"แมงเม่าของเมื่อวันวาน คือ เซียนหุ้นของพรุ่งนี้"
Group Blog
 
All Blogs
 
Trader’s Diary: คำ “สรรเสริญเยินยอ” และ “ความประมาท” คือ “ยาพิษ”สำหรับเทรดเดอร์ จันทร์ที่ 15 มี.ค.53

ผมมาถึงห้องเทรดเช้าเช่นเดิม ทานข้าว และเชคข่าวสารต่างๆ แล้ว ก็มานั่งเขียน blog เพิ่มเติม จากนั้นนั่งมอง Market ticker แต่ละ lot ที่มีออเดอร์เข้ามาระดมซื้อในหุ้น big cap นั้น เป็นไม้ที่ใหญ่มาก ยกเติม bid แล้วอัดเข้ามาเรื่อยๆ แรงขายก็มีแต่เป็นไม้เล็กๆ เท่านั้น สิ้นวันก็เป็นไปตามคาดหมาย ต่างชาติซื้ออีกแล้ว

การที่ม๊อบแดงเดินทางไปที่ ราบ 11 แต่นายกยืนยันไม่ยุบสภาและขึ้น ฮ. ออกจากราบ 11 ไป โดยให้เหตุผลว่า “บินดูการจราจร” ประกอบกับข่าวมีการยิงระเบิด M79 เข้าไปที่ค่ายทหาร ร.1 ถ.วิภาวดี ไม่ได้ทำให้ต่างชาติชะลอการซื้อลงเลย ยิ่งลงยิ่งซื้อ ทำให้รายย่อยหลายๆ คนเริ่มมีความคิดที่จะเข้ามาเก็บของเพราะกลัวตกรถเสียแล้ว หรือบางคนขายหมูออกไป ก็รีบกลับเข้ามาซื้อเพราะกลัวต้นทุนจะแพงไปกว่านี้

ผมวิเคราะห์กราฟทางเทคนิคประกอบทุกๆ Timeframe พบว่าได้เกิดสัญญา Bearish Divergence ขึ้น ไล่ไปตั้งแต่ภาพระดับ 2H (2 ชั่วโมง) จนไปถึงระดับ 5 นาที กล่าวคือ ราคาทำ New High แต่ RSI และ SSTO กลับไม่ทำ New High แสดงถึงแรงที่เข้ามาซื้อช่วงหลังๆ เริ่มมีโมเมนตัมหรือพลังลดลง “มีโอกาสที่จะปรับตัวลงในระยะสั้น” ได้

ดังนั้น ท่านที่คิดจะเข้าตามน้ำในช่วงนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังและจับจังหวะการเข้าให้ดีๆ ครับ

ผมไม่ได้เทรดเช่นเคย เนื่องจากรอระบบ MK 1XX ให้หมดรอบในการเก็บกำไรในช่วงนี้ไปก่อน เพราะมีโอกาสสูงที่ระบบเทรดจะเกิด Drawdown ได้ครับ

วันนี้ผมมีนิยายกรีก เรื่อง เดดาลัสกับอิคารัส (Daedalus & Icarus) มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแง่คิดให้กับเทรดเดอร์ทั้งหลาย
----------------------------------------------------------------------------------------------------



กาลครั้งหนึ่งมีเด็กชายผู้หนึ่งนามว่าอิคารัส กับบิดาของเขานามว่า เดดาลัส ทั้งสองถูกจองจำอยู่ ณ หอคอยเเห่งหนึ่งบนเกาะครีต

จากช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ของหอคอยซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายเเห่งนี้ สองพ่อลูกก็สามารถมองออกไปเห็นท้องสมุทรสีน้ำเงินเเละเฝ้ามองหมู่นกนางนวลกับนกอินทรีโผบินไปมาในท้องฟ้าเหนือเกาะ

บางครั้งจะมีเรือสักลำหนึ่งเเล่นใบออกไปยังโพ้นทะเล เเละเเล้วเดดาลัสกับอิคารัสก็เริ่มโหยหาอิสรภาพ เเละปรารถนาที่จะล่องเรือออกไปยังดีลาสเเล้วไม่ต้องกลับมาพบเห็นเกาะครีตอีกต่อไป

สองพ่อลูกจำต้องหลบเร้นซ่อนตัวอยู่ในอาณาบริเวณอันรกร้างว่างเปล่าของเกาะ เพราะกษัตริย์ไมนอสผู้สั่งให้นำตัวสองพ่อลูกไปคุมขังยังจับตาเฝ้าดูเรือทุกลำที่เเล่นเข้ามาหรือเเล่นออกจากเกาะ ดังนั้นเดดาลัสกับอิคารัสจึงไม่กล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้ท่าเรือ ซึ่งที่นั่นมีเรือโบราณกรีกจอดทอดสมออยู่ เเละพร้อมที่จะลอยลำออกไปจากเกาะ

