|
ไฮกุไส้กรอก (แบบไม่สนฉันทลักษณ์)
ไส้กรอกถูกที่สุด ใน somerfield (ซูเปอร์แถวบ้าน) รสชาติ... ...ละม้ายแป้ง
ไส้กรอกถูกที่สุด ใน somerfield (ซูเปอร์แถวบ้าน) พอทิ้งไว้จนเย็น ...ก็รสเหมือนหนมปัง
ไส้กรอกถูกที่สุด ใน somerfield (ซูเปอร์แถวบ้าน) พอทิ้งไว้จนเย็นหนักกว่านั้นแล้ว ...ก็แข็งโป๊กกัดไม่เข้า
พอกินไส้กรอกถูกที่สุด ใน somerfield (ซูเปอร์แถวบ้าน)เข้าไปแล้ว ...ก็ปลงอนิจจัง
Create Date : 01 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 1 ตุลาคม 2550 1:26:58 น. |
Counter : 419 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ย่ำย่านการพิมพ์ (เท่าที่เก็บมาได้)
ช่วงนี้อยู่ใน induction week (ไม่ได้เขียนตกนะ เขาเขียนแบบนี้จริง ๆ) จึงยังไม่ได้เรียนจริง ๆ เพียงแต่ได้ลิสต์หนังสือมาบางส่วน กับคำแนะนำหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับคอร์ส นอกจากนั้น ในช่วงอาทิตย์นี้ยังมีโปรแกรมน่าสนใจอีกสองโปรแกรม คือไปเตร็ดเตร่กะโปสเฟสเซอร์ (จริง ๆ คือไปเดินทรหด) ครั้งแรกตอนวันอังคาร ยังเดินแค่แถว ๆ มหาวิทยาลัย ใกล้ย่าน Bloomsbury ครั้งที่สองคือวันพฤหัสไปเดินที่ย่านกลางเมือง ตั้งต้นที่มหาวิหารเซนต์ปอล แล้วไปจบแถว ๆ เลสเตอร์สแควร์ (และพวกนักเรียนเอเชียยังอุตส่าห์เดินต่อกลับมาจนถึง ม.อีกต่างหาก)
เหตุผลที่ไปเดินนั้นไม่ได้เดินเฉย ๆ แต่เป็นการตามไปดูสถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์หนังสือในอังกฤษ เรียกว่าไปตามรอยประวัติศาสตร์ก็ได้ เสียแต่ว่าคนในคลาสมีหลายคน (ประมาณยี่สิบกว่า ๆ) ประกอบกับโปรเฟสเซอร์ก็เล่นบรรยายกันข้างถนนอย่างนั้นเลย และเสียงแกก็เบา เราเลยจับความได้บ้างไม่ได้บ้าง เล่าให้ฟังเท่าที่จำได้ก็แล้วกัน
เมื่อก่อนนี้ คนที่ทำงานเกี่ยวการทำหนังสือในอังกฤษ จะสังกัดกับกิลด์ หรือสมาคมคนทำอาชีพเดียวกัน ที่เรียกว่า stationer ที่เรียกแบบนี้เพราะเมื่อก่อนเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้ตังค์ ดังนั้นจึงไม่มีตึกแบบที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ประมาณว่าย้ายที่ทำงานไปเรื่อย ๆ ต่อมาพอค่อยมีตังค์มากขึ้นแล้ว stationer จึงมาตั้งตึกอยู่ใกล้ ๆ กับมหาวิหารเซนต์ปอล ทำให้ย่านนั้นเป็นย่านการพิมพ์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คนทำงานในอาชีพนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรจากสมัยนี้มากนัก คือพนักงานจำนวนมากเป็นฟรีแลนซ์ เช้าอาจจะทำที่สำนักนี้ ส่วนบ่ายก็ไปทำที่อีกสำนักหนึ่ง นอกจากนั้น การพิมพ์หนังสือยังเป็นอาชีพแรก ๆ ในอังกฤษที่ยอมรับคนดำเนินกิจการที่เป็นผู้หญิงด้วย (โปรเฟสเซอร์บอกว่ามีหลายเจ้าที่เจ้าของเป็น "แม่ม่ายเขี้ยว ๆ")
