All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 11 ต่อ



ณดลหน้าเครียดยืนเคลียร์อยู่กับณภัทรที่กำลังยืนหน้าจ๋อยเพราะกลัวพี่ชายด่าอยู่ที่มุมลับตาคนในโรงพยาบาล

“เป็นเพราะแกไม่อยากจะแต่งงานกับน้องแพร แกก็เลยต้องหลอกทุกคนว่าอะนาเป็นเมียแกที่กำลังท้องอยู่เนี่ยนะ”
ณภัทรไม่กล้าสบตาพี่ชาย “ชะ..ใช่ครับพี่”
“แกไปเอานิสัยโกหกหลอกลวงแบบนี้มาจากไหน ถึงได้หลอกฉัน หลอกได้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่”
ณภัทรพูดสวนขึ้น “แล้วถ้าเป็นพี่ พี่จะทำยังไงล่ะครับ”
“หา...ว่าไงนะ นี่แกกล้าย้อนฉันเหรอ”
“ผมไม่ได้ย้อน แต่ถ้าพี่เป็นผม แล้วถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก บอกผมหน่อยว่าพี่จะทำยังไง”
“ฉัน...ฉันก็จะ...ฉันไม่รู้”
“เห็นมั้ย ถ้าพี่เป็นผม พี่ก็ต้องโกหกเหมือนกันนั่นแหละ”
“ไม่จริง! ฉันจะไม่โกหกทุกคนแบบนี้ ฉันจะเผชิญหน้ากับความเป็นจริง”
“ก็นั่นมันพี่ แต่นี่มันเป็นผม ในบ้านนี้ มีใครฟังคำพูดผมบ้างล่ะ ทุกคนเอาแต่บังคับให้ผมแต่งงานกับน้องแพร แต่มีใครถามผมบ้างมั้ย ว่าผมรู้สึกยังไง”
“นั่นเป็นเรื่องของแก ที่ต้องอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ เพราะทางบ้านเราก็ตกลงกับทางบ้านของเค้าไปแล้ว”

อนามิกาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยสภาพที่หน้าผากมีรอยฟกช้ำและมีผ้าพันแผลเล็กๆ แปะอยู่ อนามิกามองไปรอบๆ อย่างพยายามรวบรวมสติ
นลิณายื่นหน้ามายิ้มเยาะ “ไงจ๊ะอะนา ฟื้นแล้วเหรอ ขอต้อนรับเข้าสู่ โลกแห่ง ‘ความจริง’ นะจ๊ะ”
“พี่อะนา…เป็นยังไงบ้าง” เมธาวีถาม
อนามิกาฝืนยิ้มแล้วตอบเบาๆ “ฉันไม่เป็นไร”
“แต่พวกฉันเป็น” พนารัตน์โพล่งขึ้น
อนามิกามองอย่างงงๆ
“เธอมีอะไรจะแก้ตัวกับพวกฉันมั้ย” พนารัตน์ถาม
อนามิกางง “แก้ตัวอะไรคะ”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ พี่อะนาเพิ่งฟื้นขึ้นมาเอง เมว่าให้คนเจ็บได้พักผ่อนก่อนดีกว่า”
“งั้นก็รีบพากลับไปพักผ่อนที่เกาะ เธอไหวใช่มั้ย” กอบชัยถาม
อนามิกาค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่งบนเตียง “ก็..ไหวค่ะ มีเรื่องอะไรเหรอคะ คุณผู้หญิง...คุณผู้ชาย”
นลิณาหันมาพูดกับเมธาวี “ไม่อธิบายให้เค้าฟังหน่อยล่ะเม”
“พี่นีน่า...กลับไปที่เกาะแล้วค่อยคุยก็ได้” แพรวาบอก
“นั่นสินะ ฉันว่างานนี้จะเร็วจะช้า ผู้ต้องหาก็ดิ้นไม่หลุดแน่ๆ” เกตนิการ์เอ่ย
“งั้นรีบเรียกหมอมาดูอาการ ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็รีบออกจากโรงพยาบาลเลยดีกว่า” เสรีหันมาหาพนารัตน์และกอบชัย “เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันอีกเยอะ”
อนามิกานั่งงง เมธาวีเอียงหน้ากระซิบ
“พี่อะนา คือว่าทุกคนรู้...”
อนามิกายกมือปรามให้เมธาวีไม่ต้องพูดต่อ “ฉันพอรู้แล้วหละ ว่าเป็นเรื่องอะไร”
อนามิกาถอนใจอย่างปลงๆ และพร้อมรับกับผลกรรมที่จะตามมา

เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นย่ำ อนามิกานั่งพิงหัวเตียงอยู่ในห้องพัก ณภัทร เมธาวี อัธวุธ และจ๊อดอยู่ในห้องด้วย ทุกคนมีอาการกลุ้มใจ
“ภัทร...แกต้องช่วยอะนาบ้างนะ ไม่งั้นมีหวังโดนทุกคนรุมซักฟอกตายแน่”อัธวุธบอก
“ฉันรู้...” ณภัทรพูดกับอนามิกา “อะนา เธอไม่ต้องพูดอะไรนะ ฉันจะเคลียร์กับคุณพ่อคุณแม่ให้เอง”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกภัทร คิดเรื่องตัวนายเองเหอะ ทำยังไงนายถึงจะไม่โดนบังคับให้แต่งงานกับคุณแพรเค้าน่ะ” อนามิกาพูด
เมธาวีได้ยินเรื่องนี้ก็ถึงกับเศร้า
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนชะงักแล้วหันไปที่ประตู ณดลเปิดประตูเข้ามา
“พี่ณดล” ณภัทรตกใจ
“คุณพ่อคุณแม่เรียกแกไปกินข้าว” ณดลบอก
“ครับพี่” ณภัทรหันมาพูดกับทุกคน “พวกเราออกไปกินข้าวพร้อมๆ กันมั้ย”
ณดลเน้นคำด้วยเสียงดุ “คุณแม่เรียกแกไปคนเดียว”
“อ้อ...ครับ..”
ณภัทรค่อยๆ เดินไปช้าๆ แล้วหันมาพยักหน้ากับเพื่อนๆ แล้วเดินออกจากห้องไป
ณดลเดินเข้ามายืนข้างเตียงอนามิกา แล้วมองหน้าเมธาวีกับอัธวุธ
“ฉันขอคุยกับอะนาหน่อยได้มั้ย”
อัธวุธกับเมธาวีอึกอัก “เอ่อ...”
อัธวุธกับเมธาวีหันมามองหน้าปรึกษากัน แต่พอทั้งสองหันไปทางอนามิกา อนามิกาก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร อัธวุธกับเมธาวีจึงยอมเดินออกจากห้องไป

อัธวุธกับเมธาวีเดินออกมาจากห้องอย่างไม่เต็มใจนักเพราะยังเป็นห่วงอนามิกา
เมธาวีพูดเบาๆ “พี่อะนาจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย”
อัธวุธกระซิบตอบ “นั่นสิ...มีหวังเจออีตาณดลจอมดุด่ากระจายแน่” อัธวุธฉุกคิดขึ้นได้ “ถ้าอยากรู้ให้แน่..ก็ต้อง”
อัธวุธกับเมธาวีพยายามเอาหูแนบประตูเพื่อแอบฟังเสียงในห้อง แต่สักครู่ทั้งสองก็ได้ยินเสียงทัก
“ทำอะไรกันน่ะ”
อัธวุธตกใจรีบหันมา “ห๊ะ?!! ไอ้จ๊อด”
“แอบฟังอะไรอยู่เหรอครับ” จ๊อดถาม
อัธวุธรีบเอานิ้วจุ๊ปากปราม “ชู่ว..จะเสียงดังทำไม มานี่...วงแตกเล๊ย..เวรกรรม”
อัธวุธกับเมธาวีพากันจูงจ๊อดออกไป เมธาวีเหลียวมองไปที่ประตูเพราะเป็นห่วงอนามิกา

