All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 7



เช้าวันใหม่ อนามิกาเดินมาที่หน้าห้องนอนของณดลแล้วเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน เธอจึงเคาะถี่ๆ ซ้ำอีก

“คุณณดล...จ๊อด...” อนามิกาเคาะประตูซ้ำอีก “สายแล้วยังไม่ยอมตื่น”
อนามิกาลองบิดลูกบิดประตูจึงพบว่าประตูไม่ได้ล็อก อนามิกาจึงผลักประตูเข้าไป

อนามิกาเดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับร้องเรียกณดลกับจ๊อด
“ตื่นกันหรือยัง...อ้าว!”
อนามิกามาหยุดยืนที่ข้างเตียง เธอเห็นผ้าห่มหลุดลุ่ยที่ยังไม่ได้พับ แต่ไม่มีใครนอนอยู่บนเตียงแล้ว
“ตื่นกันหมดแล้วเหรอ”
อนามิกาหันกลับมาอีกทาง ก็ถึงกับผงะเพราะเธอเห็นณดลนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ ณดลเห็นอนามิกายืนอยู่ก็ตกใจเช่นกัน
“ว๊าย!”
ณดลเอาผ้าที่เสร็จศีรษะมาปิดตัวไว้ แล้วโวยใส่อนามิกา “เธอเข้ามาทำไม”
อนามิกาเบือนหน้าหนี “ฉันเข้ามาหาไอ้จ๊อดน่ะ”
“อ้าว! เด็กนั่นไม่ได้อยู่กับเธอเหรอ ฉันตื่นมาก็ไม่เจอแล้วนะ” ณดลบอก
อนามิกาหน้าตื่นแล้วหันมามองหน้าณดล “หา!?”

อนามิกาเดินหาจ๊อดอยู่ภายนอกตัวบ้าน เธอเดินก้มๆ เงยๆ มองหาจ๊อดในบริเวณที่คิดว่าจ๊อดอาจจะอยู่
อนามิกาเรียกด้วยน้ำเสียงใจดี “จ๊อด...” สักพักเธอเริ่มเครียด “จ๊อด...” จนกระทั่งเธอชักจะร้อนใจ “จ๊อด!”
ณดลเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางร้อนใจเช่นกัน
“เจอมั้ย หรือว่าแอบหนีออกไปเล่นข้างนอกโน่น”
อนามิกากับณดลใจหายวาบ ก่อนจะหันไปแล้วเดินไปที่รั้ว พลันได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของศรีดังมาจากครัว “กรี๊ด!!”
อนามิกากับณดลหันมามองหน้ากัน แล้วหันกลับไปมองที่ตัวบ้านทันที

ควันโขมงเต็มครัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงไอค่อกแค่กของศรีและจ๊อดที่บริเวณทางเข้าครัว ณดลกับอนามิกาวิ่งมาเห็นแล้วจึงหยุดยืนหน้าตาตื่น
“ไฟไหม้!” อนามิการ้องเสียงดัง
ณดลรีบหันกลับไป “ไปเอาถังดับเพลิงก่อนนะ”
“จ๊อด...ศรี ออกมาทางนี้เร็ว” อนามิการ้องบอก
“พี่อะนา” จ๊อดร้องเรียก
จ๊อดกับศรีไอค่อกแค่กเพราะสูดควันเข้าไปมากเลยนั่งหมดแรงอยู่กับพื้น สักพักณดลก็ถือถังดับเพลิงย้อนกลับมาแล้วลุยเข้าไปกลุ่มควัน “หลบไป”
อนามิการีบหลีกทางให้ ณดลยืนจังก้าพร้อมกับฉีดพ่นสารดับเพลิงเข้าไป

