Group Blog
 
All Blogs
 

ชีวิตใหม่ของลีสัน



ไม่น่าแปลกใจที่มีการนำเอาอัตชีวประวัติชีวิตของนิค ลีสันมาเป็นสร้างภาพยนตร์

ชีวิตของเขาถูกตีแผ่ดังเช่นเรื่องราวแห่งการผจญภัย มีทั้งสนุก ตื่นเต้น โศกเศร้า ชีวิตพลิกไปพลิกมา เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ทั้งภาพลวงตาและภาพแห่งความจริง

เริ่มต้นคล้ายกับนิยายคลาสสิคแห่งยุค 90 เรื่องราวของชีวิตพลิกผันจากผ้าขี้ริ้วสู่เศรษฐี

ลีสันได้แต่งเติมเนื้อหาต่างๆในเรื่องราวของเขา อาทิ การใช้ชีวิตอย่างโลดโผนคล้ายรถไฟเหาะตีลังกา จากคนฐานะยากจนสู่ร่ำรวย แล้วกลับไปยากจน และสามารถกลับมาร่ำรวยได้อีกครั้ง

ขณะนี้ (ปี 2001) ลีสันกำลังจะจบปีแรกของการศึกษาปริญญาตรีในสาขาวิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Middlesex ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วขณะที่เขาได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดจากเรือนจำในสิงคโปร์

ลีสันยังได้รับเชิญให้ไปพูดในการประชุมทางวิชาการหลายแห่งเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของเขา

ลีสันเกิดมาในชนชั้นทำงาน บิดาเป็นช่างโบกปูนของหน่วยงาน Watford council estate ผู้ซึ่งสอบตกวิชาคณิตศาสตร์และจบจากโรงเรียนมาเพียงแค่ประกาศนียบัตร

ยังไงก็ตามในช่วงต้นปี 1980 เขาได้งานในตำแหน่งเสมียนของธนาคารรัฐชื่อ Coutts และตามด้วยอีกหลายตำแหน่งจากหลายธนาคาร สุดท้ายมาหยุดที่ธนาคารแบริ่งส์ (Barings) ซึ่งเขาสามารถทำงานเข้าตาผู้บริหารได้อย่างรวดเร็ว และได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นไปอยู่ในชั้นของการเทรด (trading)

ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการของส่วนปฏิบัติการใหม่ในตลาดฟิวเจอส์ (futures markets) ของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราของสิงคโปร์ (Singapore Monetary Exchange หรือ SIMEX) ด้วยวัยเพียง 26 ปีพ่อหนุ่มลีสันผู้ปราชญ์เปรื่องได้รับการไว้วางใจจากเจ้านายซึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน ผู้ซึ่งเฝ้ามองด้วยความชื่นชมในผลกำไรมหาศาลที่ลีสันได้สร้างให้

ลีสันและภรรยาของเขา ลิซ่า มีทุกสิ่งอย่างเพียบพร้อม ด้วยเงินเดือน 50,000 ปอนด์ กับโบนัสอีกกว่า 150,000 ปอนด์ต่อปี ได้ใช้ชีวิตสุดสัปดาห์ในสถานที่แปลกๆ ได้อยู่อะพาร์ทเมนท์สุดหรู พร้อมด้วยงานปาร์ตี้บ่อยครั้ง ความรักของทั้งสองในช่วงเวลานั้นช่างเต็มเปี่ยมยิ่งนัก



การเริ่มต้นแห่งการสิ้นสุด

ในปี 1993 เขาได้สร้างกำไรมากกว่า 10 ล้านปอนด์ ประมาณ 10% ของกำไรสุทธิของธนาคารแบริ่งส์ในปีนั้น

เขามีความสามารถพิเศษในการคาดการณ์ราคาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดเอเชียตะวันออกไกล ทำให้ได้รับการยกย่องให้เป็นเทรดเดอร์อันดับต้นๆของแบริ่งส์

เขาเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นในการเกร็งกำไรอย่างสูงกับเงินก้อนมหาศาล ในฐานะที่เป็นผู้จัดการ ลีสันจึงเป็นคนดูแลสมุดบัญชีการซื้อขายทั้งหมดด้วยตัวเอง