ตึก stationer นั้น เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ และยังทำงานเกี่ยวข้องกับการพิมพ์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเวลามันผ่านมานานแล้ว อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นว่าใครที่ทำอะไรเกี่ยวกับกระดาษ เกี่ยวกับการพิมพ์ก็เข้ามาที่นี่ได้ โปรเฟสเซอร์บอกว่ารู้สึกคนคุมตอนนี้จะเป็นบริษัททำกล่องกระดาษไปแล้ว ถึงอย่างนั้น stationer ก็ยังมีบริการอย่างหนึ่งซึ่งมีมาแต่โบราณ คือการรับจดลิขสิทธิ์สิ่งพิมพ์เพื่อป้องกันการเลียนแบบ จนถึงเดี๋ยวนี้ถ้าอยากจะจดที่นี่ก็ยังจดได้อยู่ แต่จริง ๆ คิดว่าไปทำกับทางการเป็นเรื่องเป็นราวเลยน่าจะง่ายกว่านะ
หลังจากมีการตั้งตึก stationer เป็นต้นมา ย่านสิ่งพิมพ์ของอังกฤษก็กระจุกตัวอยู่แถว ๆ นั้น และค่อย ๆ ขยายตัว ลากไล่ไปเรื่อยจนกระทั่งเกือบ ๆ จะถึงเลสเตอร์แสควร์ ถ้าไปเดิน ๆ ที่นั่นจะเห็นรูปปั้นกริฟฟินอยู่บนแท่นสูงกลางถนนตัวหนึ่ง กริฟฟินตัวนั้นเป็นหลักหมายว่า อำนาจของ stationer สิ้นสุดลงที่นี่ ซึ่งตามความเข้าใจของตัวเองก็คือ ตรงนั้นในสมัยก่อนอาจจะเป็นสุดเขตลอนดอนแล้ว และต่อจากนี้ไปจะเป็นเขตปริมณฑล อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในช่วงสมัยวิคตอเรีย ย่านการพิมพ์ได้ขยายออกมาเกินเขตของ stationer ไปเรียบร้อยแล้ว และบริเวณเลสเตอร์สแควร์ ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็น Australian House ในสมัยนั้นจะเป็นย่านซึ่งพิมพ์หนังสือที่ hardcore กว่าที่พิมพ์ในเขตของ stationer มีสนพ.ที่พิมพ์หนังสือของออสการ์ ไวลด์รวมอยู่์ด้วย(แกเป็นเกย์ สมัยก่อนเป็นโทษถึงติดคุก) ความฮาร์ดคอร์ดังกล่าว ผสมกับเหตุการณ์น่าตื่นตะลึง (ของยุควิคตอเรีย) คือมีการกวาดจับหนังสือโป๊ตามร้านหนังสือแถว ๆ นั้นได้มาก (ซุกอยู่หลังหนังสือปรกติ) จึงทำให้บริเวณนอกเขต stationer แถว ๆ Australian House เคยได้ชื่อว่าเป็นอะไรประมาณรังงูพิษ เต็มไปด้วยสิ่งพิมพ์ที่ทำให้ศีลธรรมเสื่อมทราม
ย่านการพิมพ์ของอังกฤษยังคงอยู่แถว ๆ มหาวิหารเซนต์ปอล จนกระทั่งถึงช่วงสงครามโลก (น่าจะครั้งที่หนึ่ง) ลอนดอนถูกถล่มอย่างหนัก และสุดท้ายก็มีระเบิดมาทิ้งปุลงกลางย่านพอดี ส่งผลให้มีสนพ.วินาศสันตะโรไปเป็นอันมาก กระดาษไหม้ไฟปลิวว่อนไปทั่ว อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าเป็นผลดีกับประดาเจ้าของสนพ. เพราะจริง ๆ ช่วงสงครามก็ขายหนังสือไม่ได้อยู่แล้วจนสต็อกล้น และพอระเบิดมาลงแบบนี้ พวกเจ้าของสนพ.เลยไถเงินประกันมาเปิดสนพ.ใหม่ แล้วย้ายออกไปจากย่านเซนต์ปอลไปหาที่ที่ค่าเช่าถูกกว่ากันเกือบหมด โปรเฟสเซอร์บอกว่าธุรกิจหนังสืออังกฤษหลังจากสงครามโลกนั้น "ดำเนินต่อไปได้ด้วยเงินประกันก็ว่าได้"
