The power of an authentic movement lies in the fact that
it originates in naming and claiming one's identity and integrity
-- rather than accusing one's "enemies" of lacking the same.
- Parker J. Palmer, The Courage to Teach
Group Blog
 
All blogs
 

ประดาของเถื่อน (ภาคโอตาคุ)

เมื่อวานน้องชายรื้อเจอที่ดูดไฟล์รามายณะ ที่เป็นซีรีย์ทีวี ทำปี 1986 ใครเป็นเด็กช่วงนั้นคงพอจำได้ว่ามันมาเมืองไทยเหมือนกัน ฉายตอนบ่าย ๆ

สมัยนั้น จขบ.เรียนเปียโน แต่เกลียดมากเพราะทำให้อดดูรามายณะ ต่อมาป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่ง แล้วก็ขาดหลายหน สุดท้ายเลยเรื้อรังไม่ได้เรียนต่ออีกเลย ซึ่งเป็นความยินดีของ จขบ. มาก เพราะสามารถมานั่งเฝ้าจอรอดูรามายณะได้ เท่าที่ดูมาจนถึงเดี๋ยวนี้ รามายณะเวอร์ชั่นปี 1986 ถือว่าคลาสสิกที่สุดแล้ว เวอร์ชั่นอื่นที่รีเมคสู้ไม่ได้เลย รู้สึกว่าคนแปลบทจะเป็น อ.กรุณา กุศลาศัย ช่วงแรก ๆ แปลเพลงเป็นกลอนด้วย แต่ต่อมาไม่ได้แปล ทิ้งไว้เป็นเสียงในฟิล์มเฉย ๆ

ต่อมาซีรีย์กลายเป็นวีดีโอ (เช่นเดียวกับมหาภารตะ) ที่บ้านชอบกันมาก อยาก ๆ ขึ้นมาก็เช่ามาดูที เฉลี่ยทั้งสองซีรีย์ดูประมาณปีละสองสามครั้งได้ จนกระทั่งร้านเช่าวิดีโอเจ้าประจำปิดไปเพราะสู้แรงซีดีไม่ไหว เลยได้ซื้อวิดีโอทั้งสองซีรีย์ (ซึ่งค่อนข้างช้ำชอกเต็มทีแล้ว) มาเป็นสมบัติ แต่เครื่องเล่นก็ดี ๆ เสีย ๆ ว่าจะเอาไปแปลงเป็นซีดีก็ไม่ได้ทำสักที เพราะแพงและอื่น ๆ จนมารื้อเจอไฟล์เถื่อนเอากันที่นี่

พอได้ดูเวอร์ชั่นดูของเถื่อน ซึ่งเป็นภาษาอินเดีย (อินเดียไหนไม่รู้ ฮินดีละมัง) และซับไตเติ้ลอังกฤษ ถึงรู้ว่าเพลงพวกนี้ไม่ใช่เพลง แต่เป็นโศลกเกือบหมด ซึ่งทำให้เรื่องมีอรรถรสมากขึ้น (สมัยก่อนพอเจอเพลงก็กดฟาสต์ฟอร์เวิร์ดโลด) คนแปลซับเทพมาก ๆ ใช้ภาษาไฮโซสุด ๆ เนื้อหาตามคติความเชื่อแบบฮินดู แต่ก็ยังรู้สึกได้นะว่าคนเขียนบท "ไม่โง่เลย" คือไม่ได้เชื่อแบบโง่ ๆ พวกบทสนทนาค่อนข้างคมคายมากทีเดียว ถึงจะมีบางตอนยืดยาดไปบ้าง บางตอนก็มีแต่บทสนทนาก็ไม่รู้สึกเบื่ออะไร ไม่เหมือนเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ที่รู้สึกถึงความยืดยานได้อย่างชัดเจน

