All Blog
แหม่มแก้มแดง ตอนที่ 13



อนามิกากับเมธาวียืนอยู่ที่ประตูภายในบ้าน

เมธาวีถามอย่างลนลาน “ทำไงดีล่ะพี่อะนา”
“ไม่ต้องกลัว เราอยู่ในบ้านแล้ว มันเข้ามาไม่ได้หรอก ฉันจะอยู่ตรงนี้ เธอรีบไปหยิบโทรศัพท์มาเร็ว!” อนามิกาบอก
ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงโชคดังเข้ามา “ถ้าไม่รีบเปิดประตู ฉันจะยิงเพื่อนแกเดี๋ยวนี้!”
เมธาวีกับอนามิกาหน้าตาตื่น

โชคผลักหน้าอัธวุธที่ยังมึนๆ เข้ามากระแทกกับบานประตู อัธวุธมีเลือดไหลออกจากจมูก โดยมีเจตน์ยืนคุมอยู่ใกล้ๆ
“ฉันจะนับแค่หนึ่งถึงสาม ถ้าไม่เปิดประตู เพื่อนแกตาย” โชคบอก
เมธาวีที่อยู่ในบ้านมีท่าทีลนลานเหมือนจะร้องไห้
“หนึ่ง” เสียงโชคนับดังขึ้น
เมธาวียิ่งลนลานมากขึ้น “ทำไงดีล่ะพี่อะนา”
“สอง” โชคนับต่อ
อนามิกากระซิบบอกเมธาวี “บอกให้รีบไปเอาโทรศัพท์มาไง”
โชคคำรามขู่ “สาม...ตายซะเหอะ”
ทันใดนั้น ประตูก็เปิดผัวะออกมา อนามิกายกสองแขนชูขึ้นอย่างยอมจำนน
“อย่ายิงเพื่อนฉันนะ”
“แล้วอีกคนล่ะ” โชคถามแล้วพยักหน้าไปทางเจตน์ “แกดูนังนี่ไว้นะ”
เจตน์พยักหน้ารับ โชครีบพุ่งเข้าไปในบ้าน
อนามิกายกสองแขนโดยเจตน์ถือปืนคุมเชิงไว้ ส่วนอัธวุธนอนหมดสติอยู่กับพื้นบริเวณใกล้ๆ ประตู

เมธาวีวิ่งอย่างลนลานเข้ามาในตัวบ้านแล้วรีบคว้าโทรศัพท์มือถือ เธอพยายามกดเบอร์ 1 9 1 ด้วยมือไม้ที่สั่น พอกดได้แล้วโชคก็เข้ามาคว้าโทรศัพท์ไปจากมือเมธาวี
“ว๊าย” เมธาวีตกใจ
“เอามานี่” โชคดูหน้าจอ “ 1 9 1 งั้นเหรอ”
โชคโกรธมาก เขายกปืนส่องมาทางเมธาวี เมธาวีหน้าเสียเพราะคิดว่าโดนยิงแน่ๆ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตำรวจดังมาจากโทรศัพท์
“หนึ่งเก้าหนึ่ง สวัสดีครับ”
โชคยกปืนขึ้นจุ๊ปากเตือนให้เมธาวีเงียบเสียง
“หนึ่งเก้าหนึ่ง สวัสดีครับ จะแจ้งเหตุอะไรครับ” เสียงตำรวจดังขึ้นอีก
โชคยกโทรศัพท์ขึ้นพูด “ขอโทษครับ เผลอกดเบอร์ผิดไป ขอโทษจริงๆ ครับ”
โชคกดปุ่มวางหูแล้วปล่อยโทรศัพท์ให้ตกพื้น เมธาวีหน้าเสียเพราะกลัวว่าโชคจะทำอะไรตน โชคกระทืบโทรศัพท์มือถือจนพัง เมธาวีสะดุ้ง
“ชูมือขึ้น แล้วค่อยๆ เดินออกมา” โชคสั่ง
“ค..ค่ะ”
เมธาวีเดินผ่านเก้าอี้รับแขกแล้วเหลือบมองเห็นโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนของอัธวุธวางอยู่
“ค่อยๆ เดิน” โชคสั่ง
เมธาวีก้มหน้าเหล่มองโทรศัพท์มือถือของอัธวุธ แล้วเธอก็แกล้งทำเป็นสะดุดให้หน้าแข้งตัวเองไปชนโต๊ะรับแขก “โอ๊ย!”
เมธาวีแกล้งทำเป็นเจ็บ แล้วทรุดตัวนั่งลงทันที มือข้างหนึ่งของเธอจับหน้าแข้งป้อยๆ อีกข้างแอบหยิบโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าไว้
“ซุ่มซ่ามจริง” โชคต่อว่า “ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินออกไป ถ้ายังไม่อยากตาย ก็อย่าคิดตุกติกเป็นอันขาด”
เมธาวียกมือขึ้นแล้วเดินช้าๆ ออกไป โดยมีโชคถือปืนจ่อหลังเดินตามมา

