It's not easy to be me
Group Blog
 
All blogs
 
มธุรดา yuri บทที่ ๖/๒

บทที่ ๖/๒


รัญชน์พาหวานออกมาจากบ้านริมน้ำ และแวะร้านอาหารใกล้ๆ แถวๆนั้น ร้านแห่งนี้เป็นร้านที่ได้ขึ้นป้ายเชลล์ชวนชิม

“ร้านนี้มีมานานแล้วค่ะห้าสิบกว่าปีได้ป้ายเชลล์ชวนชิมด้วยนะ”

“อะไรคะป้ายเชลล์ชวนชิม”

คนฟังอยากรู้ความหมายของสิ่งที่คนนั่งตรงหน้า

“เหมือนได้ดาวจากมิชิลินนั่นแหละค่ะ” รัญชน์อธิบายคร่าวๆ

“ทำไมต้องเป็นเชลล์ชวนชิมล่ะคะ เป็นชิกเก้นชวนชิม บัตเตอร์ฟลาย์ชวนชิมไม่ได้หรือ”

“คืองี้ค่ะ เมื่อสมัยก่อนโน้นบริษัทน้ำมันเชลล์มีนโยบายที่จะทำถังแก๊สหุงต้มจำหน่าย หาทางโฆษณาถังแก๊สของตัวเองวิธีที่ดีที่สุดคือหาร้านอร่อยๆ แล้วเอาถังแก๊สไปติดตั้งให้และให้นักชิมที่มีชื่อเสียงที่สุดแวะมาชิม ให้ป้ายโฆษณา พอคนเห็นว่าทำกับข้าวด้วยแก๊สก็เหมือนๆ กับทำด้วยเตาถ่าน แถมยัง

อร่อยไม่ผิดจากเดิมเลยช่วยส่งเสริมการขายแก๊สของเชลล์ไปด้วยในตัว”

“อ๋อ เป็นการโปรโมทขายแก๊สนี่เอง”

“แต่ก็อร่อยจริงๆ นะคะ ไม่แพง ร้านนี้บรรยากาศดี ใครๆผ่านมาแถวนี้ต้องแวะทั้งนั้น” รัญชน์ว่า เธอลุกขึ้นไปสั่งอาหารมาหลายอย่าง

พนักงานเอาอาหารมาวางไว้ให้ รัญชน์แนะนำอาหารหน้าตาดีๆบนโต๊ะให้หวานได้รู้จัก

“นี่เมนูเด็ดของที่นี่ค่ะ ไก่บ้านรวนขิงกรอบ ปลาตะเพียนต้มเค็ม ผัดเผ็ดปลาดุกกรอบ แกงขี้เหล็กหมูย่างแกงเขียวหวานเนื้อ น้ำพริกกระท้อน ลองทานสิคะ”

“เยอะขนาดนี้จะทานหมดหรือคะมากันแค่สองคนเอง”

“ไม่หมด ใส่ถุงกลับบ้านได้ค่ะ” รัญชน์ตอบยิ้มๆ

“ไม่รอแล้วนะคะลงมือเลยน่าทานทั้งนั้น”

“ตามสบายค่ะ”รัญชน์บอกแบบนั้น ต่างคนต่างลงมือจัดการกับอาหารหน้าตาดีตรงหน้า

เมื่อเอาเข้าปาก สิ่งที่คิดว่าหน้าตาดียิ่งรู้สึกดีเป็นเท่าทวีคูณ เพราะรสชาติอาหาร ถูกปากถูกใจทั้งสองคนยิ่งนัก

จากครั้งแรกที่คิดว่าจะกินไม่หมด สุดท้ายต้องสั่งข้าวเพิ่มและจัดการกับข้าวตรงหน้าจนไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว

“โอ๊ยอิ่มๆ”รัญชน์บ่นออกมา แถมยังเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้านหลังด้วยความรู้สึกอิ่มจุกจนถึงคอหอย