นอกจากประวัติคร่าว ๆ แบบนี้แล้ว ที่เหลือจะเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ซึ่งจะมาเขียนให้ฟังต่อหลังจากเรียบเรียงได้ดีกว่านี้แล้วนุ
Create Date : 28 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 29 กันยายน 2550 2:47:08 น. |
Counter : 836 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
นิราศอาร์โกสและวูลเวิร์ธ (aka เมื่อ จขบ.ไปชอปปิ้ง)
หอของจขบ.นั้นอยู่ที่สถานีแพดดิงตัน เป็นหอของมหาวิทยาลัยลอนดอน ชื่อลิเลียน เพนสัน ฮอล (หรือ LPH) เนื่องจากเป็นหอของ "มหาวิทยาลัยลอนดอน" จึงมีคนอยู่จากหลากหลายคอลเลจ แต่นักเรียนทั้งหมดเป็นนักเรียนต่างชาติ และเรียนอยู่ปริญญาโทหรือเอก จากปากคำของคนไทยคนแรกที่เจอในหอ (ไม่นับน้องชาย โชคดีสุดยอดที่ได้อยู่หอเดียวกัน) เขาว่ามักจะมีคนไทยมาอยู่ที่นี่ประมาณปีละสิบคน แต่ล็อตเก่าไม่เหลือแล้ว เหลือคุณคนนี้คนเดียวที่ต่อเอกอยู่คนเดียว
สถานีแพดดิงตันนี้เป็นชุมทางใหญ่แห่งหนึ่งของลอนดอน มีทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟใต้ดิน และรถเมล์ เรียกว่าไปมาสะดวก และเนื่องจากเป็นชุมทางจึงทำให้หาข้าวของอะไรไม่ยากมากนัก เสียอยู่อย่างคือไกลจากยูซีแอลมากกว่าหออื่น ๆ (แต่ใกล้ LSE ซึ่งเป็นคอลเลจอีกแห่งหนึ่ง) เคยลองเดินดูแล้ว ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมง คือว่าจะเดินก็เดินได้ แต่คงต้องเป็นวันที่อากาศดี และฟิตพอสมควร
หลังจากได้เข้าหอแล้วก็สำรวจห้อง จึงพบว่าห้องโอเคทีเดียว เรียกว่าถือว่ากว้างขวาง (พยานยืนยันคือหน่าจังผู้อยู่ที่นี่มาสามปี) มีห้องน้ำในตัวเรียบร้อยดี และมีครัวรวม (แต่กรุณาอย่าแช่ของน่ากินไว้โดยเปิดเผย เพราะจะมีผีฝรั่งจก ซึ่งเป็นญาติกะปอบหยิบมาจกไป) เมื่อวานนี้เดินออกจากหอเพื่อหาซื้อของกันสองคนพี่น้อง ตอนแรกไปเจอเทสโก้ก็เข้าเทสโก้ ต่อมาเจอมาร์คแอนด์สเปนเซอร์ก็เข้ามาร์คแอนด์สเปนเซอร์ และสุดท้ายแล้วก็เจอวูลเวิร์ธเจเนอรัลสโตร์ ไม่อยากบอกเลยว่าของถูกลงตามระยะทาง แบบว่าไปถึงวูลเวิร์ธแล้วร้องอ้าก เพราะมันเป็นร้านของถูก ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงได้ถูก แต่เห็นมีฝรั่งเดินกันวุ่นวาย คาดว่าซื้อของไปใช้แล้วคงไม่เป็นไร
หลังจากเหยียบวูลเวิร์ธเข้าไปได้ประมาณสิบนาที น้องชายที่รักก็เริ่มพูดอะไรทำนองว่า "สวรรค์ สวรรค์" ว่ากันตามจริงคือหลังจากอยู่ในเมืองลอนดอนมาอาทิตย์หนึ่ง ที่นี่ก็เป็นสวรรค์จริง ๆ เพราะข้าวของถูกมาก (อย่างที่บอกคือเทียบกับค่าครองชีพ) และมีทุกอย่างที่ต้องการ ถ้าไม่เอาอะไรวิลิศมากก็รับรองว่าที่นี่มีหมด เกือบจะไม้จิ้มฟันยันเรือรบ มีไมโครเวฟเขาเอามาโละเหลือเครื่องละยี่สิบห้าปอนด์ด้วย เห็นฝรั่งมั่งอินเดียมั่งจกกันคนละเครื่อง แอบสงสัยเล็กน้อยว่าขนกลับกันยังไงเพราะมันไม่มีที่จอดรถ และท่าทางจะหนักไม่น้อย