คงเป็นแบบนี้มันถึงคลาสสิกละมัง

หลังจากเจอรามายณะแล้วเลยเอะใจ ลองหามหาภารตะดู ปรากฎว่าเจอเหมือนกัน ที่จริงมีคนทำเป็นดีวีดีซับไตเติ้ลขายแล้ว ร่ำ ๆ จะซื้อถ้าไม่เจอของเถื่อนก่อน (มันแพงอะ ตั้งห้าสิบปอนด์) มหาภารตะนี่รักกว่ารามายณะอีก แบบว่าช่างเป็นเรื่องที่อุดมไปด้วยไอดอลในวัยเด็กของ จขบ. (อ้อ คนชอบโอจิค่อน เฮาแนะนำเรื่องนี้เหมือนกันเน้อ) ชอบตัวละครเกือบทุกตัวเลย คนเขียนบทก็เขียนได้ค่อนข้างดีทีเดียว ตัวละครมีความลึกกว่าเวอร์ชั่นหลัง ๆ ที่เคยดู แต่ที่เสียดายคือซับไตเติ้ลบางช่วงไม่ค่อยดี และคนทำซับไม่ประณีตเท่ารามายณะ ทำให้รู้สึกขาด ๆ ไปบ้างเหมือนกัน

อีกอย่างที่ทำให้ดีใจมากคือที่เมืองไทยอิมพอร์ตมหาภารตะมาแค่ครึ่งเดียว (ถึงช่วงก่อนสงครามเล็กน้อย) แล้วตัดหายไปเลย เราก็ได้ดูแค่นั้นมาจนกระทั่งมาเจอไฟล์เถื่อนนี่ถึงได้ดูต่อ แต่ช่วงหลังที่เหลือมันก็ไม่ค่อย "สนุก" เท่าช่วงแรกแล้ว เพราะเต็มไปด้วยความตาย มีแต่เรื่องเสียใจ เรื่องทุกข์

วันนี้เพิ่งดูดตอนที่ภีษมะถูกอรชุนยิงมาได้สำเร็จ ดูแล้วเศร้ามาก ๆ อรชุนมันยิงไปก็ร้องไห้ไป ร้องเสด็จปู่ เสด็จปู่ ธนูก็เสียบเยอะขึ้นทุกที คนยิงก็จะแย่อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ยิงให้ล้มก็จะหยุดภีษมะที่เก่งมากไม่ได้

ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกถึงความไร้สาระของสงครามดียังไงก็ไม่รู้ - -''

อรชุนมาไหว้ภีษมะ (ภีษมะยังตายไม่ได้เพราะแกได้พรว่าสามารถเลือกเวลาตายของตัวเอง และแกดันสาบานไว้ว่าจะไม่ตายจนกว่าบ้านเมืองจะปลอดภัย)



ดูตอนนี้แล้วเครียดเลยกลับไปโหลดตอนแรก ๆ ดู ตอนอรชุนยังเด็ก ๆ

น่ารักอะ มันอ้อนปู่



แอบแคบรูปมาเต็มเลย ตูเป็นโอตาคุจริง ๆ ล่วย = =''




 

Create Date : 16 มีนาคม 2551    
Last Update : 16 มีนาคม 2551 7:14:48 น.
Counter : 2593 Pageviews.  

of mind and body

ไม่มีอะไร ไม่ได้จะเขียนเรื่องอะไรแปลก ๆ หรอก คือว่าช่วงนี้เป็นวันอย่างว่า (ซึ่งมาตรงดีทุกเดือน เลยรู้สึกว่าสุขภาพตัวเองคงยังอยู่ในขั้นโอเค) พอถึงวันอย่างว่าก็เป็นปรกติที่จะรู้สึกดาวน์ขึ้นมา ประมาณว่าอารมณ์สีเทาอะไรแบบนี้

แต่จริง ๆ เราดาวน์เพราะว่าฮอร์โมนมันแปรปรวน หรือว่าดาวน์เพราะเราโปรแกรมตัวเองว่าช่วงนี้เราควรจะดาวน์ (กลายเป็นช่วงท่อน้ำทิ้งทางอารมณ์ อะไรแบบนี้) หรือว่าเรามีเวลาอย่างนี้ไว้เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างสำหรับอะไรต่าง ๆ ที่มันผิดปรกติ (ถ้าบอกว่าเป็นวันอย่างว่า พวกผู้ชายจะรู้สึกเข้าอกเข้าใจ แต่ข้อเสียคือพอมีอะไรแปลก ๆ พวกผู้ชายก็จะถามว่าเป็นวันอย่างว่าหรือเปล่าทุกที)