ประตูรถตู้เลื่อนเปิดออก โชคกับเจตน์เอาปืนจี้ให้อนามิกากับเมธาวีก้าวขึ้นรถ โดยมีนลิณากับเกตนิการ์กำลังถือถุงดำเตรียมครอบศีรษะของทั้งสองไว้
โชคพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ “ก้าวขึ้นไปบนรถ...เดี๋ยวนี้!”
“พวกแกเป็นใคร จะจับฉันไปไหน” อนามิกาถาม
พูดไม่ทันขาดคำ อนามิกาก็โดนนลิณาเอาถุงดำสวมหัว ส่วนเกตนิการ์ก็เอาถุงดำสวมหัวเมธาวีเช่นกัน โชคถือปืนก้าวตามขึ้นมา เจตน์ปิดบานประตูของรถตู้ แล้วรีบวิ่งอ้อมไปขับรถ
“พวกแกจะทำอะไรฉัน...” เมธาวีถาม
โชคตวาด “ถ้าไม่อยากตายก็หุบปากซะ” โชคถือปืนคุมเชิงไว้ “รีบมัดข้อมือมันเถอะครับ”
นลิณาจับแขนอนามิกาไพล่หลังแล้วมัดข้อมือไว้ ส่วนเกตนิการ์ก็มัดข้อมือเมธาวีเช่นเดียวกัน แล้วโชค เจตน์ นลิณา และเกตนิการ์ก็ถอดหมวกไอ้โม่งออก ก่อนที่รถตู้จะวิ่งออกไป

ที่หน้าบ้าน อัธวุธยังนอนอยู่ในสภาพบอบช้ำโดยมีเลือดแห้งกรังอยู่ที่จมูก อัธวุธค่อยๆ ลืมตาแล้วพยุงตัวเองขึ้นมา ก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา
อัธวุธนึกขึ้นได้ รีบร้องเรียกด้วยน้ำเสียงอิดโรย “เม...อะนา...”

อัธวุธก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือของเมธาวีที่โดนกระทืบจนพังขึ้นมาดู
“โทรศัพท์ยัยเมนี่...แล้วโทรศัพท์ฉันหายไปไหนเนี่ย”
อัธวุธเดินโขยกเขยกหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง จนมาเจอโทรศัพท์มือถือของอนามิกาวางอยู่บริเวณชั้นวางของในห้องรับแขก อัธวุธหยิบมากดหาเบอร์แล้วรีบกดโทรออก
“นี่ฉันเอง อาร์ท ฉันใช้โทรศัพท์ของอะนา เดี๋ยว!ภัทร...ฟังฉันก่อน อะนากับเมโดนจับตัวไป...ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร”

รถตู้ที่เจตน์ขับปราดเข้ามาจอดหน้าโกดังร้าง เจตน์ลงจากประตูด้านคนขับแล้วอ้อมมาเลื่อนประตูรถตู้เปิดออก นลิณา เกตนิการ์ และโชค กระชากแขนพาอนามิกาและเมธาวีที่โดนมัดข้อมือไพล่หลังและสวมถุงดำคลุมศีรษะไว้ให้เดินลงมา
“ก้าวลงมา นั่นแหละ แล้วค่อยๆ เดินมาทางนี้” โชคสั่ง
“พวกแกต้องการอะไรกันแน่” อนามิกาถาม
“หุบปาก ถ้าส่งเสียงอีก ฉันจะยิงกรอกปากแกซะ” โชคขู่
เมธาวีกลัวจนร้องไห้สะอึกสะอื้น
“กลัวจนร้องไห้เลยเหรอ ก้าวตามฉันมา” เจตน์สั่ง
เจตน์จับแขนเมธาวี ส่วนโชคจับแขนอนามิกาแล้วทั้งสองก็ลากแขนสองสาวให้เดินตรงไปที่ประตูโกดัง

