|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความจริงเกี่ยวกับตลาดหุ้นจากมุมมองของ Prop trader episode:2
ก่อนอื่นเลยอยากขอบคุณมากๆ ที่มีคนอ่านบทความนี้ episode 1 เกือบ 2,000 ครั้ง เกินความคาดหมายไปมหาศาลจนอยากจะนำความรู้น้อยๆ มาเผยแพร่ต่อ เลยได้มีโอกาสมาเขียนบทความตอนต่อในเวลาที่ถัดจากบทความแรกไปไม่นานเท่าไรแค่เกือบ 1 ปี! ที่หายไปเพราะรู้ว่าเราควรจะเก็บประสบการณ์ในฐานะ trader ให้มากกว่านี้ก่อนแล้วจะได้มีมุมมองใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ ไม่อย่างนั้นบทความก็จะมีแค่ที่เราคิดอยู่ในตอนนั้น และเวลาปีนึงก็มากพอที่จะได้ไอเดียใหม่ๆ ที่สำคัญมากล่าวถึงครับ
ความจริงจากมุมมองของผมในตอนนี้จะพูดถึง ความจริงของทักษะที่คุณ จำเป็น ต้องมีในการอยู่รอดให้ได้ในตลาดทุน
1. ทักษะในการหาคู่และรู้ว่าเวลาใดควรแต่งงาน
ไม่ได้เพ้อเจ้อรับเดือนแห่งความรักครับแต่แค่เปรียบเทียบถึงหุ้นที่คนที่มีทักษะนี้จะรู้ว่าหุ้นตัวใดมีค่าสุดๆ และเวลาใดควรที่จะเข้าครอบครองเป็นการถาวรหรือจนกว่าคู่ของเราเปลี่ยนจนจำเป็นต้องหย่า ทักษะนี้ต้องอ่านงบและกระแสเงินที่เคยมีและจะมีอนาคตให้ขาดครับ คือรู้ว่าธุรกิจจะไปได้อยู่รอดและสามารถสร้างกระแสเงินสดกลับคืนให้เราได้ทั้งในรูปของปันผลหรือราคา คนเหล่านี้จะไม่สนใจการเปลี่ยนแปลง เล็กน้อย ของคู่ที่เลือกแต่จะสนใจการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้กระแสเงินที่เขาคาดหวังมีอันต้องพังไปแบบยากที่จะกลับมา
สิ่งสำคัญข้อที่สองคือเวลาที่ควรแต่งงานคือรู้แล้วว่าหุ้นนี้ดีจริงจะสามารถทำเงินให้ได้เรื่อยๆ แต่ไปเข้าในเวลาที่ไม่เหมาะสมก็อาจเสียเปรียบ และไม่ได้ยั่งยืนทนทานทุกสภาวะเหมือนคนที่ถูกจังหวะ ส่วนใหญ่เราจะค้นหาเมื่อเรารู้หรือสนใจแต่สิ่งที่จำเป็นคือ timing นี้เหมาะมั้ย หรือควรรอโอกาส jackpot ตอนที่คู่ของเราชอบเลิกกับแฟนเก่าพอดี เช่น ตอน ADVANC เกิดวิกฤตครั้งแรกที่ข่าวแบบเว่อร์ๆ ถาโถมต่างๆ นานา แล้วตกไปหกสิบกว่าบาททั้งๆ ที่ให้กระแสเงินสดเพียบแปร้ นั่นคือ timing แบบ jackpot
ถามว่าตอนนี้หุ้นเริ่มแพงแล้วยังมี timing ดีๆ อีกมั้ย ผมว่ามีบางตัวครับแต่น้อยมากที่อยู่รอดแน่ๆ และสร้างกระแสเงินได้ในอนาคตให้ได้ถ้าอดทนรอได้ แต่ผมไม่สามารถเล่น port ตัวเองได้เลยไม่ได้สนใจไปดูจริงๆจังๆ เท่าไร สรุปว่าถ้าคุณไม่มีทักษะในการมองอดีตและมองอนาคตในการประเมินกระแสเงินสดแบบขาดๆ แล้วล่ะก็คุณจำเป็นต้องมีทักษะอื่นๆ ในข้อต่อไปครับ