ณดลมองด้วยจ้องอนามิกาด้วยสายตาจับผิดไม่วางตา อนามิกานั่งนิ่งบนเตียงสักพักก็ชักอึดอัดจึงเอ่ยขึ้น
“อยากจะด่าอะไรฉันก็ว่ามาเลยค่ะ”
“แล้วเธอล่ะ อยากจะแก้ตัวอะไรก็ว่ามา”
“คงไม่มีอะไรจะแก้ตัวหละค่ะ เพราะฉันเองก็ทำไปโดยเจตนา”
“ในสายตาเธอ ฉันคงเป็นแค่ไอ้หน้าโง่ที่โดนเธอหลอกแล้วหลอกเล่า อย่างงั้นใช่มั้ย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน เธอก็หลอกฉันมาตลอด”
“ฉัน...ขอโทษ”
“ขอโทษงั้นเหรอ” ณดลตวาดใส่อย่างเหลืออด “กับการที่เธอมาล้อเล่นกับความรู้สึกฉัน รู้มั้ยว่าฉันเสียความรู้สึกแค่ไหน ทั้งหมดที่เธอทำลงไป เธอพูดได้แค่คำว่าขอโทษเนี่ยนะ”
“แล้วฉันจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ ฉันเองก็อึดอัดเหมือนกัน ที่ต้องคอยโกหกคุณ อันที่จริง ฉันก็ตั้งใจจะบอกความจริงคุณอยู่แล้ว”
“มันก็ไม่ต่างกันหรอกอะนา จะบอกตอนไหน เธอมันก็ไอ้แค่คนลวงโลกอยู่ดี”
“ก็ใช่...จะเรียกฉันอย่างงั้นก็ได้ ถ้าจะไม่คิดว่าที่ฉันทำไปก็เพราะต้องช่วยน้องชายคุณ”
“ช่วยอะไร ฉันรู้ความจริงจากไอ้ภัทรแล้ว ที่เธอหลอกฉัน ก็เพราะหวังเงินค่าจ้าง นอกจากจะเป็นคนหลอกลวงแล้ว เธอยังเป็นคนเห็นแก่เงินอีกด้วย พอกันที ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้ว”
พูดจบณดลก็เดินปึงปังออกจากห้องไป อนามิการู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่ก็พยายามปลงเพราะจนปัญญาจะอธิบายให้ณดลมองตนในแง่ดีได้

ณภัทรนั่งเกร็งอยู่ที่โต๊ะอาหารเพราะรู้สึกถึงสายตาของ กอบชัย พนารัตน์ และเสรีที่จับจ้อง มาที่ตน ทุกคนบนโต๊ะยังไม่มีใครแตะต้องอาหาร สักครู่พนารัตน์จึงพูดขึ้น
“ภัทร...รีบกราบขอโทษคุณเสรี เดี๋ยวนี้”
ณภัทรอึดอัดเพราะทำตัวไม่ถูก “เอ่อ...”
กอบชัยดุ “เร็วสิ แกกุเรื่องหลอกลวงผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้ ยังจะไม่สำนึกอีกเหรอ”
“ครับๆ” ณภัทรขยับจะนั่งกับพื้นเพื่อกราบแทบตักของเสรี
เสรีรีบปราม “เอาเถอะๆ ไม่ต้องหรอก” เสรีหันมาที่พนารัตน์ “เดี๋ยวเด็กๆ เค้าจะพาลเครียด ทานข้าวไม่อร่อยกันไปซะ”
ณภัทรกลับมานั่งแล้วยกมือไหว้เสรี “ผมขอโทษครับ”
“แล้วก็รีบขอโทษน้องแพรเค้าด้วย” พนารัตน์บอก
ณภัทรยังพนมมืออยู่แล้วจะหันไปที่แพรวา
แพรวารีบท้วง “อย่าถึงกับไหว้เลยค่ะคุณภัทร แพรไม่กล้ารับหรอกค่ะ”
“มาๆๆ ผมว่าเราทานข้าวกันดีกว่า” เสรีตัดบท “นะ...บรรยากาศกำลังดีๆ มา..ทานข้าวๆ”
พนารัตน์กับกอบชัย พยักหน้ารับแล้วเริ่มลงมือกินข้าว ณภัทรยังนั่งเกร็งๆ เครียดๆ ไม่ตักข้าวกิน ในขณะที่แพรวา กอบชัย พนารัตน์และเสรีต่างก็กินข้าวกันเป็นปกติ
“อ้าว...ไม่ทานล่ะนายภัทร” เสรีทักแล้วหันมาทางแพรวา “น้องแพรตักกับข้าวให้พี่ภัทรเค้าสิลูก ต่อไปนี้ แพรต้องดูแลภัทรเค้าให้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่องนะ”
แพรวาอาย “เอ่อ...คุณพ่อขา...”
“นี่คุณเสรี เล่นพูดกับลูกสาวแบบนั้น เค้าก็เขินแย่สิคะ” พนารัตน์บอก
“คนเป็นพ่อคงเลี้ยงลูกสาวได้ไม่ถนัดอย่างคนเป็นแม่ใช่มั้ยคุณรัตน์” กอบชัยถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มีแต่ลูกชายสองหน่อเนี่ย” พนารัตน์บอก
“ก็นี่ไงคุณรัตน์” เสรีแตะที่ศีรษะของแพรวาอย่างเอ็นดู “กำลังจะได้มีลูกสาวคนใหม่อยู่นี่ไง”
“เอ้อ...” พนารัตน์หันไปยิ้มแย้มกับกอบชัย “จริงด้วยสินะคุณ”
ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสยกเว้นณภัทรที่ดูหมองเศร้าแต่ก็ไม่กล้าออกปากอะไรเพราะยังจ๋อยที่โดนทุกคนจับโกหกได้อยู่

