Blog.one22.com:รวม รีวิวที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก รีวิวหนัง และเรื่องราวรอบๆที่ภาพและเรื่องราวจะพาคุณๆออกท่องโลกไปด้วยกันครับ
Group Blog
 
All blogs
 
ที่เที่ยว:ฮันนีมูน@ลำปาง..มหานครแห่งรถม้าที่สุดแสนจะ…น่ารัก


สวัสดีครับ
ห่างเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว จากรีวิวที่แล้ว หายไปหนีเที่ยวอีกแล้ว ทำให้รีวิวฮันนีมูนนี้ยาว ย๊าวว ยาววววววว เป็นพิเศษเรียกว่าข้ามปีกันเลยทีเดียวเชียว อย่างที่เคยบอกไว้ว่าคนเขียนก็ดันไม่รีบซะด้วย แต่..ยังไงก็ตั้งใจจะแนะนำที่เที่ยวหลายๆที่ๆได้ไปมาให้ได้อ่านกัน
ตอนที่แล้ว พาเที่ยวปายกับตอน "ฮันนีมูน@ปาย" ซะเต็มคราบจากปายมาก็บ่ายแล้ววันนี้
วันที่ 4-5 นี้เรามาถึงลำปางแล้วเมืองที่น่ารักๆ เล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความน่าสนใจของผู้คนและสถาปัตยกรรมเก๋ๆ ไปเที่ยวกันต่อกับเราครับ

ภาพถ่ายทั้งหมดเช่นเคย ผมเก็บใส่ Gallery ไว้แล้ว ตามไปชมก่อนก็ได้ครับ รูปถ่ายหนนี้อาจจะไม่คมไม่ชัดและ noise กระจายก็พยายามดูกันหน่อยนะจ๊ะ เพราะถ่ายยามค่ำแถมบนรถม้าที่เคลื่อนที่แทบตลอดเวลา แต่ก็ถือว่าเรามาขโยกเขยกด้วยกันแล้วกันนะ หุหุ
//blog.one22.com/pics/longtrips/honeymoon-in-north-trip/honeymoon_lampang

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เป้าหมายของเรา "ลำปาง" สมัยเด็กๆ ผมเคยจินตนาการจากคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยรถม้า เลยทึกทักคิดต่อเอาเองว่าทุกคนๆคงแต่งตัวเป็นคาวบอย เหมือนในหนังฝรั่งที่เราดูสมัยนั้น พอโตขึ้นมาจินตนาการเหล่านั้นก็จางๆไปตามวันและวัยที่เพิ่มขึ้น แต่ความฝันเมื่อครั้งเยาว์วัย ว่าซักครั้งในชีวิต ฉันจะต้องนั่งรถม้าให้ได้นั้นไม่หายไปซะทีเดียวจนมาถึง Honeymoon trip หนนี้คำว่ารถม้าเมืองลำปางก็วนกลับมาอีกจนได้



เส้นทางฮันนีมูนทริบ วันที่ 4-5 ครั้งนี้จึงเหมือนเที่ยวแกมบังคับคนข้างๆว่าให้เรา(ผมนั้นล่ะครับ)ไปนั่งรถม้าด้วยกัน เธอก็ดูจะยอมตามโดยดี
หลังจากออกจากปายเรามุ่งหน้าเข้าเชียงใหม่ใช้ทางหลวงเส้น1095 มาจนถึงเชียงใหม่ทางขี้เหล็กเลี้ยวขวาวิ่งต่อเข้าสู่เส้น 107 วิ่งตามทางเส้นถนนสายหลักมาจนออกที่สารภี เชื่อมต่อเส้นทางหลวงหมายเลข 11 วิ่งกันยาว จนผ่านลำพูน ไปออกที่อ.ห้างฉัตร และเข้าสู่ตัวเมืองลำปางวิ่งกันมาเรื่อยๆใช้เวลาไปร่วม 4ชม.เศษแวะกินแวะเที่ยวถ่ายรูปมาจนถึงลำปางเอาซะเกือบ 5 โมงเย็นเลย


