|
ที่เที่ยว:ฮันนีมูน@ปาย หลงธรรมชาติ และ แสงสี ศิวิไลซ์เมืองปาย

สวัสดีปีใหม่ครับ
ปีใหม่นี้ขอให้ทุกๆคนที่มีโอกาสแวะเวียนมาทักทายหรือเยี่ยมชม จะด้วยตั้งใจหรือบังเอิญ มาเจอกัน ผมเหมาว่าเรารู้จักกันแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนสุขสมหวัง โรคภัยอย่าได้มาเบียดเบียน สิ่งใดที่ตั้งใจไว้ปีนี้ขอให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ตลอดปี 2553 นี้นะครับ กลับมาเข้าเรื่องกันต่อกับวันที่ 3 ที่ผมจบไว้ที่ ปางอุ๋ง และแวะไปรีวิว ที่สบป่องริเวอร์ อินท์ ที่พักปางมะผ้า มาวันนี้ผมจะพาทุกๆคนเข้าไป ยัง "ปาย" เมืองที่แสนจะโด่งดังเหลือเกินในแม่ฮ่องสอน เมืองที่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายให้คนนำมาเล่าเปรียบเทียบ ต่างๆนานา มีเรื่องราวเล่าถึงทุกแง่มุมของปายออกมาให้ได้ยินตลอด
สำหรับผมแล้ว 5 ปีที่ผ่านมา ผมได้สัมผัสจากภาพถ่าย เรื่องเล่ามากมายของใครหลายๆคน จนวันที่ได้กลับมาอีกครั้ง ความเปลี่ยนแปลงของเมืองนี้สร้างความรู้สึกแปลกและแตกต่างกับเราทั้งคู่พอสมควรทีเดียว ผมขอเริ่มพาคุณๆเที่ยวต่อกับผมเลยครับ
ภาพกว่าร้อยภาพเก็บใส่ Gallery ไว้เช่นเคยเชิญชมภาพได้ตามอัธยาศัยครับ //blog.one22.com/pics/longtrips/honeymoon-in-north-trip/honeymoon_day3
มาเที่ยวกันต่อกันดีกว่านะ
 กว่าจะออกจากหมู่บ้านรักไทยก็เลยเที่ยงมาเยอะแล้ว เรามุ่งหน้าจะกลับที่พักเพื่อเก็บของและเตรียมย้ายกันไปยังปายต่อ
 ระหว่างทางผ่านจุดแวะชมวิวกิ่วลม เห็นท้องฟ้าเข้มๆและอากาศดีๆแบบนี้ไม่แวะคงไม่ถูกใจคนข้างๆเท่าไร
 หลังจอดรถ ผมลงเดินไปที่ป้ายบอกจำนวนโค้งนับพันที่วิ่งมา ป้ายนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อครั้งก่อนก็มาถ่ายรูปกับป้ายนี้ไว้ เวลาผ่านไปไวจริงๆ และแล้วก็ได้กลับมาที่ป้ายนี้อีกครั้ง หลังจากเดินเข้าไปใกล้ๆ สังเกตุที่สงสัยป้ายนี้มันมีเจ้าของเสียแล้วสิ ท่าทางจะพึ่งพิชิตมาเหนื่อยๆแล้วจอดยาวที่นี้เลย ผมหันกลับไปให้บอกใบ้เธอให้ดูภาพที่เห็นจะว่าขำก็ขำ อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้นนี้
 หลังจากถ่ายภาพผมสำรวจรอบๆ พบกว่าเดี๋ยวนี้มีชาวเขาและชาวบ้านเอาของมาขายกันเยอะเชียวทั้งของที่ระลึกและเสื้อผ้าโดยเฉพาะเสื้อยืด เยอะกว่าปรกติ เราทั้งคู่เดินเลยเข้าไปยังจุดชมวิวเพราะวิวตรงหน้าชวนให้เข้าใกล้ถึงใกล้มากๆทีสุด
 วันนี้โชคดีอากาศแจ่มใสอย่าบอกใคร ฟ้าสีเข้มๆตัดกับทิวเขาสุดสายตา แถมโชคดีซ้ำสองที่มีดอกบัวตองบานขึ้นแถวๆนี้สีเหลืองของดอกจึงตัดกับสีท้องฟ้าเข้มๆดูแจ่มดีจริง ผมยกเจ้ากล้องตัวเก่งเก็บภาพตรงหน้ามาเยอะเลยทีเดียวเมฆปุยขาวๆ ลอยเอื่อยๆ ยังกับรู้ใจให้ได้เก็บภาพ "อากาศดีจริงๆ" เสียงสาวเจ้าพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี "มาถ่ายรูปให้หน่อยสิ" เธอพูดพร้อมกวักมือให้เดินตามไปถ่ายใกล้ๆกับแนวทิวเขา
 หลังเก็บภาพให้แล้วผมก็ยังคงเดินเก็บวิวต่างๆเพิ่มๆ สำหรับตากล้องสมัครเล่นที่ขาดอุปกรณ์(และฝีมือ)ดีๆอย่างผมแล้ว สภาพอากาศและแสงขนาดนี้มันชวนให้ถ่ายภาพจริงๆ เราเดินชมของอีกพักใหญ่ก็ได้เวลาไปกันต่อแล้ว เพื่อไปยัง สบป่อง ริเวอร์ อินท์ ยังไม่ได้เก็บของใส่กระเป๋าเลย