อนามิกาที่ใบหน้ายังมีผ้าปิดแผลเดินเศร้าอยู่คนเดียวที่ริมหาดตอนกลางคืน แล้วเธอก็มาหยุดยืนทอดสายตาไปยังทะเล สักพักเมธาวีก็เดินผ่านมา เมธาวีเห็นอนามิกายืนอยู่จึงเดินมายืนข้างๆ
“พี่อะนา” เมธาวีสวมกอดอนามิกา “พี่ณดลเค้าโกรธพี่หรือเปล่า”
อนามิกาแสร้งยิ้มฝืนๆ “จะเหลือเหรอ” อนามิกาลูบศีรษะเพื่อนรุ่นน้องอย่างเอ็นดู “ว่าแต่เธอล่ะเม อย่าเพิ่งหมดหวังกับเรื่องนายภัทรนะ บางทีนายภัทรอาจจะกล้าลุกขึ้นมาปฏิเสธงานแต่งงานกับคุณแพรเค้าก็ได้”
“พี่อะนา...พี่ไม่ต้องพยายามปลอบเมหรอก เมรู้ดีว่า เมหมดหวังแล้ว”
“ของอย่างงี้มันไม่แน่หรอกนะเม”
“เชื่อเมสิ นายภัทรปฏิเสธพ่อแม่ แล้วก็พี่ชายของเค้าไม่ได้หรอกค่ะ ว่าแต่พี่เหอะ มีทางที่เคลียร์กับพี่ณดลได้มั้ย”
อนามิการู้สึกเจ็บขึ้นมาเพราะเมธาวีพูดแทงใจดำ “ไม่มีทางหรอกเม คุณณดลเค้าด่าว่าฉันเป็นคนหลอกลวง แล้วก็เห็นแก่เงิน...” อนามิกาถอนใจ “เฮ่อ..แต่มันก็คงจริงของเค้า”
“แล้วกลับไปกรุงเทพฯ พี่อะนาจะทำยังไงต่อคะ”
“จะทำยังไงล่ะ ก็คงต้องรีบเก็บข้าวของเผ่นออกมา ก่อนเจ้าของบ้านเค้าจะไล่ตะเพิดเอาน่ะสิ”
“มาอยู่บ้านพี่อาร์ทกับเมมั้ย กลับมาอยู่กันสามคน เหมือนสมัยตอนอยู่ลอนดอนอีกไง”
อนามิกาส่ายหน้า “ไม่หละ ฉันคงออกไปอยู่กับพี่ธัญญา พี่สาวของฉันน่ะ”
“เมว่า..พี่ณดลเค้าชอบพี่อะนานะคะ ยิ่งได้รู้ว่าจริงๆ แล้วพี่อะนาไม่ได้มีอะไรกับนายภัทร ลึกๆ พี่ณดลเค้าก็น่าจะรู้สึกดีนะพี่” เมธาวีให้กำลังใจ
“หยุดพูดเหลวไหลซะทีเถอะ คนอย่างคุณณดล ไม่เคยมีใครมาลบเหลี่ยม กล้าโกหกหลอกลวงเค้าขนาดนี้ เค้าคงเกลียดฉันแล้วหละ”
อนามิกาเศร้าแต่ก็พยายามแอบปาดน้ำตาเพราะไม่อยากให้เมธาวีเห็น
“พี่อะนา..ทำไมเราสองคนต้องมารู้สึกแย่พร้อมๆ กันแบบนี้นะ”
เมธาวีสวมกอดอนามิกาแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา
อนามิกาพยายามกอดปลอบแต่ตัวเองก็น้ำตาไหลเพราะสะท้อนใจเรื่องของตนเองด้วย