ดูเหมือนว่าหวานคงไม่ต่างกันทั้งสองคนจึงนั่งมองหน้ากันตาปริบๆ ด้วยความอิ่ม

และแล้วเสียงหัวเราะทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมๆ กันเมื่อทั้งคู่ต่างทำหน้าทำตาเบี้ยวๆ บูดๆ เมื่ออาหารอันแสนอร่อยเริ่มทำให้ทั้งสองคนจุก

“อร่อยมากๆ เลยค่ะแต่ตอนนี้หวานไม่ไหวแล้วจริงๆ ทำไมไม่แนะนำร้านนี้ให้หวานรู้จักแต่แรกล่ะคะ”

“ไม่คิดว่าคุณจะชอบทานไม่แน่ใจว่าจะทานได้หรือเปล่าด้วยซ้ำไป ขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรคะมาคราวหน้าจะแวะมาทานอีก”

“คราวหน้า หมายความว่าจะกลับมาอีกหรือคะ”

“ค่ะ คงอีกราวๆ หกเดือนจะกลับมาอีกถึงตอนนั้นบ้านคงเสร็จแล้ว และคงจะสวยน่าดู เพราะมีคุณรัญชน์ช่วยคุมงานให้”

“พูดเหมือนกับเป็นบ้านของคุณเองอย่างนั้นแหละ”

“เปล่าค่ะ บ้านของเจ้านาง แต่เหมือนๆกับบ้านของพวกเราชาวโมระทุกคนนั่นแหละค่ะ คนโมระที่คิดถึงบ้านเกิด สามารถแวะเวียนมาที่บ้านหลังนั้นได้”

“เจ้านางของคุณมีความคิดดีนะคะที่ทำบ้านให้เป็นเหมือนบ้านเกิด ฉันรู้สึกเหมือนตอนที่ไปอยู่เมืองนอกแล้วได้ไปที่สถานทูตไทย พวกเราคิดว่าเหมือนๆ ได้กลับบ้านเช่นกัน”

“ค่ะ คนที่พลัดบ้านพลัดเมืองมาไม่ว่าจะมาเรียน ทำงาน หรือแต่งงานกับชาวต่างชาติล้วนแล้วแต่คิดถึงบ้านด้วยกันทั้งนั้น”

“คุณจากบ้านมานานๆ อย่างนี้รู้สึกคิดถึงบ้านบ้างไหมคะ”

“คิดถึงสิคะ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่และคิดถึงน้องชาย”

“ไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงครอบครัวเลยสักครั้ง”

“คุณไม่เคยพูดถึงเหมือนกันนี่คะ”

“สำหรับฉันเหลือแม่แค่คนเดียวเท่านั้นค่ะ ท่านไม่ได้อยู่กับฉันหรอกค่ะท่านไปถือศีลอยู่ที่วัด ตั้งแต่คุณพ่อเสียไป”

“ดูท่านเป็นคนเคร่งศาสนาจังนะคะ”

“ค่ะ ท่านนับถือของท่านส่วนฉันไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ”

“คุณมีพี่ น้องเหมือนฉันหรือเปล่า”

“ไม่มีค่ะ ฉันลูกคนเดียว แม่กับพ่อแต่งงานกันตอนอายุของท่านมากแล้วแม่ไม่อยากมีลูกหลายคน”

“ขอโทษนะคะ ตอนนี้ท่านอายุเท่าไหร่”

“หกสิบแปดค่ะน่าจะหกสิบแปดปีเต็มแล้วนะ”

“แล้วคุณล่ะคะ เท่าไหร่”

“ยี่สิบแปดค่ะ”

“ห่างกับฉันแปดปีเชียว”

“ค่ะ ฉันพอทราบอายุของคุณ ขอซอกแซกนิดนึงนะคะฉันพอรู้มาคร่าวๆ ว่าเจ้านางของคุณอายุพอๆ กับคุณคุณคงเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้านางใช่ไหมคะ”

หวานยิ้มที่มุมปากราวกับว่าเรื่องที่รัญชน์ถามนั้นเป็นเรื่องตลก

“ไม่เชิงหรอกค่ะฉันเป็นเหมือนเงาของเจ้านางเท่านั้น คนธรรมดาๆ อย่างฉันจะเอาไปเปรียบกับเจ้านางคงไม่ได้หรอกค่ะ ท่านอยู่สูงเกินไป”