ในระหว่างทางบนรถผมเริ่มหาที่พักคืนนี้กัน จะเพราะเป็นวันธรรมดาทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่า จะยังมีที่พักให้เราได้แน่ๆ จากที่เคยค้นไว้เรามีในใจอยู่ 2-3 ที่ หลังจากแวะถามทางจากคนลำปาง ทำให้เราเลือกที่พักริมน้ำในย่านตลาดเก่า ถนนคนเดินของลำปาง น่าเสียดายที่วันที่เราไปเป็นวันธรรมดา ไม่ตรงกับถนนคนเดินวันเสาร์ก็ตามที ที่พักคืนนี้ "เดอะริเวอร์ไซต์ เกสต์เฮาส์" ที่พักเล็กๆซ่อนตัวอยู่ในมุมชิดติดริมน้ำวัง บรรยากาศกันเอง เดี๋ยวผมจะแยกรีวิวที่พักให้อ่านกัน ตอนนี้ขอพาคุณๆไปเที่ยวกันก่อน

หลังเก็บข้าวเก็บของเข้าห้องพักเรียบร้อย ผมสังเกตุคนข้างๆดูเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้วอยากเที่ยวเมืองลำปางแล้วล่ะสิผมแอบคิดอยู่ในใจ เราติดต่อกับทางรีสอร์ท เค้าก็ยกหูโทรศัพท์เรียกมาเหมือน taxi ยังไงยั้งงั้นเลย


ไม่ช้าเกินไป จินตนาการผมถูกเติมเต็มก็ตอนรถม้ามาจอดเทียบท่าให้เห็นตรงหน้านี่เอง รถม้าสีแดงดูช่างน่าตื่นเต้นดีทีเดียวจนคนข้างๆยังบอกว่าผมเนี่ยโอเวอร์ซะจริง หลังจากสอบถามเส้นทางของเราและราคา สำหรับทัวร์รถม้ารอบเมืองแบบย่อๆก็เริ่มต้น


เสียงกีบม้ากระทบกับพื้นถนน ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเสียง กุบๆกับๆ จากหนังในวัยเด็กจริงๆ
เสียงที่แสนคุ้นหูที่ไม่มีโอกาสได้ยินมาหลายปีจากในหนัง ที่เดี๋ยวนี้ก็ไม่นิยมจะสร้างหนังคาวบอยกันแล้ว รถม้าพาเราทั้งคู่นั่งชมทิวทัศน์รอบๆยามพระอาทิตย์เริ่มค่อยๆดับแสงของวันลงไป จะว่าบรรยากาศแบบนี้คงหาไม่ได้ง่ายๆนัก


ระหว่างทางคนขับรถม้าก็พาเราเที่ยวมาเรื่อยๆเส้นทางวิ่งเป็นวงกลม จนมาผ่านบริเวณห้าแยกหอนาฬิกาที่เด่นและสวยมากในยามค่ำ ผมกดชัตเตอร์รัวแทบไม่ทันกับจังหวะรถม้าที่ขโยกเขยกไปตลอดทางระหว่างทางเราแวะอีก 2-3 จุดอย่างเช่น บริเวณหน้าวัดบุญวาทย์วิหาร


เลยไปถึงศาลเจ้าเก่าแก่"ศาลเจ้าปู่เก้ากง"ที่เปิดไฟสว่างไสวจนเตะตาเราให้เข้าไปกราบไหว้ในยาม ค่ำๆแบบนี้


เจ้าม้ายังพาเราเที่ยวด้วยเสียงฝีเท้ากุบกับที่ดังสม่ำเสมอไปตามถนนต่อเรื่อยๆ
ผมแปลกใจกับบรรยากาศรอบๆที่คนลำปางดูจะคุ้นชินกับภาพรถม้าพานักท่องเที่ยวแบบเราวิ่งไปทั่วเมืองขณะที่รถเก๋งก็วิ่งตาม
หรือบางทีก็หยุดให้ผ่านแม้จะเป็นสี่แยกก็ตามประหนึ่งมันก็คือพาหนะอีกชนิดที่นี่นั้นเอง นับเป็นภาพและความรู้สึกที่แปลกดีทีเดียว


ไม่นานรถม้าก็พาเรามาถึงศาลหลักเมือง เสียดายปิดซะแล้วเราลงเดินและเดินสำรวจรอบๆผมสังเกตุตามต้นไม้และเสาไฟนกดังสนัเยอะมากๆส่งเสียงเซ่งแซ่ ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่รอบๆทีเดียว พี่คนขับบอกว่ามันจะเยอะแบบนี้ทุกปีในช่วงนี้ ชาวบ้านก็คงลำบากหน่อย



เราเดินลงไปสำรวจเก็บภาพและแวะเข้าไปกราบหลวงพ่อด้านใน บรรยากาศรอบๆเงียบและดูสงบ
นอกจากรถที่วิ่งสวนกันไปมารอบๆ แต่ดูไม่หนาแน่นเหมือนกับเมืองหลวงที่เราจากมาอย่างกรุงเทพฯ เป็นภาพแปลกตาที่คงจะหาได้ในเมืองเล็กๆอย่างลำปาง


