|
Trader's Diary: บทนำ
ก่อนที่ผมจะเริ่มบันทึกความทรงจำของผมผ่าน blog แห่งนี้ ผมขอเล่าช่วงชีวิตของผมที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมหยุดเขียนบทความใดๆ ลงในพันทิป และห่างหายจากบอร์ดไปร่วม 4 ปี หลายท่านคงสงสัยและอยากรู้ว่า ผมหายไปไหน ทำอะไร ที่ไหน ผมจึงขอเล่าคร่าวๆ ก่อนเข้าสู่ Traders Diary ซึ่งผมจะอัพเดทและบันทึกลงไปในทุกๆ วันหลังจากผมประกาศอิสรภาพจากการเป็นลูกจ้าง ออกมาเป็น Private Trader อย่างเต็มตัว ในฐานะลูกค้า VIP ของโบรกแห่งหนึ่งด้วยพอร์ทเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย
ในปี 2548 เป็นปีที่ผมเดินบนเส้นทางของการลงทุนในหุ้นครบ 9 ปีพอดี ผมได้รับโอกาสร่วมงานกับ บล.แห่งหนึ่งซึ่งมี plan ที่จะตั้งแผนก Proprietary Trading หรือ ฝ่ายการลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อบัญชีบริษัท ซึ่งตอนนี้รายย่อยไทยได้ตั้งฉายาพวกเราว่า พวกปอป
ผมเข้ามาในฐานะเทรดเดอร์คนนึงซึ่งต้องเข้ามาเซตแผนกใหม่ทั้งหมด นั่นคือเริ่มต้นจากศูนย์ ทั้งในเรื่องของการเขียน policy ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุน กลยุทธ์ และการคุมความเสี่ยง ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับผมนอกเหนือจากการเทรด ในช่วงแรกต้องในเวลาในการปรับตัวพอสมควรเนื่องจากสินค้าที่ได้เทรดเป็นตัวแรกคือ Futures ซึ่งตอนนั้นถือว่าใหม่มากในเมืองไทย ใช้เวลาจับทิศทางและวางกลยุทธ์เกือบ 1 ปี ถึงเข้ารูปเข้ารอย และทำกำไรได้อย่างจริงจังนับแต่นั้นมา
ผมถูกโปรโมทให้ขึ้นมาเป็นระดับผู้จัดการฝ่ายหลังจากนั้นแค่ 1 ปี ทำให้ใครๆ หลายคนในบริษัทค่อนข้างจับตามองมากกว่า ไอ้นี่มันเป็นใครมาจากไหนขึ้นเร็วเหลือเกิน พร้อมกับคำสบประมาทต่างๆ ว่า ที่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเพราะมันมาคนแรก แต่ผมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผมสร้างทีมที่สามารถทำเงินให้กับบริษัทได้อย่างมหาศาลได้อย่างไร
หลังจากนั้น 1 ปี ผมได้รับโอกาสอันดีอีกครั้งหนึ่ง บริษัทแม่จากต่างประเทศส่งเทรนเนอร์มาเทรนเด็ก ป.ตรี จบใหม่เพื่อใช้สำหรับทีมเทรดหุ้น ทีมผู้บริหารมีการเจรจาต่อรองกับผมว่า ให้ผมเลิกเทรด และเปลี่ยนจากการเป็นผู้เล่นผู้จัดการทีม ให้หันมาเป็นผู้จัดการทีม Prop Trade อย่างเต็มตัวแทน ทำงานบริหารการจัดการทางด้าน Management เพียงอย่างเดียว และให้อำนาจการตัดสินใจกับผมอย่างเต็มที่ ผมมีอำนาจเต็มในการบริหาร การจัดการ การสร้างทีม การปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นเกียรติของผมอย่างสูงที่ได้รับความไว้วางใจจากทีมผู้บริหาร ถึงแม้ว่าแพ็คเกจที่ผมได้จากค่าตอบแทนมันเทียบไม่ได้เลยจากการเทรดเอง แต่ผมก็เต็มใจ และรับมันไว้ กับ อำนาจ ที่มีอยู่เต็ม มันช่าง หอมหวาน เหลือเกิน กับ อำนาจ และ อิสระในการทำงาน ที่ได้รับไว้