แต่ที่จริงแล้ว เป้าหมายของเมื่อวานนี้ไม่ใช่วูลเวิร์ธหรอก แต่เป็นอาร์โกส ซึ่งเป็นร้านของถูกแบบถูก ๆๆๆๆ ว่ะ ที่เราได้รู้จักผ่านบล็อคของชาวบ้านอีกทีหนึ่ง อาร์โกสเป็นร้านแบบถูกมากและขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยังเรือรบเหมือนกัน แต่ต่างจากแบบวูลเวิร์ธตรงที่อาร์โกสไม่มีของวางให้ดู จะมีก็ได้แคตตาล็อควางไว้เรียงรายตามเคาน์เตอร์รอบ ๆ ให้ไปเลือกของในแคตตาล็อค แล้วจะมีเครื่องให้จิ้มโค้ดสินค้า ถ้าเครื่องบอกว่ามีสินค้า ก็เขียนโค้ดนั้นใส่แผ่นที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วไปจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็รอให้พนักงานไปขนของจากโกดังข้างหลังออกมา ขอบอกว่าโกดังที่นี่ใส่ของได้มหัศจรรย์พันลึกมาก เพราะมีข้าวของเท่ากับห้างห้างหนึ่งในเมืองไทย มีตั้งแต่โซฟาทุกไซส์ เตียงทุกไซส์ ไปจนถึงมือถือ โน้ตบุ๊ค พรินเตอร์ มีตั้งแต่ของเล็กไปจนถึงของใหญ่ ถ้าใครอยากรู้ว่าอาร์โกสขายอะไรบ้างก็ตามไปดูที่เว็บได้
//www.argos.co.uk
เป็นโรคจิตอะ ถ้าเจอเว็บแบบนี้ต้องดูที่ clearance ก่อนเป็นที่แรกเพื่อความสะใจ
เมื่อวานซื้อของมาได้พอสมควร ส่วนใหญ่เป็นพวกผงซักฟอก จานชามช้อนส้อมมีด วันนี้ไปอีกสองรอบ เรียกว่าวิ่งไปวิ่งมายังกะร้านหน้าปากซอยเพื่อไปซื้อตะกร้าผ้าหนหนึ่ง และอีกหนไปกับน้องชายเพื่อซื้อราวตากผ้า (หลังจากค้นพบสัจธรรมว่าถึงเข้าเครื่องปั่นแล้ว ผ้าก็ไม่แห้งอยู่ดี) ตอนแรกว่าจะซื้อพรินเตอร์ที่อาร์โกสด้วย แต่ปรากฏว่ารุ่นที่ต้องการ (แน่นอน ถูกที่สุด) ของหมด ว่าจะต้องสั่งจองไว้ อย่างไรก็ตาม หมึกที่นี่แพงมาก ๆ คงต้องหาทางให้แม่ฝากโกดังของคนรู้จักมาจากเมืองไทย
หิ้วของกันพะรุงพะรังเดินกลับหอ ตอนนี้กำลังตากผ้าอยู่ ตากมาแต่กลางวันไม่แห้งสักที ห้องเละมาก ๆๆๆ อยากจะเก็บผ้าแล้วแต่งห้องใหม่เร็ว ๆ
พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรมาก แค่อินโทรเฉย ๆ กล้องยังเจ๊ง ๆ ดี ๆ อยู่ แต่ไม่มีเวลาดูแลมันเลย
Create Date : 24 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 24 กันยายน 2550 5:13:27 น. |
Counter : 601 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
when I'm falling in love
มาถึงอังกฤษอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้วค่า ขอบคุณทุกคนที่มาลามาก ๆ นะคะ '/\'
###
คุณแพนด้า @ โบกมือตอบค่า ^^
คุณไร่ปลายตะวัน @ ขอบคุณค่า ต้องสู้ ๆ เนอะ
คุณมิสเตอร์ฮอง @ อัพในกรุ๊ปบล็อคใหม่ ชื่อ In Mr.Bentham's House แล้วค่าะ
หน่าจัง @ เย่ย...