เราเดินกลับมาจนถึงรถม้าของเรา ตอนนี้มีรถม้าหลายต่อหลายคันจอดเรียงกันเป็นระเบียบ พี่คนขับรถม้ามานั่งสนทนากันอยู่ทีนี่นั้นเอง
เราทั้งคู่จึงขออนุญาติพี่เจ้าของม้าถ่ายภาพคู่ด้วย แกจึงชี้ไปที่ตัวข้างๆกันพลันบอกเราว่า "ถ่ายกับตัวนี้ดีกว่ามันไม่กัด ไอ้ตัวนั้นมันไม่ชอบคนอื่นเท่าไหร่ผิดกลิ่นมัน" ผมฟังคำตอบพี่แล้วก็สงสัยในคำตอบนั้น ว่า ม้า "กัด" ด้วยเหรอนี่ และนี่ก็คือเหตุผลที่ ตรงแถวๆบริเวณตาม้าทั้งคู่ จึงมีที่บังตาด้านข้างไว้ไม่ให้ม้าเห็นมุมซ้ายหรือขวามากไป
ไม่งั้นมันจะตื่นและตกใจกับรถราได้ง่ายๆ ที่สำคัญถ้าไม่คุ้นกลิ่นมันจะขู่และกัดได้(ด้วย)
ผมนึกๆเล่นๆว่าภาพม้าเตะแบบในหนังการ์ตูนสมัยเด็กๆ คงไม่ตลกเท่าม้ากัดแน่ๆ
ต้องถือว่านี้คือความรู้ใหม่เกี่ยวกับม้าสำหรับเราเลยทีเดียว ที่บังตาม้าสำคัญอย่างนี้เอง...



จะว่าเพราะพลบค่ำแล้วหรือเพราะมันไม่เร่งรีบก็ว่าได้ ผมนั่งคุยกับพี่ๆคนขับรถม้าที่อยู่ด้วยกันเวลานี้อีก 2-3 คนแกบอกว่า เจออาจารย์ของแกพอดี เลยขอให้อาจารย์เป่าแขนให้ เดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว ผมสงสัยจึงนั่งดู คุณลุงท่านนึงแต่งตัวเป็นคนขับรถม้าด้วยกัน พี่คนขับเราเรียกแกว่า "อาจารย์"พี่เค้านั่งยองๆแล้วยื่นแขนให้คุณลุงท่านนี้เป่า แกร่ายคาถาอะไรซักอย่างไม่ช้าก็เป่าเข้าไปที่แขนที่พี่คนขับบอกว่าปวด จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ดูหน้าตาพี่เค้าสบายใจขึ้น และเหมือนว่าแขนที่ปวดก็น่าจะทุเลาลง


ระหว่างทางหลังจากขึ้นรถแล้ว เลยได้โอกาสถามพี่คนขับรถเรา แกเล่าว่าคุณลุงท่านนี้เปรียบเป็น อาจารย์ที่ประสิทธิประศาสตร์วิชาการควบคุมม้า หรือสอนให้แกมีวันนี้
ที่สำคัญคุณลุงแกก็มีมีวิชาที่ช่วยปัดเป่าโรคเจ็บปวดเมื่อยให้ทุเลาลงได้ แกจึงเคารพรักเปรียบเหมือนเป็นอาจารย์เลยทีเดียว
ผมไม่สงสัยใดๆต่อและปล่อยให้พี่เค้าพาเราเที่ยวต่อ
จนสุดท้ายพาเรากลับมาใกล้ๆ ที่พักเรา
ระหว่างทางผมบอกแกไว้ว่าช่วยพาเราไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ที่คนเมืองลำปางมาทานกันหน่อยครับ
อยากรู้คนลำปางชอบทานอะไร แกเลยพาเราทั้งคู่มาหย่อนไว้ที่ร้านอาหารนึง หลังขอบคุณพี่คนขับและ tip ให้ไปในฐานะพาเราเที่ยวจน สมหวังแล้ว


เรามองไปที่ชื่อร้าน และรู้เลยว่าต้องชอบและใช่แน่นอนร้านชื่อ "ข้าวต้มอร่อยบาทเดียว" แม๊ ร้านชื่อแบบนี้ก็เข้าทางฉันพอดีเลย ร้านอยู่หัวมุมถนนพอดีเป็นบ้านไม้ 2ชั้นตกแต่งง่ายๆแต่น่านั่งรับลมเย็นๆที่สำคัญบรรยากาศชวนกินเสียนี้กระไร