“นั่นสิคะ ว่าแต่คุณรีบกลับหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ กว่าฉันจะกลับโมระวันมะรืนนี้ตอนเช้า”

“งั้นฉันจะพาคุณไปเที่ยวต่อให้รู้ว่าประเทศไทยของฉัน ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างที่คุณคิด”

“ได้เลยค่ะ ยินดียิ่ง”

ทั้งรัญชน์และหวานติดสอยห้อยตามกันไปทุกหนทุกแห่ง ราวๆกับเป็นเงาของกันและกัน


รัญชน์ตัดสินใจไปเที่ยวทะเลทะเลยามดึกของอ่าวคุ้งกระเบนสวยประทับใจรัญชน์

“สวยจังนะคะ”

“ค่ะ สวยมาก ฉันชอบที่นี่ อ่าวดูสงบ ไม่มีคนพลุกพล่านไม่เหมือนพัทยาหรือหัวหิน ต้องทำใจนิดนึงค่ะ ทะเลลงเล่นน้ำไม่ค่อยได้”

“ได้ยืนชมวิวก็ประทับใจแล้วค่ะ โมระไม่มีทะเลมีแต่แม่น้ำสายเดียวที่หล่อเลี้ยงประชากรโมระ พอฤดูร้อนน้ำก็จะเต็มตลิ่ง”

“น้ำมีเยอะในฤดูร้อนหรือคะ ที่เมืองไทยจะมีน้ำเยอะๆในฤดูฝน”

“ค่ะ น้ำของเรามาจากการละลายของหิมะจากเวียงฟ้าสองสามปีที่ผ่านมา น้ำท่วมด้วยสิคะ”

“ทำไมคะ”

“โลกคงร้อนมังคะ ไม่รู้เหมือนกันหิมะจากเวียงฟ้าละลายเร็วกว่าที่เคยเป็น ทำให้น้ำในแม่น้ำมีมากกว่าที่ควรจะเป็นน้ำในเขื่อนมากเกินกว่าจะจะกักเก็บเอาไว้ โมระทางตอนปลายเลยโดนน้ำท่วม”

“แย่จัง เหมือนเมืองไทยเลยค่ะ คงเป็นกันทุกประเทศ”

“ค่ะ จะอย่างนั้นก็ได้ พายุมาผิดฤดู แห้งแล้งผิดฤดูช่างเถอะค่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนั้นคนตัวเล็กๆ อย่างเราคงช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้ว่าแต่ว่าคืนนี้เราจะพักที่ไหนคะ”

“แถวๆ นี้มีที่พักเยอะค่ะ มีตั้งแต่ห้องละหลักร้อยต้นๆไปยันหลักหมื่น แล้วแต่เราจะเลือกค่ะ”

“ขอเป็นหลักพันก็ได้ค่ะ ฉันยังไม่ได้ตอบแทนที่คุณซื้อเสื้อผ้าและเลี้ยงข้าวฉันเลย”

“ยังจำได้อยู่หรือคะ”

“จำได้สิคะ ใครจะลืมคนที่วิ่งมาชนกันง่ายๆ”

“ขอให้จำได้ตลอดไป”รัญชน์พูดเสียงแผ่วๆ ในประโยคนั้น

ทั้งคู่นั่งตากลมพูดคุยกันในหลายๆ เรื่องกว่าจะออกจากอ่าวเพื่อไปหาที่พักเกือบจะรุ่งสาง






Create Date : 23 พฤษภาคม 2556
Last Update : 23 พฤษภาคม 2556 18:55:09 น. 0 comments
Counter : 423 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รันหณ์
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ฉันคือฉัน
ฉันรักเสียงเพลง
ฉันรักสายลม
ฉันรักท้องฟ้า
ฉันรักอิสระ
ฉันคนไร้ราก
ผิงดาวยามไร้เดือน

คืนนี้ถ้าเธอหนาว ร่วมผิงดาวบนท้องฟ้า
จากรักจากศรัทธา....ของเรา

เป็นอะไรก็ได้มิใช่หรือ
แค่เป็นคนดีก็คงเีพียงพอ
[Add รันหณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.