All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 6



ธัญญาแต่งตัวสบายๆ และค่อนข้างโป๊นอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟา ได้ยินคนเคาะประตูก็เอ่ยถามพายัพที่เดินไปเปิดประตู
“ใครเหรอคะคุณ” พายัพเดินนำอนามิกาที่ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในห้อง
“หา! อะนา” ธัญญาตกใจธัญญาลนลานรีบจัดเสื้อผ้าให้มิดชิดขึ้น
“มาได้ไงเนี่ย ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ”
“ก็..เผอิญงานมีปัญหานิดหน่อย เลยว่าจะมาอยู่กับพี่ก่อน” อนามิกาบอก
พายัพมองอนามิกาด้วยความสนใจอย่างออกนอกหน้า แล้วหันไปพูดกับธัญญา
“จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยเหรอธัญญา”
“อ้อ...ค่ะ นี่อะนา น้องสาวแท้ๆ ของฉันเอง” ธัญญาหันมาพูดกับอนามิกา “ไหว้คุณพายัพสิ”
อนามิกายกมือไหว้พายัพแต่สายตามองอย่างไม่ไว้ใจ “สวัสดีค่ะ”
“คนนี้ใช่มั้ย ที่ว่าเพิ่งกลับจากลอนดอน” พายัพมองหัวจรดเท้า “สวยไม่แพ้พี่สาวเลยนะ” พายัพพูดกับอนามิกา “แล้วเสียงดีอย่างพี่สาวรึเปล่าเนี่ย อยากไปร้องเพลงที่ร้านสนุกๆ มั้ย”
ธัญญาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณพายัพ”
“อ้าว! ทำไมล่ะคุณ ก็ดีกว่าอยู่ว่างๆ นะ เพิ่งกลับมา คงยังไม่ติดงานอะไรมั้ง” พายัพบอก
“คุณพายัพ เมื่อกี้คุณบอกจะรีบกลับไม่ใช่เหรอ” ธัญญาขัดขึ้น
“เอ่อ..ใช่...ก็เนี่ย กำลังจะออกไปแล้ว” พายัพพูดกับอนามิกา “ว่างๆ ก็แวะไปนั่งเล่นที่ร้านได้นะ” พายัพหันไปหาธัญญา “ผมไปก่อนหละ แล้วคืนนี้เจอกัน”
พายัพเดินออกไป อนามิกามองตามแล้วหันมาถามธัญญา
“เค้าเป็นเจ้าของร้านเหรอ นี่พี่คบกับเจ้าของร้านที่พี่ร้องเพลงอยู่เหรอ”
ธัญญาไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนี แล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนก่อนจะพูดกับน้องสาว
“ขอนอนก่อนนะ มีอะไรค่อยว่ากัน”

ธัญญาจะล้มตัวลงนอนบนเตียง อนามิกาเดินตามมานั่งลงบนเตียงและพยายามพูดด้วย
“คุณพายัพคนนี้ใช่มั้ย ที่ทำให้พี่ร้องไห้วันก่อนน่ะ”
“ไม่ต้องถามได้มั้ย” ธัญญาหันหนี
อนามิกาตามไปคุยฝั่งที่ธัญญาตะแคงหน้าไป “อย่าหาว่ายุ่งเลยนะพี่ ฉันเห็นสายตานายคนนี้แล้วไม่ไว้ใจเลยอ่ะ ดูเสือผู้หญิงยังไงไม่รู้ แล้วพี่คิดดูสิ คนเป็นเจ้าของร้าน จะมาจริงจังอะไรกับนักร้องในร้าน”
ธัญญาพรวดขึ้นมานั่ง “แต่คุณพายัพเค้าจริงจังกับฉัน เราคบหาดูใจกันอยู่ แล้วที่สำคัญ เค้าเองก็ยังโสดด้วย”
“งั้นพี่ดูให้ดีแล้วกัน ฉันแค่ไม่อยากเห็นพี่ร้องไห้อีกน่ะ ผู้ชายแบบเนี้ย แค่ชอบก็คงได้ แต่อย่าเผลอไปหลงรักเชียว”
“แล้วจะให้ฉันรักผู้ชายแบบไหน หา? ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่อยากมีความรักเหมือนใครๆ เค้า ไม่เหมือนเธอนี่ อยู่มาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีแฟนซักคน”
อนามิกาสะอึกเพราะโดนย้อนเข้าเต็มๆ
“คนไม่เคยมีความรักอย่างเธอ จะเอาอะไรมาสอนฉัน เงียบไปเลยดีกว่า ฉันจะนอน” ธัญญาล้มตัวลงนอนแล้วเอาหมอนปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินอะไร
“ใช่...ใครจะมารักฉัน ฉันมันก็แข็งๆ แบบนี้ ไม่ได้มีเสน่ห์แบบพี่นี่”
อนามิกาตัดพ้ออย่างเศร้าๆ นอกจากห่วงพี่สาวก็ยังรู้สึกสะท้อนใจตนเองอยู่เหมือนกัน

ณดลกระแทกปึกเอกสารและแฟ้มลงบนโต๊ะในออฟฟิศอย่างโมโห ก้อย เลขาสาวของณดลยืนหน้าจ๋อยและแทบจะร้องไห้ออกมา
“คุณเป็นเลขาประสาอะไร” ณดลโวยวาย “ผมไปเมืองนอกไม่กี่วัน คุณก็ปล่อยให้งานมันคั่งค้างเต็มไปหมดอย่างเนี้ยเหรอ”
ก้อยตอบอย่างกลัวๆ “เอ่อ..คือดิฉันจะรอให้คุณณดลกลับมาตรวจเอกสารก่อนน่ะค่ะ”
“จะรอทำไม ไอ้งานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง คุณก็ควรจัดการตัดสินใจแทนผมได้บ้าง ไม่ใช่ว่าจะต้องรอผมไปซะทุกเรื่อง แล้วดูซิ งานทุกอย่างก็มาติดค้างตรงคอขวดเป็นกองตรงนี้”
“ตะ..แต่ปกติ คุณณดลก็ไม่เคยปล่อยให้ดิฉันตัดสินใจอะไรเองเลยนี่คะ”
“ยังจะมาเถียงอีก ผมจะมีเลขาไปทำไม ถ้าผมไม่อยู่ แล้วเลขาเอาแต่นั่งเล่นไปวันๆ ผมว่าคุณออกไปหางานทำที่อื่นดีกว่า คุณไม่เหมาะกับเป็นเลขาผมหรอก”
ก้อยช็อค “นะ..นี่คุณณดลไล่ดิฉันออกเลยเหรอคะ”
“ใช่! ผมจะให้ฝ่ายบุคคลจ่ายชดเชยให้คุณ เอาหละ ออกไปได้แล้ว”
ณดลพูดด้วยสีหน้าเครียด

ก้อยเปิดประตูห้องณดลออกมายืนหน้าประตูแล้วปล่อยโฮอย่างลืมอาย
“ฮือ...โฮ...”
พนักงานชายและหญิงทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นจากงานพอเห็นก้อยยืนร้องไห้ก็พากันตกใจ บ้างก็ลุกขึ้นมาดูแล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พนักงานหญิงคนหนึ่งถาม
ก้อยไม่ตอบแต่เดินมาเก็บข้าวของแล้วหยิบลังเทเอกสารออกเพื่อนำมาใส่ข้าวของ จังหวะนั้นณภัทรเดินเข้ามาในออฟฟิศพอเห็นพนักงานยืนรุมก้อยที่กำลังร้องไห้เก็บข้าวของอยู่ ณภัทรก็หยุดยืนดู
“คุณณดลทำอะไรคุณรึเปล่า” พนักงานชายอีกคนถามก้อย
“จะทำอะไรล่ะ ก็ไล่ฉันออกน่ะสิ” ก้อยตอบทั้งน้ำตา
ทุกคนพูดพร้อมกัน “หา! ไล่เลขาออกอีกแล้วเหรอ”
ณภัทรได้ยินแล้วถึงกับส่ายหน้าเพราะรู้ดีถึงฤทธิ์ของพี่ชายตน
“พี่ณดลนะพี่ณดล” ณภัทรพึมพำ

ณดลนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตนในห้องทำงานณภัทรเดินเข้ามาหา ณดลพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไม แกมีปัญหาอะไร ฉันจะไล่เลขาออกซักวันละคน มันก็ไม่ใช่ปัญหาของแก ห่วงตัวแกเองเหอะ กลับมาคราวนี้ พร้อมจะช่วยงานฉันรึยัง”
“ช่วยน่ะพอได้ แต่จะให้เป็นเลขาพี่ ผมไม่เอาเด็ดขาดนะ นี่ถามจริงๆ เหอะ ช่วงสองปีที่ผมไม่อยู่เมืองไทย พี่ไล่เลขาออกไปกี่คนแล้ว” ณภัทรถาม
“ก็...” ณดลเหลือบตานึก พลางนับนิ้ว “ก็...ประมาณๆ สี่ห้าคนละมั้ง”
“ถึงกับต้องประมาณกันเลยเหรอ”
“เออ! นี่ยังไม่นับพวกมาแค่วันสองวัน แล้วหายไปอีกนะ”
“ก็ไม่แปลกหรอกพี่ เป็นผมก็ทนพี่ได้ไม่เกินวันหรอก แล้วอย่างงี้ใครเค้าจะเป็นเลขาให้พี่ได้ล่ะครับ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน งานตรงนี้มันไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่เอกสารจุกจิกมันเยอะ ฉันเลยอยากได้คนที่ทำงานไวๆ แล้วก็ตัดสินใจแทนฉันได้บ้าง ไม่ใช่คอยแต่รับคำสั่ง คิดอะไรแทนฉันไม่ได้ซักอย่าง”
“คงหากันได้ง่ายๆ หรอกนะ เลขาพี่เนี่ย พี่รีบไปไล่เค้าออกซะ แล้วพี่จะหาใครมาช่วยงานกันล่ะครับ” ณภัทรนึกขึ้นได้ “เอ้อ! จริงสิ หรือว่า...?”
“หรือว่าอะไร?” ณดลสงสัย
“อะนาไงพี่” ณภัทรเสนอ
“เมียแกเนี่ยนะ”
“ใช่พี่! คนเค้ามีความรู้ความสามารถ แทนที่จะให้ล้างส้วมที่บ้าน ผมว่าให้เค้ามาช่วยงานพี่ณดลที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ”
ณดลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงย้อนถาม “แกว่าเวิร์กเหรอ”
“เวิร์กสิพี่ แล้วผมจะคุยให้ แต่พี่ต้องให้เงินเดือนเค้าเยอะหน่อยนะ”
“ไอ้นี่...ดูแลผลประโยชน์เมียตัวเองเหลือเกินนะ”
ณภัทรยิ้มอย่างมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องไปได้สวย

ยามค่ำคืน ธัญญานั่งทาปากอยู่หน้ากระจกในห้องของเธอ ธัญญาแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงรัดรูปสุดเซ็กซี่ อนามิกานั่งมองชุดของพี่สาวอยู่ข้างหลัง สักพักธัญญาก็ชะงักแล้วหันมามองหน้าอนามิกา
“มองอะไร?” ธัญญาถาม
“เอ่อ...ชุดมันโป๊ไปรึเปล่าพี่ พี่ต้องแต่งตัวอย่างงี้ทุกคืนเลยเหรอ” อนามิกาเป็นห่วง
“ก็ฉันไปทำงานนี่ยะ จะให้นุ่งขาวห่มขาวขึ้นไปร้องเพลงรึไง”
จู่ๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
“ใครมาอีกล่ะเนี่ย” ธัญญาถามขึ้น
ธัญญาเดินไปเปิดประตูก็พบว่าเป็นผึ้ง สาวข้างห้อง ที่ร้องเพลงที่เดียวกับธัญญา ผึ้งแต่งตัวโป๊กว่าธัญญาและดูท่าทางกร้านโลกมากกว่า ผึ้งเดินพรวดเข้ามาอย่างคุ้นเคย เพราะเข้าออกห้องนี้เป็นประจำ
“ไงยะ นี่จะติดรถฉันออกไปมั้ย แล้วเงินที่ยืมฉันไปในวงป็อกเด้งน่ะ มีมาคืนฉันรึยัง” ผึ้งถาม
อนามิกาเหล่มองอย่างสะดุดหู
ธัญญาทำเสียงแข็งใส่ “อย่าเพิ่งทวงได้มั้ยยะนังผึ้ง ค่าเช่าห้องฉันยังไม่มีปัญญาจ่าย จะเอาที่ไหนมาใช้หนี้วงไพ่ล่ะ”
“เอ๊า! นังนี่ ตอนยืมหละเสียงอ่อนเสียงหวาน พอฉันทวงคืนหน่อยหละทำเหวี่ยงใส่ มีเท่าไหร่ก็เอามาก่อนได้มั้ย ซักสี่ห้าร้อยก็ได้ ฉันก็ไม่มีตังค์เติมน้ำมันแล้วนะยะ”
“เอ่อ...” ธัญญาหันรีหันขวางแล้วจึงหันไปที่อนามิกา “อะนา มีให้พี่ก่อนซักห้าร้อยมั้ย”
อนามิกาพยักหน้าหงึกๆ “เดี๋ยวไปหยิบให้”
ผึ้งกระซิบกับธัญญา “อ้าว! มีคนอยู่ด้วยเหรอ ฉันไม่ทันมอง ใครอ้ะ?”
“น้องสาวแท้ๆ ของฉันเอง” ธัญญาบอก
“สวยดีเน๊อะ นี่ถ้าไปร้องเพลงที่ร้าน สงสัยเราสองคนคงตกกระป๋องแหง” ผึ้งพูดพร้อมกับมองอนามิกาไม่วางตา

อนามิกาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อผ้า เธอหยิบแบ๊งค์ห้าร้อยออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น อนามิกาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอแล้วลังเล ก่อนจะกดรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ว่าไงภัทร มีอะไร”
ณภัทรอยู่ในชุดเสื้อผ้าเตรียมจะเข้านอนกำลังพูดโทรศัพท์มือถือกับอนามิกาด้วยน้ำเสียงสดใส
“อะนา เธออย่าเพิ่งวางนะ ฉันมีข่าวดีจะบอก”

อนามิกาถือแบ๊งค์ห้าร้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือถือโทรศัพท์คุยกับณภัทรไปด้วย
“ฉันไม่ไว้ใจข่าวดีของนายเล๊ย มีเรื่องอะไรให้ฉันเดือดร้อนอีกล่ะ”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิอะนา นี่ข่าวดีจริงๆ เธอกลับมาอยู่บ้านฉันเหอะ คราวนี้เธอไม่ต้องทำงานบ้านเป็นนังแจ๋วอีกแล้ว”
“ไม่อ่ะ ขืนอยู่บ้านเฉยๆ คุณแม่นายก็เล่นงานฉันตายสิ”
“ใครบอกจะให้เธออยู่บ้านเฉยๆ ล่ะ ฉันคุยกับพี่ณดลแล้ว ต่อไปนี้ เธอต้องไปทำงานเป็นเลขา คอยติดตามพี่ณดล”
อนามิกาโวยวายเสียงหลง “แล้วมันดีขึ้นตรงไหนเนี่ย อยู่ใกล้พี่ชายนายทั้งวัน ฉันได้กลั้นใจตายกันพอดี ฉันไม่เอาแล้ว เดี๋ยวฉันจะเข้าไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านนาย อ้อ! แล้วค่าจ้างของฉัน นายต้องเคลียร์ให้ด้วยนะ”
ณภัทรตอบเต็มเสียงอย่างหนักแน่น “ฉันไม่จ่าย!”
อนามิกาโวยลั่น “เฮ้ย! ได้ไงเนี่ย คิดจะเบี้ยวกันเหรอ”
“เธอนั่นแหละเบี้ยวฉัน”
“อะไรวะเนี่ย ฉันเบี้ยวนายยังไง”
“ก็เราตกลงกันแล้วว่า เธอจะแกล้งเป็นเมียฉัน เพื่อช่วยให้ฉันรอดจากการโดนจับคลุมถุงชน แต่ถ้าเธอทิ้งไปดื้อๆ อย่างงี้ ฉันก็โดนจับแต่งแหงๆ เห็นมะ เธอเบี้ยวสัญญาชัดๆ ยังไงฉันก็ไม่จ่าย”
“ไม่จ่ายไม่ได้นะ ฉันกระเป๋าแห้งแล้ว พี่สาวฉันก็ต้องการใช้เงินอีกต่างหาก”
ณภัทรสวนขึ้นทันที “งั้นก็ทำงานให้ฉันต่อสิ นะ..อีกแค่สองเดือนเอง นะๆๆๆ แล้วพอจบงานปั๊บฉันจะจ่ายเงินก้อนให้เธอเลย อ้อ! แล้วงานเลขาพี่ณดลเนี่ย มีเงินเดือนด้วยนะ ไม่ใช่ว่าทำกันฟรีๆ”
อนามิกาครุ่นคิดอย่างหนัก