เเม้ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น อิคารัสก็ค่อนข้างมีความสุข นอกจากท้องทะเลสีน้ำเงิน เรือทั้งหลาย เเละเหล่านกกา ซึ่งเขาชอบเฝ้ามองเเล้วเขาก็ยังเที่ยวหาจับหอยจับกุ้งตามชายฝั่ง หาจับปูตามซอกหิน รวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย

เเต่เดดาลัสกลับรู้สึกเดียวดายเเละเศร้าหมองยิ่งขึ้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเฝ้ามองหมู่นกนางนวลโผบินไปในท้องฟ้าพล่างครุ่นคิดหาหนทางที่เขากับอิคารัสจะสามารถหลบลี้หนีไปจากเกาะเเห่งนี้

ในที่สุดเดดาลัสสามารถหาวิธีหลบหนีออกจากหอคอยได้...

... วันหนึ่งเมื่ออิคารัสเอาก้อนหินขว้างฝูงนกนางนวล เขาก็สามารถสังหารนกได้ตัวหนึ่งจึงนำกลับมาให้พ่อ

"พ่อดูสิขนของมันเป็นมันวาวเเละปีกก็ยาวเหลือเกิน"เด็กน้อยพูดกับพ่อ

เดดาลัสรับนกไปถือไว้ในมือ เขาพลิกไปพลิกมาอย่างช้า ๆ พลางพินิจพิจารณาดูปีกของมัน

"คราวนี้หากเรามีปีก" อิคารัสพูดปนเสียงหัวเราะ "เราก็สามารถโบยบินออกไปสู่อิสรภาพ"

พ่อของเขานิ่งเงียบไปเป็นเวลานานขณะถือซากนกไว้ในมือพลางเเหงนหน้ามองดูฝูงนกเป็นระยะๆ นกเหล่านั้นกำลังบินวนเป็นวงอยู่ในท้องฟ้าเหนือเกาะครีต

ในที่สุดเขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาเขาจึงกล่าวกับลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เเผ่วเบาว่า "เเล้วเราก็จะมีปีกเช่นกัน"

นับเเต่นั้นมาเดดาลัสก็ไม่นิ่งเฉยเซื่องซึมอีกต่อไปเเล้ว เขาถอนขนนกออกจากนกทุกตัวที่อิคารัสสามารถล่ามาได้ เเล้วลงมือทำปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งเขายึดขนนกติดเข้ากับโครงปีกด้วยขี้ผึ้งละลายเเละเส้นด้ายที่ดึงออกมาจากเสื้อคลุมของเขา

เมื่อปีกทั้งสองเสร็จเรียบร้อย เดดาลัสก็นำมันมามัดเข้ากับเเขนของตนเเละเมื่อกระพือเเขนขึ้นๆ ลงๆ เขาก็สามารถลอยตัวขึ้นไปในอากาศ เเล้วเขาก็โผบินไกลออกไปเหนือท้องน้ำ

อิคารัสกระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ พลางตะโกนเรียกให้พ่อกลับมาทำปีกอีกคู่หนึ่งเพื่อเขากับพ่อจะได้โบยบินออกไปจากเกาะครีตตลอดกาล

เมื่อเดดาลัสทำปีกคู่ที่สองซึ่งเล็กกว่าเสร็จเรียบร้อย เขาก็เอามันมามัดเข้ากับเเขนของลูกชาย เขาย้ำเตือนอิคารัสว่า อย่าบินปลีกตัวออกไปตามลำพังในท้องฟ้า เเต่จะต้องบินเคียงข้างเขาไปโดยตลอด

"หากลูกบินต่ำเกินไปความชื้นจากน้ำทะเลจะทำให้ขนนกหนักขึ้น เเล้วลูกก็จะร่วงลงไปเเละจมลงในทะเล"เดดาลัสอธิบายเหตุผล"เเต่หากลูกบินสูงขึ้นไปใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจะเเผดเผาให้ขี้ผึ้งละลาย เเล้วลูกก็จะร่วงลงไปเช่นกัน"

อิคารัสจึงรับปากว่าจะปฎิบัติตามดังที่พ่อกำชับไว้ เเล้วสองพ่อลูกก็พากันโผกระโจนจากชะง่อนผาที่สูงที่สุดบนเกาะเเห่งนั้นเเละโบยบินมุ่งหน้าไปสู่ดีลาส

ตอนเเรกๆ อิคารัสก็เชื่อฟังคำสั่งของพ่อเเละบินติดตามไปในระยะกระชั้นชิด เเต่ไม่ช้าต่อมา เขาก็เริ่มเพลิดเพลินกับการโบยบินกระทั่งลืมคำที่พ่อกำชับไว้จนหมดสิ้นเขาเหยียดเเขนสูงขึ้น เเล้วก็บินสูงขึ้นเเละสูงขึ้นไปยังสวรรค์เบื้องบน