ศรีกับจ๊อดขาวโพลนไปทั้งหน้าทั้งตัวเพราะถูกสารดับเพลิง ทั้งสองยืนก้มหน้าเหลือบตาจ๋อยๆ มองทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขก มีทั้งกอบชัยกับพนารัตน์ที่นั่งอยู่ และณดล ณภัทร อนามิกาก็อยู่บริเวณนั้นด้วย
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่ หา?!” กอบชัยถาม
“ก็..ก็เด็กนี่สิคะ ไม่รู้ใส่อะไรลงในกระทะ ไฟงี้ลุกพรึ่บขึ้นมาเลยค่ะ” ศรีรีบบอก
“เพราะไอ้เด็กนี่เองเหรอ ศรี เธอรีบไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปทำความสะอาดครัวซะให้เรียบร้อย” พนารัตน์สั่ง
“ค่ะคุณรัตน์” สรีรับคำแล้วเดินออกไป
กอบชัยหันมาพูดกับพนารัตน์ “จะเอาไงกันดีเนี่ยคุณ”
“จะเอาไงล่ะ เด็กมันก่อปัญหา เราก็เอาตัวปัญหาออกไปสิ” พนารัตน์บอก
“แต่คุณแม่ครับ เด็กมันไม่ได้ตั้งใจ” ณภัทรช่วยพูด
“เงียบไปเลย ไม่ต้องมาเถียงแทน” พนารัตน์จ้องมองอนามิกา “ฉันไม่ไล่ไอ้คนที่เอาตัวปัญหาเข้ามาก็บุญแค่ไหนแล้ว”
จ๊อดรู้สึกผิด หน้าของเขาเริ่มเหยเกทำท่าเหมือนจะร้องไห้ อนามิกาเดินเข้าไปโอบปลอบ
“จ๊อด...รีบขอโทษ..เร็ว” อนามิกาบอก
จ๊อดค่อยๆ ยกมือไหว้กอบชัยกับพนารัตน์ “ขอโทษครับ”
พนารัตน์ทำเมิน แล้วพูดกับอนามิกา “เธอรีบพาไอ้เด็กนี่ออกไปจากบ้านฉัน เดี๋ยวนี้!”
“เอ่อ..ค่ะ คุณผู้หญิง” อนามิกาจูงจ๊อดกำลังจะพาออกไปแต่ณดลเรียก
“เดี๋ยว! เธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
อนามิกาชะงักแล้วหันไปมองณดลที่ลุกไปหาพนารัตน์แล้วกระซิบกับพนารัตน์เบาๆ
“คุณแม่ครับ เด็กนี่อยู่อีกแค่คืนเดียว เราให้เค้าอยู่ต่อเถอะนะครับ”
อนามิการู้สึกประหลาดใจเพราะไม่คิดว่าณดลจะออกตัวช่วยตน
“เอ๊ะ! ยังไงกันณดล แม่ว่าแม่พูดชัดเจนแล้วนะ” พนารัตน์ว่า
“แต่คุณแม่ครับ ผมขอร้อง เด็กนี่เพิ่งย้ายมาจากเมืองนอกยังไม่รู้จักใครที่นี่ถ้าไม่นอนบ้านเรา จะให้เค้าไปนอนที่ไหน” ณดลบอก
อนามิการีบมาพูดสมทบอีกคน “หรือคุณผู้หญิงอยากเห็นเด็กมันต้องไปนอนตามสะพานลอย ตามป้ายรถเมล์ ต้องนอนตากยุง ไหนจะพวกมิจฉาชีพอีก แล้วก็ยังมี...”
“พอๆๆ ฉันก็ไม่ได้ไร้มนุษยธรรมขนาดนั้น ถ้างั้น” พนารัตน์ชี้ที่อนามิกา “เธอ ต้องดูแลให้ใกล้ชิดทุกฝีก้าว แล้ว...” พนารัตน์ชี้ที่ณภัทร “แล้วภัทรก็ต้องช่วยดูด้วย”
ณภัทรยิ้มอย่างเต็มใจ “ได้เลยครับคุณแม่”
จู่ๆ พนารัตน์ก็เปลี่ยนใจ “ไม่เอาดีกว่า แกสองคนก็พวกเดียวกัน ฉันไม่ไว้ใจ” พนารัตน์หันมาที่ณดล “ฝากกับณดลสบายใจกว่า แม่ฝากด้วยนะ”
“ได้ครับคุณแม่ ผมจะคอยจ้องดูไม่ให้คลาดสายตาเลยหละครับ”
ณดลจ้องอนามิกากับจ๊อดด้วยสายตาจับผิด อนามิกามองตาขวางๆ ตอบโต้ ในขณะที่จ๊อดได้แต่ก้มหน้าจ๋อยเพราะรู้สึกผิด