แต่ผมต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก ในการคุมทีมเทรดหุ้น เพราะผมไม่ได้สร้างทีมขึ้นมาเอง การยอมรับในความสามารถ การนับถือในฐานะผู้บังคับบัญชาในช่วงแรกค่อนข้างกดดันพอสมควร ประกอบกับเด็กๆ จบใหม่มาหลายคน ค่อนข้างควบคุมยากพอสมควร แต่หลังจากผ่าน 3 เดือนไปได้ อะไรต่างๆ มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่แน่นอน ในโลกนี้มันไม่มีอะไรที่แน่นอนและอยู่ยงคงกระพัน พระพุทธเจ้าตรัสว่ามี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มันเป็นจริงในทุกกรณี
ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมา ทำให้ทีม Prop Trade จำเป็นต้องแตกออกมา และผมต้องมาสร้างทีมใหม่ให้กับบริษัท อำนาจที่ผมได้รับอยู่ เต็ม นั้น ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว มันเป็นเพียงแต่ หัวโขน เพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าบริษัทจะพอมี น้ำใจ กับผมบ้าง โปรโมทให้ผมขึ้นมาในระดับ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย หรือ AVP แต่มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากนักในทางปฏิบัติ เพราะผมไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งผมถือว่าบทเรียนนี้ มีค่ากับผมมาก มันทำให้ผมเรียนรู้อะไรในหลายๆ อย่าง
เรียนรู้ว่า เงิน มันสามารถทำให้ความสัมพันธ์ดีๆ ที่มีต่อกัน มันกลายเป็นศัตรูกันได้เพียงแค่ช่วงข้ามคืน
เรียนรู้ว่า การสอน ต้องเลือกลูกศิษย์เหมือนกัน ไม่ใช่สอนให้กับคนทุกคน มันมีคนบางคนเท่านั้นที่ควรค่าแก่การได้รับการถ่ายทอดความรู้จากผมไป
เรียนรู้ว่า การให้ จะให้หมดไม่ได้ ต้องมี กั้ก ไว้บ้าง เพื่อป้องกันตัวเอง เพราะถ้าเราให้หมดโดยบริสุทธิ์ใจ โดยหน้าที่ โดยความเมตตา แต่ผลที่ตอบกลับมา การให้นั้นกลับมาทำร้ายตัวเราเอง มันเป็นบาดแผลเจ็บลึกที่คงจะจำฝังใจ ไปจนวันที่ชีวิตผมหมดลมหายใจ
เรียนรู้ว่า การทำดี และ ความเมตตา ไม่ได้มีไว้ให้กับ คนเห็นแก่ตัว และ จ้องจะทำร้ายเรา ถึงแม้เราจะทำดีเพียงใด มันก็เป็นเพียงแค่การ สร้างภาพ ในโลกมายาเพียงเท่านั้น
ผมตัดสินใจ ลาออก นั่นคือการประกาศอิสรภาพของผมในฐานะลูกจ้างระดับผู้บริหาร และไปตามฝันของผมคือการเป็น Private Trader หรือเทรดเดอร์อิสระ มีชีวิตด้วยการเทรดเพียงอย่างเดียว และก้าวไปจนถึงขั้นการเป็น Expert Trader ที่สามารถมีเงินใช้ไปตลอดชีวิตได้โดยไม่ต้องทำงาน ถึงแม้มันจะมาก่อนเวลาที่ผมตั้งเป้าหมายในชีวิตของผมไว้เกือบ 10 ปี แต่เวลาแห่งอิสรภาพได้มาถึงแล้ว
ผมรู้จักเทรดเดอร์อิสระมากมาย ทั้งคนไทย และต่างชาติ พวกเขาเหล่านั้นมีชีวิตเรียบง่าย ชีวิตส่วนใหญ่คือการท่องเที่ยวรอบโลก อยู่กับครอบครัว ทำสวน ปฏิบัติธรรม สอนหนังสือ ฯลฯ ซึ่งมันเป็นฝันของผมที่ผมอยากทำ