กรุงเทพยามเช้าตรู่เต็มไปด้วยรถราขวักไขว่ ทางด่วน ทางรถไฟฟ้า ความเจริญ และวุ่นวายผสมปนเปอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
ศรีหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางเต็มสองมือเดินเข้าประตูบ้านณดลไปวางในห้องรับแขก แล้วรีบรี่ออกมารับกระเป๋าจากณภัทรและจากอนามิกา พอกำลังจะเข้าบ้านไป ก็ได้ยินเสียงของพนารัตน์โพล่งขึ้น
“ไม่ต้อง”
ศรีงง “ขา?”
พนารัตน์ กอบชัย และณดลเดินตามณภัทรและอนามิกามา
“กระเป๋าของแม่อะนา กองไว้หน้าบ้านน่ะแหละ” พนารัตน์สั่ง
ศรีงง “เอ่อ..วางไว้ตรงนี้เลยเหรอคะ”
“แล้วก็รีบขึ้นไปช่วยอะนาเค้าเก็บเสื้อผ้าข้าวของบนห้องด้วย” กอบชัยสั่งต่อ
ศรีงงหนัก “เดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่...อะนาเค้าจะย้ายออกไป เค้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว” พนารัตน์หันไปที่อนามิกา “ใช่มั้ย”
อนามิกาอึ้ง ณภัทรมองเพื่อนอย่างเห็นใจ
พนารัตน์ถามอย่างใส่อารมณ์ “ฉันถามว่าเธอจะออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ใช่มั้ย”
อนามิกาตอบเสียงเศร้า “คะ..ค่ะ คุณผู้หญิง”
ณดลได้แต่ยืนมองอนามิกาด้วยความรู้สึกที่สับสน เพราะทั้งโกรธ ทั้งเห็นใจอนามิกา

ณภัทรพยายามอธิบายให้กอบชัยและพนารัตน์ฟัง โดยมีณดลมองอยู่ใกล้ๆ
“ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนไล่อะนาเค้าแบบนี้เลยนี่ครับ ยังไงเค้าก็จะย้ายออกไปอยู่แล้ว คนที่ผิดจริงๆ คือผมมากกว่า”
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วแกยังคิดจะแก้ตัวให้ยัยอะนาอีกเหรอ” พนารัตน์ถามฉุนๆ
“ก็อะนาเค้าไม่ได้ผิดอะไร ผมต่างหากที่เป็นคนขอร้องให้เค้าต้องทำแบบนี้”
พนารัตน์สวนขึ้น “หุบปากเดี๋ยวนี้”
ณภัทรหุบปากทันทีเมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองอารมณ์ขึ้นอย่างจริงจัง
“แกกับยัยอะนาทำเหมือนทุกคนโง่เง่า แล้วยังจะมีหน้ามาขอความเห็นใจอีกเหรอ”
“พ่อก็ว่าสมควรแล้วนะ” กอบชัยโพล่งขึ้น “พ่อกับแม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่เพื่อนเล่นที่จะมาหลอกกันแบบนี้”
“แต่มันก็ผิดที่ผม ไม่ได้ผิดที่อะนา” ณภัทรบอก
ณดลพูดสวนขึ้น “โกหกปลิ้นปล้อนแบบนี้ ยังไม่เรียกว่าผิดอีกเรอะ แกหยุดแก้ตัวแทนยัยอะนาซะทีเถอะ คนดีๆ ที่ไหนเค้าจะมารับจ้างหลอกลวงชาวบ้านแบบนี้”
“พี่ณดล เพราะอะนาเป็นเพื่อนผมต่างหาก เค้าถึงช่วยผม”
“แต่ลองแกไม่มีค่าจ้างให้ เค้ายังจะช่วยแกอยู่หละมั้ง” ณดลถาม
“อะนาไม่ใช่คนเห็นแก่เงินขนาดนั้น นี่เค้ายังไม่เอ่ยปากทวงผมเรื่องค่าจ้างด้วยซ้ำ”
“ภัทรเอ๊ย...แกมันยังเด็ก คงไม่ทันพวกสิบแปดมงกุฎ พวกต้มตุ๋น” กอบชัยว่า
“แต่อะนาไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับคุณพ่อ” ณภัทรพยายามพูด
“โอ๊ย..จะให้พวกฉันไว้ใจแม่นี่อีกรึไง เงียบทีเถอะภัทร” พนารัตน์ตวาด
ณภัทรหยุดพูดแต่สีหน้าท่าทางก็ยังยืนยันอยู่ข้างอนามิกา
“ณดล” พนารัตน์เรียก
“ครับคุณแม่” ณดลรับคำ
“ขึ้นไปเฝ้าแม่อะนาเค้าหน่อยไป ไม่ใช่ว่ามัวแต่มาเถียงกันอยู่ตรงนี้ แต่บนห้องนั่นโดนยกเค้าไปซะหมด”
ณภัทรอ่อนใจ “คุณแม่!”
พนารัตน์วางเฉยใส่ณภัทร ณภัทรถอนใจเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไงให้พ่อกับแม่เข้าใจ









Create Date : 12 เมษายน 2555
Last Update : 12 เมษายน 2555 16:04:18 น.
Counter : 246 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]