นลิณากับเกตนิการ์เดินดูเสื้อผ้าในโครงการที่มีร้านเมธาวีตั้งอยู่ โดยมีแพรวาตามมาติดๆ
“นี่มันอะไรกันยัยเกด ไหนบอกจะพาฉันกับน้องแพรมาหานายภัทร แล้วไหงพามานี่ ฉันไม่มีกะใจจะมาช็อปปิ้งหรอกนะ”
“ก็ที่นี่แหละ เดินตามมาเหอะน่า” เกตนิการ์บอก
“แล้วทำไมพี่เกดถึงรู้ว่าคุณภัทรเค้าอยู่แถวนี้ล่ะคะ” แพรวาเอ่ยถาม
“ก็เพราะว่าฉันโทรคุยกับนายภัทรแล้วเค้าบอกน่ะ”
นลิณาหยุดเดินทันที แล้วฉุดแขนเกตนิการ์ไว้ “เดี๋ยวนะยัยเกด แล้วเธอมีธุระอะไรถึงต้องโทรหานายภัทรเค้าด้วยเนี่ย”
“ก็ฉัน...เอ่อ...ฉัน...” เกตนิการ์อึกอัก “ไม่มีอะไรหรอกน่า...มา...ตามฉันมา”
เกตนิการ์เดินนำไป นลิณาหยุดยืนมองตามอย่างไม่ไว้ใจ แพรวามองนลิณาอย่างงงๆ และอดสงสัยไม่ได้
“มีอะไรเหรอคะพี่นีน่า”
“ก็ไม่รู้สินะ แต่ฉันจะชักจะรู้สึกยังไงๆ กับเพื่อนคนนี้แล้วสิ ดูเหมือนเค้าจะสนใจนายภัทรของเธอมากเกินไปแล้ว”
เกตนิการ์หันขวับมา “เธอพูดถึงฉันรึเปล่านีน่า”
“เปล่าจ้ะ” นลิณาตอบ “แล้วนี่ตกลงนายภัทรเค้าจะมาทำอะไรแถวนี้”
“เค้าก็มาร้านยัยเมน่ะสิ” เกตนิการ์บอก
“เม?...ใครเหรอคะ” แพรวาสงสัย
“ก็เป็นพวกเดียวกับยัยอะนา ที่จ้องจะงาบนายภัทรน่ะสิ” เกตนิการ์บอก
นลิณาปรายตาประชดเกตนิการ์ “ก็คล้ายๆ กับพวกเดียวกันกับเรา แต่จ้องจะงาบนายภัทรเหมือนกันใช่มะ”
เกตนิการ์สะดุ้ง แต่รีบเก็บอาการ “เธอพูดอะไรของเธอนีน่า ฉันไม่เข้าใจเลย”
“เธอไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรจ้ะ แค่จำไว้ว่า ฉันไม่โง่ เธอคิดจะทำอะไร ก็เกรงใจฉันหน่อยแล้วกัน”
เกตนิการ์สะดุ้งที่นลิณารู้ทันจึงได้แต่หลบตาแล้วเดินต่อไป