 หลังถึงที่พักต่างคนต่างจัดการธุระส่วนตัวด้วยเวลาอันรวดเร็วเนื่องด้วยมันเลยเวลา chek out แล้ว หลังจัดการะธุระส่วนตัวเรียบร้อยผมเดินออกมาเก็บภาพวิวรอบๆอีกเล็กน้อยเพราะเมื่อวานไม่ได้ถ่ายตอนกลางวันซักเท่าไหร่เลย กลางวันของสบป่อง อากาศเย็นกำลังดีไม่ร้อนเพราะได้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่รอบๆที่ปลูกไว้ครึ้มบังแดดให้ และสายน้ำลาง ด้านล่างก็ช่วยให้บรรยากาศน่ารื่นรมย์เสียนี้กระไร
 ไม่นานสาวเจ้าก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ที่ขนกันลงมา เดินกลับออกมาจนถึงด้านหน้ารีสอร์ทเข้าไปร่ำลาและคืนกุญแจ ผมขอโทษคุณจอยที่ใช้เวลาเกินไปเยอะ คุณจอยเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรกลับมาพร้อมบอกว่า "ไม่เป็นไรคะ อย่าลืมกลับมาเยี่ยมที่นี่ใหม่นะคะ" เสียงใสอารมณ์ดีๆ ผมนึกคำตอบในใจได้แทบจะทันทีว่าต้องกลับมาเยี่ยมเยียนที่พักแสนอบอุ่นแห่งนี้อีกแน่นอนครับ
ห หลังร่ำลาด้วยมิตรภาพและความประทับใจผมก็รีบบึ่งกลับสู่เส้นทางนับร้อยโค้งเพื่อไปยัง เมืองปายอันเป็นเป้าหมายของเรา ระยะห่างกันราว เกือบครึ่งร้อยกิโล เราขับกันเรื่อยๆไม่ถึง ชม.ดีก็มาถึงหลักกิโลเกือบสุดท้ายเลยขอแวะที่หลักกิโลที่ 2 กันโดยตัวเลขแอบมีนัยที่เกี่ยวกับเราทั้งคู่นิดนึง
 ก่อนเข้าตัวเมืองผ่านสะพานแม่น้ำปาย มาถึงทั้งทีไม่แวะกดภาพก็กระไรอยู่

ภาพแม่น้ำปายไหลเอื่อยๆตรงหน้าชวนให้ลงไปเดินเล่นแต่เราก็ อดใจไว้ก่อนเพราะที่พักคืนนี้ยังไม่ได้หากันเลย มากันวันธรรมดาแบบนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าที่พักน่าจะพอมีให้เราได้เลือกกันพอสมควรล่ะน่า ขับรถเข้าเมืองกันดีกว่า
ยิ่งเข้ามาใกล้ตัวเมืองมากเท่าไหร่ ความแปลกหน้าของผมและปายก็มากขึ้นเรื่อยๆ ขนาดผมเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงของปาย ก็ยังต้องแปลกใจ ถนนสองเลน แคบๆแต่ก่อนเดี๋ยวนี้ยิ่งดูแคบกว่าเดิมมาก ร้านขายของ ร้านอาหาร และการขับรถเป็นวงกลมที่ไม่สามารถจะเลี้ยวได้ดั่งใจแบบแต่ก่อนก็เปลี่ยนไป เพราะทางตำรวจก็ปรับการใช้ถนนในเมืองเสียใหม่หมด ป้ายตรงแถวๆปั้มน้ำมันที่เคยมีโบว์ชัวร์มาแปะแนะนำที่พักต่างๆ วันนี้ก็เยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า ไฟแดงที่แต่ก่อนมีแค่ 1,2 สี่แยกเดี๋ยวนี้ก็มีทุกแยกแล้ว แถมตำรวจยังมาคอยอำนวยความสะดวกช่วยระบายรถตามสี่แยกให้วิ่งกันได้ง่ายขึ้น นับว่าสิ่งเหล่านี้ดูเปลี่ยนไปมากสำหรับผมทีเดียว หลังจากขับรถวนไปมา สุดท้ายเราก็สามารถหาที่จอดรถได้แม้จะต้องเดินเข้ามาหาที่พักไกลซักหน่อยอย่างน้อยก็ไม่ทำให้การจราจรภายในตลาดติดขัดมากขึ้น
 หลังจากตะเวณหาที่พักจนเหงื่อซึมกันเล็กน้อยเดินอยู่เกือบชั่วโมงและแล้วเราก็ได้ที่พักอยู่ฝั่งตรงข้ามสะพานไม้ไผ่ด้านหลังชิดติดริมน้ำปายเลยทีเดียว "ปายในฝัน รีสอร์ท" ที่พักที่เปิดให้บริการมาไม่กี่ปีนี้เอง ที่พักหลักพันต้นๆที่หาได้ในวันธรรมดาแม้จะเป็นช่วงเข้าสู่หน้า Highแล้ว หลังจากที่เรามาคราวก่อนที่แถวๆนี้ยังไม่มีรีสอร์ทขึ้นแต่อย่างใด วันนี้ที่แนวสายน้ำปายต่างมีรีสอร์ทพุดขึ้นชิดติดรั้วกันเป็นแถวไปแนวเดียวกันตลอด ที่พักคืนนี้เป็นห้องพัดลมอยู่ติดน้ำนับว่าบรรยากาศดีใช้ได้วันที่เราเข้าไปพักอุณหภูมิอยู่ที่ 14-17 องศาหนาวกำลังดี ที่พักภายในก็มีอุกรณ์ให้ ทีวี น้ำอุ่นอันนี้มีให้ทุกห้องไม่ว่าจะอยู่โซนไหนก็ตาม