ณภัทรยังคงพูดโทรศัพท์มือถือออดอ้อนขอร้องอนามิกา
“นะ...ถ้าเธอช่วยฉันละก็ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงเลย ฉันช่วยเต็มที่ ไม่มีเม้ม”
ณภัทรหันไปเห็นณดลเปิดประตูเข้ามาในห้องของเขา เขาจึงรีบตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะ” ณภัทรกดปุ่มวางหู แล้วบ่นใส่ณดล “โทษนะพี่ จะรบกวนกันมากไปหรือเปล่า ถ้าผมจะขอให้พี่เคาะประตูก่อนเข้ามาในห้องผมน่ะ”
“ทำไม? หรือแกมีความลับอะไรปิดบังฉัน” ณดลสวน
“ไม่ใช่อย่างงั้น แต่นี่ห้องผม ผมก็อยากมีความเป็นส่วนตัวบ้าง”
“อ๋อ...หรือว่าเมื่อกี้” ณดลจ้องณภัทรอย่างจับผิด “แกแอบโทรคุยกับผู้หญิง ใช่มั้ย? แกนี่มันเหลือเกินจริงๆ เมียเพิ่งท้องไม่กี่เดือน ก็ริจะมีกิ๊กซะแล้ว”
“โอ๊ย...ไปกันใหญ่แล้วพี่ ไม่มี๊”
“งั้นไหนให้ฉันดูโทรศัพท์หน่อยซิ ถ้าแกบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้โทรหาผู้หญิงน่ะ”
“เฮ้ย! พี่ โทรศัพท์มันเป็นของใช้ส่วนตัวนะ”
“นั่นไง ไอ้ภัทร ฉันสงสัยมานานแล้วว่าแกกับเมียดูเหมือนไม่รักกันเลย ที่แท้แกก็แอบนอกใจเมียใช่มั้ย แล้วนี่เมียแกไปไหน จะกลับมานอนรึป่าว”
“เค้าอยู่กับพี่สาว ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับมั้ย”
“เห็นมั้ย เมียไม่อยู่ทั้งคน แกก็ไม่แคร์ แถมยังแอบโทรหาผู้หญิงอื่นซะงั้น”
“เอาเข้าไป...ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว พี่อยากคิดยังไงก็ตามใจพี่แล้วกัน แล้วตกลงพี่มีอะไรหรือเปล่า จู่ๆ คงไม่เดินเข้ามาในห้องผมเฉยๆ หรอกใช่มั้ย”
“เออ..ว่าจะชวนแกไปนั่งเล่นที่ร้านพี่พายัพน่ะ สนมะ”
ณภัทรส่ายหน้าอย่างเบื่อๆ
“โอเค งั้นฉันลงไปรอแกข้างล่างนะ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆ ล่ะ” ณดลมัดมือชก
ณดลก้าวออกไปจากห้อง ณภัทรพยายามเรียกไว้ แต่ณดลก็ไม่สน
“อ้าว เดี๋ยวสิพี่ ใครบอกว่าผมจะไป...” ณภัทรบ่นอย่างเซ็งๆ “เฮ้อ! ให้มันได้อย่างงี้สิ เผด็จการไปซะทุกเรื่องจริงๆ พี่เรา”

ธัญญาในชุดเซ็กซี่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีในคลับของพายัพ โดยมีณดลกับณภัทรนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่ง
“พี่มานั่งนี่บ่อยเหรอครับ” ณภัทรถามขึ้น
“อื้อ...ไม่ได้ชอบดื่มนะ ฉันแค่ชอบแวะมานั่งคุยกับพี่พายัพน่ะ” ณดลบอก
ณภัทรมองไปรอบๆ “ร้านพี่เค้าก็น่านั่งดีนะ บรรยากาศใช้ได้ นักร้องก็โอเค”
ณดลพยักหน้าไปทางเวที “นักร้องคนเนี้ยนะ แกชมเค้าเพราะเกรงใจหละสิ”
ณภัทรงง “เกรงใจอะไร? ทำไมผมต้องเกรงใจ”
ณดลหันขวับมาจ้องตาณภัทรครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “เฮ้ย...นี่แกไม่รู้จริงๆ เหรอ นักร้องคนนี้ก็ธัญญาไง พี่สาวยัยอะนาเมียแกน่ะ”
“หา!!..พูดเป็นเล่นน่ะพี่” ณภัทรตกใจ
“แกนั่นแหละ พูดเป็นเล่น มีเมียจนเมียท้องแล้วยังไม่รู้จักพี่สะใภ้เนี่ยนะ”
ณภัทรช็อคจนได้แต่อ้าปากค้าง เขาหันไปมองธัญญาบนเวที ธัญญาร้องเพลงจบพอดี เสียงปรบมือดังขึ้น ธัญญาโค้งแล้วกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณมากค่า”
ณดลปรบมือให้ตามมารยาท แต่ณภัทรท่าทางอึดอัดเพราะกลัวว่าการเจอพี่สาวของอนามิกาอาจทำให้ความลับของเขาแตกได้

อนามิกาเดินชะเง้อมองหาป้ายชื่อร้าน จนมาสะดุดสายตาที่ป้ายไฟหน้าร้านซึ่งเขียนว่า Men’s Club
“อยู่ไหนนะ...อ้อ! นี่ไง เม็นส์คลับ”
อนามิกาจะเดินตรงเข้าไปในคลับ แต่พนักงานต้อนรับสาวสวยเข้ามาขวางไว้
“โทษค่ะ ที่นี่เป็นคลับสำหรับผู้ชายนะคะ มาสมัครงานเหรอ”
“เปล่าค่ะ พี่สาวฉันร้องเพลงอยู่ที่นี่ ว่าจะแวะมาหาน่ะค่ะ” อนามิกาตอบ
“งั้นรออยู่ข้างนอกดีกว่า” พนักงานแนะ
“แต่ฉันอยากเข้าไปฟังพี่สาวฉันร้องเพลงน่ะ”
“ไม่ได้นะคะ กฎของที่นี่ เราห้ามให้เพื่อนพนักงานมานั่งเกะกะ โต๊ะในร้านมีไว้ให้สำหรับลูกค้าเท่านั้น ว่าแต่..พี่สาวชื่ออะไรเหรอ”