คุณลูกสาวโมโจ @ อ๊ะ ขอบคุณขอรับ T^T
คุณมม @ ขอบคุณค้าบ ^^
แอลลี่ @ โอเช ตัวเองก็สู้ ๆ เหมือนกันเน้อ
น้องส้ม @ เย่ย ยังไม่ตาย
พี่วัสส์ @ แมวตัวนั้นโทรมาเฮาก็ไม่ได้รับอยู่ดี แต่เราก็ได้คุยกันทางเอ็มแล้วเนอะ^^
คุณแฮมสเตอร์ @ ขอบคุณค่า ปลอดภัยเรียบร้อยดีค่า
ทินาจัง @ งือ ขอบคุณมาก ๆ ขอบคุณสำหรับล่วมยาด้วยเน้อ
น้องเฟย์ @ แต้งกิ้วจ้า
คุณ*Bua @ ขอบคุณค่า ^/\^
น้องภูมิ @ อ่า...ขอบคุณมาก ๆ จ้า แต่หาอ่านไม่ได้อะ ภูมิส่งมาให้พี่หน่อยสิ - - (< < ล้อเล่นนะ อย่าทำจริง ๆ) พี่กบ @ คับผม
น้อง kurobina @ จ้า พี่จะพยายามจ้า T^T
คุณ river @ ขอบคุณค่า อวยพรครอบคลุมทุกหัวข้อที่ต้องการเลยค่า ^^
คุณสาวไกด์ @ ถึงแล้วขอรับ กำลังอยู่ในช่วง settle down ขอให้โชคดีในการทำงานเหมือนกันนะคะ^^
พี่กก @ บ่เป็นหยังคับ เพราะช่วงก่อนบินปันก็วิ่งหูตูบเหมือนกัน อาจจะไม่ได้รับสายอะ มีอะไรทางโน้นเล่าให้เค้าฟังบ้างเน้อ T^T
คุณยาคูลท์ @ อะ...ชิ้งคับ (แปลว่าได้รับแล้วมั้ง) จะว่าไปคนชื่อมีชัยนี่ก็น่าสงสารเนอะคะ แบบว่าชื่อมันดีอะ แต่...= =''
มิ้งค์ @ อ่า เจอกันอยู่แล้วแหละน่อ ^^
เลจัง @ ตอนนี้ก็ยังอากาศดีอยู่นะ ฝนไม่ค่อยตกอะ แต่อีกสักพักคงเริ่มตกแล้ว สามปีรอไม่ไหวอะ แพงจ๊าด = ='
คุณม้าม @ ไปอังกฤษค่า เรียน publishing ตอนนี้แค่อ่านเทกซ์ที่เป็น pre reading อย่างเดียวก็รู้สึกเหมือนถูกกระแทกหน้าหลายหนแล้ว ธุรกิจหนังสือของอังกฤษนี่คล้าย ๆ ของไทยเลยอะค่ะ^^''
คุณ wanderer @ ขอบคุณขอรับ ^/\^
พี่ทิง @ ขอบคุณค่า จะพยายามเรียนให้สนุกค่า แต่จะได้เที่ยวหรือเปล่านี่ยังไม่แน่ใจเลยค่า T^T
พี่โร @ ปันก็ย้ายบ้านเหมือนกันค่า ย้ายมาเข้าหอ วุ่นวายเนอะ^^''
น้องจินตา @ บ่เป็นหยังน่อ ปีกนางฟ้าพี่ก็ชอบอารมณ์เรื่อย ๆ ของมันเหมือนกัน แต่เรื่องลี้ลับนี่ไม่รู้นะ พี่ทั้งชอบและไม่ชอบแฮะ เหมือนว่ามันทำให้อุ่น ๆ ดี แต่ก็แปลกที่มันมาอยู่ตรงนั้นน่ะ รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เหงา ๆ อุ่น ๆ ละมุน ๆ ดีเลยส่งไปให้ยล ส่วนเจ้าเปลี่ยนตัวเองใหม่เนี่ย ส่งไปเผื่อเวลารู้สึกเซ็งตัวเองน่ะนะ พี่ชอบอ่านมันเวลาเซ็งตัวเองอะ ป.ล.พี่กกเขาบอกห้ามกอดว่ะ