2. ทักษะในการมองเกมผลประโยชน์ทางการเงินของรายใหญ่ออก
ตลาดหุ้นหรือตลาดเก็งกำไรล้วนมีผู้เล่นรายใหญ่จริงๆ อยู่ทั้งนั้นและเรียกกันติดปากว่าเจ้ามือ ในตลาดเราเราไม่ได้แข่งกับคนในประเทศอย่างเดียวแต่เราเป็นส่วนนึงของเจ้าระดับโลกอยู่ที่ว่าเค้าจะมามองเรามั้ย วิธีที่จะอยู่รอดได้คือมองเกมการเล่นของเขาให้ออก ไม่ต้องใช้เหตุผล ไม่ต้องวิเคราะห์เศรษฐกิจ หรือนั่งพิจารณาหาเหตุผล เพราะตลาดทุนหรือตลาดที่มีการซื้อขาย มันเป็นเกมของผลประโยชน์ คนที่มี logic ดีๆ โดนน็อกไปให้เห็นกันมาหลายรุ่นแล้ว
ทำไมต้องมองเกมของรายใหญ่ก็เพราะคนเหล่านี้เป็นคนทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ยากจะต้านทานได้ถ้าไปตามถูกทางคือได้ถ้าผิดทางคือโดน ในหุ้นตัวเล็กๆ รายใหญ่อาจคอนโทรลได้ง่ายในหุ้นตัวใหญ่คนอาจคิดว่าไม่มีเจ้ามือแต่มันมีรายใหญ่จริงๆ ที่ทำขยับทีมันสะเทือนเหมือนกันเพียงแต่มีคนอื่นมาแจมเยอะเท่านั้นเอง และมันเป็นอย่างนี้ทุกตลาดทุกประเทศทุกระดับ มันไม่ sincere แบบการทำธุรกิจที่คุณทำดีทำถูกแล้วได้กำไรแต่คุณต้องทำในทางที่ไม่ขัดกับผลประโยชน์ของคนที่สามารถ make movement ของราคาได้ถึงจะกำไร
คนที่มีทักษะด้านนี้จนเก่งจะเป็นประมาณนี้คือดูแรงซื้อแรงขายหรือดูปัจจัยซื้อขายและกระแสก็รู้แล้วว่าเดี๋ยวมันจะไปทางนี้แน่ๆ เช่นคนกลัวกันมากๆ ข่าวร้ายมาเต็มแต่อยู่ดีๆ วันนึงมีแรงกระชากขึ้นและวันรุ่งขึ้นก็เป็นอีก กว่าจะหาเหตุผลได้คุณก็ตกรถแล้ว หรืองบสวยข่าวดีจนคนมองแบบเดียวกันหมดแต่มันลงแบบงงๆ ยิ่งถือยิ่งลงคุณก็เป็นเหยื่อในเกมผลประโยชน์ของรายใหญ่แล้วครับ รายใหญ่มักจะนิสัยเสียอย่างนึงคือชอบหลอกกับจิตวิทยาคน คือเวลาคิดไปในทางที่ใช่แน่ๆ แต่เขาจะทำสวนทาง พอทำจนคนเริ่มรู้ว่าเดี๋ยวก็ทำสวนทางอีกจะกลับลำทำตาม logic ซะอย่างนั้นทั้งรอบเล็กและรอบใหญ่ คุณต้องอ่านเกมให้ออกและฝึกจนเป็นความรู้สึกว่านี่ไงมันทำอย่างนี้อีกแล้ว เหตุผลกับความน่าจะเป็นที่ใครๆ ก็รู้นั้นเก็บไว้ในลิ้นชักได้เลย จำตัวอย่างตอนน้ำมัน 140$ SET 400 จุด ไว้และจำนิสัยเสียของเค้าไว้เพื่อใช้วิเคราะห์เกม อย่างเช่นครั้งล่าสุดสดๆ ตอนต่างชาติขายหนัก SET ร่วงกราวแบบนานพอสมควรเป็นครั้งแรก แต่อยู่ๆมันเด้งแบบผมเคาะไม่ทัน(คืองกมากเอาคนเดียวเลย) ทั้งวัน ก็รู้แล้วว่ารอบใหม่มาแล้วและโหดด้วยเพราะไม่แบ่งใคร ทักษะนี้ฝึกฝนได้ ถ้าจะดู history ให้ดูผ่านกราฟแต่ไม่ต้องไปงมงายหรือนับคลื่นอะไรวุ่นวายเพราะมันก็แค่ที่บันทึกหลักฐานไม่ใช่ลายแทงที่มีสมบัติ และไม่มีใครที่ทำพฤติกรรมเหมือนๆ กันทุกครั้ง ส่วนใหญ่จะคล้ายแต่ไม่เหมือน จากที่อ่านในเวบบอร์ดเวลาว่างๆ ผมรู้เลยว่ามีคนในนี้มีทักษะข้อนี้และอ่านออกอยู่จำนวนนึง จังหวะ timing ในการเข้าออกนั้นใช่ คุณเองก็พัฒนาได้ครับ
