All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 12 ต่อ



ณภัทรกับเมธาวีนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน ณภัทรตักอาหารให้เมธาวีอย่างดูแลเอาใจใส่ แต่เมธาวีซึมๆ เหมือนกินไม่ค่อยลง

“ลองนี่สิ อร่อยนะ...เมไม่สบายหรือเปล่า ดูไม่ค่อยเจริญอาหารเลย”
เมธาวีส่ายหน้าฝืนยิ้มทั้งที่ยังเศร้า “เปล่า แค่คิดขึ้นมาว่า เดี๋ยวพอภัทรแต่งงานไป” เมธาวีพูดเสียงเครือ “เราก็คงจะเจอกันแบบนี้ไม่ได้แล้วสินะ”
ณภัทรยิ้มปลอบ “ไม่หรอกน่าเม ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ยอมให้ใครมาบังคับอีกแล้ว”
“แต่แน่ใจเหรอ ว่านายจะขัดผู้หลักผู้ใหญ่ที่เค้าตกลงกันไปแล้วได้น่ะ”
“แต่อย่างน้อยฉันก็จะคัดค้านอย่างเต็มที่ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไง อันนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต มา! กินกันเหอะ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย”
เมธาวีตัดพ้อ “นายไม่ซีเรียส ก็เพราะนายไม่ได้แคร์ฉันอยู่แล้วน่ะสิ”
“อ้าว..ไหงพูดงั้นล่ะเม”
“ก็จริงมั้ยล่ะ นายไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่ อย่างน้อยก็ยังได้แต่งงานกับผู้หญิงที่น่ารักอย่างคุณแพร แต่ฉันล่ะ...”
เมธาวีน้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ณภัทรเห็นน้ำตาของเธอก็ทำอะไรแทบไม่ถูก
เมธาวีพูดเสียงเครือ “ฉันไม่ได้มีใครอย่างที่นายมีนี่”
ระหว่างนั้น อัธวุธกับอนามิกาเดินกลับมา พอเห็นเมธาวีกำลังเศร้า ทั้งสองก็สะกิดกันให้หยุดเดิน แล้วยืนหลบดูอยู่ห่างๆ
“เม...เธอก็ยังมีฉันนี่ไง” ณภัทรพูด
เมธาวีหยุดเศร้าแล้วเงยหน้ามองณภัทร ณภัทรพูดต่อ
“คิดเหรอว่าฉันอยากอยู่กับคุณแพร มากกว่าอยู่กับเธอน่ะ”
เมธาวีดีใจและมีความหวังอยู่ข้างใน
“ภัทร...นี่นายพยายามจะพูดให้ฉันรู้สึกดีๆ เพื่อปลอบฉันอยู่ใช่มั้ย”
“ฉันแค่พูดความจริงต่างหาก ถ้าฉันเลือกได้ที่จะต้องอยู่กับใครซักคน...ฉันจะขอเลือกเธอ”
เมธาวีน้ำตาไหลพร้อมกับยิ้มปีติยินดี ณภัทรซับน้ำตาให้แล้วกุมมือมองตาเธอ อัธวุธกับอนามิกายิ้มตาม อนามิกาแค่ยิ้มเรียบๆ แต่อัธวุธอินจนทำท่ากรี๊ดกร๊าดแต่ไม่ออกเสียงออกมา

นลิณา เกตนิการ์ และแพรวานั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะนั่งเล่นที่บ้านเสรี โดยมีน้ำผลไม้สีสวยวางอยู่ตรงหน้า