 ทางรีสอร์ทกำลังเพิ่มบ้านทรงสามเหลี่ยมคล้ายเต๊นท์ขึ้นมาตรงแนวริมน้ำพอดี จะว่าไปคงน่าจะถูกใจนักเที่ยวแบ็กแพ็กแบบกางเต๊นท์ดี แต่สื่งที่เสียไปบ้างเล็กน้อยก็คือแขกที่เลือกห้องพักอาจจะมีเต๊นท์ไม้ไผ่เรียงรายขึ้นมาบดบังแทน แต่ผมเองก็มองด้วยความเข้าใจเพราะยังไงไม่ทำก็ต้องมีคนมากางเต๊นท์อยู่ดี
 แต่ที่เก๋สำหรับที่นี้ตรงที่เค้าจัดรถจักรยานสามล้อสีสันสุดจี๊ดวางให้นักท่องเที่ยวได้หยุดแวะถ่ายภาพกัน 2 คัน
 และนักท่องเที่ยวเองก็ดูจะชอบกันใช่ย่อย
 บ้านไม้ไผ่หลังคาทรงสูงดูจะเป็นสไตล์ของที่พักริมน้ำฝั่งนี้เพราะมองเผินๆอาจจะดูคล้ายๆกันไปบ้าง มีเพียงรั้วไม้ที่กั้นแนวรีสอร์ทพอให้ทราบเท่านั้นเอง แต่บรรยากาศริมน้ำก็ยังเป็นที่พักที่น่าให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆเลือกก่อนอยู่ดี
 มองถัดไปก็เป็นของ อินเดียนน่า คอทเท็จ รีสอร์ทริมน้ำอีกแห่งติดๆกัน ที่นี้ตรงริมน้ำก็มีเต๊นท์ให้บริการแต่หลังจะใหญ่มากทีเดียว บ้านที่จ่ายแพงกว่าด้านหลังคงไม่สบอารมณ์นักที่มีเต๊นท์หลังใหญ่มาบดบังวิวเสียหมดแบบนี้ มองอีกมุมนึง ถือว่าแบ่งปันกันก็พอได้อยู่
 หลังเก็บข้าวของเข้าห้องพักได้ ผมเดินออกมาสำรวจรอบๆที่พัก มุมชิวที่นี่ก็มีอยู่อย่างที่ติดริมน้ำทางรีสอร์ทก็เอาหมอนอิงและฟูกมาปูให้ได้นั่งฟังเสียงน้ำ กันได้ แม้ไม่ใหญ่มากนัก ก็นับว่าเป็นรีสอร์ทวิวดีทีเดียว
 นั่งกันไม่นานก็ถึงยามค่ำแล้วอากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ได้เวลาออกไปพบแสงสียามค่ำอันเลื่องชื่อของปายกันแล้ว หลายๆคนที่เคยมาเที่ยวปายสมัยก่อน และติดใจความเงียบสงบของปายในอดีตอาจจะไม่ชอบใจกับภาพและแสงสีของตลาดถนนคนเดินปาย
 ปัจจุบัน ที่มีร้านขายของมากมาย มี 7-11 อยู่ตามสี่แยก มีชาวบ้านที่เอาบ้านของตน มาทำร้านขายของกันเกือบทั้งนั้น กลายเป็นทำเลทองของปายกันเลย ผมเคยได้ยินมาว่าบ้านบางหลังที่อยู่ชิดติดถนนคนเดิน เวลาประกาศขายกันเป็นตัวเลข 7 หลักกันทีเดียว

นับว่าถนนเส้นนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของชาวบ้านและคนปายไปอย่างไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว และไม่ว่าใครจะว่ายังไง สำหรับเราแล้วการมาชมเมืองปายยามค่ำและเดินเที่ยวถนนคนเดินนับเป็นอีกเป้าหมายหลักของเราทีเดียว ถนนคนเดินปาย ค่อยๆมีแสงสีมากขึ้นตามเวลาที่ค่ำลง เราค่อยๆเดินสำรวจสีสันของถนนเส้นนี้กันอย่างเพลิดเพลิน มีทั้งร้านอาหารญี่ปุ่น
 ร้านขายของที่ระลึกปายๆ ร้านทัวร์ท่องเที่ยวรอบๆปาย ร้านนวดแผนไทย ร้านขนมแปลกๆที่หากินที่ไหนไม่ได้ หรือแม้แต่ร้านขายของเล็กเก่าๆก็มีให้เราได้ชมกัน
 ร้านขายของที่ระลึกขายของเล่นเก๋ๆที่เปิดกันแทบทุกๆ ก้าวที่เราได้เดินผ่านและที่เราเห็นว่าเยอะที่สุดของปายคือ ร้านขายเสื้อยืด ครับ เรียกว่ามีกันทุกๆ 5 ก้าวคุณจะเจอร้านขายเสื้อยืดปาย ต่างๆตลอดซ้ายขวา ทีเดียว ทุกๆตัวต้องมีคำว่าปายอยู่ในนั้ เช่น เมา+อ้วก=ปาย ,i love ปาย, ปาย ครั้งเดียวไม่เคยพอ ฯลฯ นับเป็นของที่ระลึกสุดฮิตที่สุดของที่นี้