บางตำนานเล่าว่า เมื่อเข้าใกล้เมืองดีลาส เหล่าชาวเมืองได้เห็นทั้งคู่โบยบินอยู่บนฟากฟ้า จึงเข้าใจว่าทั้งคู่เป็น “เทพเจ้า” ที่บินลงมาจากสรวงสรรค์ และได้กล่าวคำ “สรรเสริญ” และทำความเคารพพวกเขาเปรียบเสมือนกับเป็น “เทพเจ้า” ทำให้อิคารัสลืมตัวจากคำ “สรรเสริญ” ของเหล่าชาวเมืองที่กลบเสียงร้องเรียกจากพ่อของเขา

เดดาลัสตะโกนเรียกลูกชายกลับลงมา เเต่กระเเสลมพัดกระหน่ำอย่างรุนเเรงเเละพัดพาถ้อยคำของเขาไกลห่างออกไป อิคารัสจึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของบิดาปีกทั้งสองยังคงพาเขาสูงขึ้นเเละสูงขี้นไป กระทั่งขึ้นไปถึงเขตเเดนของหมู่เมฆเเละขณะที่บินสูงขึ้นเเละสูงขึ้นไปเขาก็รู้สึกอบอุ่นเเละอบอุ่นขึ้น เเต่เขาก็ลืมคำเตือนของพ่อ เเละยังมุ่งหน้าบินสูงขึ้นไปอีก

สักครู่ต่อมาเขาก็มองเห็นขนนกปลิวว่อนอยู่รอบตัว ในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำเตือนของพ่อขึ้นมาได้ เขาจึงรู้ว่า ความร้อนของดวงตะวันได้เเผดเผาขี้ผึ้งที่ยึดขนนกติดกับโครงปีกละลายเเล้ว

ในที่สุดอิคารัสก็ร่วงละลิ่วลงไป เขาพยายามที่จะกระพือปีกเพื่อบินต่อ เเต่กระเเสลมก็พัดกระหน่ำให้ขนนกปลิวว่อนอยู่รอบตัวจึงทำให้เขามองไม่เห็นอะไร

เขาส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ร่างของเขาหมุนคว้างร่วงจากท้องฟ้า เเล้วอิคารัสผู้น่าสงสารก็ดิ่งลงไปสู่ห้วงน้ำสีน้ำเงินของทะเลซึ่งได้รับการขนานนามว่า “อิคาเรียน” นับเเต่บัดนั้นมา

เดดาลัสได้ยินเสียงกรีดร้องจึงรีบบินตรงไปยังตำเเหน่งที่มาของเสียง หากเขาก็ไม่พบเเม้เเต่อิคารัสหรือปีกของลูกน้อยนอกจากขนนกสีขาวจำนวนหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

ผู้เป็นพ่อจึงจำต้องเดินทางต่อไปด้วยความโศกเศร้าในที่สุดเขาก็มาถึงชายฝั่งของเกาะใกล้เคียงเเห่งหนึ่ง บนเกาะเเห่งนั้น เขาสร้างวิหารหลังหนึ่งขึ้นมาถวายเเด่เทพเจ้าอพอลโลเเล้วก็เเขวนปีกของตรเป็นเครื่องสักการะบูชาพระองค์ภายหลังที่คร่ำครวญทุกข์โศกถึงลูกชายที่จากไปเเล้วเขาก็ไม่เคยพยายามที่จะบินอีกเลย

----------------------------------------------------------------------------------------------------

หวังว่านิยายกรีกเรื่องนี้ จะช่วยเตือนสติให้เหล่าเทรดเดอร์ทุกคน “ดำรงตนด้วยความไม่ประมาท” อันเป็น “ปัจฉิมโอวาท” ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

“คำสรรเสริญเยินยอ” และความ “ประมาท” จะเป็น “ยาพิษ” ที่ถูกฉีดเข้าสู่ตัวท่านหากท่านไม่รู้เท่าทันและเตรียมรับมือไว้ครับ

กำไรที่ท่านเคยได้ หากท่านไปยึดติดกับกำไรนั้น “ชื่นชมและสรรเสริญตัวเอง” หรือบางครั้งคนอื่น “ชื่นชมและสรรเสริญท่าน” จนทำให้การเทรดในไม้ต่อๆ ไป ท่านเกิดความ “หึกเหิม” และ “ลืมตัว” มันจะเป็น “ยาพิษ” ที่ทำให้ท่านต้องคืนกำไรที่ได้นั้นไป

จากนั้นอารมณ์ท่านจะรู้สึก “อยากเอาคืน” ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เทรดเดอร์มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น เมื่อนั้นการเทรดของท่านจะยิ่งมีแต่ “เสีย” กับ “เสีย” ครับ