นลิณาพูดกับเกตนิการ์ “ว่าไงนะ พี่ชายแกเนี่ยนะจะกลับไปคบกับพี่สาวยัยอะนาน่ะ”
เกตนิการ์พยักหน้าอย่างเซ็งๆ “ฉันก็งงอยู่เหมือนกัน ว่าพี่พายัพเกิดหน้ามืดอะไรขึ้นมา”
“หรือว่าเค้าคิดแค่เล่นๆ พี่ชายเธอออกจะเสือผู้หญิงนี่”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบเธอ แต่พอคุยกัน ปรากฏว่าพี่พายัพเค้ากะคบจริงจังเลยนะ แถมยังชมไม่หยุดปากว่ายัยธัญญาดีอย่างโง้นอย่างงี้” เกตนิการ์เล่า
“แต่ดูจากคุณอะนา พี่สาวเค้าก็น่าจะเป็นคนดีใช้ได้นะคะ” แพรวาเอ่ยขึ้น
“โห...ยัยบื้อ ดูคนไม่เป็นก็เงียบไปเหอะ ยัยอะนาน่ะทั้งโกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล ครบเครื่องต้มยำ” นลิณาว่า
“ก็ใช่น่ะสิ ตัวน้องยังขนาดนี้ แล้วตัวพี่จะขนาดไหน ยิ่งเดี๋ยวนี้นะ ฉันขอเงินพี่พายัพย๊าก..ยาก ไม่รู้เอาเงินไปทำอะไรหมด ฉันหละห่วงว่าจะโดนพี่สาวยัยอะนามันปอกลอกเอาน่ะ”
“ดูซิ พวกเราอุตส่าห์เขี่ยนังอะนาหลุดออกไปได้แล้ว มันก็ยังจะส่งพี่สาวมันเข้ามาวุ่นวายกับพวกเราอีก นังเชื้อราฆ่าไม่ตาย”
“แต่พี่พายัพเค้าคงเอาตัวรอดหละน่ะ ว่าแต่เรื่องของเธอกะคุณณดลเหอะ ไปถึงไหนแล้วตอนนี้” เกตนิการ์ถาม
“จะถึงไหนล่ะ เธอก็รู้ว่าคุณณดลเป็นยังไง คนอะไร ใจแข็งชะมัด เป็นผู้ชายคนอื่นถ้าฉันเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ คงกระโจนกันเข้ามาแล้ว” นลิณาอวยตัวเอง
“แพรก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนปฏิเสธพี่นีน่าเหมือนกันค่ะ” แพรวาพูด
“ฉันก็มั่นมาตลอดว่าสวยเลือกได้ จนมาเจอคุณณดลนี่หละ”
“แล้วเธอจะทำยังไง...หรือว่าจะถอดใจแล้ว” เกตนิการ์ถามอีก
“ฝันไปเหอะ คนอย่างฉันเนี่ยนะจะยอมแพ้ จะบอกให้นะ ฉันมีไม้ตายเตรียมไว้จัดการคุณณดลแล้วย่ะ”
นลิณายิ้มร้ายๆ อย่างมั่นใจในแผนการของตน

พนารัตน์กับกอบชัยนั่งกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ณภัทรรีบเดินเข้ามานั่งด้วย
“อ้าว! แล้วพี่ชายแกล่ะ” พนารัตน์เอ่ยถาม
“ไม่อยู่ครับคุณแม่” ณภัทรตักอาหารกิน
“ณดลเค้าออกไปไหนเหรอ” กอบชัยถามต่อ
“นี่! หยุดกินแล้วตอบพ่อกับแม่มาก่อน” พนารัตน์ดุ
“ผมไม่รู้...” พนารัตน์ดุ
“แล้วเป็นพี่เป็นน้องกัน ทำไมแกไม่ถาม” พนารัตน์ว่า
“เอ๊า...ก็แล้วเป็นแม่เป็นลูกกัน ทำไมคุณแม่ไม่ถามพี่ณดลเองล่ะครับ” ณภัทรย้อน
“เจ้าภัทร นี่แกย้อนฉันเหรอ” พนารัตน์ฉุน