 ผมเองก็ตั้งใจมาที่นีก็เพราะเสื้อเช่นกัน เลยซื้อกลับมาหลายตัวทีเดียว เราเดินกันต่อจนมาแวะพักกันที่ร้านกาแฟแสนเท่ที่เอารถโฟล์คเต่ามาประยุกต์ทำเป็นร้าน เดี๋ยวนี้นอกจากจะขายกาแฟแล้วยังมีเสื้อขายด้วยเช่นกัน เราได้คุยกันระหว่างนั่งรอ ก็ได้รู้เรื่องปายในหลายปีที่ผ่านมา นับว่าน่าสนใจดีทีเดียว
 เดินต่อมาอีกเจอคุณตำรวจจราจร ท่านนึงกำลังเพลิดเพลินกับจังหวะเพลงสนุกๆของนักดนตรีริมทาง มองดูน่ารักไปอีกแบบ ตำรวจกับลีลาน่ารักๆแบบนี้เราไม่ได้เห็นกันบ่อยๆแน่ๆ นับเป็นเมืองที่มีสีสันและผู้คนที่น่าสนใจมาร่วมกันจริงๆ
 เดินต่อมาจนถึง ร้านขนมที่ผมคิดถึงและเป็นอีกร้านที่เวลามาปายจะต้องแวะให้ได้ร้าน Cake Go O ร้านขนมชื่อดังสุดอร่อยที่สุดของปายเลยก็ว่าได้
 เค้กและขนมปังชนิดต่างๆล้วนแต่หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นเลย แถมขนาดจะใหญ่เป็นพิเศษที่สำคัญราคาไม่แพง
 สดใหม่มากๆ ผมเองสั่งมากินกัน 2คน ยังแทบกินไม่หมดเลย ใครที่มาที่นี่อย่าลืมแวะมานะครับแล้วจะติดใจเช่นกัน
 หลังอิ่มกันดีเดินกันต่อจนเจอ Kbank ผมเห็นคนมายืนถ่ายภาพกันเยอะมากทีเดียว เพราะความสวย และการจัดด้านหน้าได้เก๋ไม่เหมือนใคร นับเป็น bank กสิกรที่เก๋ที่สุดที่ผมเคยเจอทีเดียว ที่สำคัญปรับตัวให้กลมกลืน และโดดเด่นเข้ากันดีกับเมืองปายนี้จริงๆ
 ผ่านร้านโปสการ์ด ชื่อดัง "ร้านมิตรไทย" ที่ไม่ว่าสมัยไหนก็ยังแน่นเหมือนเคยคนยังคงมาส่งโปสการ์ดกันแน่นเช่นเคย
 อีกร้านใกล้ๆกันนอกจากมีโปสเตอร์ขายยังมีเสื้อยืดของที่ระลึกต่างๆที่ติดแบรนด์ ปายไว้เช่นกัน
 เดินเลยมาจนถึงร้านกาแฟที่เก๋ไม่เหมือนใครเช่นกันถึงกับยอมเปลี่ยภาพลักษณฺของแบรนด์ตัวเองเพื่อเมืองปายโดยเฉพาะ "ร้านกาแฟปายหนาว" หรือร้าน Black Canyon นั้นเอง
 นี่ก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองจนจำไม่ได้แต่นับว่าเก๋และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนมาถ่ายรูปได้เป็ยอย่างดี ด้านในตกแต่งและใช้สีสันสดใส
 มีมุมเก๋ๆให้ได้ถ่ายภาพหลายมุมทีเดียว
 เท่าที่สังเกตุจะมีคนแวะเวียนมาถ่ายยรูปกันตลอดเวลา ที่สำคัญหน้าร้านขึ้นป้าย เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง ปายอินเลิฟ ด้วย
 เราเดินกันต่ออีกหน่อยก็กลับที่พักกันแล้ว พรุ่งนี้เช้าๆอยากตื่นมาเก็บภาพปายในหมอกกันหน่อย ระหว่างทางพบเจ้านี้นั่งเต๊ะจุ้ยอยู่ดูขำๆดี เลยได้ภาพที่มันนั่งเอเขนกมาฝากกัน คืนนั้นเราหลับสบายในผ้าห่มอุ่นๆทั้งคืนเพราะยิ่งดึกยิ่งหนาวลงเรื่อยๆ
 เช้ามาถึงผมตื่นเพราะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในมือถือดังตอน 6 โมงเช้า อากาศหนาวใช้ได้เลย ผมแอบดีใจที่ไม่เสียแรงอยากมาพบอากาศเย็นๆ เดินออกมาหน้าห้องเช็คอุณหภูมิที่ปรอทที่ทุกห้องติดไว้ให้ 14 องศา ใช้ได้ไม่หนาวมาก
 ผมจัดการธุระเสร็จล้างหน้าตาก็รีบเดินออกมาโดยมีเป้าหมายอยู่ที่หมอกตรงลำน้ำปาย ส่วนคนข้างกายบอกให้เดินไปก่อนเลย เธอจะตามมาอีกที ผมเดินมาหน้ารีสอร์ทแปลกใจไหงหมอกดูน้อยกว่าที่คิด เลยตัดสินใจเลยเดินข้ามมาอีกด้าน
 และเข้าไปในถนนคนเดินปาย บรรยากาศตอนเช้าช่างต่างกับเมื่อคืนราวฟ้ากับดินทีเดียว เงียบสงบจนน่าแปลกใจ ผมเดินเลยมาตรงสี่แยก สำหรับคุณๆที่อยากตักบาตรตอนเช้า ตรงแถวๆสี่แยกมี แม่ค้าพ่อค้ามาขายอาหารจัดเป็นชุดไว้ใส่บาตรให้คุณได้ทำบุญ หรืออยากหาอาหารทานเช้าๆแบบนี้ มีทั้งโจ๊ก ข้าวต้มหมูอร่อยๆ ปาท่องโก๋ก็มี สามารถหาซื้อของกินยามเช้าได้สะดวกดีทีเดียว