ธัญญายืนอยู่ข้างๆ พายัพที่พาธัญญามาทักทายณดลกับณภัทรที่โต๊ะ
“ฉันชื่อธัญญาค่ะ” ธัญญายกมือไหว้ณภัทร “สวัสดีค่ะ”
“ไม่ต้องไหว้เจ้าภัทรมันก็ได้มังครับ” ณดลเอ่ยขึ้น
“ปกติ ฉันก็ไหว้ลูกค้าทุกคนที่นี่อยู่แล้ว” ธัญญาบอก
“ลูกค้าอะไรกัน นี่เค้าเป็นแฟนของน้องสาวคุณนะ” พายัพรีบพูด
ธัญญาตกใจ “หา! อะนามีแฟนแล้วเหรอ”
“มีแฟนหรือยังไม่รู้นะ รู้แต่ว่ามีสามีแล้ว” ณดลบอก
ทันทีที่ได้ยินณภัทรสะดุ้งโหยง เขารีบหาทางแก้สถานการณ์
“เอ่อ..ผมว่าเราอย่าเพิ่งคุยเลย ชนแก้วกันดีกว่ามั้ยครับ ชนแก้วๆ”
“เฮ้ย!ไอ้นี่ เจอพี่สะใภ้ยังไม่ไหว้ อย่าเสียมารยาทสิ” ณดลขัดขึ้น
ธัญญางง “อะไรกันคะเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงพนักงานสาวที่หน้าประตูก็ดังขึ้น “ไม่ได้นะคุณ บอกให้รอข้างนอก”
ณภัทร ณดล ธัญญา และพายัพ หันไปมองที่หน้าประตู พวกเขาเห็นอนามิกาเดินเข้ามาในคลับ ทั้งณดลและณภัทรก็ตกใจ “อะนา!”
อนามิกาเดินเข้ามา โดยมีพนักงานสาวสวยทั้งฉุดทั้งรั้งเอาไว้
พายัพรีบขยับไปบอกพนักงานสาว “ไม่เป็นไร แขกผมเอง”
พนักงานสาวสวยพยักหน้ารับทราบ แล้วเดินเลี่ยงออกไป
“อะนา...เธอมาได้ไงเนี่ย” ธัญญาถามขึ้น
“ก็อยากมาฟังพี่ร้องเพลงไง” อนามิกาบอก
อนามิกายังไม่ทันได้นั่ง ณภัทรก็รีบเข้ามาดึงแขนอนามิกา
“มานี่ก่อนอะนา” ดึงอนามิกาให้ห่างออกมาแล้วกระซิบข้างหู “นี่เธอบอกพี่สาวเธอรึยัง เรื่องแกล้งเป็นเมียฉันน่ะ”
อนามิกาหน้าตาตื่น “ยังเลย ตายหละสิทีนี้ ทำไงดีล่ะ”
ธัญญาเดินมาฉุดแขนอนามิกา ณภัทรกับอนามิการีบหุบปากสนิทแต่สีหน้าก็ยังหวั่นๆ ว่าจะแย่หรือเปล่า
“มา..มานี่เลยมา” ธัญญาฉุดแขนอนามิกามาที่โต๊ะ “มาเคลียร์ตรงนี้ก่อน”
“เคลียร์อะไรเหรอพี่” อนามิกาถาม
“ก็พวกนี้น่ะสิ เค้าเม้าธ์ว่าเธอมีสามีแล้ว เธอยืนยันกับเค้าหน่อยซิ ว่าเธอยังโสด ยังไม่มีสามีซะหน่อย”
“เอ่อ...คือ...” อนามิกาอึกอัก
“เอ้า...เป็นอะไรไปล่ะ” ธัญญาถาม
อนามิกากระซิบบอกธัญญา “ฉันปวดฉี่ พาฉันไปฉี่หน่อยสิ”
“อะไรของเธอล่ะเนี่ย”
“นะ..นะ...อั้นไม่ไหวแล้ว...เร็ว...” อนามิกาฉุดแขนธัญญาไปทางหนึ่ง
ธัญญาขืนตัวไปอีกทาง “ห้องน้ำอยู่ทางนี้”
อนามิกาจับแขนธัญญาฃแล้วดันให้ธัญญาเดินนำตนไป ณดล พายัพ และณภัทรนิ่งอึ้ง ด้วยความงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วณดลจึงหันไปพูดกับณภัทร
“อะไรกันเนี่ย เป็นพี่สาวแท้ๆ แต่ดันไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองเป็นเมียแก แปลกๆ นะ”
ณภัทรหลบตาอย่างอึดอัดเพราะกลัวโดนจับได้

ธัญญากับอนามิกายืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำหญิง หลังจากฟังเรื่องจากปากน้องสาวแล้วธัญญาก็โพล่งขึ้นมา
“เธอแกล้งหลอกว่าเป็นเมียเค้าเนี่ยนะ แล้วจะแกล้งหลอกไปเพื่ออะไร”
“ก็เค้ากำลังจะโดนทางบ้านจับคลุมถุงชนให้แต่งงานน่ะสิ” อนามิกาตอบ “ฉันก็เลยต้องช่วยตบตาทางบ้านเค้าว่าเราเป็นสามีภรรยากันน่ะ”
“เล่นอะไรบ้าๆ ต้องคอยโกหกทุกคนแบบนี้ ฉันไม่เอาด้วยหละนะ” ธัญญารีบปัด
“ไม่ได้นะพี่ ขืนความแตกออกไป นายภัทรก็ต้องแต่งงานกับคนที่เค้าไม่ได้รักน่ะสิ นะ...พี่ช่วยเนียนๆ ไปนะ อย่าให้อีตาณดล พี่ชายเค้าจับได้ล่ะ”
“จะดีเหรออนามิกา เธอคิดว่าเธอจะหลอกคนอื่นๆ เค้าไปได้ซักกี่น้ำ”
“อย่างน้อยก็ให้มันพ้นช่วงนี้ไปก่อนน่ะพี่ อ้อ! แล้วเค้ามีค่าจ้างให้ฉันด้วยนะ ไม่ได้ให้หลอกกันฟรีๆ”
“เหรอ? งั้นถ้าฉันช่วยเธอ เธอก็ต้องแบ่งตังค์ให้ฉันด้วยนะ” ธัญญารีบบอก
“ได้สิ เวลาฉันมีตังค์ ฉันก็ไม่เคยหวงกับพี่อยู่แล้ว นะ...เวลาเค้าคุยกัน พี่ก็แค่เนียนๆ เออๆ ออๆไป ตกลงตามนี้นะ”
ธัญญามีท่าทางหนักใจ “เฮ่อ..จะดีเหรอ ไอ้ฉันเองก็ไม่ชอบหลอกใครซะด้วย”

ธัญญากลับมาฟุ้งให้ทุกคนในกลุ่มฟังด้วยอารมณ์ตรงกันข้ามกับตอนก่อนไปห้องน้ำอย่างสิ้นเชิง
“ค่า...โอ๊ย...ฉันรู้มานานแล้ว น้องสาวฉันกับนายณภัทรเค้ารักกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าใจแตก หรือชิงสุกก่อนห่ามนะ เค้าโตๆ กันแล้ว ฉันก็เลยไม่ห้ามอะไร เพราะเค้าทั้งคู่ก็มีความรับผิดชอบกันดี”
“มีความรับผิดชอบเนี่ยนะ แล้วทำไมไม่รู้จักป้องกัน” ณดลท้วงขึ้น
อนามิการีบพูดแทรก “ฉันว่าเรามาชนแก้วกันดีกว่า ดีมั้ยคะ”
ณภัทรรีบรับมุก “ดีๆ เรามาดื่มนี่นะ ไม่ได้มาคุย”
“ใช่ๆ ถ้าอยากจะคุย ก็โทรคุยกันก็ได้ มาที่นี่ทั้งทีต้องชน เอ้า...โชน” อนามิการีบตัดบท
อนามิกากับณภัทรชูแก้วขึ้นชนกัน พายัพกับธัญญาก็ชนด้วย ณดลยังมีท่าทางคาใจจึงยกแก้วชนอย่างขอไปที พอทุกคนลดแก้วลง ณดลก็พูดขึ้นอีก
“ถ้ามีความรับผิดชอบจริง ก็น่าจะแต่งงานกันก่อนที่จะ...”
อนามิกากับณภัทรรีบยกแก้วส่งเสียงเฮดังๆ เพื่อกลบเสียงณดล
“เอ้า! โชน...เฮ้! วู้ๆ”
พายัพเห็นณดลหน้าตาเซ็งๆ ก็เลยเป็นห่วง
“เอ้า! ชนแก้วหน่อย เฮฮาหน่อยสิณดล” พายัพบอก
“ครับพี่ ผมก็แค่ข้องใจว่า ทำไมพี่สาวเค้ากล้าพูดว่าน้องสาวมีความรับผิดชอบ ในเมื่อน้องเค้าปล่อยตัวจนท้องก่อนแต่งแบบนี้” ณดลบอก
อนามิกากับณภัทรตาโตและหุบปากสนิท
“หา! ว่าไงนะ” ธัญญาตกใจรีบหันมาถามอนามิกา “นี่เธอท้องเหรออะนา”
“เอ่อ...อ่า...คือ...” อนามิกาก้มหลบตา แล้วเหลือบมองณภัทรอย่างใจเสีย
ธัญญาหันมาคาดคั้นกับณภัทร “นี่นายทำน้องสาวฉันท้องเหรอ”
“เอ่อ...คือว่า...อ่า...” ณภัทรอึกอัก
ธัญญาเข้าใจได้ทันที เธอหันขวับไปตบหน้าอนามิกาฉาดใหญ่ ณดลซึ่งกำลังจิบเครื่องดื่ม อยู่ตกใจจนแทบจะสำลักพรวดออกมา เขารีบเข้ามาขวางธัญญาไว้
“คุณ...อย่า! ใจเย็นๆ ก่อน”
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว” ธัญญาหันมาโวยใส่อนามิกา “ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ รู้มั้ย ถ้าแม่ยังอยู่ แม่จะเสียใจขนาดไหน ปากก็บอกไปเรียน แต่ที่แท้...”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ธัญญาก็เข้าไปตบอนามิกาอีกฉาด ณดลกับพายัพช่วยกันขวางธัญญาไว้ อนามิกากุมหน้าป้อยๆ แล้วหันมามองณภัทร ณภัทรหน้าแหยเหมือนเจ็บแทน ทั้งคู่หน้าตาเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พายัพพูดกับธัญญา “ผมว่าคุณกับน้องสาวออกไปก่อนดีกว่ามั้ย ลูกค้าในร้านแตกตื่นกันหมดแล้ว”
“ภัทร...แกรีบพาเมียกับพี่สะใภ้แกกลับไปก่อนดีกว่า” ณดลยื่นกุญแจรถให้ “เอารถฉันไป เดี๋ยวฉันกลับเอง”
“ครับๆ” ณภัทรรับคำ
ณภัทรจูงมือธัญญากับอนามิกาไว้คนละข้างแล้วพาเดินออกมา ธัญญาจะเข้าไปตบอีกที ณภัทรต้องรีบขวางเอาไว้
อนามิกา ณภัทร และธัญญายืนเคลียร์กันอยู่ที่ลานจอดรถของโครงการ The City Avenue หลังจากฟังเรื่องราวจากน้องสาว ธัญญาก็มีอาการเซอร์ไพรส์สุดๆ