“ผมไม่ได้ย้อนครับ แต่ช่วงนี้พี่ณดลเค้าก็เอาแต่ซึมเศร้าทั้งวัน ผมเป็นแค่น้องเขา ผมไม่กล้าไปถามเซ้าซี้เค้าหรอกครับ”
“แล้วมีเรื่องอะไร ทำไมณดลเค้าต้องซึมเศร้าด้วย ใครทำอะไรเค้า” กอบชัยสงสัย
“เรื่องมันยาวนะครับ คุณพ่อคุณแม่อยากฟังจริงๆ หรือเปล่า”
“ก็ต้องอยากฟังสิ” กอบชัยหันมาหาพนารัตน์ “ใช่มั้ยคุณ”
“อย่ามาลีลาได้มั้ย แกรู้อะไรก็พูดออกมาเถอะน่ะ”
“ก็ได้...ผมจะเล่าให้ฟัง ว่าทำไมพี่ณดลถึงเป็นอย่างนี้”
ณภัทตัดสินใจรวางช้อนลงแล้วเล่าให้กอบชัยกับพนารัตน์ที่กำลังฟังอย่างตั้งใจ

ในคลับของพายัพ พายัพกำลังนั่งโงนเงนเพราะมึนเมาหลังจากที่ดื่มไปเยอะ บนโต๊ะตรงหน้ามีทั้งแก้วและขวดที่พร่องจนเกือบหมด พายัพเงยหน้ามาเห็นนักร้องสาวเซ็กซี่ยืนอยู่ตรงหน้า นักร้องสาวคนนั้นยื่นเอกสารให้
“นี่ค่ะคุณพายัพ”
“หือ? อะไร” พายัพก้มลงอ่านเอกสารแผ่นนั้น “ใบลาออก”
พายัพของขึ้นทันที เขาฉีกกระดาษเอกสารเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วปาใส่หน้านักร้องสาวคนนั้น
“อยากออกก็ไสหัวออกไปเลย ไม่ต้องมีใบลาออกให้ยุ่งยากหรอก ไป๊”
นักร้องสาวกัดฟันระงับความโกรธ
พายัพตวาดซ้ำ “ออกไป๊...”
นักร้องสาวเดินหนีออกไป พายัพฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วคร่ำครวญ
“ไอ้พวกเห็บหมา พอเห็นฉันกำลังจะตาย มันก็รีบโดดหนีไปหาที่เกาะที่ใหม่”
พายัพที่กำลังฟุบหน้ากับโต๊ะได้ยินเสียงผู้ชายถามขึ้น “ยังไงนะครับพี่”
“ก็ร้านนี้กำลังจะปิดกิจการ ไอ้พวกเห็บหมามันก็เลยรีบโดดหนี ยกขบวนกันลาออกไปหาที่อยู่ใหม่น่ะสิ...” พายัพพูดตอบแล้วก็นึกได้ รีบเงยขึ้นมอง
พายัพเห็นณดลยืนอยู่ต่อหน้า ณดลยกมือไหว้เขา
“สวัสดีครับพี่พายัพ”
“อ้าว..ณดล นั่งก่อนสิ เชิญๆ” พายัพโวยพนักงานเสิร์ฟ “อ้าวเฮ้ย..ไอ้พนักงานที่เหลืออยู่หายหัวไปไหนหมด รีบเอาเหล้ามาเลี้ยงคุณณดลเค้าสิ”
“ไม่ดีกว่าครับพี่ ผมแวะมาแป๊บเดียว ขอแค่น้ำเปล่าก็พอ เมื่อกี้ได้ยินว่าพี่จะเลิกร้านนี้แล้ว”
“เอ่อ...ก็..ทำนองนั้น พี่ขอติดค่าเช่าร้านไว้ก่อนนะ”
“เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ผมไม่ได้มาทวงค่าเช่าร้านหรอกพี่”
“อ้าว...แล้ว...ณดลมาทำอะไรเหรอ”
“ผมอยากจะปรึกษาพี่น่ะ พี่รู้เรื่องอะนากับเจ้าภัทรแล้วใช่มั้ย”
พายัพพยักหน้า “น้องเกดเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว ณดลจะมาปรึกษาพี่เรื่องนี้ใช่มั้ย”