มองเข้าไปคนนั่งกันเยอะและหนาตาพนักงานเสริฟและคนทำอาหารก็ดูยุ่งและวุ่นกับการดูแลลูกค้ากันน่าดู
ว่าแล้วเราทั้งคู่เดินขึ้นไปชั้นบนเลือกที่นั่งเข้ามุมหน่อย การตกแต่งด้านใน "ร้านข้าวต้มอร่อยบาทเดียว" เป็นบ้านไม้ทรงไทยประยุกต์ ตกแต่งสไตล์ ออกretro นิดๆ เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ทั้งหมดเปิดโล่งรับลม


ดูคนส่วนใหญ่เป็นคนทำงานหรือไม่ก็นักเรียนนักศึกษาบ้างประปราย รวมๆเป็นผู้ใหญ่มานั่งทานข้าวสังสรรค์กันทั้งนั้น
แม้วันนี้จะเป็นวันกลางสัปดาห์คนก็เยอะ ร้านน่าจะอาหารอร่อย
หลังสั่งอาหารไม่นานอาหารที่ผมถามจากเด็กเสริฟว่าอะไรอร่อยบ้าง รอไม่นานอาหารที่เราสั่งก็ยกมา ขอบอกว่าอร่อยทุกอย่างจริงๆ
โดยเฉพาะแกงส้ม อร่อยไม่แพ้ร้านดังๆในกรุงเทพฯเชียวล่ะ



อิ่มกันดีผมเลยเดินถ่ายภาพแถวนั้นๆผ่านร้านกาแฟบรรยากาศน่านั่งอย่าง "บ้านสบายใจ" เป็นทั้งร้านอาหารและเกสต์เฮาส์เล็กๆที่พี่เจ้าของก็อัธยาศัยดีทีเดียว พาเราชมบ้านพักด้านในถึงแม้เราจะมีที่พักคืนนี้แล้วก็ตาม นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่พักราคาย่อมเยาที่ได้บรรยากาศชาวกาดกองต้าดีเลยทีเดียว


ที่สำคัญกาแฟอร่อยมากเห็นเธอบอกงั้นนะครับ ก่อนจะเดินพากันกลับที่พักระหว่างทางเราปรึกษากันว่ายังอยากเที่ยวเมืองลำปางต่อกันอีกหน่อย เพราะเวลาเรามีกันแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นเลยจะกลับไปเพื่อไปเอารถออกมาสำรวจลำปางในยามค่ำกันต่ออีกซักหน่อยกัน


ไม่ช้าเจ้า jazz คันเก่งก็พาเราออกมาสำรวจเมืองลำปางกันต่อ จะด้วยความไม่คุ้นเคยหรืออย่างไรผมขับวนไปมาเพื่อหาเป้าหมายแรกที่ผมอยากมาถ่ายภาพซักหน่อย "สะพานรัชฎาภิเศก"


สะพานเก่าแก่ของลำปาง ผมว่าสะพานนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของที่นี่ ที่ไม่อยากให้พลาดมาชมกัน ใช้เวลาสำรวจสะพานแห่งนี้พักใหญ่เดินหามุมถ่ายภาพและกดกลับมาได้อยู่หลายมุมเหมือนกัน


สะพานนี้มีเสน่ห์เช่นเดียวกับสะพานโบราณต่างๆ เป็นสะพานถนนสองเลนที่ขนาดค่อนข้างพอดีมาก
ต้องชมว่าคนขับรถทั้ง 2 ด้านที่นี่เก่งและใจเย็นกันดีเวลาต้องขับรถสวนกันครับ


สะพานสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กรูปทรงโค้งคล้ายคันธนูวางคู่กันสองด้านของสะพานดูสวยงามและมีเสน่ห์ และในยามค่ำคืนแบบนี้พอต้องแสงไฟที่ส่องขึ้นไปสีขาวของสะพานดูตัดกับท้องฟ้าสีดำเด่นเป็นสง่า ที่หัวสะพานเขียนปีที่สร้างเสร็จติดไว้ว่ามีนาคม 2460 บ่งบอกถึงความคงทนของสะพานแห่งนี้ผ่านกาลเวลาอยู่คู่กับคนลำปางมานานนับชั่วอายุคนทีเดียว


