ามการสนทนาจึงเริ่มขึ้น เราไม่ได้พบกันนานเลยนะมธุรดา เราเคยพบกันด้วยหรือเจ้าคะท่าน เราเคยพบกันตอนที่เจ้าเกิด เจ้าค่ะ ท่านแม่เจ้าสบายดีไหม สบายดีเจ้าค่ะ เรากับท่านแม่ของเจ้าเคยเป็นเพื่อนกัน เจ้าค่ะ ท่านแม่เคยเล่าให้ฟังเช่นนั้น เรายินดีที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง เจ้าค่ะ เจ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเวียงฟ้าบ้างหรือไม่ อยากทราบเท่าที่ท่านจะเล่าเจ้าคะ มธุรดาเกร็งไปหมด เธอไม่เคยรู้สึกยำเกรงใครเท่าองค์เทพีองค์นี้มาก่อน เวียงฟ้าเป็นแบบที่เจ้าเห็น ไม่มีอะไรหรอก เจ้าอยากอยู่บนเวียงฟ้านี้ไหม แล้วแต่ท่านจะกรุณาเจ้าค่ะ อย่าเกร็งเลย เราคุยกันได้บนเวียงฟ้าแห่งนี้เราเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น เฮ้อ...มธุรดาปล่อยลมหายใจของเธอออกมายาวๆ อึดอัดสินะ เจ้าค่ะ ไม่เคยรู้สึกอึดอัดแบบนี้มาก่อน ปล่อยตัวตามสบายองค์เทพีลุกขึ้นเดินมาใกล้ๆ เก้าอี้ที่มธุรดานั่งอยู่ สองมือขององค์เทพียกขึ้นวางทาบบนศีรษะของมธุรดาความรู้สึกของมธุรดาในตอนนั้น ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆผ่านจากมือคู่นั้นส่งมายังศีรษะ ของเธอ ความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายเกิดขึ้นกับเธอสิ่งที่เคยคิดฟุ้งซ่านในใจ หมดไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากนี้ไป เราจะสื่อสารกันทางจิตได้ เสียงๆ หนึ่งก้องในหูของมธุรดา และเสียงนั้นเป็นเสียงขององค์เทพี อะไรนะเจ้าคะ เราบอกเจ้าว่า จากนี้ไปเราจะสื่อสารกันทางโทรจิตได้เจ้าลองคิดที่จะพูดกับเราโดยไม่ต้องเอ่ยออกมาสิ มธุรดาทดลองทำตามที่องค์เทพีบอกกับเธอ ทำได้หรือเจ้าคะ ราวกับปาฏิหาริย์เสียงที่เธอคิดในสมองส่งผ่านไปยังองค์เทพีอย่างง่ายดาย นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอสามารถสื่อสารกับองค์เทพีแห่งเวียงฟ้าทางโทรจิตหลังจากนั้น เธอกับองค์เทพีสามารถพูดคุยกันได้ทุกครั้งที่เธอต้องการ เพียงแค่กำหนดจิต คิดว่าจะพูดอะไรเสียงของเธอถูกส่งไปยังองค์เทพีแห่งเวียงฟ้าได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้ความคิดเกี่ยวกับเวียงฟ้าของเธอจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเธอนับถือเวียงฟ้ายิ่งกว่าอื่นใดในโลก เธอเข้าใจประชาชนชาวโมระ ว่าเหตุใดจึงเลื่อมใสศรัทธาเวียงฟ้ายิ่งกว่าอื่นใด
Create Date : 23 พฤษภาคม 2556 |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2556 18:39:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 447 Pageviews. |
 |
|