ณดลถอนใจเสียงดัง “ผมไม่รู้จะถามใครได้ นอกจากพี่ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีๆ กับเค้า และเค้าก็น่าจะรู้สึกดีๆ เช่นกัน แต่ในความรู้สึกดีๆ ของผมนั้น ผมยังมีอคติ แล้วก็ยังโกรธที่เค้าโกหกหลอกลวง ทำให้ผมเป็นไอ้งั่งมาตลอด”
พายัพแทรกขึ้น “ณดล ฟังพี่นะ” พายัพพูดเน้นอย่างเป็นเรื่องสำคัญ “อย่าได้ปล่อยให้เค้าหลุดลอยไป”
“อะไรนะครับ”
“ผู้หญิงคนนึงที่รักเราน่ะ มีค่ามากที่สุดเลยรู้มั้ย พี่ก็เพิ่งเข้าใจเรื่องนี้ ตอนที่เดือดร้อน ไม่เหลือใคร แต่มีธัญญายื่นมือมาช่วยเหลือพี่น่ะ”
ณดลพยักหน้าคล้อยตาม
“จำไว้นะ ถ้ามีผู้หญิงแบบนี้เข้ามาในชีวิตเรา ให้กอดเค้าไว้ อย่าปล่อยให้เค้าหายไปจากชีวิตเรา...เชื่อพี่”
ณดลพยักหน้าพอใจเหมือนได้คำตอบที่ตรงกับใจของเขาแล้ว

พนารัตน์กับกอบชัยอยู่ในชุดนอน ทั้งสองนั่งข้างๆ กันด้วยท่าทางยังช็อคๆ เบลอๆ อยู่ที่ห้องรับแขก
“นี่เรื่องจริงเหรอ ณดลเนี่ยนะ จะแอบชอบยัยอะนามาตั้งนานแล้ว” กอบชัยช็อค
“โถ...ถ้าณดลรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็คงรู้สึกผิด แล้วก็ทรมานมากๆ เลยนะ” พนารัตน์บอก
“ใช่...ผมเข้าใจความรู้สึกเลยนะ ลูกผู้ชายอย่างเรา ถ้าดันไปชอบเมียของน้องตัวเอง ก็คงต้องเจ็บปวด แล้วก็รู้สึกผิดมากๆ เลยหละ” ณภัทรพูด
“แต่ตอนนี้ณดลเค้าก็รู้แล้วนี่ว่าอะนาไม่ได้เป็นเมียเจ้าภัทรจริงๆ ซะหน่อย” พนารัตน์เอ่ยขึ้น
“นั่นสิ ถ้าณดลจะชอบยัยอะนา ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้วนี่” กอบชัยเห็นด้วย
“แต่อย่าลืมว่าพี่ณดลเพิ่งไล่ตะเพิดอะนาออกจากบ้านแทบไม่ทันแบบนั้น” ณภัทรบอก
“อย่าว่าแต่ณดลเลย ฉันเองก็ออกตัวแรงใส่เค้าเหมือนกัน” พนารัตน์เริ่มสำนึกผิด
“แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ผมว่าการช่วยอะนา ก็เท่ากับช่วยพี่ณดลด้วยนะครับ”
“ช่วยยัยเนี่ยนะ ช่วยทำไม” พนารัตน์ถาม
“คุณรัตน์ คุณยังเคยพูดเลยว่าเด็กคนนี้ฉลาด เก่งทั้งงานบ้านงานเรือน แล้วก็ยังช่วยงานของณดลได้อีกด้วย” กอบชัยพูด
“นั่นฉันพูดก่อนที่จะรู้ว่าแม่นี่มีอาชีพรับจ้างต้มตุ๋นหลอกลวงชาวบ้านนี่ยะ” พนารัตน์บอก
“รับจ้างต้มตุ๋นอะไรครับคุณแม่ ผมตามเอาเงินไปให้ถึงมือ เค้ายังไม่เอาเลย” ณภัทรเล่า
กอบชัยทึ่ง “จริงเหรอ นี่แกแกล้งพูด เพราะจะช่วยเพื่อนหรือเปล่า”
“เรื่องจริงครับคุณพ่อ เค้าไม่ยอมรับเงินผมเลยซักบาท คนอย่างงี้ คุณพ่อคุณแม่คิดว่าหัวใจเค้าธรรมดามั้ยล่ะ”