เก็บภาพจนพอใจแล้ว พอดีกับเธอเดินกลับมาหลังจากซื้อของ เราก็เคลื่อนพลกันมาต่อยังร้านขนมยามค่ำที่คนลำปางแนะนำอีกเช่นกัน


ร้านขนมไทยแม่ประนอม ร้านขนมที่อยู่บนถนนทิพย์ช้าง ขนมไทยน่าทานมากมายทั้งขนมชั้น ขนมสังขยา ทองหยิบ ทองหยอดถ้าคุณเป็ฯคนกลัวอ้วนผมแนะนำอย่าแวะมาอาจจะตะบะแตกเองง่ายๆ ดูน่ากินเสียจริงผมซื้อติดกลับมา2-3 อย่างก่อนจนวนรถกลับหาทางกลับที่พักเรา เพราะพรุ่งนี้เรามีเป้าหมายขอเที่ยววัดวาและสถานที่น่าสนใจก่อนจะลาลำปางกันแล้ว...
แล้วคืนนั้นเราทั้งคู่หลับยาวเลยตื่นซะสายทีเดียว


ยามเช้ามาถึง...
หลังจากเก็บข้าวของลงมาด้านล่างเราบอกลาพี่ๆที่ดูเเลไว้ว่ามีโอกาสจะกลับมาใหม่เกสต์เฮาส์น่ารักๆติดริมแม่น้ำวังแบบนี้คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
เราคุยกันไว้ว่า อยากกลับไปเที่ยวย่านตลาดเก่าที่เมื่อวานเราเข้าไปแวะถามทางรวมถึงที่พักจนได้มาพักที่นี้


ย่านตลาดเก่าแห่งนี้มีสิ่งน่าสนใจที่ผมยังไมได้เล่าให้คุณๆฟังเลย...
ย่านนี้ดังขึ้นมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันของชาวบ้าน ที่ต้องการอนุรักษ์อาคารบ้านเรืองสองฝั่งถนนนี้เอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้รู้จัก
และสุดท้ายก็ร่วมมือกันเปิดถนนคนเดินขึ้นมาจนเรียกกันติดปากว่า "ถนนคนเดินกาดกองต้า" เปิดกันมานับสิบปีแล้ว
แต่ผมว่าพึ่งจะเป็นที่รู้จักมากๆกันจริงๆ ก็ด้วยกระแสคนเมืองที่อยากท่องเที่ยวตลาดโบราณทั้งหลายในช่วง 4-5 ปีหลังนี้เอง
เกิดจากปากต่อปากบอกต่อๆกันจนคนเมืองอย่างเรามีโอกาสได้มาจนได้
แม้จะเสียดายที่มาในวันธรรมดาซึ่งไม่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ทำให้อดสัมผัสตลาดกาดกองต้าอันลือชื่อแห่งนี้


เราเลือกจะจอดรถไว้ข้างๆเพื่อลงเดินสำรวจกันต่อจากเมื่อวานที่เร่งรีบหาที่พักจนอดชื่นชมอาคารสถาปัตยกรรมย่านนี้ไป เดินมาจนถึง "ร้านม้าหมุน" ร้านดังอีกที่ของย่านนี้ที่เสียดายยังไม่เปิด ร้านขายของที่ระลึกสำคัญของที่นี้


ผมเดินต่อมาจนถึงอาคารที่อยู่เยื้องๆกันอันเป็นร้าน "ป้าป๋องขนมจีนน้ำเงี้ยว" ที่เมื่อวานก็ผ่าน แต่ไม่ได้ชิมก็น่าเสียดายที่ยังไม่เปิดเช่นกัน
เราเดินกันต่อผ่านอาหารเก่าหลายๆหลัง มีสีแดงอมชมพูเก่าๆที่ทาทับอยู่บนผนังปูนที่ผ่านกาลเวลามานานหลายๆสิบปีดูมีเสน่ห์เตะตาจริงๆ


อาคารปูนผสมศิลปะสไตล์ยุโรบหลายๆหลัง มีเสน่ห์อย่างประหลาย ที่ดีที่สุดคือชาวบ้านทุกคนย่านนี้ดูจะเข้าใจในสิ่งที่ตนมีเป็นอย่างดีจึงยังคงอนุรักษ์เอาไว้จนมาถึงวันนี้