แต่แล้วในปี 1994 ก็ได้เกิดความผิดพลาดจากสมาชิกในทีมซึ่งยังอ่อนประสบการณ์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเสื่อมถอย

ผู้หญิงในทีมคนหนึ่งทำการขาดทุนกว่า 20,000 ปอนด์ แต่ลีสันได้ช่วยปกปิด โดยการสร้าง error account หมายเลข 88888 ขึ้นมา ซึ่งทางลอนดอนจะไม่ล่วงรู้ความผิดพลาดนี้เลย

จากนั้นเมื่อตลาดเริ่มผกผันครั้งใหญ่สวนทางกับจุดมุ่งหมายของเขา ถูกเร่งด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจอันรุนแรงของแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ลีสันยังสามารถปกปิดทุกการขาดทุนในบัญชีที่เกิดขึ้นได้ โดยที่สำนักงานใหญ่ยังมองว่าผลประกอบการยังกำไรอยู่



ชีวิตในคุก

เมื่อการขาดทุนเพิ่มทวีคูณขึ้น ลีสันได้ร้องขอเงินทุนพิเศษเพิ่มเพื่อทำการซื้อขายต่อ คาดหวังว่าเงินทุกก้อนใหม่นี้จะช่วยเยียวยาตัวเขาออกจากความยุ่งเหยิงโดยการซื้อขายเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์กลับยิ่งเลวร้ายลง และดำดิ่งลงสู่หลุมลึกยิ่งขึ้น

แม้ว่าเขาและภรรยาสนิทกันเพียงใด แต่เขากลับเก็บงำรายละเอียดของวิกฤตครั้งนี้ไว้คนเดียว

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1995 ผู้บริหารของแบริ่งส์ได้พบว่าขณะนั้นธนาคารได้ขาดทุนกว่า 850 ล้านปอนด์แล้ว

ลีสันรู้ดีว่า “เกมส์ได้จบลงแล้ว” และได้สารภาพทุกอย่างให้กับลิซ่าฟัง เขาคาดว่าคงต้องถูกจำคุกจากความผิดนี้แน่ และหวังว่าเขาควรจะถูกจับในอังกฤษดีกว่าในเอเชียตะวันออกไกล ดังนั้นทั้งสองจึงหลบหนีทันที ลีสันถูกจับในแฟรงเฟิร์ท จากนั้นถูกส่งตัวข้ามแดนกลับมารับคำพิพากษาที่สิงคโปร์ และต้องโทษจำคุกเป็นเวลานาน 6 ปีครึ่ง แต่เนื่องจากขณะที่เขาจำคุกอยู่นั้นลีสันได้ปฏิบัติตัวดีมาตลอด อีกทั้งมีอาการป่วยหนักจึงทำให้ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดถึง 2 ปี ดังนั้นจึงติดคุกอยู่เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น

ลีสันเล่าว่าขณะที่เขาถูกจองจำ เขาได้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง และได้ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระเจ้า



ชีวิตสมรสพังพาบ สุขภาพย่ำแย่ลง

โชคชะตาชีวิตของลีสันเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนตรงกันข้ามทั้ง 2 ด้าน หน้าที่การงานพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด แล้วก็ดำดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด ชีวิตไม่เพียงแค่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆแต่ยังตกอยู่ในความต้องสงสัยอีกมากมาย

ลิซ่าได้งานในตำแหน่งแอร์โฮสเตสทำให้ได้มาเยี่ยมลีสันอย่างสม่ำเสมอ ลิซ่าช่วยลีสันแม้กระทั่งการเขียนหนังอัตชีวประวัติของลีสันเอง (Rogue Trader)