กอบชัยกับพนารัตน์หันมองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา
“หรือว่า...เราคงต้องทบทวนกันใหม่เกี่ยวกับยัยอะนานี่ซะแล้ว” กอบชัยบอก
“โอ๊ย...เอาไว้ก่อนเถอะย่ะ พรุ่งนี้เราต้องยกขบวนกันไปบ้านคุณเสรีแต่เช้า” พนารัตน์ตัดบท
“ไปทำอะไรเหรอครับคุณแม่” ณภัทรถาม
“ก็ไปคุยเรื่องแกกับหนูแพรน่ะสิ” พนารัตน์บอก
ณภัทรสะอึกและเริ่มเครียดไปทันที

ณภัทรนั่งซึมเศร้าและเหม่อลอยอยู่ที่หน้าบ้านของเขา เขาหวนคิดถึงเมธาวีและเรื่องดีๆ ที่เคยเกิดขึ้น
ภาพเหตุการณ์ในอดีตแวบขึ้นมาในหัวของณภัทร ตอนที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันในปราสาทเก่าที่อังกฤษ เมธาวีผวาหันมากอดณภัทรและเอาหน้าซุกไปที่อกเสื้อของณภัทร เธอหลับตาปี๋ด้วยความกลัวผี ณภัทรตาโตเพราะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เขายกมือเก้ๆ กังๆ แล้วก็โอบเบาๆ ปลอบเมธาวี
ภาพตอนที่ณภัทรเดินเล่นกับเมธาวี ณภัทรยิ้มเพราะรู้สึกดีกับเมธาวีไม่น้อย

ขณะเดียวกัน เมธาวีซึ่งนั่งอยู่หน้าบ้านอัธวุธก็กำลังเหม่อเศร้าเพราะคิดถึงณภัทรอยู่เช่นกัน
ภาพเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่เธออยู่กับณภัทรแวบขึ้นมาในหัว วันที่ณภัทรช่วยสวมสร้อยให้เมธาวีที่กำลังยิ้มแก้มปริเพราะคิดฝันไปไกลว่าณภัทรรักเธอ ณภัทรช่วยสวมสร้อยให้จนเสร็จแล้วก็มองอย่างชื่นชม เมธาวีได้แต่ยิ้มปลื้มอย่างมีความสุข
ภาพตอนที่เมธาวีประคองณภัทซึ่งเมามากรมาที่เตียง เมธาวีจะปลดแขนณภัทรออก แต่กลายเป็นว่าแขนของณภัทรโน้มคอเมธาวีจนหน้าคะมำลงไปจุ๊บที่แก้มของณภัทรเต็มๆ เมธาวีตาโตตกใจ แต่แล้วแววตาของเธอก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแฮปปี้
ภาพตอนที่เมธาวีเช็ดหน้าให้ณภัทรอย่างทะนุถนอม เมธาวียิ้มเพราะรู้สึกดีๆ และคิดถึงณภัทรจับใจ

ณภัทรก็กำลังคิดถึงเมธาวีและยิ้มอย่างรู้สึกดีๆ อยู่เช่นกัน
ณภัทรคิดถึงตอนที่เขากับเมธาวีกำลังชื่นชมทิวทัศน์ยามแสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าจากมุมสูงบนปราสาทเก่า แล้วหันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข วันนั้นณภัทรจับมือเมธาวี ณ บนจุดชมวิวของปราสาทเก่า
ณภัทรนึกถึงเรื่องในวันนั้นแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข เขาพูดกับตัวเองด้วยความเชื่อมั่น
“จะให้แต่งงานกับคนอื่นคงไม่ได้แล้วหละ...”