3. ทักษะในการมองการเคลื่อนไหวจุดเล็กๆ ให้ออก
อธิบายคือการมองให้ออกว่าเดี๋ยวนาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น มันจะขึ้นหรือจะลง ฟังดูแล้วเหมือนทายอนาคตได้แต่มันคือเรื่องที่จำเป็นต้องมองให้ออกครับ การที่คนบอกว่าไม่มีใครที่เล่นทุกวันแล้วทำกำได้ทุกวันหรอก การ trade บ่อยๆ คือการพนัน ขอบอกว่านี่เป็นความคิดที่ดูแคลนมนุษย์เกินไปหน่อย ขนาดผมที่ level ต่ำต้อยมากยังสามารถ trade ทุกวันโดยที่มีวันขาดทุนประมาณ 10% และจำนวนครั้งของการเข้าออกที่ขาดทุนก็อยู่ในระดับนี้ครับ คือเล่นร้อยครั้งจะผิดประมาณสิบครั้ง นอกนั้นเจ๊าบ้างได้บ้าง
อะไรคือหลักสำคัญของทักษะในการมองการเปลี่ยนแปลงในจุดเล็กๆ ได้? ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่เงินเยอะขนาดไหนหรือตัดสินใจในการลงทุนด้วยอะไร สุดท้ายสิ่งที่จะ action กับตลาดได้มีอยู่แค่ 4 แบบ คือตั้งซื้อ ตั้งขาย เคาะซื้อ เทขาย การตั้งซื้อ ตั้งขายเราจะเห็นจำนวนในหน้าจอ (bid offer) ส่วนการเคาะซื้อ เทขายหรือแรงที่มองไม่เห็น พอเห็นคือมันเกิดขึ้นไปแล้วซึ่งดูอารมณ์กับขนาดได้จากที่มันโชว์ตอน matched (ticker) ถ้าเราสังเกตพฤติกรรมมันบ่อยๆ จนชิน เราจะเกิด feeling ว่าแบบนี้มันกำลังจะขึ้น แบบนี้มันกำลังจะลง แบบนี้มันกำลังจะหลอก อ่านออก 3 อย่างก็จบแล้วครับ ข้อเสียของวิธีนี้นอกจากค่าคอมที่ซื้อขายบ่อยคือเราอาจจะพลาดในกรอบใหญ่ๆ เพราะมองกับการเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดแต่จะไม่มีวันเจ็บตัวเพราะเราว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น การขาดทุนเกิน 2 ช่องถือเป็นเรื่องสาหัสแล้ว
การพัฒนาทักษะนี้ต้องใช้การดูจนร้องอ๋อ ไม่สามารถเร่งได้ต้องดูแบบจับไต๋ได้ไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือ เวลาในการเฝ้าและความเร็วในการเข้าทำ เทคนิคนั้นเป็นอย่างไรอาจลองไปดูในหนังสือ 7 เทคนิคฟันกำไรหุ้นเดย์เทรด ของหนุ่มพีร์ trader รุ่นน้องที่ทำงานข้างๆ กันดูก็พอได้ครับ (ขอแอบโปรโมตหน่อยรับปากไปแล้วแม้จะตาร้อนในกำไรของน้องคนนี้เหลือเกิน แฮ่) ตัวผมยังไม่ได้อ่านแต่เท่าที่รู้มาคือการใช้และพัฒนาทักษะในข้อนี้ครับ ถ้าคุณอ่านจุดเล็กๆ ออกคุณก็จะรู้กลไกการเคลื่อนไหวของราคาในการไปถึงจุดต่างๆ ได้