หลังจากผมออกมาเป็น Private Trader อย่างเต็มตัวแล้ว อย่างแรกที่ผมจะต้องคงมีอยู่ให้ได้นั่นคือ วินัย ซึ่งเป็นตัวสำหรับที่สุดในแนวทางการลงุทน 3M ของผม อันได้แต่ Model Trade, Money Management และ Most Discipline ผมจะต้องคงวินัยในการเทรดของผมให้เหมือนเดิม เพราะพอเราเป็นอิสระแล้ว และไม่มีระบบควบคุมวินัยที่ดี เราอาจจะพลาดในการเทรดและศูนย์เสียระบบของตัวเองได้
การเขียนบันทึกความทรงจำการเทรดผ่าน blog เป็นหนทางที่ดีทางหนึ่ง นอกเหนือจากการโพสผ่าน twitter ซึ่งผมเริ่มทำมาได้ประมาณ 1-2 เดือนแล้วเมื่อเวลาที่ผมว่าง
โดยการเขียนบันทึกผ่าน blog จะเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่ได้พบเจอในวันนั้นๆ ว่าผมเจออะไรบ้างในตลาด ซึ่งผมไม่ได้เป็น Day Trader แต่เป็นเทรดเดอร์แนว Trend Follower กินคำโตๆ ดังนั้นการเขียนบันทึกในแต่ละวัน จะไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการเข้าออกสถานะมากนัก แต่จะเป็นการบันทึกในสิ่งที่ผมคิดและเจอในวันนั้นๆ จากการนั่งมองตลาดและวิเคราะห์พฤติกรรมของ คน ที่อยู่ในตลาดออกมา
ในส่วนของ twitter ผมจะโพสในแนวทางของเครื่องมือทางเทคนิคเสียมากกว่า เพื่อให้ผมเกิดการกระตุ้น ในการคิดวิเคราะห์ตลอดเวลานั่นเอง
และผมถือว่าทั้ง blog และ twitter เป็นสิ่งที่ผมให้จากใจจริง แก่คนที่สนใจทั่วไป แก่รายย่อย แก่แมงเม่าทั้งหลาย ที่ผมกินตังค์มาพอสมควรในฐานะที่ได้ทำงานในฝ่าย Prop Trade
เป้าหมายของผมคือ ผมจะต้องเปลี่ยนสถานะจาก Private Trader เป็น Expert Trader ให้ได้ภายใน 10 ปี และตอนนี้พอร์ทของผมระดับ 7 หลัก เมื่อพอร์ทผมโตขึ้นในระดับ 9 หลักเมื่อใด เมื่อนั้น ผมจะเริ่มการถ่ายทอดวรยุทธ์ให้กับลูกศิษย์ของผม 5 คนอย่าง ฟรีๆ แต่แน่นอนของฟรีไม่มีในโลก จะเป็นลูกศิษย์ผมได้ต้องมีเงื่อนไขในหลายๆ ข้อ เช่น เมื่อเรียนรู้และสามารถทำเงินได้ตามเป้าหมายแล้ว ต้องถ่ายทอดความรู้ต่อไป ให้มีลูกศิษย์อีก ปีละ 5 คน และสอนต่อไปเรื่อยๆ แบบ ฟรีๆ ใครคิดเงิน ผมจะปรับ 10 เท่าจากที่ไปเก็บมา เช่นนี้เป็นต้น
ใบลาออกของผมจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.53 เป็นต้นไป ผมตัดสินใจจบชีวิตการทำงานในบริษัทในต่ำแหน่งAVP ถือว่าเป็นจุดสูงสุดในการทำงาน ลูกจ้าง ของผม
และหลังจากนั้น ผมจึงจะเริ่มบันทึกสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการเทรดผ่าน Traders Diary บันทึกความทรงจำการเทรดของผม คอยติดตามอ่านกันได้ครับ
"แมงเม่าของเมื่อวันวาน คือเซียนหุ้นของพรุ่งนี้"
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 17 มีนาคม 2553 14:02:10 น. |
|
18 comments
|
Counter : 1026 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: นายโพสต์ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:16:17 น. |
|
|
|
โดย: ขอบฟ้าบูรพา วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:57:17 น. |
|
|
|
โดย: RoseTiara วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:19:46 น. |