เกตนิการ์เดินนำนลิณากับแพรวามาหยุดยืนหน้าร้านเสื้อผ้าของเมธาวี
“นี่ไง...ร้านของยัยเม” เกตนิการ์บอก
นลิณายิ้มร้ายๆ แล้วเดินพุ่งเข้าไป ณภัทรกับเมธาวีเห็นนลิณาเดินเข้ามาก็ประหลาดใจ
“ว่าไงจ๊ะแม่ค้า” นลิณาทักแล้วพูดกับณภัทร “แล้วนี่ไม่ต้องดูแลเมียท้องป่องที่บ้านหรอกเหรอ”
“นีน่า...เกด อ้าว! คุณแพรก็มาด้วยเหรอ” ณภัทรเอ่ยทัก
“คุณแพร?” เมธาวีสงสัย
“น่าน...ทำงง ก็แพรวา คนที่ว่าจะหมั้นกับนายภัทร แล้วโดนยัยอะนาฉกไปนั่นแหละจ้ะ” นลิณาบอก
“นีน่า...ไม่เอาน่า” ณภัทรพูดกับแพรวา “คุณแพร รู้จักกับเมสิ”
แพรวายิ้มให้อย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะคุณเม เสื้อผ้าในร้านสวยดีนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าคุณแพรสนใจล่ะก็...จะลดให้เป็นพิเศษเลยหละค่ะ” เมธาวีบอก
แพรวาดีใจ “เหรอคะ”
แพรวารีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาเลือกดูอย่างดีใจ นลิณารีบคว้าแขนรั้งตัวน้องสาวไว้
“นี่! หยุดเลยยัยแพร เธอยังจะไปอุดหนุนพวกมันทำไม”
“แต่เสื้อเค้าก็สวยดี แล้วเค้าจะลดให้ด้วย” แพรวาบอก
นลิณาตวาดทันที “ต่อให้มันแจกฟรี ยังคิดดูก่อนเลย”
เกตนิการ์สะกิดแพรวาแล้วกระซิบ “ก็บอกแล้วไงว่ายัยเมเป็นพวกเดียวกับยัยอะนา มารหัวใจของเธอน่ะแพร”
นลิณาเดินหยิบเสื้อผ้าแบบชุ่ยๆ เพราะตั้งใจจะป่วนร้าน
“เนี่ยนะ..สวย เพิ่งกลับมาไม่กี่วัน เอาเวลาที่ไหนมาทำเสื้อผ้ายะ”
“ช่วงเริ่มต้นนี่ก็ซื้อมาขายก่อนน่ะ แต่ก็เริ่มทยอยออกแบบเองบ้างแล้วหละ” เมธาวีตอบ
นลิณาหยิบเสื้อผ้าตัวโน้นตัวนี้ออกจากราวแขวน แล้วโยนพาดคืนที่ราวแขวนแบบชุ่ยๆ “เสียแรงที่อุตส่าห์ไปเทคคอร์สที่ลอนดอน นี่เธอเลือกเสื้อผ้ามาขายยังไงยะ ทำไมมันเชยๆ บ้านๆ ไม่มีลูกเล่นเอาซะเลย”
“คือเสื้อผ้าแบบเรียบๆ ไม่หวือหวามันใส่ได้จริงๆ แล้วก็น่าจะขายง่ายกว่าน่ะ เอ่อ..ขอร้องหละนะ ดูแล้วเก็บคืนที่เดิมได้มั้ย” เมธาวีบอก
“ทำไม มีปัญหาเหรอยะ ฉันจะโยนไว้ตรงไหนก็เรื่องของฉัน ก็ได้..ฉันไม่โยนไว้ตรงนี้ก็ได้ งั้นฉันจะโยนใส่หน้าเธอนี่แหละ”
พูดจบนลิณาก็โยนเสื้อผ้าที่ถืออยู่ใส่หน้าของเมธาวี จนเสื้อคลุมปิดหน้าของเมธาวี
ณภัทรขยับเข้าหา “นีน่า ทำเกินไปแล้ว”
เกตนิการ์รีบมาขวางไว้ “ไม่มีอะไรหรอกน่าภัทร เพื่อนฝูงแค่หยอกกันเล่น”
เมธาวีเอาเสื้อที่ปิดหน้าออกแล้วมองนลิณาอย่างโกรธเคือง
“มองหน้าหาเรื่องเหรอ” นลิณาถาม
แพรวารีบมาขวางนลิณาไว้ “พี่นีน่า พอเถอะค่ะ เรากลับกันดีกว่า” แพรวาหันมาทางเมธาวี “ขอโทษนะคะคุณเม”
“ไปขอโทษมันทำไม เราไม่ได้ทำของมันเสียหายอะไรซักหน่อย แค่เลือกแค่รื้อดูหน่อยก็บ่น เป็นคนค้าขายประสาอะไร” นลิณาบ่น
“พี่นีน่า แพรขอร้องหละค่ะ เรากลับกันดีกว่า” แพรวาพูดกับเมธาวี “ไปก่อนนะคะ เดี๋ยววันหลังมาอุดหนุน”
แพรวาดึงแขนนลิณาออกไป นลิณาทำท่าฮึดฮัดแต่ก็จำใจปล่อยให้แพรวาดึงออกไป เกตนิการ์ก็ทำท่าจะเดินตามไป แต่ก่อนเดินออกไปเธอหันมากระซิบกับณภัทร
“แล้วเจอกันนะณภัทร” แล้วเกตนิการ์ก็เดินออกไป
ณภัทรกับเมธาวีมองตามไป
“คุณแพรดูเป็นคนดีจังเลยนะ ทำไมถึงไม่ชอบเค้าล่ะภัทร” เมธาวีถาม
“อะไรกัน ยัยอะนาก็ถามฉันแบบนี้ ตกลงทุกคนอยากให้ฉันแต่งงานกับคุณแพรใช่มั้ย”
“ก็เค้าดูเป็นคนดีจริงๆ นี่นา แถมหน้าตาน่ารักอีกต่างหาก” เมธาวีย้ำ
“ก็ใช่! แต่ฉันไม่ได้ชอบเค้าแบบนั้นนี่” ณภัทรบอก
“คนดีๆ น่ารักๆ กลับไม่ชอบ แล้วนายชอบแบบไหนเหรอภัทร” เมธาวีถาม
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ จะว่าไป ฉันก็ยังไม่เจอใครที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เลยน่ะ”
เมธาวีสะอึกเพราะรู้สึกเศร้ากับคำพูดของณภัทร
เมธาวีตัดพ้อเบาๆ “นายยังไม่เจอคนๆ นั้นเลยใช่มั้ย”