3 ทักษะที่กล่าวมาเป็นเหมือนแผนที่ที่คุณต้องเลือกในการเดินในตลาดทุนจากมุมมองของผม ผมจะไม่บอกใครให้เดินไปพัฒนาทักษะในการเรียนตามทฤษฎี การอ่านกราฟแบบเอาเป็นเอาตาย การเล่นตามข่าวสาร อ่านงบอ่าน ratio ที่รู้กันทั้งเมือง นับคลื่นหรือ super technical & indicator ต่างๆ เพราะมัน mass และไม่ทำให้คุณคิดและเข้าใจใน money game นี้ได้ ตลาดที่มีการ trading มัน dynamic และขัดแย้งกว่าเหตุผลทั่วไปแถมยังเอาเหตุผล logic ทั่วไปมาดัดแปลงหากินอีก นั่นคือความจริงที่ทำให้หลายคนที่เชื่อตามนั้นเจ็บตัวไปตามๆ กันรวมทั้งผมตอนแรกๆ ด้วย และนั่นก็เป็นความจริงเกี่ยวกับตลาดหุ้น ถ้าคุณไม่มีทักษะที่กล่าวมามันอันตรายมากในการเดินในเส้นทางนี้ ความจริงในตอนนี้อาจดูโหดร้ายและสร้างความขุ่นข้องหมองใจและไม่เชื่อในหลายๆ คน แต่ตัวอักษรเหล่านี้มันโหดร้ายน้อยมากถ้าเทียบกับการที่คุณเดินเข้ามาในตลาดในเกมนี้แล้วตกเป็นเหยื่อของการกระทำโดยไม่รู้ตัว ลองพัฒนาทักษะของตัวเองดูครับ ใครๆ ก็ทำได้ มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นเสมอๆ และจะอยู่รอดรวมถึงเดินในเส้นทางตลาดทุนได้อย่างสบายใจ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ให้ใครสักคนได้บ้างนะครับ (^-^)
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
12 comments |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2554 13:31:53 น. |
Counter : 5572 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: แพนด้า IP: 115.67.46.85 20 กุมภาพันธ์ 2554 16:21:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: purelife IP: 180.180.223.240 20 กุมภาพันธ์ 2554 16:50:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟหกด IP: 124.120.35.244 20 กุมภาพันธ์ 2554 17:04:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทางทอง IP: 124.121.205.71 20 กุมภาพันธ์ 2554 23:24:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ้fanclub IP: 115.87.176.198 21 กุมภาพันธ์ 2554 8:12:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: purelife IP: 118.172.64.162 1 มีนาคม 2554 20:59:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: grassetto IP: 124.121.111.116 27 สิงหาคม 2554 21:34:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: meawba555 IP: 124.120.57.101 6 พฤษภาคม 2555 10:24:17 น. |
|
|
|
| |
|
|