###
จขบ.ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยลอนดอน คอลเลจชื่อ University College London เป็นคอลเลจแรกของยู (ยูที่นี่บางยูจะมีหลายคอลเลจในตัว แต่ละคอลเลจก็เป็นเหมือนมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ถึงใหญ่ ๆ แห่งหนึ่งเลย) ชาวบ้านที่อยู่คอลเลจอื่นเขาเรียกคอลเลจของจขบ. ว่า No God University เนื่องจากอุดมการณ์แรกเริ่มตั้งเลยคือ ม.แห่งนี้จะเปิดรับคนทุกชนชั้น เพศ และศาสนา ที่มีปัญญาจะเรียนได้ เคยมีเพลงร้องกันว่าที่นี่เป็น คอคนีย์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ด้วย (คอคนีย์คือคนชั้นล่างในลอนดอนสมัยก่อน เดี๋ยวนี้หาทำยาบ่ได้แล้ว)
ตอนนี้กำลังตกหลุมรักหนึ่งในคนดังของยู คือคุณเจเรมี่ เบนทัม จริง ๆ แล้วคุณเบนทัมคนนี้ไม่ได้เป็นคนก่อตั้งคอลเลจแต่ประการใด อย่างไรก็ตาม จะบอกว่าแกเป็นคนดังอันดับหนึ่งของยูก็น่าจะได้ เพราะนอกจากแกจะเก่งหลายด้านแล้ว (ส่วนใหญ่เป็นสายมนุษย์ศาสตร์กับสังคมศาสตร์) แกยังเพี้ยนหลุดโลกอีกต่างหาก คือตอนยังเป็น ๆ อยู่ แกเขียนหนังสือไว้เยอะมาก คนที่แนะนำยูให้ฟังเขาว่าเคยเขียนถึงวันละสองร้อยหน้า แต่เป็นโค้ดทั้งสิ้น เพราะแกบอกว่าสิ่งที่แกเขียนยังไม่เหมาะกับยุคของแก พอแกซี้แหงไปแล้ว จึงร้อนถึงมหาลัยต้องมาตั้งเบนทัมโปรเจคส์เพื่อถอดอีโค้ดพวกนี้แล้วพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ ป่านนี้ก็ยังแปลไม่หมด - -''
คุณเบนทัมแกยังเขียนไว้ในพินัยกรรมของแกอีกด้วยว่า ขอให้สตัฟฟ์ร่างกายของแกไว้ แล้วเอาไปตั้งที่ตรงบริเวณโถงด้านหนึ่งของยู (เป็นโดมหลังใหญ่มีปีกซ้ายขวา) แต่เฉพาะหัวนั้นไม่ให้เอาไปสตัฟฟ์ด้วย แต่ให้ตัดไปไว้ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งบัดนี้ยังเป็นความลับอยู่ว่าอยู่ไหนกันแน่
ด้วยเหตุนี้ ร่างกายของคุณเบนทัม พร้อมหัวที่ทำจากขี้ผึ้ง จึงนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของอาคารหลัก อยู่ในตู้ไม้ที่ด้านหน้าเป็นกระจกใส เรียกว่านั่งหลอนอยู่ตรงนั้นแหละ จนนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมาชินหมดแล้ว ยินว่าพอมีประชุมสำคัญทีเขาก็จะเข็นแกออกไปประชุมด้วย (แกเขียนไว้ว่าให้ทำงั้นในพินัยกรรม) แล้วก็บันทึกไว้ว่า "เข้าร่วมแต่ไม่ได้โหวตนะจ้ะ"