ตกกลางคืน อนามิกาเดินลงบันไดบ้านณดลมา ในขณะที่ณดลกำลังเดินขึ้นไป ทั้งสองหยุดคุยกันตรงบันไดขั้นกลางๆ
ณดลกับอนามิกาถามขึ้นมาพร้อมกัน “จ๊อดล่ะ?”
ทั้งสองชะงักตกใจแล้วถามขึ้นมาพร้อมๆ กันอีกครั้ง
“ไม่ได้อยู่กับเธอเหรอ / ไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ”
อนามิกาส่ายหน้า “เปล่า ไม่ได้อยู่กับฉัน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ณดลบอก
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วรู้สึกใจหายวาบ

ณดลเปิดรั้วบ้านออกมา อนามิกาเดินตามออกมาด้วย
“เดี๋ยวก่อนคุณ แล้วไม่ต้องบอกใครก่อนเหรอ หรือไปตามคนมาช่วยหามั้ย” อนามิกาเสนอ
“เดี๋ยวเธอก็ได้โดนคุณแม่ฉันด่าเปิงอีกหรอก เพราะเธอแท้ๆเลย แทนที่จะดูแลเด็กให้ดีๆ” ณดลโวย
“อย่ามาโทษฉันนะ คุณก็เหมือนกันแหละน่ะ แหม..ทำเป็นคุยว่าจะไม่ให้คลาดสายตา ยังไม่ทันข้ามคืน ก็หายไปซะแล้ว”
“เอาเถอะ อยากพูดอะไรก็พูด ฉันจะไม่เถียงกับเธอให้เสียเวลา” ณดลบอก
ณดลรีบเดินออกไป อนามิกาก้าวมาตีคู่แล้วเดินอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็เกิดแสงฟ้าแลบแปล๊บ ตามมาด้วยเสียงฟ้าผ่า
“ว๊าย” อนามิกาตกใจกระโดดกอดณดลแน่น พอรู้สึกตัวก็รีบผละออกมาแหงนมองฟ้า
“ฝนจะตกรึเปล่านี่” อนามิกายกมือขึ้นรอง “ลงเม็ดแล้วจริงๆ ด้วย”
“ก็รีบกลับไปเอาร่มมาสิ เร็วเข้า!” ณดลสั่ง
อนามิกาพยักหน้ารีบหันกลับแล้ววิ่งเข้ารั้วบ้านไป

ฝนตกลงมาหนาเม็ดมากขึ้น ณดลกับอนามิกาต่างก็จับก้านร่มแน่นแล้วเบียดตัวอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน
ณดลบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วดูซิ เอาร่มมาคันเดียวเนี่ยนะ”
“ก็ฉันเห็นมันวางอยู่คันเดียวนี่ หยุดบ่นทีเหอะน่ะ ร่มเนี่ยฉันเป็นคนหยิบมานะ เดี๋ยวก็ไม่แบ่งให้ซะเลย” อนามิกาฉุน
ทั้งสองขยับเดินไปด้วยกันอย่างทุลักทุเล
อนามิกาตะโกนอยู่ข้างหูณดล “จ๊อด...จ๊อด”
“โอ๊ย! มาตะโกนอะไรกรอกหูฉันเนี่ย ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ตาน่ะมีมั้ย ก็มองหาเอา”
อนามิกาค้อนแล้วหันไปมองหา ณดลยังเหล่มองอนามิกาเพราะต้องหลบอยู่ในร่มคันเดียวกัน ณดลเลยต้องก้มหน้ามาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับอนามิกา
ทันใดนั้นฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง! อนามิกาตกใจผวา จังหวะที่เธอหันหน้ากลับมา ริมฝีปากก็จุมพิตกับริมฝีปากของณดลเข้าพอดี ทั้งสองตาโตด้วยความตกใจ
ทั้งสองยังคงยืนปากชนกันนิ่งค้างอยู่กลางสายฝน ครู่หนึ่งทั้งสองจึงผละออกมา ต่างคนก็ต่างมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้น แต่ก็ต้องรีบระงับความรู้สึกนั้นเอาไว้
“โทษที…แต่เธอหันมาเองนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ณดลรีบบอก
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย” อนามิกาบอก
ทั้งสองเดินเบียดกันอยู่ใต้ร่มคันเดิมแล้วเดินต่อไป