เราชอบความรู้สึกว่ามีการ clensing ในตัว แต่เราไม่ชอบความรู้สึกดาวน์ เพราะทำให้คิดมาก และเรื่องที่คิดมากส่วนใหญ่เป็นเรื่องงี่เง่าซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะคิดทำไม เพราะรู้ว่างี่เง่าแต่ก็คิดอยู่ดี แลดูเป็นไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนกัน เช่น ทำไมคนจีนข้างห้อง (อยู่กันสองคนสามีภรรยา) มีความสุขกันจัง ีร้องเพลงประสานเสียงกันตอนตูทำรายงานด้วย ตูเคืองนะเนี่ย เดี๋ยวเปิดคลิปลาวดวงเดือน (โหมโรง) ระบบเซอราวด์รอบทิศข่มเสียเลย

ช่วงนี้เวลาขยับหัวเร็ว ๆ จะรู้สึกโคลงเคลงเหมือนอยู่บนเรือหรือเมาเหล้า เวลาลุกจากเตียงจะยืนทันทีไม่ได้เพราะจะรู้สึกมึนเหมือนเมาเหล้าเหมือนกัน ต้องนั่งแป็บนึงให้เข้าที่ก่อน

ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ มีคนบอกให้กินของหวาน ๆ แล้วนอนเยอะ ๆ แต่ไม่หาย ไม่รู้ว่าเพราะเป็นวันอย่างว่าหรือเปล่า หรือว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน (ทำไมน้ำในหูถึงเกิดไม่เท่ากันขึ้นมาได้) หรือว่าเป็นเพราะความดันต่ำ (ทำไมความดันถึงต่ำ ก็ใช้ชีวิตปรกติมาตลอดนี่หว่า)ว่าจะรอดูจนพ้นช่วงนี้ไปก่อน ถ้าไม่หายคงไปหาหมอ

เรื่อง hi5 แก้ไขได้แล้วในที่สุดด้วยคำแนะนำของแมวแป้ง บอกให้เข้าไปเปลี่ยนพาสเวิร์ด พอทำแล้วก็เข้าไปในตัวบล็อคได้ ปรากฏว่าเป็นเด็กที่ไหนไม่รู้ชื่อ lawitaa แต่บล็อคค้างไว้ อัพรูปโปรไฟล์แล้วด้วย เลยเข้าใจว่าตอนสมัครไม่อยากใส่เมล์จริง เลยใส่เมล์มั่ว ๆ (แต่เสือกเป็นเมล์ของตู) เสียอย่างนั้น

ก็อยากบอกเขาก่อน จะได้ไม่ต้องมาแต่งบล็อคใหม่ แต่ในเมื่อไม่มีทางติดต่อได้ เลยยกเลิกสมาชิกไป เสียใจด้วยนะ คราวหน้าถ้าจะสมัคร hi5 ก็อย่าใส่เมล์สุ่มสี่สุ่มห้าอีกล่ะ - -'




 

Create Date : 02 มีนาคม 2551    
Last Update : 2 มีนาคม 2551 19:28:58 น.
Counter : 488 Pageviews.  

เท่าที่จำได้

เหมือนบอกว่าจะเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้แล้วไม่ได้เล่าสักที เอาเท่าที่จำได้แล้วกันนิ

#ไปดูละครเพลง

- เรื่องแรกที่ไปดูคือ Lion King ที่โรง lyceum ตรงชาร์ริ่งครอส เนื่องจากซื้อตั๋วถูกสุดจึงได้ที่นั่งสุดอลังการเป็นส่วนตัวอย่างแรง อยู่ตรงมุมข้างขวาของเวที (เป็นคอกน่ารักมีสามที่นั่ง และไปกันสามคนพอดี) ถ้านั่งเฉย ๆ ทำตัวเป็นผู้ดีจะมองไม่เห็น ดังนั้นจึงต้องลงไปคุกเข่าเกาะขอบดู ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นเวทีประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้เห็นเต็ม แต่ไม่เป็นไรเพราะถือว่าได้ประสบการณ์ และได้อารมณ์มาก ๆ อธิบายไม่ถูกอะ เรียกว่าหนุกหนานแบบยาจกก็ได้มั้ง

ตัวเนื้อเรื่องละครเกือบไม่ได้ต่างจากการ์ตูน ทำให้รู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่โปรดักชั่นอลังการมาก เอฟเฟคสุดยอด ไม่ใช่เฉพาะแสงสีเสียงด้วย คนชอบเอฟเฟคและการใช้พร็อพแบบแปลก ๆ ควรไปดูอย่างยิ่ง