เช้าวันใหม่ เสรีแต่งตัวเต็มยศนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน นลิณาแต่งตัวสวยเดินเข้ามา
“อืม...สวยจังเลยลูกพ่อ แล้วว่าที่เจ้าสาวของเราล่ะ” เสรีถาม
“เดี๋ยวก็ลงมาแล้วหละค่ะคุณพ่อ” นลิณาเหลียวมองให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ แล้วจึงนั่งลงใกล้ๆ เสรีแล้วพูดเบาๆ “แล้วตอนนี้ เอ่อ..เรื่องงานของคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ”
เสรีหนักใจ “ก็...อย่ารู้เลยลูก รู้ไปก็ไม่สบายใจเปล่าๆ”
“แต่คุณพ่อขา...นีน่ารักคุณพ่อนะคะ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ขอให้นีน่าได้รับรู้ เผื่อจะได้ช่วยแบ่งเบาคุณพ่อบ้างน่ะค่ะ”
เสรีกอดลูกอย่างซาบซึ้ง “ขอบใจนะลูก แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพอน้องแพรได้แต่งกับบ้านนั้น สถานการณ์ของเราก็คงจะดีขึ้น”
“แล้วถ้าไม่ได้แต่งล่ะคะ” นลิณาถามกลับ
“พูดอะไรแบบนั้นลูก” เสรีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าทางนั้นกล้าเบี้ยวพ่ออีกที คราวนี้พ่อไม่เอามันไว้แน่”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพ่อ ยังไงซะ หลุดจากน้องแพรกับนายภัทร ก็ยังมีนีน่ากับคุณณดลอีก”
เสรียิ้มรับแล้วหันไปมองทางหนึ่ง แล้วเขาก็ถึงกับตกตะลึง นลิณาเห็นเสรีชะงักไปจึงหันมองตาม ทั้งสองเห็นแพรวาอยู่ในชุดสวยและเซ็กซี่กำลังเดินมาอย่างขัดๆ เขินๆ
“น้องแพร...นี่ลูกสาวพ่อเป็นสาวเต็มตัวแล้วใช่มั้ยนี่” เสรีเอ่ยขึ้น
“เห็นมั้ยว่าเอาชุดฉันไปใส่แล้วดูเซ็กซี่ขึ้นตั้งเยอะ” นลิณาบอก
แพรวายิ่งเขิน “แต่แพรใส่แล้วไม่มั่นใจเลยอ่ะค่ะ มันโป๊หรือเปล่าคะ หรือแพรไปเปลี่ยนชุดใหม่ดีกว่า” แพรวาหันไป
เสรีกับนลิณารีบพูดออกมาพร้อมกัน “ไม่ต้อง”
แพรวาหันมามองด้วยสีหน้าที่ยังไม่มั่นใจ
“ลูกพ่อก็สวยเฉี่ยวดีออก” เสรีชม
“หัดแต่งตัวแบบนี้บ้างเหอะย่ะ เลิกทำตัวเป็นยัยบื้อซะที” นลิณาว่า
แพรวาหน้าแหยเพราะรู้สึกอึดอัดและไม่เป็นตัวของตัวเอง

ณดล พนารัตน์ และกอบชัยซึ่งแต่งตัวภูมิฐานเรียบร้อยนั่งแกร่วรออยู่ที่ห้องรับแขกอย่างกระวนกระวาย
“นี่!ณดล ขึ้นไปตามเจ้าภัทรมาทีซิ จะไปมั้ยเนี่ย นี่ก็เลยเวลานัดเค้าแล้วนะ” พนารัตน์สั่งลูกชาย
“ครับคุณแม่” ณดลขยับลุกขึ้น
กอบชัยพูดกับพนารัตน์ “หรือเจ้าภัทรมันคงอยากจะแต่งตัวให้ดีๆ สมกับที่จะไปขอลูกสาวเค้า...หา!!” กอบชัยชะงักแล้วมองไปแล้วเห็นณภัทรอยู่ในชุดลำลองปอนๆ ไม่เป็นทางการกำลังเดินเข้ามา
พนารัตน์กับกอบชัยกุมขมับหันมองหน้ากัน ณดลมองพ่อกับแม่แล้วหันไปดุณภัทร
“ไอ้ภัทร ฉันรู้นะว่าแกไม่เต็มใจ แต่แกจะไปแบบนี้จริงๆ เหรอ”