 ผมตัดสินใจหันหลังกลับมาทางสะพานไม้ไผ่แรกของปายที่แถวๆ ปายริเวอร์คอนเนอร์ และแล้วหมอกที่หามาแต่เช้าก็มาให้ได้เห็นเต็มๆตาที่สะพานนี้นั้นเอง
 วิวฝั่งตรงข้ามก็มีป้ายปักบอไว้ถึงสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องปายอินเลิฟ เป็นอีกจุดขายหนึ่งของรีสอร์ทหรือร้านอาหารของปายในเวลานี้ และผมว่าก็ได้ผล อย่างน้อยก็เป็นจุดถ่ายภาพที่คนแวะมาถ่ายกันเหมือนที่ร้านกาแฟปายหนาวนั้นก็ใช่
 ไม่นานสาวเจ้าก็เดินมาทันผมที่สะพานนี้นั้นเองมาอยู่แถวกลางสะพานได้เจอหมอกขาวโพลนคลุมแม่น้ำปายเกือบทั้งสาย
 มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมอกขาวๆคลุมไปทั่วสมกับที่ผมรอมาตั้งแต่เช้า
 "ลองไปดูที่เราเคยพักกันคราวก่อนไหม" ผมเอ่ยถามเธอออกไป เธอพยักหน้าแล้วเดินไปอย่างรู้ทาง แต่สุดท้ายก็ชลอฝีเท้าลงพร้อมหันหน้ามาถามว่า "ใช่ทางนี้เปล่าอ่ะ" ผมขำกับท่าทางเธอเลยเดินนำเธอไปยังแถวๆริมน้ำที่เราเคยมาพักกัน" วิลล่า เดอ ปาย" ที่พักริมน้ำที่อยู่คู่ปายมานานนม หนก่อนผมมาพักและได้ที่ริมน้ำปายบรรยากาศดีๆที่มีเพียงคันดินกั้นระหว่างตัวที่พักกับลำน้ำปาย พูดถึงคันดินกันหน่อย สมัยคราวก่อนที่มาตอนนั้นแถวๆที่พักริมน้ำพึ่งถมที่ให้สูงกั้นน้ำขึ้นมาเพราะช่วงก่อนหน้านั้นไม่ถึงปี ปายโดนอุทกภัย น้ำป่าหลากลงมาในชั่วคืนเดียวน้ำท่วมปายแทบทั้งเมืองทำเอาเจ้าของรีสอร์ทและแขกที่มาเข้าพัก ในสมัยนั้นหนีกันแทบไม่ทัน ไม่ต้องพูดถึงที่พักที่โดนน้ำพัดเสียหายยับเยินกันถ้วนหน้าทีเดียว จึงเป็นที่มาขอคันดินตรงหน้ารีสอร์ทนี้เช่นกัน
 วันในอดีตมีเพียงคันดิน แต่ปัจจุบันนี้ มีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มไปทั่วเลย เมื่อวานเราเข้าไปสอบถามถึงห้องพักก็ต้องผิดหวังกลับมาด้วยที่พักริมน้ำเต็มไม่เหลือ แต่อย่างใด ทำให้เราต้องบายกับที่พักหลักร้อยปลายๆแห่งนี้ไป
 เดินถัดมาข้างๆกันที่พักแนวฮิบๆที่มีห้องริมน้ำอยู่เช่นกัน บ้านปายวิลเลจ ที่นี่นับว่ามีห้องพักวิวเห็นแม่น้ำแม้จะแค่หลังเดียว แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ครบถ้วน ดี มีแยกเป็นแอร์ก็บพัดลม ห้องแอร์เรทราคาวันธรรมดาไม่ถึง 1600 บาทสำหรับห้องแอร์ ห้องพัดลมก็ลดหลั่นลงมาตามอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มี และทำเลที่ห่างน้ำออกมาหน่อย และแน่นอนราคาประมาณนี้ ก็เต็มอีกเช่นกัน ทำให้เมื่อคืนทำให้เราเดินเลยกันมาจนมาจบที่ ปายในฝันนั้นเอง
 หลังจากผ่านรีสอร์ทต่างมาจนถึง สะพานรถยนต์ข้ามแม่น้ำปาย เราเดินกันมาจนถึงกลางสะพานหมอกยังมีให้เห็นหนาตาอยู่ วิวสวยๆยามเช้าแบบนี้ทำให้ลืมแสงสี ศิวิไลซ์ ยามค่ำไปได้เหมือนกัน
 หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักเพื่อทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้รอแล้วการกลับมาเที่ยวปายหนนี้ทุกอย่างพิ่มขึ้นที่พักใหม่ๆก็มีมากขึ้น ร้านรวงก็เปิดมากขึ้นมากกว่าเท่าตัว ชวนให้คิดว่าความสงบเงียบของที่นี่คงต้องมองหาในยาวเช้าแบบนี้ได้เท่านั้นเองหรือ ?