ผมเดินต่อจนมาถึง อาคารปัทมะเสวี อาคารไทยประยุกต์ทรงโบราณที่เราได้มาสอบถามไว้เมื่อวาน และได้รับคำแนะนำที่ดีและมีน้ำใจงามๆที่ต้องขอขอบคุณที่ช่วยแนะนำให้เราได้พักในย่านนี้ได้
"อาคารปัทมะเสวี" หรือชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ""อาคารฟองหลี" แห่งนี้เก่าแก่ไม่แพ้ใครๆผ่านกาลเวลา และการบูรณะให้คงสภาพเดิมแต่ดูใหม่ไว้ได้จนได้รับประกาศเกียรติคุณรับรางวัล อนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ปี 2551 จากสมาคมสถาปนิกสยามฯ กันเลยทีเดียว

ด้วยความโด่ดเด่นของลายไทยบนไม้ฉลุผสมกับบานประตูเฟี้ยมลูกฟักไม้สักแบบจีนผสมกันจนเป็นเอกลักษณ์ เรามาก็ยังไม่เปิด จึงได้แต่เก็บภาพอาคารสวยๆนี้ได้แต่ภายนอก แต่ยังไงก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆที่นี่ที่ช่วยแนะนำเราทั้งคู่ให้ทราบ ข้อมูลต่างๆที่สงสัยไว้ณ.ที่นี้ครับ
ที่สำคัญก่อนจากลากันเมื่อวานผมเลยได้หนังสือที่น่าสนใจจากที่นี้เป็นหนังสือที่ทางสมาคมจัดพิมพ์ขึ้นได้อย่างน่าสนใจ ชื่อ "กาดกองต้า ถนนเก่าเล่าเรื่องเมืองลำปาง" เป็นหนังสือดีๆที่ถ้าใครอยากรู้เรื่องกาดกองต้าให้ดีแล้ว นับว่ามีประโยชน์กับทุกๆคน ผมทราบว่ารายได้ส่วนนึงการจำหน่ายเข้าการกุศลด้วย


เราร่ำลาด้วยภาพถ่ายสุดท้ายตรงหน้า อาคารฟงหลีแห่งนี้ ก่อนจะขับรถต่อเพื่อไปแวะยังวัดแห่งนึง ที่พี่เจ้าของที่พักบอกเราไว้ว่าไม่อยากให้พลาดแวะเข้าไปไหว้กัน
เราขับรถผ่านสะพานสวยๆหลายๆแห่งทั้งสะพานคนข้ามหรือสะพานรถข้าม
ผมว่าจุดเด่นที่นี้นอกจากอาคารบ้านเก่าโบราณย่านตลาดเก่าแล้ว สะพานข้ามแม่น้ำวังที่นี้ก็แสนจะมีเสน่ห์ไม่แพ้ใครเช่นกัน
เราข้ามมาจนถึง "วัดปงสนุก" วัดเก่าแก่ของชาวลำปางที่คนแวะมากราบไหว้กันเสมอและจากบันทึกทางวัดได้บอกไว้ว่า


ในปี 2008 ที่ผ่านมากทางยูเนสโก้ได้ประมาณให้วัดแห่งนี้ได้รับรางวัล แห่งเขลางค์นคร(ลำพูน) ธรรมสถานหนึ่งเดียวของไทย ที่พึ่งได้รับรางวัล “Award of Merit” เราจึงเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวัดและกราบพระกัน วัดที่ถือเป็นตำนานของเมืองลำปางแห่งนี้


นอกจากจะมีเจดีย์วิหารพระนอน


วิหารพระเจ้าพันองค์ วิหารโถงทรงจัตุรมุขที่มีรูปแบบงดงาม ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมระหว่าง ลานนาไทย พม่า และจีน ที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแห่งเดียวของไทย ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอนันตยศ ราชบุตรของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย

อ่านจากประวัติบอกเล่าของที่นี้ถึงสาเหตุที่ทำให้ได้รับรางวัลก็เพราะสามารถรักษาของเดิมไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้“โครงการอนุรักษ์มรดกทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรมวิหารพระเจ้าพันองค์” วัดปงสนุกด้านเหนือ ได้รับคัดเลือกจาก 45 โครงการ ใน 13 ประเทศ ให้ได้รับรางวัล Award of Merit จากโครงการ 2008 Asia-Pacific Heritage Award for Cultural Heritage Conservation จากองค์การ UNESCO


ผมเดินชมสถาปัตยกรรมรอบพร้อมกับเก็บภาพเป็นที่ระลึกเอาไว้ว่าอย่างน้อยเราทั้งคู่ก็เคยได้มาสัการะบูชาที่วัดแห่งนี้