ณดลกับอนามิกาผลักประตูร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งเข้ามา แล้วหุบร่มที่เปียกฝนโดยมีร่องรอยฝนบนเสื้อผ้าขอแต่ละคนเล็กน้อย
“เอาไงดีล่ะคุณ หรือเราจะแจ้งตำรวจมั้ย” อนามิกาขอความเห็น
ทั้งสองเดินไปที่ตู้เครื่องดื่ม แล้วเลือกหยิบน้ำดื่มขึ้นมา
“ลองหากันก่อน เด็กตัวแค่นี้ เงินค่ารถก็คงไม่มี เค้าจะเดินไปไหนได้ไกล” ณดลบอก
“แต่เราเดินจนขาแทบหลุดแล้วยังไม่เห็นวี่แววเลย เฮ่อ...ป่านนี้จ๊อดจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ แล้วถ้าหายไปจริงๆ ฉันจะบอกแม่เค้าว่ายังไง”
“อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายสิ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ช่วยกันหา เดี๋ยวก็เจอ เอางี้มะ..เราลองมาจินตนาการดู ว่าถ้าเราเป็นเด็กแล้วเจอฝนตกแบบนี้ เราจะไปหลบอยู่ที่ไหน” ณดลเสนอความเห็น
อนามิกาคิดตาม “ก็ต้องเป็นที่ที่มีหลังคาให้หลบฝน แล้วก็เป็นที่ที่เปิดให้เด็กเข้าได้ ยิ่งถ้าไฟสว่างๆ ก็ยิ่งดี เพราะเด็กก็คงจะกลัวความมืด กลัวผี แล้วถ้าที่นั่นมีขนมมีของกิน....แล้วก็ไม่ไกลจากบ้านเกินไป”
ณดลทวนคำอย่างครุ่นคิด พลางมองสำรวจรอบๆ “หลบฝนได้...ไฟสว่างๆ...มีขนม ของกิน...ไม่ไกลเกินไป มันก็ที่นี่เลยสินะ”
ณดลหันไปมุมหนึ่ง แล้วก็เพ่งมองอย่างไม่แน่ใจ อนามิกาหันไปมองตามก็เห็นเด็กคนหนึ่งยืนหันหลัง อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่แผงขายหนังสือในมินิมาร์ท
ณดลกับอนามิกาหันมามองหน้ากันอย่างประหลาดใจ สักพักอนามิกาก็หันไปเรียก
อนามิกาเรียกเบาๆ “จ๊อด”
เด็กที่ยืนหันหลังค่อยๆ หันมาทำให้เห็นว่าเป็นจ๊อด พอเห็นว่าอนามิกากับณดลมาตาม จ๊อดก็รีบวางหนังสือการ์ตูนแล้วทำท่าจะเผ่นหนี ณดลจึงรีบเข้าไปจับแขนไว้ได้
“เดี๋ยว...จ๊อด จะไปไหน” ณดลถาม
“กลับบ้านกันนะจ๊อด” อนามิกาชวน
“แต่เจ้าของบ้านเค้าไม่อยากให้จ๊อดอยู่นี่ครับ” จ๊อดพูดเสียงเศร้า
“ใครบอก...นี่ฉันก็เจ้าของบ้านคนนึงเหมือนกันนะ ฉันขอบอกว่าอยากให้จ๊อดกลับบ้าน...มากๆ” ณดลบอก
จ๊อดยังมีหน้าบึ้งและทำท่าอิดออด
“เอางี้ เมื่อขอร้องกันดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องติดสินบนกัน ถ้าจ๊อดยอมกลับบ้านหละก็..ฉันจะเลี้ยงขนมในร้านเนี้ย ให้หยิบตามใจชอบเลย” ณดลเสนอ
จากหน้าบึ้งตึง จ๊อดหันมาถามอย่างกระตือรืนร้น “พูดจริงรึป่าวครับ”
ณดลพยักหน้าหงึกๆ อนามิกามองแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู
“ขนมนี่...รวมไอติมด้วยมั้ยครับ” จ๊อดถาม
“รวมสิ” ณดลตอบ
“รวมของเล่นด้วยมั้ยครับ”
“ขนมมันต้องกินได้นะ ของเล่นก็ส่วนของเล่นสิ” ณดลบอก
จ๊อดกลับไปทำหน้าบึ้งอีก
“อะๆๆ ก็ได้” ณดลเดินไปหยิบตะกร้าใส่ของมา “ขนม ของเล่น ไอติม อะไรก็ได้” ณดลยื่นตะกร้าใส่ของให้ “ให้ตะกร้าเดียวนะ มีปัญญาหยิบของใส่แค่ไหนก็เชิญ”
จากที่หน้าบึ้ง จ๊อดก็เปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มร่าเริง “โอเค”