|
|
|
โดย: (login แฟน) (นมเย็น ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:28:38 น. |
|
|
|
โดย: ช้างทมิฬ (ช้างทมิฬ ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:11:19 น. |
|
|
|
โดย: พ่อน้องมีมี่ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:09:47 น. |
|
|
|
โดย: hehew วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:15:21 น. |
|
|
|
โดย: ขอบฟ้าบูรพา วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:57:58 น. |
|
|
|
โดย: ตาลาย.. (ตาลายจัง ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:00:35 น. |
|
|
|
โดย: spaceship วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:52:26 น. |
|
|
|
โดย: หมากเขียว วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:28:57 น. |
|
|
|
โดย: jinpin วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:59:13 น. |
|
|
|
โดย: Enlight วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:1:20:46 น. |
|
|
|
โดย: Yong (savia ) วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:1:46:04 น. |
|
|
|
โดย: หมากเขียว วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:14:07:07 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]

|
สวัสดีครับทุกท่าน...ผมหมากเขียวแห่งสินธร...จาก Head of Prop Trade สู่ Private Trader อิสรภาพที่รอคอย
สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2553 โดย หมากเขียว™ ห้ามลอกเลียน ทำซ้ำ หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความที่เขียนโดยข้าพเจ้านอกจากจะได้รับอนุญาต
Copyright © 2010.All rights reserved. These articles and photos may not be copied, printed or reproduced in any way without prior written permission of Mhakkeaw™.
|
|
|
|
|
|
|
|
เรียนรู้ว่า การสอน ต้องเลือกลูกศิษย์เหมือนกัน ไม่ใช่สอนให้กับคนทุกคน มันมีคนบางคนเท่านั้นที่ควรค่าแก่การได้รับการถ่ายทอดความรู้จากผมไป
เรียนรู้ว่า การให้ จะให้หมดไม่ได้ ต้องมี กั้ก ไว้บ้าง เพื่อป้องกันตัวเอง เพราะถ้าเราให้หมดโดยบริสุทธิ์ใจ โดยหน้าที่ โดยความเมตตา แต่ผลที่ตอบกลับมา การให้นั้นกลับมาทำร้ายตัวเราเอง มันเป็นบาดแผลเจ็บลึกที่คงจะจำฝังใจ ไปจนวันที่ชีวิตผมหมดลมหายใจ
เรียนรู้ว่ การทำดี และ ความเมตตา ไม่ได้มีไว้ให้กับ คนเห็นแก่ตัว และ จ้องจะทำร้ายเรา ถึงแม้เราจะทำดีเพียงใด มันก็เป็นเพียงแค่การ สร้างภาพ ในโลกมายาเพียงเท่านั้น
ผมเจอมาเหมือนกันเด๊ะเลยครับ แต่ผมทำงานได้ไม่นานเอง และตอนนี้ผมจะออกมาเทรดเอง
หัวหน้าผมบอก
"คุณไม่มีทางรอดหรอก ไม่ช้าคุณก็ต้องกลับมาหาผม"
ผมจะทำให้แกดูว่า ผมทำได้ แตแนดแตแนด
ยินดีนะคับ ที่คุณหมากเขียวกลับมาเขียนอีกครั้ง
ตามอ่านตั้งแต่เริ่มแรกเทรดแล้ว^^