ชีวิตการแต่งงานยังคงอยู่รอดแม้ห่างไกลกัน แต่แล้วสิ่งที่ลิซ่าไม่อาจทนต่อไปได้คือการที่ลีสันเคยนอกใจกับนางบำเรอสาวญี่ปุ่น (Geisha) ถูกเปิดเผยออกมา และเธอจึงได้ตัดสินใจหย่าร้างจากเขา ไม่นานนักลิซ่าก็ได้ประกาศการแต่งงานใหม่กับหนุ่มเทรดเดอร์จากซิตี้กรุ๊ป (Citry Group) ตอกย้ำให้วิญญาณของลีสันแทบแตกสลาย เขาตกอยู่ในภาวะโศกเศร้าและกดดันอย่างหนักกับการสูญเสียภรรยาที่รักไป

ภายในเวลาไม่กี่เดือนถัดจากนั้น ลีสันได้รับการวิเคราะห์ทางร่างกายว่ากำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง โรคซึ่งเคยพรากชีวิตแม่ของเขาไป

หลังจากการผ่าตัดอาการป่วยของเขาก็บรรเทาลง ด้วยวัย 32 ปีของเขาในขณะนั้นทางแพทย์ให้โอกาสในการรอดชีวิต 70% ในเวลามากกว่า 5 ปี

จากชีวิตหนุ่มที่แข็งแรงชอบงานสังคม งานปาร์ตี้ และการดื่มอย่างหนัก บัดนี้ร่างกายของเขาไม่ต่างจากซากซบนัก น้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างมากทำให้ซูบผอมเหลือแต่กระดูก ผมร่วงเกือบทั้งศีรษะจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการคีโมฯ (Chemotherapy)

เมื่อเค้ากลับไปที่อังกฤษแทบไม่เหลือสิ่งใดที่เหมือนเดิมเลย การใช้ชีวิตในสังคมชั้นสูงหายวับไปกับอดีต ไม่มีแม้กระทั่งที่ซุกหัวนอนและงานทำเพื่อหารายได้



กลับมาร่ำรวยอีกครั้ง

แต่แล้วลีสันก็มุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าจากประสบการณ์และความรู้ของเขา

เขาได้รับรายได้ค่าลิขสิทธิ์มากพอสมควรจากภาพยนตร์เรื่อง Rogue Trader จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เคเบิ้ลทีวี วีซีดี และดีวีดี

เขาทำเงินได้มากกว่า 50,000 ปอนด์จากการขายหนังสือ Rogue Trader อีกทั้งจากบทความในหนังสือพิมพ์ที่ออกเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดกันว่าเขาทำเงินในส่วนนี้ได้มากกว่า 3 เท่าของหนังสืออัตชีวประวัติ

แม้กระทั่งขณะที่เขากำลังศึกษาปีแรกในมหาวิทยาลัย Middlesex เขาก็มีรายได้จากการรับเชิญไปพูดตามงานประชุมสัมมนาทางวิชาการอยู่เป็นประจำ

เรียบเรียงจาก: “New life for Leeson?,” BBC News
Last Updated: Monday, 25 June, 2001




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2548 7:57:12 น.
Counter : 3597 Pageviews.  

ลืมชื่อนี้หรือยัง “นิค ลีสัน”

สัปดาห์นี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วเทรดเดอร์จอมโกงนามว่า “นิค ลีสัน” (Nick Leeson) ได้หลบหนีจากประเทศสิงคโปร์หลังจากพบความจริงที่ว่าเขาไม่อาจปกปิดผลการขาดทุนกว่า 1 พันล้านดอลล่าร์จากการซื้อขายหลักทรัพย์



จริงๆแล้วลีสันได้ประสบกับการขาดทุนอย่างมหาศาลมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี แต่แล้วในเช้าของวันที่ 23 เดือนกุมพาพันธ์ 2538 ความกดดันนี้ก็ถึงขีดสุด

ด้วยความพยายามสุดท้ายเพื่อกอบกู้การขาดทุน เทรดเดอร์ของธนาคารแบริ่ง (Baring) ผู้นี้ได้ลงพนันก้อนโตกับดัชนีนิเคอิ (NIKKEI) ที่คาดว่าจะสามารถชี้นำให้หุ้นในตลาดญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นได้

แต่แล้วพนันก้อนโตนี้ก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดหมาย อันเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองโกเบ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมโหฬารทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงตลาดหุ้นของญี่ปุ่นด้วย