หลังกลับออกมาเราเริ่มต้นมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายถัดไป ที่เคยได้ยินชื่อเสียงเช่นกันว่า สถานีรถไฟลำปาง นี้สวยไม่แพ้ใครเหมือนกัน เราขับรถย้อนกลับเข้ามาในตัวเมืองก่อนจะเลาะเลียบมาจนถึงสถานีรถไฟ


หลังจอดรถได้เราก็สังเกตุได้จริงๆว่าสถานีที่นี้สวยไม่แพ้ใครจริงๆ ภาพกำแพงผนังสูงดูคล้ายป้อมก็ไม่ปาน กับรถไฟจริงๆ
ที่นำมาจอดเทียบให้คนผ่านไปมาหรือนักท่องเที่ยวได้เข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆก็มีเสน่ห์และน่าสนใจ ไม่แพ้กัน


เราถ่ายรูปกันอยู่ตรงนี้อีกพักนึงจนสังเกตุป้ายบอกสถานีที่น่าสนใจเพราะใส่ภาษต่างๆไว้ซะหลายภาษาทีเดียว
เดินถัดมาอีกนิดจนเลยไปเห็นร้านก๋วยจั๋บน่าทานหน้าสถานีดูชาวบ้านทานกันเยอะ
เราเลยอดไม่ได้จะขอลิ้มรสกันหน่อย และก็ไม่ผิดหวังทีเดียวรสชาติกลมกล่อมของน้ำซุปดูเข้ากันดีกับเส้นขนาดกำลังเหมาะ
อิ่มกันดีเราก็ได้เวลาเคลื่อนพลกันแล้ว เพราะชักสายขึ้นทุกที เดี๋ยวจะไปยังเป้าหมายต่อไปไม่ทันกัน
ผมขับรถออกมายังถนนสายหลักระหว่างจังหวัดเพื่อมุ่งหน้าออกจากลำปางกัน ทั้งผมและเธอรู้สึกดีมากๆกับการมาเยือนลำปางเมืองแห่งรถม้าแห่งนี้
สัญญากันไว้ว่าวันหน้าจะมากันใหม่ไม่ให้พลาดจุดท่องเที่ยวดีๆทที่เรายังไม่ได้แวะกันอีกมาก ทั้งบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อง ก็ยังไม่ได้ไป หนหน้าจะกลับมานะ


ระหว่างทางที่กำลังจะออกนอกเมือง เหมือนอะไรดลใจให้เราหันไปมองด้านซ้ายหลังเลยศาลประจำจังหวัดมาได้ไม่ไกล ผมเห็นป้ายบอกทางแนะนำ บอกไป "อินทราเซรามิค"
โอ้วผมลืมไปได้ไงว่านอกจากสถานที่เที่ยวต่างๆแล้วของฝากสำคัญที่สุดอย่างนึงของจังหวัดนี้ก็คือ เครื่องเซรามิคจานชามทั้งหลาย ที่ขึ้นชื่อลือชานักหนาส่งขายกันไปทั้งประเทศมาจากที่นี่ทั้งนั้น ชามกาไก่ ไม่ต้องคิดนานเราหักรถเลี้ยวเข้าไปทันที "อินทราเซรามิค" โรงงานผลิตจำหน่ายหนึ่งในหลายๆแห่งที่มีชื่อเสียงของลำปาง


ผมแวะเข้าไปในส่วนของ outlet ที่เปิดขายให้คนทั่วไปได้จับจ่ายกัน หลังจากจอดรถแล้วเดินเข้าไปที่นี้แบ่งของเป็น 2 ส่วนคือของที่ผลิตขายใหม่ๆและของคัดเกรดลงมาลวดลายจะคละแบบมากมายน่าสนใจทั้งนั้น


เราทั้งคู่ใช้เวลามากจนเข้าเที่ยงเลยทีเดียว ดูเธอจะมีความสุขกับการเลือกซื้อของฝากให้กับคนนั้นคนนี้ที่เธอจะนึกได้ ส่วนผมเองก็เลือกตุ๊กตาแพนด้าไว้มาเป็นของฝากเช่นกัน เห็นแล้วก็ทึ่งในฝีไม้ลายมือคนไทยที่สามารถผลิตสินค้าทั้งส่งขายคนไทยและไปนอกได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก เลยทีเดียว