“ว่าไงนะ?! ที่ว่าท้องนี่เธอก็แกล้งหลอกเหมือนกันเรอะ”
อนามิกาพยักหน้าหงึกๆ พลางคลำที่แก้มซึ่งยังแดงอยู่
“อ้าว...แล้วก็ไม่บอก” ธัญญาหันไปถามณภัทร “ตกลงนายไม่ได้ทำน้องฉันท้องใช่มั้ย”
“อย่าว่าแต่ทำท้องเลยครับ ผมยังไม่เคยไปล่วงเกินอะไรเค้าเลยด้วยซ้ำ” ณภัทรตอบ
ธัญญาพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว...แต่ไหนๆ นายก็จ้างน้องสาวฉันเป็นเมียแล้ว ทำไมไม่ทำให้เป็นจริงไปซะเลยล่ะ มีน้องเขยรวยๆ อย่างนาย ฉันก็โอเคนะ”
“พี่ธัญญา! พูดอะไรออกมาน่ะ ฉันแค่รับจ้างแกล้งเป็นภรรยา ไม่ได้คิดจะจับผู้ชายรวยๆ เป็นสามีหรอกนะ” อนามิกาโวย
“เอาเถ๊อะ..เธอมันยังไม่รู้จักว่าชีวิตมันลำบากยังไง ไว้อายุมากกว่านี้ เธอก็จะรู้เอง ว่าเงินน่ะมันสำคัญขนาดไหน” ธัญญาบอก
“ฉันรู้ เงินน่ะสำคัญ ‘กับชีวิต’ แต่ก็ไม่ได้สำคัญ ‘เท่าชีวิต’ หรอกนะพี่”
“เอาเถอะๆ” ธัญญาหันมาพูดกับณภัทร “งั้นยังไงฉันฝากให้ดูแลน้องสาวฉันด้วยแล้วกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน เอ๊ะ! นี่ฉันชักพูดเหมือนอวยพรคู่บ่าว-สาวยังไงไม่รู้นะ ฮะๆๆ”
อนามิกากับณภัทรหันมองหน้ากันเพราะไม่รู้สึกขำกับธัญญาด้วย

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ นลิณาเดินเฉิดฉายมาที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ปล่อยให้เกตนิการ์เข็นรถเข็นซึ่งมีกระเป๋าเดินทางใบโตและสัมภาระมากมายของทั้งสองคน เกตนิการ์ชักสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างไม่พอใจ
“นีน่า....นีน่า” เกตนิการ์ร้องเรียก
นลิณาเหลียวกลับมา “หา..มีอะไรเหรอเกด”
“นี่! ช่วยกันบ้าง ผลัดกันเข็นบ้าง ฉันก็เมื่อยเป็นนะ”
นลิณายิ้มแหยๆ แล้วจะเข้ามาช่วยเข็น พลันชะงักหันมองไปทางหนึ่ง เกตนิการ์หันมองตามไปก็เห็นเมธาวีกับอัธวุธต่างก็เข็นรถเข็นกระเป๋าเดินทางของตนมา
นลิณากับเกตนิการ์ผละจากรถเข็นกระเป๋าตน เดินมาขวางทางเมธาวีกับอัธวุธไว้
“ไงจ๊ะ แหม...ไม่ทักไม่ทายเลยนะ” นลิณาเอ่ย
“อ้าว! นีน่า เกด นี่เราบินกลับมาไฟลท์เดียวกันเลยเหรอ” เมธาวีประหลาดใจ
“นั่นสิ แปลกจัง ก็ขึ้นเครื่องมาด้วยกัน แต่ไม่ยักจะเห็นเธอสองคนเลยนะ” เกตนิการ์บอก
“จะแปลกอะไร” นลิณารีบพูด “ก็มันคนละชั้น คนละคลาสกัน เราสองคนนั่งบิสสิเนสคลาส ชั้นธุรกิจ แต่พวกเธอนั่งชั้นประหยัด”
“แล้วไงเหรอยะ ฉันก็มีตังค์ย่ะ” อัธวุธสวน “แต่ฉันแค่อยากนั่งชั้นประหยัดกับเพื่อนฉัน มีปัญหาอะไรมั้ย”
“ก็ไม่หรอกนะ ใครจะกล้ามีปัญหากับคนรวยๆ อย่างเธอ” เกตนิการ์บอก
“แต่ถ้ารวยจริง ก็หัดรู้จักเลือกคบเพื่อนบ้างนะ หัดคบคนให้มันสมฐานะหน่อย” นลิณาพูดกับเมธาวี “เธอนี่ก็ฉลาดนะ รู้จักคบคนรวยๆ ไว้พึ่งพา”
“ฉันคบเพื่อนไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้น ถึงอัธวุธเค้าจะมีตังค์ แต่ฉันไม่เคยไปแบมือขอ หรือไปเบียดเบียนเค้า” เมธาวีบอก
“อ้าว! แล้วที่เธอกินอยู่กับบ้านยัยอาร์ทที่ลอนดอนมาเป็นปีนี่ ไม่เรียกว่าเบียดเบียนหรอกเหรอจ๊ะ” เกตนิการ์กระแหนะกระแหน
“หรือจะให้เรียกว่าเกาะกินเป็นปลิง” นลิณาเสริม
“นี่! พอทีเถอะย่ะ” อัธวุธเบรก “อย่าดูถูกกันนักเลย พวกเราทุกคนก็เพิ่งกลับมาเริ่มต้นชีวิตทำงาน นี่มันเพิ่งเป็นจุดสตาร์ท อย่าเพิ่งมาตัดสินกัน”
“อุ๊ยตาย! พูดเหมือนกับว่าอนาคตการงานของพวกเธอจะก้าวหน้ากว่าฉันอย่างงั้นแหละ ก็เอาสิยะ แล้วฉันจะคอยดู ว่าพวกเธอ กับพวกฉัน ใครมันจะรุ่ง ใครมันจะร่วง” นลิณาท้าทาย
นลิณากับเกตนิการ์ยิ้มเยาะเพราะสำคัญตนว่าเหนือกว่า เมธาวีกับอัธวุธวางตัวนิ่งแต่ก็มีแววตามุ่งมั่นไม่ยอมแพ้

อนามิกาอยู่ในชุดนอน เธอนั่งกอดเข่าซึมๆ อยู่คนเดียวบริเวณโต๊ะนั่งเล่นนอกบ้านณดล สักพักณภัทรก็เดินเข้ามาหา แต่อนามิกาไม่ได้หันไปมอง
“อะนา...เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” ณภัทรเอ่ยถาม
“ฉันเบื่อน่ะ แล้วพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงานกับพี่นายอีก ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง” อนามิกาบอก
ทันใดนั้น เสียงอัธวุธก็ดังขึ้น “แล้วจะนั่งเบื่ออย่างงี้อีกนานมั้ย”
“เดี๋ยวฉันสบายใจแล้วจะขึ้นไปนอน” อนามิกาเอะใจ “เอ๊ะ!” อนามิกาหันขวับมาทันที
อนามิกาเห็นอัธวุธยืนถือถุงใส่ขนมใบใหญ่ยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ เมธาวี โดยมีณภัทรยืนอยู่ข้างๆ
อนามิกาดีใจ “อาร์ท!! เม!!”
อนามิกาโผเข้าไปกอดเมธาวี อัธวุธก็เข้ามากอดด้วย ทั้งสามโอบแขนสวมกอดกันกลม
“ฉันคิดถึงพวกแกจะแย่ ทำไมกลับมาไม่บอก” อนามิกาดีใจ
“ก็เมกับภัทรอยากจะเซอร์ไพรส์พี่อะนาไง” เมธาวีบอก
“กลัวเธอจะเหงา ฉันก็เลยชวนเพื่อนๆ มาเซอร์ไพรส์กันน่ะ” ณภัทรพูด
“สองคนนี้ใช่มั้ย ที่รวมหัวเซอร์ไพรส์ฉัน งั้นมานี่เลย...มากอดกันก่อนเร็ว”
พูดจบอนามิกาก็ดึงเมธาวีมา ส่วนอัธวุธก็ดึงณภัทรมา ทั้งสี่คนกอดกันกลมโดยณภัทรกับเมธาวีได้กอดชิดใกล้กัน เมธาวีกับณภัทรยิ้มให้กันอย่างเขินๆ
อนามิกากับอัธวุธยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์เพราะทั้งสองต่างก็ตั้งใจให้เมธาวีกับณภัทรใกล้ชิด