- เรื่องต่อมาที่ไปดูคือ Phantom of the Opera เรื่องนี้เนื่องจากซื้อตั๋วลอนดอนพาสต์เลยได้ลดราคา ก็เลยได้นั่งที่ดีกว่า Lion King ถึงอย่างนั้นกลับพบว่าโรงละครที่เล่นแฟนธอมนั้น ชั้นลอยข้างบน (เรียกว่า royal circle) ค่อนข้างต่ำมาก ถ้านั่งข้างล่างแล้วนั่งแถวหลัง ๆ จะถูกชั้นลอยบังเวทีหายไปครึ่งนึง เสียใจนิดหน่อยเพราะมองไม่เห็นโคมระย้า (จนกระทั่งมันตกลงมา) กับตอนที่ตาแฟนธอมไปแอบดูราอูลกะคริสตีนหนุงหนิงกัน (ได้ยินแต่มันร้องเพลงกรี๊ด ๆ แฟนกรู แฟนกรู ทีหลัง)

มีอีกอย่างที่เสียใจคือคนที่เล่นเป็นคริสตีนดุมาก - -'' แบบเจ๊คะ ตอนร้องเพลงจีบกะราอูลก็อย่าทำเหมือนกะกัดหัวเขาแบบนั้นสิคะ ดูแล้วเหมือนเขาจะตีความว่าคริสตีนเป็นผู้หญิงทะเยอทะยาน แต่จริง ๆ แล้วไม่มีกึ๋นพอจะช่วยเหลือตัวเอง เลยเหยียบผู้ชายเป็นฐานเลยอะ แต่คนเล่นเป็นแฟนธอมเล่นดีมาก ดูแล้วจะร้องไห้ตาม แบบทำไมน่าสงสารแบบนี้ T^T สรุปว่าดูจบแล้วเลยได้อารมณ์ประมาณ...เฮียคะ เฮียรักผิดคนแล้วแหละค่ะ เจอยัยเจ๊คริสตีนดุร้ายเข้าไปเลยซวยเลย เห็นมั้ย ๆ

- เรื่องที่สามก็เลมิส เป็นดังที่เล่าให้ฟังบล็อคก่อน ๆ ทุกประการ คือไปดูด้วยความคาดหวังน้อยที่สุด แต่ว่าออกมาด้วยอาการโอตาคุขนาดหนัก จริง ๆ อ่านต้นฉบับแล้วก็คิดว่าเรื่องมันอาจจะเป็นสไตล์ romanticism ไปหน่อยสำหรับบางคน (ไม่ได้แปลว่ามีเรื่องรักมากหนา แต่แปลว่าใช้อารมณ์เยอะ) แต่ก็ชอบสไตล์แกนะ เพราะเป็นติกแบบใช้คำน้อยแต่กระแทกแรงน่ะ ฉากที่วัลฌองปล่อยฌาแวรต์ไปเนี่ย ไม่มีบรรยายอารมณ์เลย มีแต่บทสนทนากับคำอธิบายนิดหน่อย แต่มันก็อึ้ง ๆ อยู่ข้างในนะ

- หลังจากนี้ไปแล้วตั้งใจจะดู Lord of the Rings หลังจากนั้นอีกทียังไม่มีแผนการอะไร คิดว่าดู shadowland ที่เป็นเรื่องชีวิตรักของป๋าซี. เอส. ลิวอิสดีหรือเปล่า แต่ว่าได้ยินว่ามันเศร้าเลยแอบแหยง ๆ อยู่นิ

###

#เรื่องไป Warwick กับ Stratford-upon-Avon

อันนี้ไปตอนปิดคริสต์มาส โปรแกรมง่าย ๆ คือว่าไปวอร์ริค นอนวอร์ริค ไปสเตรดฟอร์ด แล้วกลับมาขึ้นรถที่วอร์ริค (จะได้ไม่ต้องแบกเป๋าเดินเที่ยวให้เมื่อย) เป็นทริปที่สนุกดี เดินกันขาลาก