หลังเสียเงินจนกระเป๋าบางลงหลายขีดแล้ว ระหว่างขับรถออกจากลำปาง เราพูดคุยกันถึงเมืองลำปางอละคิดตรงกันว่าเราต้องกลับมายังเมืองน่ารักๆแห่งนี้ ให้ได้
เมืองที่อัธยาศัยใจคอผู้คนเป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส
เมืองที่มีของดีระดับโลกมากมายให้คิดถึง และ
เมืองที่ผู้คนพยายามเหนี่ยวรังวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมโบราณเอา ไว้
...ให้คงอยู่ลูกหลานได้ชื่นชมและรักษากันต่อไป
เราก็เป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาแล้ว ยังอดชื่นชมไม่ได้


ได้เวลาไปต่อยังจังหวัดสุดท้ายของ ฮันนีมูนทริปหนนี้แล้ว
คงต้องลากันก่อนด้วยมหานครแห่งรถม้าของไทย "นครลำปาง"ไว้ตรงนี้จนกว่าจะถึงตอนหน้าอันเป็นตอนสุดท้ายและจังหวัดสุดท้ายแล้วครับ
ขอบคุณคุณๆผู้อ่านทุกคน แล้วเจอกันครับ



Create Date : 21 มกราคม 2553
Last Update : 21 มกราคม 2553 16:09:16 น. 12 comments
Counter : 8704 Pageviews.

 
โอโห น่าอิจฉาจิงๆๆ
บรรยากาศท่าจะดีนะคะนี่


โดย: kwan_3023 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:12:09:57 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายครับ หนังท้องตึง หนังตาย่อน เจ้านายก็ไม่อยู่ หลับดีฝ่า z Zz ZZ


โดย: ผมชอบกินข้าวมันไก่ วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:13:40:27 น.  

 
อ่านซะเพลิเลยนะคะ..สนุกดี


โดย: noinanai วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:14:39:56 น.  

 
ขอชมว่า ถ่ายภาพได้สวยได้อารมณ์มาก ป้าก็เพิ่งไปมาเมื่อปีที่แล้ว ถ่ายภาพมาไม่สวยเท่าคุณ
ป้ามีบ้านอยู่ลำปางค่ะ


โดย: พนอจัน (พนอจัน ) วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:16:54:14 น.  

 
แวะมาทักทายและเข้าอิจฉาครับ ส่วนตัวอยากไปลำปางมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ดูภาพยิ่งทำให้อยากไปมากขึ้นและกลับมาตั้งความหวังว่าต้องไปให้ได้อีกครั้ง


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:17:28:55 น.  

 
หวัดดีครับทุกๆคน ลำปางเป็นเมืองเล็กๆแต่มีเสน่ห์ในตัวมากทีเดียว เวลาแค่่ 2 วัน 1 คืนไม่พอจะให้เข้าใจหรือเรียนรู้ใดๆได้มากนักแต่ผมก็ยังพบว่าอัธยาศัยใจคอของคนที่นั้นน่ารักและยิ้มแย้มดีจริงครับตั้งใจจะกลับไปเที่ยวใหม่อีกครั้งปลายๆปีถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือหนีไปเที่ยวที่อื่นๆก่อนนะครับ


โดย: 1twenty2 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:17:34:32 น.  

 
เที่ยวเหนือคราวหน้า
แวะนอนลำปางมั่งดีกว่า


โดย: nokkatua วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:21:32:33 น.  

 
เป็นเนื้อหาที่ลงรายละเอียดได้มากที่เดียวเลยคะ
ขอบคุณนะคะที่ชอบนครลำปางของเรา


โดย: mutcha_nu วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:22:56:24 น.  

 
ก่อนนี้เคยแวะลำปางบ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยรู้ว่าลำปางน่าสนใจกว่าที่คิด คราวหน้าต้องศึกษาให้มากกว่านี้ ขอบคุณที่นำรูปสวยๆ มาให้ดูนะคะ


โดย: งาขาว วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:9:51:48 น.  

 
ไปเหนือตั่งหลายครั้ง มั่วหลงแสงสีอยู่เมืองใหญ่
ไว้คราวหลังจะแวะบ้างจ่ะ ข้อมูลเยอะมาก ดีจัง


โดย: แม่ปู (myroom_pu ) วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:10:27:46 น.  

 
ยินดีต้อนรับครับผม รีวิวได้งามแต้ๆ


โดย: แจ้ห่ม47 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:20:49:32 น.  

 
คนลำปางยินดีต้อนฮับเน้อ..ฮูปนี้ถ่ายงามแต้ๆหนา..


โดย: ละอ่อนลำปาง IP: 14.207.88.219 วันที่: 15 กันยายน 2559 เวลา:17:41:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

1twenty2
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




Friends' blogs
[Add 1twenty2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.