ประตูโกดังร้างเปิดออก โชคพาอนามิกาเข้ามาพร้อมกับเจตน์ที่พาเมธาวีเข้ามา นลิณากับเกตนิการ์เดินตามมาแล้วปิดประตูโกดัง เสรีนั่งไขว่ห้างรออยู่ที่เก้าอี้ยาวในโกดังร้าง เมื่อเห็นพวกของตนพาอนามิกากับเมธาวีเข้ามา เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้น
“มากันแล้วเรอะ”
นลิณาเดินมากอดประจบเสรี ส่วนเกตนิการ์เดินมานั่งข้างๆ
“ขอฉันดูหน้าสองคนนี้หน่อยซิ” เสรีบอก
โชคกับเจตน์พยักหน้า แล้วโชคก็ดึงถุงดำที่คลุมศีรษะอนามิกาออก ส่วนเจตน์ดึงถุงดำที่คลุมศีรษะเมธาวีออก
อนามิกากับเมธาวีขยิบตาสู้แสง แล้วก็ต้องตาโตตกใจเมื่อเห็นเสรีนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงกลาง โดยมีนลิณาและเกตนิการ์นั่งขนาบข้าง
“นีน่า...เกด!!” อนามิกาตกใจ
เมธาวีโวยวาย “นี่เธอเล่นบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
นลิณาเอานิ้วชี้จุ๊ปากเพื่อปรามให้เมธาวีเบาเสียง “ชู่ว...ใครบอกว่าฉันเล่นล่ะ”
“แล้วจะจับเราสองคนมาทำไม พวกเธอต้องการอะไรกันแน่” อนามิกาถาม
“ให้คุณพ่อฉันบอกแกเองดีกว่านะ”
เสรียิ้ม “อยากรู้ใช่มั้ย ว่าฉันจับเธอสองคนมาทำไม”
เสรีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสักครู่ แล้วจึงเปิดสปีคเกอร์โฟนวางไว้ อนามิกากับเมธาวี มองอย่างงงๆ ว่าเสรีกำลังจะบอกอะไรกันแน่ สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงณดลจากโทรศัพท์
“สวัสดีครับ”
เสรีกวักมือเรียกโชคให้เข้ามาหาแล้วกระซิบที่ข้างหูของโชค
“ฮัลโหล...ได้ยินมั้ยครับ...ฮัลโหล” ณดลพูดต่อ
โชคพยักหน้าเข้าใจที่เสรีกระซิบแล้วหันไปพูดใส่โทรศัพท์ “แกรู้จักผู้หญิงที่ชื่ออนามิกา แล้วก็ชื่อเมธาวีใช่มั้ย ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่กับฉันแล้ว”