ตอนอยู่วอร์ริคก็ไปปราสาทวอร์ริค (อันมีเจ้าของมากมาย เลยมีประวัติเยอะ) ตอนนั้นมี "วิคตอเรียนคริสต์มาส" พอดี คิดว่าจะอลังการกว่านี้ แต่จริง ๆ ก็คือมีเครื่องเล่นไอน้ำสมัยนั้นสองเครื่องมาตั้ง ๆ ไว้ กะปราสาทผีสิงทำเป็นเรื่อง christmas carol แอบฮาอีคริสต์มาสแครอลนี่ เพราะมันช่างเป็นเวอร์ชั่นหาความซึ้งไม่เจอ เริ่มด้วยการต้อนคนดูเข้าไปในห้อง แล้วก็พยายามส่งคนมาแฮ่ตามวาระโอกาสต่าง ๆ คนดูเจอแฮ่ก็กรี๊ดกร๊าด เกิดวิตกจริต (แกจะโผล่มาแฮ่อีกตอนไหนเมื่อไหร่วะ) ไปตาม ๆ กัน สุดท้ายก็ออกมาด้วยความอะดรีนาลีนขึ้น (เพราะถูกแฮ่จนตื่นเต้น) แต่ตาสครูจจะกลับเป็นคนดีหรือเปล่าไม่มีใครสนใจ (ช่างแกเถอะ ถูกแฮ่ก็พอแล้ว)

วันที่สองไปสเตรดฟอร์ด ก็ไปพิพิธภัณฑ์เชคสเปียร์ ไปที่ไหนก็มีแต่เชคสเปียร์ จริง ๆ น้องชายเจอพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องผี ๆ ในเมือง แต่พอไปถึงดันปิดเลยต้องไปตระเวณเชคสเปียร์กันต่อ มีที่นึง คิดว่าเป็นบ้านลูกสาวเชคสเปียร์ เขามีเก็บเชคสเปียร์เวอร์ชั่นแปลต่าง ๆ ไว้ให้ดู ยังไปดู ๆ แล้วเห็นไม่มีของไทย น่าจะมีคนส่งไปให้นะเนี่ย

ที่ชอบที่สุดในสเตรดฟอร์ดคือบ้านยายเชคสเปียร์ (Mary Arden) เนื่องจากเป็นบ้านไร่ชานเมือง มีปศุสัตว์หายากของอังกฤษที่กำลังจะสูญพันธุ์เพราะเดี๋ยวนี้คนเลี้ยงสัตว์พันธุ์นอกมากกว่า ไปถึงก็เจอแกะตัวสองตัว (กรี๊ด จิ้มแกะ) เจอไก่ที่ขนหนามาก ๆๆๆๆๆ (จริง ๆ มันตัวเล็ก แต่ขนมันหลวมเลยดูหนา) แล้วมันหนาวเลยไปกองกันเป็นก้อน ๆๆๆๆ เจอหมูลายจุด เจอวัวเขายาว แถมยังมีที่เลี้ยงเหยี่ยวที่คนเลี้ยงเขาอนุญาตให้เราลองให้มันมาเกาะมือได้ด้วย (หนักกว่าที่คิด) นอกจากนั้นก็มีน้องหมาสามตัวของคนเลี้ยงที่รับแขกอย่างแรงด้วย

สรุปว่ายัยจขบ.นี่ก็สนใจเชคสเปียร์น้อยกว่าแกะ หมู ไก่ วัว หมา และเหยี่ยว ช่างเจริญเสียจริง ๆ - -''

กลับมาวอร์ริคอีกที ปรากฎว่ารถไฟขบวนที่จะนั่งไม่มาดื้อ ๆ พอขึ้นขบวนถัดไปก็ดีเลย์ไปมาก ยังกลัวว่าจะกลับลอนดอนไม่ทัน เลยโทรไปหาเจ้าของเกสต์เฮาส์ที่วอร์ริค บอกเขาว่าช่วยเอาของออกมาจากห้องได้ไหม จะวิ่งไปเอา แต่เจ้าของเกสต์เฮาส์แกดีใจหาย บอกว่าจะเอาของมาให้ที่สถานีรถไฟ

พอไปถึงจริง ๆ น้องชายบอกให้เรากับน้องอีกคนที่มาด้วยกันวิ่งไปตรงป้ายรถโค้ชเลย (กลับรถโค้ชจ้า ถูกดี) ตัวน้องชายจะอยู่รอเอาของ ถ้าไม่ทันโค้ชก็จะนั่งรถไฟกลับลอนดอนเอง (แกช่างแมนจริง ๆ ขอบคุณนะ T^T) ปรากฎว่าเจ้าของเกสต์เฮาส์มาถึงก็บอกให้น้องชายขึ้นรถเขา แล้วซิ่งตีนผีมากมาจนถึงสถานีโค้ชทันวินาทีที่โค้ชมาถึงพอดี (นี่ไม่ได้เว่อร์นะ จริง ๆ เลยอะ) เลยทันได้รั่งรถกลับลอนดอน