“ก็ตัวตนจริงๆ ผมเป็นแบบนี้ ทำไมถึงต้องคอยคาดหวังจะให้ผมเป็นอย่างที่ทุกคนต้องการด้วยล่ะครับ” ณภัทรบอก
“แต่ถึงยังไงแกก็ควรจะแต่งตัวให้เกียรติทางบ้านโน้นเค้าบ้าง รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะไป๊” ณดลเดินเข้ามาพูดใกล้ๆ อย่างเข้าใจณภัทรถ้าแกมีอะไรจะพูดหละก็...เก็บไว้ก่อน แล้วค่อยไปพูดที่บ้านโน้น”
ณภัทรมองณดลอย่างประหลาดใจ ณดลยิ้มขยิบตาเหมือนส่งซิกให้กำลังใจให้น้องชายตัวเอง

เสรีนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีนลิณาขนาบข้าง พนารัตน์ กอบชัย ณดลนั่งด้วยกันที่โซฟาตรงข้าม ณภัทรซึ่งแต่งตัวเรียบร้อยภูมิฐานนั่งอยู่ข้างๆ แพรวา ทุกคนนั่งเกร็ง มีเพียงเสรีกับนลิณาที่ยิ้มแย้มอย่างสบายใจ
“เอ่อ...วันนี้ดูเหมือนทุกคนจะเกร็งๆ เงียบๆ กันไปหมดนะ” เสรีเอ่ย
“งั้นคุณพ่อสรุปเลยดีกว่ามั้ยคะ แล้วเดี๋ยวจะได้ออกไปทานมื้อกลางวันกัน” นลิณาพูด
“อืม...งั้นผมขออนุญาตสรุปนะ คุณกอบ คุณรัตน์” เสรีเข้าเรื่อง
กอบชัยกับพนารัตน์รับคำพร้อมกัน “ครับ / ค่ะ คุณเสรี”
“คือผมอยากจะรวบรัดให้พิธีหมั้นตอนเช้า แล้วก็แต่งในคืนนั้นไปเลย ดูฤกษ์ไว้คร่าวๆ ในปลายเดือนหน้าก็มีวันที่ดีๆ อยู่”
“ปลายเดือนหน้าเลยเหรอคะ” พนารัตน์ถาม
“ไม่รีบร้อนไปหน่อยเหรอครับคุณเสรี” กอบชัยท้วง
“รีบร้อนอะไรกัน จะว่าไป...สำหรับผม เรารอวันนี้มานานเกินไปแล้ว” เสรีบอก
“ขอโทษนะครับ...เรา” ณดลหันหน้าไปมองทางณภัทรกับแพรวา “จะไม่ถามเจ้าตัวเค้าบ้างเลยเหรอครับ”
“ถ้าจะต้องถามกันขนาดนั้น แล้วเราจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ไว้เป็นแค่หัวตอรึไง” เสรีว่า
ณดลผงะเพราะไม่ค่อยพอใจกับคำพูดเสรี แต่ก็พยายามสะกดอารมณ์ไว้ พนารัตน์ขยับจะพูดปกป้องณดล แต่กอบชัยส่ายหน้าปรามเอาไว้
“งั้นสรุปตามนี้ มีใครจะคัดค้านอะไรมั้ย” เสรีถาม
ทุกคนนิ่งเงียบ ณภัทรกับแพรวาหลบตานั่งนิ่ง แต่ในใจของทั้งคู่แทบระเบิดออกมา เพราะอยากจะเอ่ยปากคัดค้าน แต่ก็ไม่กล้า ณภัทรเหลือบมองไปทางณดล ณดลก็ลอบมองณภัทรเหมือนจะเชียร์ให้ณภัทรคัดค้านออกมา
“ถ้างั้นผมขอพูดต่อเรื่อง....” เสรีพูดต่อ
ณภัทรโพล่งออกมา “ผมคัดค้านครับ”
เสรีกับนลิณาถึงกับหันขวับ พนารัตน์กับกอบชัยก็ช็อคแล้วหันมองไปที่ณภัทร ณดลส่งยิ้มและพยักหน้าให้ณภัทร
เสรีไม่พอใจอย่างแรง “เมื่อกี้ว่าไงนะ”
ณภัทรรวบรวมความกล้าพูดออกมา “คือ...ผม แล้วก็น้องแพร...เราสองคนไม่ได้อยากจะแต่งงานกันหรอกครับ”
“ภัทร นายจะมาพูดแทนน้องสาวฉันได้ไง ใครบอกว่าน้องแพรไม่ได้อยากแต่งงานกับนาย” นลิณาท้วง
ณภัทรมองไปที่แพรวา “ก็น้องแพรบอกเองน่ะสิ จะมีใครล่ะ”