มีข่าวร่ำลือเรื่องหัวของตาคุณเบนทัม ซึ่งน้องชายผู้ไปเรียนด้วยกันเล่าให้ฟัง (น้องชายเสิร์ชจากเน็ตอีกที) คือ ยูซีแอลกับคิงสคอลเลจ ซึ่งเป็นต่างเป็นคอลเลจของมหาลัยลอนดอนนั้นเป็นคอลเลจที่สนิทกันมาก ประมาณเป็นคู่รักคู่แค้นเหมือนธรรมศาสตร์กับจุฬา เพราะอย่างนั้น ทางคิงสคอลเลจเลยมีเรื่องร่ำลือเชิงข่มหมูกันว่าพวกเขาขโมยหัวตาคุณเบนทัมไปใส่ฟุตบอลเตะเล่นเรียบร้อยแล้ว ข้างฝ่ายทางยูซีแอลก็ข่มตอบว่า เรจจี้เดอะไลอ้อน ซึ่งเป็นมัสกอตของคิงส ก็ถูกทางนี้ขโมยมาฝังซ่อนไว้ในสนามฟุตบอลเหมือนกัน รู้สึกว่าเรจจี้จะเคยถูกขโมยจริง ๆ (แต่ไม่ใช่โดยเด็กยูซีแอล) ส่วนหัวของตาคุณเบนทัมนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่ทราบได้
มหาลัยในลอนดอนเท่าที่เห็นนี้แปลกกว่ามหาลัยที่บ้านเรามาก เพราะไม่มีรั้วรอบขอบชิดเลย ด้านหน้าที่ติดถนนก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของห้องแถว (แต่ห้องแถวบ้านเขางามสุด ๆ) ส่วนข้างในก็เป็นตึกเล็กตึกน้อยบ้าง เป็นห้องแถวเหมือนกันบ้าง ตอนแรกที่เดินเข้าไป จขบ.เห็นบ้านคล้าย ๆ บ้านจัดสรรแบบที่ฝาติดกันหมดเรียงกันเป็นพรืด ยังคิดว่าเออแฮะ มีบ้านในยูด้วย แต่พอเดินไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นหน้าต่างติดคำว่า "ภาควิชาปรัชญา" ทำให้แอบเครียดเล็กน้อย (มันเป็นบ้านจริง ๆ นะ มีบันไดแคบ ๆ ขึ้นไปประตูหน้า แถมมีกระดิ่งด้วย
ตึกที่เรียนชื่อตึก Henry Morley มีชื่อในยูว่าหายากอย่างบรรลัย อย่างไรก็ตาม ได้หาเจอแล้ว เป็นตึกเล็กน่ารักตั้งอยู่ในมุมลึกลับซึ่งให้อารมณ์แปลก ๆ ว่า "เจ๋งว่ะ" อย่างไรชอบกล บางทีคงเพราะจขบ.ไม่ชอบตึกใหญ่ ๆ แต่ชอบอะไรที่มันแบบที่มันต้องค้นหาหน่อยละมัง
พรุ่งนี้จะเข้าหอแล้ว (ช่วงนี้อยู่กับคนรู้จักไปก่อน) ถ้าเรียบร้อยเมื่อไรคงเล่าเรื่องต่าง ๆ ได้มากกว่านี้
//www.michaeljosephradzicki.com/Jeremy%20Bentham.jpg <<< รูปคุณเบนทัม เสิร์ช ๆ รูปดูแล้วเจอแบบยังมีหัวเก่าอยู่ด้วย เอาวางไว้ตรงพื้นระหว่างขาแก มัมมี่ได้ใจมาก แต่รูปนี้เอาหัวจริงไปซ่อนแล้ว กำลังสงสัยว่าที่เอาไปเก็บเพราะไม่ดีต่อสุขภาพจิตนักเรียนที่เดินผ่านไปมา
Create Date : 21 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 24 กันยายน 2550 5:25:10 น. |
Counter : 1535 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|