เจ้าของเกสต์เฮาส์นี่จริง ๆ เขากำลังไปส่งลูกสาวเขาไปว่ายน้ำนะ แต่พอเจอแบบนี้ ลูกสาวเขาเลยไม่ได้ไปว่ายน้ำเลย คณะเอเชียสามคนซาบซึ้งมาก นี่พยายามจะเขียนโฆษณาให้ในเว็บวิจารณ์โรงแรมหลายทีแล้ว แต่ไม่สำเร็จสักที ไม่รู้ทำไม -"- แต่ก็เล่าเรื่องนี้ให้คนฟังเยอะแยะแล้วนะ เกสต์เฮาส์ชื่อ westham bed and breakfast จ้า อยู่ที่วอร์ริค เจ้าของเป็นสามีภรรยายังหนุ่มยังสาวทั้งคู่ ห้องนอนสะดวกสบายดี เสียแต่ห้องน้ำแอบหนาวไปหน่อยนึงเท่านั้นเอง

###

#เรื่องไป Bath

เพิ่งไปมาเมื่อวันอาทิตย์นี้เอง จริง ๆ แล้วคือมันเป็นวันงานกีฬาของนักเรียนไทยในอังกฤษ ปีนี้จัดที่มหาวิทยาลัยบาธ จริง ๆ อีกทีคือไม่ค่อยมีเด็ก ป.โทไปหรอก เพราะเป็นงานของเด็ก ป.ตรีมากกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแตงโมเพื่อนของน้องชายแข่งบาสเลยไปดูสักหน่อย ปรากฏว่าแตงโมตกรอบแรก ไอ้พี่สาวน้องชายคู่นี้เลยหนีไปเที่ยวบาธหน้าตาเฉย - -''

เมืองบาธสวยมาก ๆๆๆๆ เป็นหินสีเหลืองอ่อนสไตล์จอร์เจียนทั้งเมืองเลย ทำให้แลดูน่ารักแบบโบราณ แล้วก็เป็นเมืองแบบที่ต้องขึ้นเขาลงเขาแบบที่เราชอบด้วย (ชอบแต่ก็เดินเหนื่อยเหมือนกันนะ) ตอนแรกว่าจะไป roman bath แต่เนื่องจากแพงเกินไป อีกอย่างก็เคยมาแล้วตอนเด็ก ๆ เลยชิ่งไปทำอย่างอื่น เข้าพิพิธภัณฑ์ไปสี่อันมั้ง กับแกลลอรี่รูปอีกอัน

มีพิพิธภัณฑ์ชื่อ bath at work เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บโรงงานเก่ามีชื่อของบาธมาทำใหม่ เป็นโรงงานทองเหลือง แล้วก็ทำน้ำอัดลม ทึ่งที่เขารักษาของแบบนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังดู น่าสนใจดี ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์เป็นคุณตาคุณยายที่แก่มากแล้ว คิดว่าเขาคงใช้อาสาคนแก่ให้มาทำ แกจะได้ไม่เหงาอยู่บ้าน แต่ตอนที่เข้าไปแล้วคุณตาบรรยายข้อมูลให้ฟัง มีอยู่ช่วงนึงแกทำท่าเหมือนคิดไม่ออก แถมยังทำเสียงเหมือนหายใจไม่ออกด้วย จขบ.ตกใจมาก ๆ แบบคิดว่าคุณตาคะ ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ^^'' อะไรแบบนี้อะ

แต่คุณตาคุณยายน่ารักมาก ช่วยเหลือดีมาก ๆ เลย

ที่บาธมีแกลลอรี่เป่าแก้วด้วย แต่ว่าวันที่ไปไม่เปิด เลยอดไปตามระเบียบ




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 3:06:11 น.
Counter : 429 Pageviews.  