เวลาผ่านไป ถุงขนมบนโต๊ะพร่องไปจนเกือบหมด ส่วนกระป๋องน้ำอัดลมและกล่องน้ำผลไม้ที่ดื่มหมดแล้วก็ถูกบี้วางไว้บนโต๊ะนอกบ้านณภัทร แล้วทั้งสี่ก็ยกกระป๋องน้ำอัดลมกระป๋องใหม่ขึ้นชนกัน
“ยินดีต้อนรับกลับสู่กรุงเทพฯ แล้วก็กลับสู่ชีวิตการทำงานของพวกเรา” อนามิกาบอก
ทุกคนขานรับอย่างเฮฮา “เฮ้!!!”
ทุกคนยกดื่ม ครู่หนึ่งณภัทรจึงพูดขึ้น
“แล้วนี่พวกเราจะไปทำงานอะไรกันบ้างเนี่ย”
“ฉันจะเริ่มต้นทำร้านเสื้อผ้าของตัวเอง” อัธวุธชิงตอบ “ฉันจะทำให้ชื่อ อัทธวุธ ของฉันกลายเป็นแบรนด์ดังน้องๆ กุชชี่ อาร์มานี่ พราด้า”
“พอๆๆ ฝันอะไรก็เว่อร์ให้มันน้อยลงนิดนึง” ณภัทรหันมาถามเมธาวี “แล้วเมล่ะ”
“ก็ว่าจะหาร้านเล็กๆ ทำเสื้อผ้าขายเอง คงได้แค่แผงเล็กๆ หรือห้องเช่าเล็กๆ ไม่ได้ฟู่ฟ่าเป็นแบรนด์ดังระดับโลกอย่างยัยอาร์ทเค้าหรอกนะ” เมธาวีตอบ
“ก็ดีนะ เริ่มต้นแบบพอเพียง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป” อนามิกาบอก
“เรื่องของเรื่องก็คือทุนน้อยน่ะพี่อะนา คงจะเริ่มต้นอะไรใหญ่โตไม่ได้” เมธาวีหันมาถามณภัทร “แล้วภัทรล่ะ นายคิดจะทำอะไร”
“แผนการในอนาคตของฉันน่ะเหรอ ก็นี่ไง” ณภัทรผายมือไปที่อนามิกา “มีเมีย มีลูก โอ๊ย!” ณภัทรโดนอนามิกาเอากระป๋องน้ำอัดลมโขกหัวเอาเบาๆ ทำให้ทุกคนขำออกมา
“เอาจริงๆ นะ ฉันเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจชัดเจน ว่าจะทำอะไรดี” ณภัทรบอก
“คนรวยๆ ก็งี้ อยู่ไปวันๆ ชิลๆ ไม่ต้องกลัวอดตาย ส่วนฉัน ถ้าย้ายออกไปจากบ้านนี้เมื่อไหร่ ก็คงจะ...ไปสมัครงานเป็นลูกน้องเธอสองคนไง” อนามิกาบอก
“โอ๊ย! ฉันจะจ้างชะนีมาทำไมให้เปลืองตังค์ยะ” อัธวุธรีบปัด
ทุกคนหัวเราะรับมุกกันเสียงดังเฮฮา ทันใดนั้นก็มีเสียงตวาดทำเอาทุกคนรีบปิดปากสนิท
“เบาๆ หน่อยได้มั้ย”
ณดลในชุดนอนเดินเข้ามายืนหน้าเครียด
“ไม่มีงานไม่มีการต้องทำกันรึไง ดึกป่านนี้แล้วยังไม่แยกย้ายกันกลับอีก” ณดลพูด
“พูดดีๆ ก็ได้ มีแขกมาบ้าน แทนที่จะพูดจาต้อนรับดีๆ” อนามิกาสวน
ณดลสวนกลับ “เธอไม่ต้องพูดเลย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานกับฉันแต่เช้า ป่านนี้ยังไม่เตรียมตัวเข้านอนอีก ความรับผิดชอบน่ะ รู้จักบ้างมั้ย”
“ไม่ต้องห่วงน่ะ ฉันจะนอนดึกยังไง ฉันก็ตื่นไปทันทำงานแล้วกัน” อนามิกาบอก
เมธาวีเกรงใจ “ไม่เป็นไร เผอิญเมก็จะกลับแล้วพอดี”
“ใช่ๆๆ ฉันเองก็ง่วงนอนแล้ว” อัธวุธแกล้งอ้าปากหาว “ห๊าว...”
เมธาวีกับอัธวุธรีบขยับออกมา
“ไว้เจอกันใหม่นะ” อัธวุธรีบบอกลา
“ฉันเดินไปส่งหน้ารั้วเอง” ณภัทรอาสา
แล้วณภัทรก็เดินออกไปกับอัธวุธและเมธาวี ทิ้งให้ณดลกับอนามิกายืนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

เช้าวันใหม่ ณดลเดินนำอนามิกาเข้ามาในออฟฟิศของเขา ทั้งสองเดินผ่านโต๊ะทำงานของพนักงานชายหญิงที่กำลังนั่งทำงานกันอยู่ จนมาหยุดบริเวณกลางสำนักงาน
“เอาหละทุกคน ขอรบกวนเวลาทำงานนิดนึง ฉันจะแนะนำให้รู้จักเลขาฉัน เค้าชื่อ อนามิกามิกา หรือเรียกว่า คุณอะนาก็ได้”
“สวัสดีครับคุณอนามิกา / สวัสดีค่ะคุณอนามิกา” พนักงานชายและหญิงกล่าวทาย
อนามิกายิ้มอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะทุกคน ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ต่อไปนี้ใครมีงานอะไร ก็เรียกใช้ได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ อันที่จริงเค้าก็เป็นแค่เลขาขัดตาทัพ จะเรียกว่าเลขาชั่วคราวก็ได้” ณดลบอก
อนามิกาแทบสะอึกเพราะรู้สึกเหมือนณดลกำลังฉีกหน้าตนต่อหน้าพนักงานทุกคน
“และทันทีที่ฉันหาเลขาคนใหม่ที่เป็นตัวจริงเข้ามาได้ เลขาชั่วคราวคนนี้ก็จะหมดหน้าที่ทันที เอาหละ! แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” ณดลพูด
ทุกคนมองอนามิกาแล้วยิ้มเยาะๆ ต่างจากตอนแรกที่มองอย่างให้เกียรติ อนามิการู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที

ณดลกระแทกแฟ้มและเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะทำงานของเลขาฯ หน้าห้องทำงานของเขา แฟ้มและเอกสารต่างๆ แทบจะสูงท่วมหัวอนามิกาที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เลยทีเดียว
“ทั้งหมดเนี่ยนะคะ” อนามิกาถาม
“ใช่! มีปัญหาอะไรมั้ย” ณดลถามกลับ
“ไม่มีหรอกค่ะ บอสขา...” อนามิกาพูดล้อเลียน
“งั้นก็ดี ฉันต้องการให้เธอเคลียร์ทั้งหมดนี้ภายในเย็นนี้นะ” ณดลบอก
อนามิกาตาโต “หา?! เย็นเนี้ยเลยนะ”
“หรือถ้าเสร็จก่อนเที่ยงได้ก็ยิ่งดี”
“ฉันมีแค่สองมือ กะหัวกะโหลกเดียวนะคุณ”
“อ้อ! แล้วชงกาแฟให้ฉันด้วย กาแฟดำ ใส่น้ำตาลช้อนเดียว ครีมไม่ต้อง”
“เดี๋ยวๆๆ นี่ฉันต้องชงกาแฟให้คุณด้วยเหรอ ออฟฟิศคุณไม่มีแม่บ้านรึไง”
“มี! แต่ฉันจะใช้เธอ “ พูดขาดคำณดลก็หันเดินเข้าห้องทำงานตนไป
“แต่ว่าฉัน...เฮ้ย...เดี๋ยว...ว้า..”
อนามิกาขยับจะทักท้วงแต่ก็ไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ฮึดฮัดขัดใจอยู่คนเดียว