จ๊อดถือตะกร้าช้อปปิ้งเดินเลือกขนมแล้วหยิบใส่ลงไป โดยมีณดลกับอนามิกาเดินตามพร้อมกับมองยิ้มๆ อย่างเอ็นดู
จ๊อดหยิบเครื่องดื่มประเภทนมรสสตรอเบอรี่และรสช็อกโกแลตที่ตู้เครื่องดื่ม แล้วจ๊อดก็ หยิบเครื่องดื่มชูกำลังด้วย แต่ณดลกับอนามิการีบหยิบคืนพร้อมกับยกมือปราม ทั้งคู่สอนจ๊อดว่าไม่ใช่ของที่เหมาะสำหรับเด็ก
จ๊อดปีนตู้ไอศกรีมแล้วเอาหัวมุดลงไปแทบจะครึ่งตัว ก่อนจะหยิบไอศกรีมมาหลากหลายชนิดจนเต็มตะกร้าช็อปปิ้ง สุดท้ายเพราะเอาหัวมุดลึกเกินจนจะปักลงไปทั้งตัว อนามิกากับณดลจึงต้องช่วยกันจับเอวจ๊อดแล้วดึงออกมา
จ๊อดใช้สองมือถือตะกร้าช็อปปิ้งด้วยหน้าตาเหยเกเพราะหนักมาก ณดลยิ้มอย่างใจดีแล้วมาช่วยถือให้ ที่ชั้นวางที่มีของเล่น ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาวางอยู่ จ๊อดหยิบของเล่นเหล่านั้นมาวางจนพูนตะกร้า จนของล้นตกจากตะกร้าที่ณดลถือ จ๊อดจึงยอมหยุด อนามิกาหัวเราะขำ
จ๊อดเลือกการ์ตูนมาเสียบข้างๆ ด้านในของตะกร้าจนยัดลงไปจนได้ ณดลกับอนามิกายืนกอดอกมองแล้วส่ายหน้าด้วยความรู้สึกที่ทั้งระอาทั้งเอ็นดู
พนักงานแคชเชียร์ยืนอยู่ที่เคาเตอร์ สักพักก็มีตะกร้าช็อปปิ้งที่บรรจุของพูนจนล้นวางโครมลงมา พนักงานตาโตที่เห็นว่าซื้อของเยอะมาก
“โอ้โห..” พนักงานถามจ๊อด “ของน้องคนเดียวเลยหรือเปล่าคะเนี่ย”
จ๊อดโผล่หน้ามายิ้มจากขอบเคาน์เตอร์ ในขณะที่ณดลกับอนามิกายืนอยู่หลังจ๊อด
“ใช่คร้าบ” จ๊อดตอบอย่างภูมิใจ
“อย่างงี้ต้องขอบคุณ คุณพ่อกับคุณแม่นะคะ” พนักงานเงยหน้ามายิ้มให้ณดลกับอนามิกา
อนามิกากับณดลยิ้มแหยๆ แบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะที่จ๊อดขำ
พนักงานพูดกับจ๊อด “น้องน่ะโชคดีมากเลยรู้มั้ย ที่มีคุณพ่อคุณแม่ใจดีขนาดนี้”
“เอ่อ...คืออันที่จริงเราสองคนไม่ใช่พ่อแม่เด็กนะคะ” อนามิกาทนไม่ไหวจึงพูดขึ้น
พนักงานจ้องจับผิด “คุณไม่ใช่พ่อแม่เด็ก แล้วจะพาเด็กไปไหนเนี่ย นี่คุณเอาขนมมาล่อ ให้เด็กไปกับคุณใช่มั้ย สองคนเป็นใครกันแน่” พนักงานยกโทรศัพท์ขึ้นมา “ฉันโทรแจ้งตำรวจจริงๆ นะ”
ณดลรีบแก้ปัญหา “เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ ก่อนครับ” ณดลหันไปแกล้งพูดกับอนามิกาแบบยิ้มๆ “คุณก็...ไปอำน้องเค้าทำไม” ณดลหันมาพูดกับพนักงาน “ใช่ครับ เราเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้”
อนามิกาสะดุ้งเฮือก แต่รีบยิ้มรับมุก “คะ..ค่ะ ใช่ค่ะ”
“อ้อ! งั้นแล้วไป ขอโทษทีนะคะ สมัยนี้คนเราไม่น่าไว้ใจ กลัวว่าจะเป็นพวกลักพาตัวเด็กน่ะค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ” พนักงานกล่าว
“ครับ..ไม่เป็นไร” ณดลรับคำ
ณดลเบือนหน้าไปยิ้มให้อนามิกา อนามิกามองค้อน แต่ก็รีบเปลี่ยนมายิ้มเพราะกลัวถูกจับได้