การ์ตูนรัสเซีย

น้องชายเพิ่งเอามาเผยแพร่ เราเลยมาแพร่ต่อ เป็นการ์ตูนรัสเซียชื่อ Prince Vladimir เพิ่งทำเมื่อไม่นานมานี้ ภาพสวยมาก ๆ เนื้อเรื่องอิงประวัติศาสตร์รัสเซีย เล่าเรื่องวีรบุรุษชื่อเจ้าชายวลาดิมีร์ ซึ่งเป็นคนรวมชาติสลาฟโบราณได้สำเร็จ ก่อตั้งเป็นประเทศรัสเซีย และเป็นคนรับศาสนาคริสต์ (กรีกออธอดอกซ์) เข้ามาด้วย

คลิปนี้เป็นคลิป The best fragments of PRINCE VLADIMIR แต่ถ้าตามไปที่ยูทูปจะมีครบจนจบเรื่อง น่าเสียดายที่ไม่มีซับไตเติ้ล เสียงในฟิล์มล้วน ๆ เป็นภาษารัสเซีย แต่เรื่องย่อหาอ่านได้ที่วิกิ เสิร์ชชื่อเรื่องไปจะมีรายละเอียด และมีลิ้งค์ไปที่ official site (ภาษาอังกฤษ) ด้วย



ป.ล. ช่วงนี้มีใครไม่ทราบได้เอาเมล์ประจำของจขบ.ไปสมัคร hi5 จขบ.คิดว่าน่าจะเป็นบอท (เพราะตั้งชื่อแปลก ๆ ว่า lawitaa) ได้ลองส่งเมล์ไปแจ้งทางเว็บไฮไฟฟ์แล้ว แต่เงียบหายไปเลยไม่เกิดอะไรขึ้น - -'' ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน เพราะงั้นคนที่เล่นไฮไฟฟ์เห็นเมล์จขบ.ก็อย่าไปแอดนะคะ มันเป็นตัวปลอม - -''

ถ้าใครมีคำแนะนำว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ยังไง ก็รบกวนด้วยเน้อ^^''




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 6:28:12 น.
Counter : 1046 Pageviews.  

ประดาของเถื่อน

มาอยู่ที่นี่มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง (ควรเรียกว่าข้อดีไหมหนอ) คือว่า จู่ ๆ ก็รู้จักเว็บของเถื่อนเพิ่มขึ้นบานตะเกียง มีทั้งเว็บอ่านการ์ตูนเถื่อน เว็บดูการ์ตูนเถื่อน (ไม่่ใช่ youtube) และเว็บดูหนังเถื่อน ซึ่งที่จริงแล้ว อีเว็บพรรค์นี้ก็มีตัวตนอยู่ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ตอนอยู่ที่โน่นมันไม่มีความจำเป็นต้องหาในเน็ต เมื่อไม่ได้หาก็เลยไม่เจอ เท่านั้นเอง

แต่ที่จริงเจอในเน็ตก็ดี เพราะว่าถ้าหานอกเน็ต มักจะเจอที่ค่อนข้างเมนสตรีม แต่ในเน็ตจะมีของที่ "นอกกระแส" ด้วยเหตุผลต่าง ๆ อยู่ด้วย นอกจากนั้นของในเน็ตมักจะมาอยู่ในเน็ตได้โดยผ่านการกลั่นกรองของมนุษยชาติบางคนมาแล้ว เลยเหมือนมีมาตรฐานอะไรบางอย่างอยู่บ้าง (แม้บางทีมาตรฐานของเขากับของเราอาจจะไม่ตรงกัน)

###

ช่วงก่อนนี้ ได้ดูเรื่อง The Seventh Seal ในเว็บดูหนังเว็บหนึ่ง เป็นหนังสวีดิชเก่าตั้งแต่ปี ๑๙๕๗ พูดถึงอัศวินยุคกลางเพิ่งกลับจากสงครามครูเสด แล้วมาเจอเดธเข้า (แน่นอนว่าแกไม่น่ารักเหมือนป๋าเดธที่ทินาจังเอามาให้ยืม...) แกเลยท้าเดธเ่ล่นหมากรุกเพื่อยืดชีวิตตัวเอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและความตายที่แปลกดี มีช่วงที่งง ๆ ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่รู้สึกจริง ๆ ว่าเรื่องนี้ควรจะเป็นขาวดำแหละ เป็นสีไม่เวิร์คหรอก ดูหนังแบบนี้แล้วทำให้อยากดูพวกแคนน่อนอย่าง citizen kane ขึ้นมา แต่กลัวอยู่ว่าดูแล้วจะหดหู่ไปสามวันสามคืน (จะอ่านเรื่องย่อก่อนก็ไม่อยากสปอยล์ตัวเอง เพราะตอนดูเซเว่นซีลดันสปอยล์ตัวเองไป)