นลิณาผุดลุกขึ้นถามเสียงกรรโชก “จริงเหรอยัยแพร”
“เอ่อ...คือ... “ แพรวายังไม่กล้าพูดความจริงต่อหน้าพ่อและพี่สาวของเธอ
“เอาหละ...เอาหละ นั่งลงก่อนนีน่า” เสรีปราม
นลิณายอมนั่งลง
“เด็กๆ เงียบๆ ก่อน ให้ผู้ใหญ่คุยกันเองดีกว่า” เสรีหันไปหากอบชัยกับพนารัตน์ “คุณสองคนควรจะว่ากล่าวตักเตือนทางคนของคุณบ้างนะ”
กอบชัยกับพนารัตน์ก้มหลบตา “เอ่อ...ค..ครับ / ค่ะ”
“แล้วทางคุณจะสรุปว่าไง” เสรีถาม
“ก็...แล้วแต่ค่ะ” พนารัตน์บอก
“แล้วแต่ทางผม?” เสรีถาม
พนารัตน์เงยหน้าขึ้นมาพูดเสียงเข้ม “แล้วแต่เด็กๆ เค้าสิคะ ถ้าลูกชายฉันกับลูกสาวคุณเสรีไม่ได้อยากจะแต่งงานกัน แล้วจะให้ฉันไปบังคับเค้าเนี่ยนะคะ”
“ใช่...ทางผมบังคับคนของผมได้” เสรีมองไปทางแพรวา
“แต่ทางฉันคงไม่กล้าไปบังคับจิตใจลูกขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ณภัทรมองพนารัตน์อย่างรู้สึกใจชื้นที่แม่ให้การสนับสนุนเขา
เสรีตบโต๊ะดังเปรี้ยง! พร้อมยื่นหน้าตวาดใส่พนารัตน์ทันที “นี่คุณกล้าพูดต่อหน้าผมแบบนี้เหรอ”
กอบชัยออกตัวปกป้อง “ขอโทษนะครับคุณเสรี เราคุยกันดีๆ ไม่ต้องแสดงท่าทางคุกคามกันก็ได้นะครับ”
เสรีหันมาตวาดใส่กอบชัย “คุณก็อีกคนเหรอ”
“ผมกับคุณรัตน์นอนคุยปรึกษากันมาทั้งคืน” กอบชัยบอก “โลกยุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว กระทั่งคู่ที่รักกัน อยากแต่งกันยังหย่าร้างเป็นว่าเล่น แล้วคิดว่าคู่ที่ถูกบังคับคลุมถุงชนจะไปกันรอดเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ชีวิตคู่น่ะ เป็นส่วนสำคัญของชีวิต ฉันไม่ยอมให้ลูกชายฉันต้องใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไม่มีความสุข เพราะต้องใช้ชีวิตคู่กับคนที่เขาไม่ได้รักหรอกนะคะ” พนารัตน์สนับสนุนสามี
“ใช่ครับ ผมต้องขอโทษทุกคน ผมมีคนที่ผมรักแล้วน่ะครับ” ณภัทรบอก
“ใครกันยะ นี่อย่าบอกนะว่า...” นลิณาตะหงิดใจ
“ผมรักเม” ณภัทรเอ่ยออกมา
“หา?! ฉันนึกว่ายัยอะนาซะอีก” นลิณางง
ณดลเห็นโอกาสจึงพูดออกมา “คนที่ชอบอะนา จริงๆ คือผมต่างหาก”
นลิณาช็อค “คะ..คุณณดล”
ทุกคนอึ้งและหันมามองณดลเป็นตาเดียว นลิณาเสียใจ ฟูมฟายจะเป็นลม เสรีรีบประคองลูกสาวไว้ “นีน่า!”
ณภัทรก็ตกใจ เขาหันมามองหน้าณดล ณดลสบตาตอบ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ ที่ต่างคนก็ต่างได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแล้ว










Create Date : 12 เมษายน 2555
Last Update : 12 เมษายน 2555 16:07:29 น.
Counter : 213 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]