อนามิกาตักกาแฟ น้ำตาล ครีมอย่างกระแทกกระทั้นอยู่ที่บริเวณมุมชงกาแฟในออฟฟิศ
อนามิกาบ่นเพื่อระบายอารมณ์ไปด้วย “กาแฟ น้ำตาลหนึ่งช้อน โธ่วุ้ย! นี่ฉันไม่ใช่คนใช้นะ”
อนามิกาคนแก้วเสียงดังใส่อารมณ์ แล้วยกแก้วกาแฟบนจานรองขึ้นมาถือกำลังจะเดินออกไป แต่แล้วเธอก็พลันชะงักเมื่อสะดุดสายตาที่ขวดกระปุกเกลือและพริกไทยที่วางอยู่ใกล้ๆ กัน อนามิกายิ้มเพราะปิ๊งไอเดียชั่วร้ายขึ้นมา

ในจินตนาการของอนามิกา เธอยกกาแฟในจานรองมาเสิร์ฟถึงโต๊ะณดลที่กำลังง่วนอยู่กับงานบนหน้าจอโน้ตบุ้คคอมพิวเตอร์
“กาแฟมาแล้วค่ะบอส”
ณดลยังคงจับจ้องอยู่กับงาน “ขอบใจ”
ณดลเอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟมาจิบโดยที่ไม่สายตาจากหน้าจอ อนามิกายืนลุ้นเตรียมฮาแตก ณดลจิบกาแฟเต็มคำแล้วก็ตาเหลือกก่อนจะพ่นกาแฟออกมาอย่างหมดสภาพผู้บริหาร

อนามิกายืนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างพึงพอใจกับแผนการร้ายของตน เธอรีบวางแก้วลง แล้วหยิบขวดเกลือมาเขย่าก่อนเหยาะใส่แก้วอย่างเมามัน
“นี่แน่ะ...นี่ๆๆ ขืนชงอร่อยๆ ไปก็คงใช้ฉันอีก จัดแบบนี้ให้ดีกว่า นี่ๆๆ”
ทันใดนั้น แม่บ้านประจำออฟฟิศก็เดินเข้ามาหยุดยืนมองอย่างงงๆ อนามิกาหันไปเห็นป้าแม่บ้านประจำออฟฟิศยืนเหวออยู่ อนามิกาก็ชะงักโดยที่ขวดเกลือยังค้างในมือ
“คุณชอบกินแบบนี้จริงๆ เหรอคะ” แม่บ้านถามขึ้น
อนามิกายิ้มกลบเกลื่อนก่อนตอบ
“อยากลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างน่ะค่ะ”

อนามิกายกถ้วยกาแฟบนจานรองมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะณดลที่กำลังง่วนกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คบนโต๊ะ
อนามิกาอมยิ้มอย่างนึกสนุก “กาแฟมาแล้วค่ะบอส”
สายตาของณดลยังอยู่กับงานแต่เขาก็ตอบออกมาสั้นๆ “ขอบใจ”
อนามิกายืนรอขำ ลุ้นอยู่ว่าณดลจะจิบกาแฟใส่เกลือของตน
ณดลยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจรดริมฝีปากและกำลังจะดื่ม แต่แล้วเขาก็ชะงักเหลือบมองอนามิกาที่กำลังยืนลุ้นกลั้นหัวเราะ พอเห็นว่าณดลจ้องมองอนามิกาก็รีบเก็บอาการ
ณดลเอะใจ มองกาแฟในแก้ว
“มีอะไรเหรอ”
“ปะ..เปล่าค่ะ”
ณดลยกถ้วยกาแฟขึ้นจะจิบแล้วก็เหลือบมองตาอนามิกา อนามิกาชะเง้อมองแล้วกลั้นหายใจอย่างลุ้นๆ พอณดลเหล่มาเธอก็รีบเก็บอาการอีก
ณดลเริ่มระแวง เขามองกาแฟในถ้วย แล้วมองตาอนามิกา “มีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
“ไม่มีนี่คะ” อนามิการีบตอบ
“งั้น...เธอจิบให้ฉันดูหน่อยซิ”
“เอ่อ...จะดีเหรอคุณ ให้ฉันจิบ แล้วคุณกินต่อเนี่ยนะ ไม่รังเกียจฉันเหรอ”
“งั้นไปชงให้ฉันใหม่”
“อ้าว! ทำไมล่ะ”
“ฉันเห็นหน้าเธอก็รู้แล้วว่าเธอจงใจชงกาแฟรสชาติห่วยๆ มาให้ฉันกินใช่มั้ย”
“เฮ้ย! รู้ได้ไงอ่ะ เอ๊ย! ไม่ใช่นะ ฉันเปล่า”
“งั้นก็ลองจิบให้ฉันดูสิ” ณดลย้ำ
“เอ่อ...คือ..ไม่หละ ฉันไม่ชอบกินกาแฟ”
“ก็ได้...เธอไม่ต้องกินก็ได้...งั้นไปชงกาแฟให้ฉันใหม่อีกแก้ว”
“แต่ว่าฉันต้องทำงาน...”
ณดลสวนขึ้น “หรือเธอจะชิมแก้วนี้”
“ก็ได้...ฉันไปชงให้ใหม่ก็ได้” อนามิกาเก็บแก้วแล้วเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” ณดลทักขึ้น
อนามิกาเหลียวกลับมา
“เอาแก้วเปล่ามาใบนึงด้วยนะ” ณดลสั่ง
อนามิกางง “เอามาทำไมเหรอคะ”
“ฉันจะแบ่งกาแฟจากถ้วยฉันให้เธอชิมก่อนน่ะสิ ก็ถ้าเธอชงกาแฟห่วยๆ มา เธอก็ต้องกินกับฉันด้วย”
อนามิกาหน้าแหย แล้วหันเดินออกมา พร้อมกับบ่นเบาๆ อย่างอารมณ์เสีย
“อะไรวะ ดักทางเราได้หมดเลย”
ณดลเงยหน้าจากงานขึ้นมาเหล่มองแล้วก็ยิ้มอย่างสะใจที่กำราบอนามิกาได้

นลิณากำลังนั่งคุยกับแพรวาและเสรีอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านเสรี
“จริงเหรอน้องแพร เธอเห็นยัยอะนาซื้อผ้าอนามัยเนี่ยนะ” นลิณาตกใจ
“ค่ะพี่นีน่า แต่แพรว่าเค้าอาจจะซื้อให้คนอื่นใช้ก็ได้” แพรวาตอบ
“ซื้อให้ใครล่ะลูก ซื้อให้คุณพนารัตน์เรอะ” เสรีถาม
“คุณพ่อขา อายุขนาดคุณอารัตน์นี่ไม่ต้องใช้ผ้าอนามัยแล้วมังคะ รุ่นนั้นต้องใช้ผ้าอ้อมคนแก่แล้ว” นลิณาบอก
“อืม...งั้นก็เป็นไปได้นะว่าเค้าแกล้งท้อง” เสรีครุ่นคิด
“แล้วทำไมคุณอะนาเค้าแกล้งท้องด้วยล่ะคะ” แพรวาถามขึ้น
“โถ...ยัยแบ๊ว ก็เพราะอีตาภัทรมันจะหาเรื่องยกเลิกงานหมั้นกับเธอน่ะสิ ฉันก็ว่าแล้ว มีอย่างที่ไหน สองคนนี้เป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ ไม่มีวี่แววจะรักกันเล๊ย...แต่พอโดนทางบ้านจัดให้หมั้นกับน้องแพรเท่านั้นแหละ กลายเป็นท้องขึ้นมา เป็นสามีภรรยากันซะงั้น”
“ถ้างั้นเราจะพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้กันยังไงดี” เสรีถาม
“ไม่ยากค่ะ เพราะคุณณดลเองก็ไม่ไว้ใจนังนี่เหมือนกัน เดี๋ยวนีน่าจะฟ้องคุณณดลให้เปิดโปงมัน คราวนี้มันไม่รอดแน่ๆ นังสิบแปดมงกุฏ”
นลิณากระเหี้ยนกระหือรือเพราะอยากแฉอนามิกาเต็มแก่

ศรีกำลังปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณบันไดทางขึ้นชั้นบนของบ้านณภัทรอยู่ ณดลก้าวเท้าเข้ามาในบ้านอย่างรีบเร่ง
“อ้าว! คุณณดล ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจังล่ะคะ” ศรีทัก
“เอ่อ...เผอิญฉันผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะกลับมาทำธุระนิดหน่อยน่ะ” ณดลตอบ
“ธุระอะไรเหรอคะคุณ”
ณดลไม่ตอบ แต่เดินลิ่วๆ ขึ้นบันไดบ้านไป
“ธุระอะไรของเค้า?”
ศรีมองตามณดลไปอย่างแปลกใจ

ณดลเปิดเข้ามาในห้องนอนของณภัทร แล้วเริ่มค้นหาตามตู้ ตามมุมต่างๆ โดยมีเสียงนลิณาที่โทรศัพท์มาหาเขาแว่วขึ้นมาในความคิด
“จริงๆ นะคะ ยัยแพรบอกว่าเจอยัยอะนากำลังซื้อผ้าอนามัยจริงๆ คุณก็รู้นี่ว่ายัยแพรโกหกเป็นกับเค้าที่ไหน หรือถ้ายังไม่เชื่ออีก คุณก็ลองไปรื้อค้นห้องยัยอะนาเอาเองแล้วกัน รับรองว่าจะต้องเจอหลักฐานชิ้นสำคัญแน่ๆ”
ณดลพยายามทั้งรื้อค้น ทั้งเปิดลิ้นชัก แต่ก็ยังไม่เจอผ้าอนามัย
“ปกติพวกผู้หญิงเค้าเก็บผ้าอนามัยไว้แถวไหนกันนะ หรือว่าเก็บไว้ใกล้ๆ ชุดชั้นใน”
ณดลเปิดลิ้นชักหนึ่งออกมาแล้วก็ถึงกับตาโตเพราะในลิ้นชักนั้น มีชุดชั้นใน ทั้งบราและอันเดอร์แวร์ของอนามิกาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ
“เอ่อ...ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงอะไร” ณดลพูดกับตัวเอง
ณดลลงมือรื้อค้นลิ้นชักชุดชั้นในทันที

ศรียังคงทำความสะอาดบริเวณบันไดขึ้นชั้นบน สักพักอนามิกาก็เดินเข้ามา
“อ้าว...ทำไมกลับไวจัง โดดงานหนีคุณณดลมารึเปล่าเนี่ย” ศรีทัก
“เธอนี่พูดกับฉันสนิทสนม ไม่เหมือนกับว่าฉันเป็นเมียลูกชายเจ้าของบ้านนี้เลยนะ ทำไม? ถ้าฉันจะโดดงานแล้วมีปัญหามั้ย ทีเจ้านายยังไม่อยู่ แล้วฉันจะอยู่ทำไม” อนามิกาบอก
“แมวไม่อยู่ หนูร่าเริงว่างั้น”
“ใช่! แต่ฉันก็ทำงานจนตาลายแล้ว กลับก่อนเลิกงานแค่สองชั่วโมง คงไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายหรอก ขอพักบ้างอะไรบ้าง” อนามิการีบก้าวขึ้นบันไดไป
ศรีมองตามแล้วยิ้มสะใจ “แมวไม่อยู่หนูร่าเริง ฮึ! แมวตัวเบ้อเร่ออยู่ข้างบนนั่นแหละอีหนูเอ๊ย”

อนามิกาเดินเข้ามาในห้องนอนของณภัทรด้วยท่าทางเพลียๆ เพราะอยากเอนหลังพักผ่อนเต็มที่แต่เธอก็พลันชะงักเพราะเห็นด้านหลังของณดลกำลังนั่งยองๆ กำลังรื้อค้นลิ้นชักเก็บชุดชั้นในของเธออยู่
อนามิกาตาโตตกใจ แล้วก็ขยับปากแต่ไม่มีเสียงว่า “ขโมย!” เธอหันซ้ายหันขวา แล้วคว้าเอาเก้าอี้ขึ้นมายกเงื้อง่าเตรียมทุ่มใส่เต็มแรง
“แก!”
ณดลหันมาเห็นก็ตาเหลือก “เฮ้ย!”
“หา! คุณเองเหรอ”
อนามิกายั้งไม่อยู่จึงทุ่มเก้าอี้ใส่ณดลเต็มแรง
ณดลยกท่อนแขนกันใบหน้าโดยอัตโนมัติ “โอ๊ย!!”
“อุ๊ย! โทษที ฉันยั้งไม่ทัน”
“จะบ้าเหรอไง จำฉันไม่ได้เรอะ”
“ก็ใครจะรู้ล่ะ ว่าคุณมามุดอยู่ตรงนี้ แล้วนี่คุณมาทำอะไรน่ะ” อนามิกาชะเง้อดู “เฮ้ย! นี่คุณเข้ามาขโมยชุดชั้นในของฉันเหรอ”
“เฮ้ย! จะบ้าเหรอ ใครจะไปทำแบบนั้น”
“แล้วในมือคุณล่ะ”
“ไหน...” ณดลยกมือขึ้น มียกทรงติดมือขึ้นมาหนึ่งตัว ณดลเห็นก็ตกใจ “เฮ้ยยย!”
ณดลรีบโยนยกทรงคืนลิ้นชักทันที
“อี๋...อีตาโรคจิต”
“ผมเปล่านะ ไม่ใช่อย่างงั้น” ณดลปฏิเสธ
“ไม่ใช่ยังไง ก็เห็นอยู่ตำตา ตะกี้หลักฐานก็อยู่คามือ”
“ก็ใช่! แต่ไม่ใช่ ฉันจะเอายกทรงเธอไปทำอะไรเล่า”
“งั้นเข้ามารื้อชุดชั้นในฉันทำไม”
“ก็...” ณดลมองไปที่ลิ้นชักอีกที เขาเห็นแพ็คของผ้าอนามัยหลบอยู่ใต้กองชุดชั้นใน
“นี่ไง” ณดลรีบคว้าแพ็คของผ้าอนามัยขึ้นมา “ฉันมาหาไอ้สิ่งนี้แหละ”
อนามิกาตกใจถึงกับเหวอพูดไม่ออก
ณดลพูดด้วยน้ำเสียงจับผิด “ว่าไง? ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย? คนท้องเค้าต้องใช้ผ้าอนามัยกันด้วยเหรอ?”
“เอ่อ...คือ...” อนามิกาอ้ำอึ้ง
“จริงๆ แล้ว เธอไม่ได้ท้อง แต่สร้างเรื่องโกหกขึ้นมา เพื่อจับไอ้ภัทรมันใช่มั้ย”
อนามิกานึกหาข้อแก้ตัว “เอ่อ...คือว่า...” แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ “ไม่ใช่นะ นี่ไม่ใช่ของฉัน”
“ไม่ใช่ของเธอ แล้วมาอยู่รวมกับชุดชั้นในของเธอได้ยังไง”
“คือ...ฉันซื้อมาฝากคนอื่นน่ะ”
“ฝากใคร” ณดลถาม
“ฝาก..เอ่อ...ฝากศรีไง ศรีน่ะ เค้าฝากซื้อ ฉันก็เลยซื้อมาฝาก”
ณดลแสร้งทำเป็นเชื่อ “งั้นเหรอ...อ๋อ..เข้าใจแล้ว ฝากศรีนี่เอง” ณดลพยักหน้ารับ
“ใช่ๆ” อนามิกายิ้มแล้วเป่าปากอย่างโล่งอก “ก็ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ก็เลยซื้อมาฝากเค้า”
ณดลยิ้มให้อนามิกา แล้วก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นดุทันที “คิดว่าฉันจะเชื่อเธอเรอะ”
ณดลจะเดินถือแพ๊คผ้าอนามัยออกไปนอกห้อง อนามิการีบมาขวางไว้
“คุณจะไปไหน” อนามิกาถาม
“ฉันจะลงไปถามศรีเดี๋ยวนี้ ว่าเคยฝากเธอซื้อไอ้นี่จริงหรือเปล่า”
ณดลเดินปึงปังออกไป
“เดี๋ยว..อย่าเพิ่ง...” อนามิกาหน้าแหย “ตายแน่ฉัน...หมดกันคราวนี้”
อนามิกาหน้าเสียเหมือนจะร้องไห้






Create Date : 03 เมษายน 2555
Last Update : 3 เมษายน 2555 0:06:23 น.
Counter : 342 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]