###

การ์ตูนที่อ่านในเน็ต มีเรื่องที่ชอบเป็นพิเศษหลายเรื่อง และคิดว่าอาจจะไม่มีวันพบเด็ดขาดถ้าอยู่เมืองไทย เพราะไม่มีปัญญาไปดูทุกเล่มว่าดีหรือเปล่า ตอนนี้เรื่องที่ชอบและตามอยู่ก็มี Vinland Saga (เรื่องของเด็กหนุ่มไวกิ้ง), ceasare (เรื่องของเซซาเร บอลเกีย - แต่รับรองว่าไม่เหมือนเวอร์ชั่นอื่น ๆ เพราะเขียนโดยฟูยูมิ โซเรียว คนเขียน Mars รายละเอียดประวัติศาสตร์สุดยอด), Homunculus (เรื่องสไตล์เหนือจริง พระเอกเข้ารับการทดลองเจาะรูที่กะโหลกศีรษะ ทำให้เห็น "ตัวตนแท้จริง" ของคนอื่นได้ ไอเดียน่าสนใจมาก ความรู้เรื่องจิตวิทยาก็เจ๋ง) แล้วก็เรื่องใหม่ของคนเขียน FMA ที่เพิ่งมาลงแค่สามตอน แกเขียนรูป แต่มีคนจีนอีกคนเขียนเรื่อง ท่าทางเป็นเรื่องผจญภัยใส ๆ น่าสนุกดี ชื่อ Juushin Enbu ฯลฯ

ที่เพิ่งอ่านจบไป เพราะมีสแกนจนจบแล้วคือเรื่อง please save my earth เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าเคยแปลไทยแล้ว ชื่อเรื่อง "ปริศนาพิทักษ์โลก" ตอนนั้นไม่ได้ซื้อเพราะอะไรจำไม่ได้ แต่พอมาอ่านจริง ๆ ก็ชอบมาก คนเขียนวางพล็อตได้ดี และวิธีเล่าเรื่องก็ซับซ้อนแบบต้องตามไปเรื่อย ๆ เพราะอยากรู้หยุดอ่านไม่ได้ นรกมากเพราะคนอ่านก็นั่งอ่านคาจออยู่เจ็ดแปดเล่มติดกัน ตาจะพัง = =''

นอกนั้นก็มีพวกที่ตามมาแต่เมืองไทยอยู่แล้ว เช่น xxxholic หรือ nodame cantabile (ตอนต่อไปมาสักทีเซ่)

แต่สุดท้ายแล้ว หนังสือกะจอก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีแหละนะ

###

on myself:

I am sorry, I can only be me
my life governs myself, my experience shapes my attitude
I really want to be a better creature
but since I can not
I must settle at myself
actually, i am quite fond of me
and even if it is just only me
it does make something
touch something
So, me, i am proud of you (weird thing to say)
i am proud of me




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2551 7:27:35 น.
Counter : 667 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

ลวิตร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ลวิตร์ = พัณณิดา ภูมิวัฒน์ = เคียว

รูปในบล็อค
เป็นมัสกอตงาน Expo ของญี่ปุ่น
เมื่อปี 2005
น่ารักดีเนอะ

>>>My Twitter<<<



คุณเคียวชอบเรียกตัวเองว่า คุณเคียว
แต่ที่จริง
คุณเคียวมีชื่อเยอะแยะมากมาย

คุณเคียวมีชื่อเล่น มีชื่อจริง
มีนามปากกา
มีสมญาที่ได้มาตามวาระ
และโอกาส

แต่ถึงอย่างนั้น
ไส้ในก็ยังเป็นคนเดียวกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินข้าวแฝ่ (กาแฟ ) เหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบกินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน
ไส้ในก็ยังชอบสัตว์ (ส่วนใหญ่)
ไส้ในก็ยังชอบอ่านหนังสือ ชอบวาดรูป
ชอบฝันเฟื่องบ้าพลัง
และชอบเรื่องแฟนตาซีกับไซไฟ
(โดยเฉพาะที่มียิงแสง )

ไส้ในก็ยังรู้สึกถึงสิ่งต่าง ๆ
และใช้ถ้อยคำเดียวกันมาอธิบายโลกภายนอก

ไส้ในก็ยังคิดเสมอว่า
ไม่ว่าเรียกฉัน
ด้วยชื่ออะไร

ก็ขอให้เป็นเพื่อนกันด้วย




Friends' blogs
[Add ลวิตร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.