ณดล อนามิกา และจ๊อดเดินย้อนกลับมาในซอยบ้าน ทั้งสามเบียดกันอยู่ในร่มคันเล็กๆ อย่างทุลักทุเล
“คุณอย่าเบียดฉันสิ” อนามิกาโวย “จ๊อดมาอยู่ตรงกลาง เฮ่อ...นี่มันจะลำบากไปมั้ย โอ๊ย! ฉันบอกว่าอย่าเบียด”
“เบียดอะไรเล่า นี่ตัวฉันก็เปียกไปครึ่งตัวแล้วนะ” ณดลบอก
“คุณเปียกครึ่งตัว แต่ฉันน่ะเปียกทั้งตัวแล้ว เอาวะ!ไหนๆ เปียกแล้ว อยากได้ร่มนักก็เอาไปเลยแล้วกัน”
พูดจบอนามิกาก็ออกจากร่มไปเดินตากฝนอย่างสบายใจ
“เธอทำอะไรของเธอน่ะ” ณดลถาม
“ต้องถามด้วยเหรอ ก็เดินตากฝนน่ะสิ”
อนามิกาเงยหน้ากางแขนให้ใบหน้าปะทะเม็ดฝน
“พี่อะนา จ๊อดเล่นน้ำฝนด้วย” จ๊อดบอก
“ไม่เอา จ๊อด” ณดลปรามแล้วพยายามคว้าแขนจ๊อดไว้ จ๊อดสะบัดแขนออกแล้วออกมาวิ่งวนเล่นน้ำฝนรอบอนามิกา
“จ๊อด..เข้ามาในร่ม อย่าตากฝน เดี๋ยวไม่สบาย เข้ามานี่” ณดลเปลี่ยนเป็นเสียงดุ “จ๊อด อย่าดื้อสิ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เด็กเค้าเพิ่งมาจากเมืองนอก ก็ปล่อยให้เค้าเล่นน้ำฝนบ้าง” อนามิกาบอก
“รีบพาเด็กเข้ามา เธอนี่ยังไงนะ ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี”
“อย่าซีเรียสนักได้มั้ย ตอนเด็กๆ คุณไม่เคยอยากเล่นน้ำฝนบ้างรึไง มา..มานี่”
อนามิกาแย่งร่มจากมือณดล ณดลจะยื้อคืน อนามิกาจึงเบี่ยงตัวหนี
“ทำอะไรเนี่ย เธอจะบ้าเหรอ ข้าวของเปียกหมดแล้วเห็นมั้ย” ณดลโวยวาย
อนามิกาหุบร่ม “ไม่ต้องกางแล้ว ร่มเนี่ย มา...มาเล่นน้ำฝนกัน”
ณดลหน้าเครียด จ๊อดเดินมาฉุดมือณดลให้เดินต่อ
“ไปเล่นน้ำฝนกันดีกว่าครับ”
“หัดทำอะไรนอกกรอบซะบ้างคุณน่ะ อยู่ใต้ฟ้า จะไปกลัวอะไรกับฝน” อนามิกาบอก
ณดลค่อยๆ เงยหน้ารับสายฝน
“เห็นมั้ย เย็นสบายจะตาย” อนามิกาบอก

ณดลยิ้ม พอเห็นจ๊อดเดินเตะน้ำฝนเล่น เขาก็ทำตาม อนามิกายิ้มที่เห็นณดลเล่นกับจ๊อด แล้วทั้งสามก็เดินเรียงหน้ากระดานพร้อมกับเตะน้ำฝนมาด้วยกัน





Create Date : 04 เมษายน 2555
Last Update : 4 เมษายน 2555 11:03:34 น.
Counter : 242 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]