 เข้าเกือบ 9โมงเช้าเราร่ำลา "ปายในฝัน" ด้วยความขอบคุณกับพี่เจ้าของที่พอทราบว่าเรามาฮันนีมูนแกเลยขอให้เรารอพร้อมกับหายไปด้านในรีสอร์ทและหยิบช่อดอกไม้พร้อมของที่ระลึกมาให้เรา เราทั้งคู่กล่าวขอบคุณกับน้ำใจดีๆที่หาได้จากรีสอร์ทแห่งนี้ มีโอกาสคงได้แวะมากันอีกนะครับ
 ระหว่างที่นั่งรอสาวเจ้าเก็บของผมเลยเดินออกมาสำรวจที่พักในฝั่งริมน้ำด้านนี้อีกแห่งที่ติดกับ ปายในฝัน ก็เป็น indiana Cottage ที่ปลูกติดกันอยู่ผมมองเข้าไปก็รู้สึกว่าสองที่นี่ไม่ต่างกันมากนักติดน้ำกัน ทั้งคู่บ้านก็มีความใกล้เคียงกัน ราคาก็ใกล้ๆกันมีตั้งแต่หลัก เกือบพัน ในวันธรรมดาไปจนถึง หลัก 2,000พันกวาในช่วง ไฮขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เราเข้าพักอยากทราบแน่นอนเช็คจากเว็บไซต์ทั้งคู่จะดีที่สุด
 แต่ถ้าถามว่าชอบที่ไหนมากกว่าผมว่าปายในฝันบ้านริมน้ำวิวจะดีกว่า ไม่มีเต๊นท์หลังใหญ่มาบังวิวตรงหน้ามากเท่านี้ แม้จะมีบ้านเต๊นท์สามเหลี่ยมของปายในฝันบังวิวบ้างแต่ ดูจะเล็กกว่าของ Indiana Cottage เอาว่าถ้าชอบการพักเต๊นท์ริมน้ำที่สบายมากกว่าที่นั้นย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอนอันนี้นานานจิตตังครับ
 เดินถัดมาเจอปายบุรีรีสอร์ท รีสอร์ที่เปิดให้บริการมาพักใหญ่แล้ว ตอนนี้เค้าทำบ้านโซนด้านหน้าใหม่ออกสไตล์บ้านปูนสีสันสุดจี๊ดดีทีเดียว วันที่เราไปทางรีสอร์ทกำลังทำกันอยู่ เลยได้มีโอกาสเข้าไปสอบถาม น่าจะเปิดให้บริการมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ได้แล้ว ส่วนราคาเท่าที่ถามจากคนงานที่ทำอยู่เห็นว่ายืนราคาหลักร้อยปลายๆเช่นกันราคาเท่ากันทุกห้อง อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับยังไงสอบถามกันอีกที
 เข้าไปดูในห้องก็ไม่แคบไม่กว้างเกินไปกลางๆ ตกแต่งด้วยสีสันสดใสกับภายในด้วยวัสดุปูนเปลือยทั้งห้อง ถ้าราคาประมาณนี้จริงๆนับเป็นรีสอร์ที่น่าสนใจมากทีเดียว ถึงจะเป็นห้องพัดลมก็น่าจะทำให้คนสนใจกันมากแน่ๆ
 ถัดมาอีกที ที่พักที่ผมอยากแนะนำจริงๆเพราะน่ารักตั้งแต่การตกแต่งไปจนถึงทำเล อยู่ติดๆกันกับปายบุรี
 บ้านไม้หลังเล็กๆสีออกมิลค์ๆหน่อย ติดริมน้ำห้องพักน่ารักๆ ชื่อ Little House บ้านไม้ริมน้ำแบบนี้ผมว่ามันทั้งดูแตกต่างจากทุกที่ที่เจอและเข้ากันกับบรรยากาศริมน้ำของปายดีจริง ถึงจะมีเพียงไม่กี่หลัง ก็ตาม
 ภายในก็ตกแต่งง่ายๆแต่ก็เข้ากับบุคลิกของบ้านดีเป็นที่พักหลักร้อยปลายๆในวันธรรมดา ที่น่ารักอย่าบอกใคร
 ห้องน้ำภายในเป็นแบบ Open Air มีน้ำอุ่นบริการ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นไม่มีอะไรพิเศษแต่บรรยากาศริมน้ำกับบ้านสีสบายตาแบบนี้ผมว่าไม่เลวที่จะเป็นตัวเลือกให้เข้าพักกันครับ แถมพึ่งเปิดมาไม่ถึง 3 เดือนใหม่มากๆทีเดียว
 ราคามีไปจนถึงหลักพันต้นๆในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็คงจะทำให้นักท่องเที่ยวสนใจกันพอดู มีโอกาสลองแวะเข้าไปสอบถามห้องกันดูครับ
 ผมเดินกลับมาก็พอดีกับที่เก็บของเสร็จเราขนของใส่รถก็ขับเข้าเมืองกะแวะร้าน เบเกอร์รี่ อีกครั้งเพื่อซื้อขนมตุนไปกินระหว่างทาง
 พอเข้าสายๆในตัวเมืองปายรถก็ติดใช้ได้ทีเดียวหาที่จอดได้เราเข้าไปซื้อกาแฟและขนมที่อบใหม่มาให้ได้ชมและซื้อกลับบ้าน
 ยอมรับเลยครับร้านนี้ขนมหน้าตีดีถึงดีมากจริงๆรสชาติก็เหมือนหน้าตาด้วย เวลามาปายผมไม่พลาดแวะจริงๆครับ