เมื่อวานมีคำถามจากคุณ diabloth ผมขอตอบให้ดังนี้

ถาม
มีคำถามอยากจะถามพี่หมากเขียวครับ
คือถ้าเราลงทุนในหุ้นด้วยจำนวนเงินไม่มากและตั้งใจจะไม่ใส่เพิ่มเติมลงไปอีกระบบเทรดของเราควรจะเน้นที่ win-lose ratio หรือ reward-risk ratio ครับ ส่วนตัวเห็นด้วยว่าวินัยสำคัญมากและก็เป็นส่วนที่ยากที่สุดด้วยครับ

ปล.พี่หมากเขียวเคยใช้ efinsmart portal ของ eFinanceThai หรือเปล่าครับ

ตอบ
ควรให้ความสำคัญทั้งสองส่วน ดังที่ผมกล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ถึงแม้ว่า Win-Lose คุณจะสูง แต่หาก Reward-Risk ได้ต่ำมาก คุณก็สามารถขาดทุนได้

หรือหาก Reward-Risk สูง แต่ Win-Lose ต่ำมาก คุณก็สามารถขาดทุนได้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามระบบเทรดของแต่ละคนจะมีจุดแข็งจุดอ่อนแตกต่างกัน หากระบบของคุณมี Win-Lose ที่ไม่สูงมาก อาจจะ 35 : 65 แต่มี Reward-Risk ที่สูง อาจจะเกิน 3.50 : 1.00 ขึ้นไป ถ้าเป็นแบบแสดงว่าระบบเทรดของคุณมี “ทีเด็ด” ที่ Reward-Risk ดังนั้นเวลาระบบเกิด Drawdown ขึ้น จะไม่ส่งผลต่อระบบเทรดมากนัก เพราะเจ้าของระบบรู้อยู่แล้วว่า Win-Lose ที่ระบบทำได้มันต่ำนั่นเอง

หรือบางระบบมี Win-Lose ที่สูง อาจจะ 80 : 20 แต่มี Reward-Risk ต่ำ อาจจะแค่ 1 : 1 ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าระบบเทรดของคนมี “ทีเด็ด” ที่ Win-Lose ดังนั้นเวลาระบบเกิด Drawdown ขึ้น ย่อมส่งผลต่อระบบเทรดมากกว่าระบบแรก

ดังนั้น 2 อัตราส่วนข้างต้นมีความสำคัญทั้งคู่ที่ต้องใช้ประกอบกันในการสร้างระบบเทรด เหมือน “หยิน” และ “หยาง” สีขาวตรงข้ามสีดำ แต่มีความ “เอื้อหนุน” และ “เกื้อกูล” กันครับ

คำถามที่สอง ผมไม่เคยใช้ efinsmart portal ครับ


"แมงเม่าของเมื่อวันวาน คือ เซียนหุ้นของพรุ่งนี้"



Create Date : 16 มีนาคม 2553
Last Update : 16 มีนาคม 2553 16:33:23 น. 9 comments
Counter : 1413 Pageviews.

 
หวัดดีตอนบ่ายค่า อิอิ^^


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:15:54:25 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆครับ


โดย: smokerfield วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:16:38:03 น.  

 
ขอบคุณครับพี่หมากเขียว


โดย: Brocobrocco วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:19:25:44 น.  

 
ติดตามครับ...


โดย: sear1234 (DOOM_MAN ) วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:19:36:39 น.  

 
ขอบคุณค่า


โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:19:54:17 น.  

 
แวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณสำหรับคำตอบครับพี่หมากเขียว


โดย: diabloth วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:19:56:01 น.  

 
หลายสิบปีก่อนเคยมีภาพยนตร์เรื่อง I for Icarus เคยดูแต่นานมากแล้ว จำได้แต่ว่าสนุก


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:21:18:32 น.  

 
ขอบคุณทุกๆ ค.ห.ครับ


โดย: หมากเขียว วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:13:16:19 น.  

 
ตามมาอ่านย้อนหลังครับ^^


โดย: ยิ้มไว้เมื่อหุ้นลง วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:17:05:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมากเขียว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




สวัสดีครับทุกท่าน...ผมหมากเขียวแห่งสินธร...จาก Head of Prop Trade สู่ Private Trader อิสรภาพที่รอคอย



สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2553 โดย หมากเขียว™ ห้ามลอกเลียน ทำซ้ำ หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความที่เขียนโดยข้าพเจ้านอกจากจะได้รับอนุญาต

Copyright © 2010.All rights reserved. These articles and photos may not be copied, printed or reproduced in any way without prior written permission of Mhakkeaw™.
Friends' blogs
[Add หมากเขียว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.