ณดลยืนพูดโทรศัพท์อย่างร้อนใจ โดยมีณภัทรยืนอยู่ข้างๆ สองพี่น้องยืนอยู่ข้างรถที่จอดอยู่ริมถนน โดยมีอัธวุธที่แปะพลาสเตอร์บริเวณดั้งจมูกนั่งอยู่ในรถที่เปิดประตูทิ้งไว้ อัธวุธเงี่ยหูตั้งใจฟังที่ณดลพูดตลอด
“แกเป็นใคร แล้วอะนากับเมไปอยู่กับแกได้ยังไง อย่าทำร้ายสองคนนั้นนะ แกต้องการอะไรก็บอกมา”
โชคเอียงหน้าให้เสรีกระซิบแล้วจึงพยักหน้าก่อนจะผละออกมาพูดใกล้ๆ โทรศัพท์
“ใจเย็นๆ อย่าลนลาน ฉันจะค่อยๆ ตอบแก ฉันเป็นโจรเรียกค่าไถ่ ชัดเจนมั้ย ฉันรู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้มีค่ากับแก แต่ก็ไม่รู้ว่าแกจะยอมจ่ายได้ถึงสิบล้านมั้ย”
ณดลตกใจ “สิบล้าน”
“อ้าว..ทำไมล่ะ หรือแกคิดว่าแพงไป สำหรับชีวิตยัยสองคนนี้” โชคถาม
“ไม่ใช่อย่างงั้น แต่มันจะไม่โลภไปหน่อยเหรอ แล้วเงินขนาดนั้น แกก็ต้องเผื่อเวลาให้ฉันหามาจ่ายพวกแกด้วย” ณดลบอก
“คุณไม่ต้องไปจ่ายมันหรอกนะ” อนามิกาตะโกนแทรกขึ้นมา
เจตน์ยกปืนขึ้นขู่ “หุบปากเดี๋ยวนี้”
นลิณาลุกพรวดขึ้นมา
อนามิกาพูดเสียงดังโดยหวังจะให้ณดลได้ยิน “คุณฟังฉันนะ พวกมันก็คือ...”
อนามิกายังไม่ทันได้เอ่ยชื่อขึ้นมา เธอก็โดนนลิณาตบหน้าเข้าเต็มๆ จนหน้าหัน
นลิณาพูดกับเจตน์เบาๆ “ถ้ามันส่งเสียงขึ้นมาอีกหละก็ ช่วยสั่งสอน จัดหนักมันได้เลย”
เมธาวีเห็นอนามิกาถูกทำร้ายก็กลัวจนร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา
โชคพูดโทรศัพท์ต่อ “ว่าไง แกจะไถ่ชีวิตสองคนนี้ หรือจะให้ฉันเชือดทิ้งได้เลย เอ่อ..แต่สวยๆ อย่างงี้นะ ก่อนเชือดคงต้องขอหาเศษหาเลยกันซักหน่อย”
“อย่านะ! แกจะทำอะไรอะนาไม่ได้นะ” ณดลร้องบอก
ณภัทรคว้าโทรศัพท์ในมือณดลมาพูด “ห้ามแตะต้องเมเด็ดขาด”
ณดลยกมือเชิงปรามณภัทร ให้ใจเย็นๆ แล้วจึงพูดโทรศัพท์ต่อ “ถ้าแกทำอะไรสองคนนั้น แกก็จะไม่มีวันได้เงินจากฉัน”
เสรีกระซิบบอกโชค โชคพยักหน้ารับทราบแล้วหันไปพูดต่อ
“ถ้างั้นเช้านี้ เวลา 9 โมงตรง แกเตรียมเงินสด 10 ล้านบาท ห้ามทำเครื่องหมายบนแบ๊งค์ ใส่กระเป๋าที่ไม่มีกุญแจล็อค แล้วขับรถเอากระเป๋ามาให้ฉัน”
ณดลมองหน้ากับณภัทรอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดกลับไป “แล้วพวกแกอยู่ที่ไหนกันล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะได้เอาเงินไปให้”
เสรีกระซิบข้างหูโชคอีกครั้ง โชคพยักหน้าแล้วพูด
“นี่คิดว่าพวกเราโง่หรือไง จะหลอกถามที่อยู่กันง่ายๆ อย่างเงี้ยนะ แกแค่เอาเงินใส่รถไว้ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะโทรหาแกเอง ว่าต้องขับรถไปทางไหน ไม่งั้น...แกได้เจอยัยสองคนนี้อีกที ตอนมันเป็นศพแน่ๆ”
“เดี๋ยวสิ เงินสดตั้งมากตั้งมายขนาดนั้น จะขอเวลามากกว่านี้ไม่ได้เหรอ” ณดลต่อรอง
“แกจะได้มีเวลาแจ้งตำรวจให้มาเล่นงานฉันน่ะสิ บอกก่อนเลยนะ ว่าต้องตรงเวลา และที่สำคัญอีกอย่าง ถ้าคิดตุกติก แกอาจจะได้ยัยสองคนกลับไปในสภาพไม่ครบ 32 นะ” โชคขู่
เสรีขยับไปกดปุ่มวางหูแล้วพยักหน้าให้โชคอย่างพอใจ
ณดลพยายามร้องเรียก “เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่ง...ฮัลโหล....”
“รีบโทรกลับไปสิคะ” อัธวุธแนะนำ
“โทรหาเบอร์เมื่อกี้ที่มันโทรเข้ามาน่ะพี่” ณภัทรบอก
“รู้แล้ว”
พอณดลต่อสาย ปรากฏว่าสัญญาณกลายเป็นเสียงที่บอกว่าปิดโทรศัพท์ไปแล้ว
“พรุ่งนี้ เก้าโมง สิบล้าน” ณดลพึมพำ
“เราจะทำยังไงกันดีล่ะครับพี่ณดล” ณภัทรเครียด
ณดล ณภัทร และอัธวุธ ต่างก็หมดอาลัยตายอยากเพราะไม่รู้จะหาทางยังไง










Create Date : 12 เมษายน 2555
Last Update : 12 เมษายน 2555 16:12:26 น.
Counter : 204 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]