 หลังจากซื้อขนมกันเรียบร้อยเดินผ่านธนาคารกสิกรไทยสาขาปายแล้วต้องขอชมอีกครั้งที่ทำได้โดนใจนักท่องเที่ยวดีจริง
 เรามุ่งหน้ากลับออกมาจากปายด้วยเส้นทางเดิม ผ่านร้านกาแฟสุดฮิต "Coffee in Love" ที่วันก่อนผ่านมาซะเย็นจึงได้แต่ดูผ่านๆ ก่อนกลับคงต้องขอเก็บภาพเป็นที่ระลึกถึงร้านกาแฟที่น่าจะฮิตมากที่สุดแห่งนึงของไทยเราเลยทีเดียว
 เกือบสิบโมงแล้วคนค่อนข้างเริ่มหนาตา และในเวลาแบบนี้แดดก็เหมาะแก่การถ่ายภาพที่สุด เราจึงได้ภาพฟ้าเข้มๆแบบนี้มาฝากกัน
 ผมเดินเก็บภาพรอบๆดูเธอจะชอบรถจักรยานที่เป็น prop ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายกันเยอะ บ้านปูนสีเหลืองเข้มเด่นตัดกับฟ้าสีเข้มสดใส ยิ่งได้ cpl มาช่วยทำให้ยิ่งเข้มได้ใจเข้าไปอีก
 ผมถ่ายเธอเสร็จก็เก็บภาพรอบๆมาฝาก จะว่าไปกาแฟจะอร่อยหรือไม่ทราบเพราะไม่ได้ทานเลยครับ แต่รสชาติของวิวที่เสพได้จากสายตา จนอยากกระซิบเบาๆให้เธอฟังว่า "โชคดีจังที่เรามาวันนี้"
 ต้องยอมรับครับวิวร้าน "Coffee in Love" นี่สุดยอดจริงๆทิวเขาด้านหลังสีเขียวอากาศสดชื่น
 กับร้านสีขาวๆที่ทำชิดริมเนินเขาทำให้เห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนด้านหลังของร้านได้อย่างแสนวิเศษดีจริงๆ ถ้ามาในเวลาคนไม่เยอะที่นี้เหมาะจะถ่ายภาพจริงๆ
 ผมเพลินกลับการเก็บภาพจนได้เวลาพอสมควร เราก็ต้องไปต่อแล้ว
 กลับมาที่รถผมถามเธอว่าได้ชิมกาแฟเค้าไหมเธอส่ายหน้าบอกว่าขี้เกียจรอคนเข้าคิวเยอะ
 เราขับต่อมาอีกอึดใจ จนผ่านสะพานประวัติศาตร์ ไม่แวะคงไม่ได้
 สะพานประวัติศาสตร์วันนี้เปลี่ยนไปเยอะครับ ผมยังจำได้ว่าคราวก่อนมาเค้าไม่ให้เข้าเพราะยังไม่ได้ปรับปรุงแต่อย่างใด สีสะพานในวันวานเก่าและหลุดลอก แถมมีป้ายเตือนห้ามเดินเข้าไป แต่เพราะนักท่องเที่ยวแท้ๆ สะพานแห่งเดิมในวันนี้จึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อันนี้เป็นผลดีของการท่องเที่ยว สีสะพานสีเขียวเข้มๆ มีคนไปกระโดโลดเต้น ถ่ายภาพกันเยอะดีทีเดียวถือเป็นอีกหนึ่ง จุดแวะถ่ายภาพสำคัญของที่นี่เช่นกัน
 หลังจากแวะถ่ายภาพที่สะพานจนได้ที่ก็เคลื่อนกันต่อยังเป้าหมายต่อไปอันเป็นจุดสุดท้ายแล้วของแม่ฮ่องสอนแล้ว
 ที่อุทยานแห่งชาติ หัวยน้ำดัง อุทยานที่อากาศดีเหลือเกินวิวทิวสุดสายตาชวนให้ใครหลายคนที่แวะมาหลงรักกันได้ง่ายๆ
 ผมเองกลับมาอีกครั้งก็ยังประทับใจเช่นเคย หนก่อนที่มานั่งชมวิว กินชาบนยอดดอยแห่งนี้เสียหลายชั่วโมง
 เป็นอีกที่ๆขอแนะนำให้ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วคุณจะเข้าใจ เราใช้เวลาบนนี้ได้พักใหญ่ก็ต้องไปกันต่อแล้ว
 จริงๆอยากอยู่ที่นี้นานๆ มากกว่านี้เลยตกลงกันไว้ว่าถ้ามีโอกาสมาอีกครั้งจะมาขอค้างที่นี้ซักคืน
 ขอชมหมอกสวยๆบนยอดดอยแห่งนี้ซักครั้งถ้าจะดี
หลังลงมาจากห้วยน้ำดังไม่นานระหว่างที่คนข้างๆหลับแล้ว ผมนึกทบทวนการมาเยือนปายหนนี้ จะว่าไปปายเปลี่ยนไปจากหนก่อนมากไหมสำหรับเราแล้ว ก็น่าจะตอบได้ว่ามากทีเดียว แต่ดีหรือไม่ ผมตอบกับตัวเองได้ว่าไม่ว่าปายจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ยังไงปายก็ยังถือว่าเป็นเมืองที่แสนจะมีเสน่ห์ ถ้าเรารู้จักทำความเข้าใจและมองหลายๆมุม ก็ควรจะทำใจรับได้กับความเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับชาวเมืองปายเองที่อยู่กันมาจนทุกวันนี้ แม้แต่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆท่านๆที่เคยมาเมื่อครั้งอดีต ไม่ว่าคุณหรือผมจะอยากให้ปายกลับไปเช่นวันวานเช่นไร ก็คงไม่สามารถ จะย้อนเวลากลับไปได้แล้ว ที่ทำได้คือยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและช่วยกันรักษาปัจจุบันของปายไว้ให้ดีที่สุด เพราะสุดท้ายเราก็เป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่แค่ แวะเวียนมาเก็บสิ่งต่างๆกลับไปได้เพียงภาพถ่าย,ของที่ระลึก และความทรงจำเท่านั้น
ถ้าเพียงแค่เราๆเหล่านักท่องเที่ยวเคารพสถานที่และปฎิบัติตามกฎกติกาของสังคมที่นี่ และอย่าเพิ่มภาระสิ่งใดๆ ผมว่าเราจะได้มีที่ๆธรรมชาติและเเสงสีมาบรรจกันได้ อย่างปาย ไว้นานๆครับ
จากนี้ผมก็บึ่งรถยาวผ่านเชียงใหม่เพื่อไปยังจุดหมายที่เรายังไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยือนกันเลยซักครั้ง เป็นจังหวัดที่ผมเองใคร่อยากรู้จักให้ดีมานานนมแล้ว เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งรถม้า "ลำปาง" นั้นเองจะเป็นยังไงต่อรอชมตอนหน้านะครับ
 ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้ครับ ฝากสคส.เล็กๆน้อยๆให้กับทุกคนนะครับ
Create Date : 08 มกราคม 2553 |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2557 17:11:51 น. |
|
18 comments
|
Counter : 19862 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: mamminnie วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:17:43:54 น. |
|
|
|
โดย: นู๋ที วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:10:18:54 น. |
|
|
|
โดย: nid IP: 203.144.144.165 วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:12:14:43 น. |
|
|
|
โดย: pam IP: 118.173.28.108 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:15:10:21 น. |
|
|
|
โดย: หนึ่ง IP: 115.87.32.147 วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:17:32:16 น. |
|
|
|
โดย: ไอซ์ IP: 192.168.2.123, 113.53.150.191 วันที่: 31 สิงหาคม 2553 เวลา:11:04:58 น. |
|
|
|
โดย: ไกร IP: 118.173.224.62 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:45:42 น. |
|
|
|
โดย: oic IP: 125.26.220.71 วันที่: 5 ธันวาคม 2553 เวลา:20:17:49 น. |
|
|
|
โดย: สิริพงษ์ ย่องแก้ว IP: 183.89.118.68 วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:14:57:42 น. |
|
|
|
โดย: แวะมา IP: 110.164.240.104 วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:17:06:12 น. |
|
|
|
โดย: ทำรายงานไทย IP: 125.24.200.40 วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:01:10 น. |
|
|
|
โดย: panpan IP: 124.122.229.203 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:47:13 น. |
|
|
|
โดย: บูน IP: 180.183.137.9 วันที่: 10 สิงหาคม 2555 เวลา:10:26:38 น. |
|
|
|
โดย: nay IP: 113.53.242.82 วันที่: 13 ธันวาคม 2555 เวลา:10:17:25 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผมยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง ตั้งใจอยู่หลายครั้ง....เห้อ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ไปสัมผัสความเป็นปาย...ที่ปายซะที....
ภาพสวยมากๆครับ.. ชอบจริงๆ..