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทรุดตัวลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ความเสียหายของแบริ่งก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เขาขาดทุนมากกว่า 50 ล้านดอลล่าร์ในเวลาอันสั้นเพียงแค่ช่วงเวลาอาหารเที่ยง และในขณะนั้นเจ้านายของลีสันต้องการที่จะพบเขาเพื่อสอบถามถึงเรื่องตัวเลขอันตรายในงบดุลของธนาคารแบริ่ง

ดังที่ลีสันได้เขียนไว้ในอัตชีวประวัติของตัวเขาเองเรื่อง “Rogue Trader” ว่านี่คือ “เวลาเผ่น”

ณ รีสอร์ทสุดหรู

ช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีในปี 2538 ลีสันได้ผละจากออฟฟิซและจับเที่ยวบินว่างถัดไปมุ่งหน้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์พร้อมกับลิซ่าภรรยาของเขา จากนั้นได้เข้าพักในโรงแรมห้าดาวชื่อรีเจนท์

ในเวลาเดียวกันในอีกซีกโลกผู้บริหารอาวุโสของธนาคารแบริ่งในกรุงลอนดอนได้กำลังเริ่มต้นค้นหาขอบเขตของความเสียหาย

เรื่องถูกตีแผ่ออกสู่สาธารณชนในหนังสือพิมพ์ British Sunday ฉบับเช้า ธนาคารพานิชที่เก่าแก่ที่สุดของอังกฤษกำลังจะล้มละลายจากน้ำมือของเทรดเดอร์หนุ่มซึ่งหายตัวไป

ในไม่ช้าข่าวลือก็แพร่สะพัดออกไปว่าลีสันได้เผ่นหนีข้ามประเทศไปยังมาเลเซียด้วยรถสปอร์ตปอร์เช่คันหรูของเขา หรืออาจหลบไปโดยเรือยอชท์

แต่ในความเป็นจริงทั้ง 2 คนหลบอยู่ในรีสอร์ทสุดหรูในมาเลเซีย

หลังจากที่อ่านข่าวหน้าหนึ่งเกี่ยวกับธนาคารแบริ่งล้มละลายจากร้านหนังสือแถวนั้น พวกเขาก็วางเส้นทางการหนีกลับไปยังประเทศอังกฤษเพื่อหลบเลี่ยงการตามล่าของเจ้าหน้าที่จากสิงคโปร์

แต่ในวันที่ 2 เดือนมีนาคม ลีสันก็ถูกจับกุมที่สนามบินแฟรงเฟิร์ท และปฏิบัติการตามล่าสุดขอบฟ้ากับเทรดเดอร์ผู้หายตัวไปก็ได้สิ้นสุดลง

ต่อมาลีสันได้ถูกส่งตัวกลับไปที่สิงคโปร์ตามกฏหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน และได้ถูกพิพากษาให้จำคุกกว่า 6 ปีในเรือนจำชางกิ

แจ็คผู้ฆ่ายักษ์

ไม่กี่วันหลังจากที่นิค ลีสันโดนจับที่แฟรงเฟิร์ท ธนาคารแบริ่งอันเก่าแก่ได้ถูกขายให้กับธนาคารและประกันภัยยักษ์ใหญ่สัญชาติดัชนามว่า ING ด้วยมูลค่าแสนถูก นำไปสู่การล่มสลายของธนาคารที่มีประวัติยาวนานกว่า 230 ปี

แบริ่งได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ING Baring ในตอนแรก แต่ในปัจจุบันไม่มีชื่อแบริ่งติดอยู่บนป้ายชื่อของธนาคารในสิงคโปร์และสาขาอื่นทั่วโลกอีกต่อไปแล้ว เพราะ ING ได้เปลี่ยนชื่อให้เหลือเพียง ING เท่านั้น

เรียบเรียงจาก: “Leeson's legacy lives on in Singapore”
ผู้เขียน: Malcolm Borthwick
BBC World Asia Business Report editor in Singapore
Last Updated: Wednesday, 23 February, 2005




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2548 7:32:11 น.
Counter : 4116 Pageviews.  


roadtrip
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add roadtrip's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.