บันทึกความคลั่งเลมิสของข้อย
วันอังคาร 15 มค. รับทราบว่าตั๋วเลมิสมีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง (เฉพาะที่นั่งที่แพงที่สุด)ตั้งแต่ต้นปี ตั้งใจว่าจะไปดูอาทิตย์ที่แล้ว แต่จองไม่ทัน ที่เต็มก่อน เลยย้ายมาดูอาทิตย์นี้ ความคาดหวังก่อนเข้าโรงมีไม่ค่อยสูง ไม่รู้ทำไม ข้อมูลก่อนดูคือเมื่อนานมาแล้วเคยอ่านภาคหนึ่ง ฉบับแปลไทยที่ตั้งชื่อเรื่องว่า "เหยื่ออธรรม" ชอบซีนเชิงเทียนมาก แต่ซีนอื่นหลังจากนั้นบางทีก็อ่านข้าม โดยเฉพาะตอนที่ฟองทีนซวยถึงกับอ่านไม่ลง เพราะสงสารมาก ต่อมาได้หนังสือเลมิสฉบับย่อเป็นของขวัญจากครู ว่าจะอ่านหลายครั้งแต่ไม่ได้อ่านสักที รู้แต่ว่าตอนจบฌอง วัลฌองตาย ตอนแรกที่เข้าโรงไปดู รู้สึกแปลก ๆ เพราะมันเป็น "ละครเพลง" จริง ๆ คือเดินเรื่องเกือบจะด้วยเพลงตลอดเวลา มีบทพูดน้อยมาก และในระยะแรกที่ยังปรับตัวไม่ทันนั้น แยกความแตกต่างระหว่างเพลงไม่ออก อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องเดินเร็วมาก เพราะมีเรื่องต้องเล่าเยอะ ทำให้ช็อคนิดหน่อย แต่ว่าต่อมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มชิน และต่อจากนั้นมาอีกเรื่อย ๆ ก็เริ่มอ้าก และอ้ากหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงตอนใกล้ ๆ จบมันกลายเป็น อ้าากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ออกมาจากโรงด้วยอาการ euphoria ซึ่งไม่ได้รู้สึกจากหนัง ละคร และหนังสืออะไรมานานแล้ว กลับมาถึงบ้านจะเที่ยงคืนแล้ว แต่ยังรื้อยูทูปฟังเพลง ดูเนื้อเพลง และอื่น ๆ ต่อไปอีกถึงตีสี่ วันพุธ 16 ม.ค. ยังคงรื้อยูทูปฟังเพลง ดูเนื้อเพลง และอื่น ๆ เริ่มอ่าน e-text (มีอีเทกซ์ทั้งเรื่องอยู่ที่โปรเจคกูเตนเบิร์ก และมีแบบที่จัดบทเรียบร้อยอยู่อีกเว็บ แต่ลืมลิ้งค์ไปแล้ว) หลังจากอ่านอีเทกซ์ไปสักพักเริ่มทนไม่ไหว เพราะอ่านไม่สะใจ และยาวเกินกว่าจะพรินท์ออกมาอ่านได้ วันพฤหัส 17 ม.ค. เรียนหนังสือ พยายามหลอกเพื่อนเกาหลีให้ไปดูเลมิส แว่นตาหัก ไม่ใส่แว่นทั้งวัน (จริง ๆ คือตาสองข้างสั้นไม่เท่ากัน ถึงไม่ใส่แว่นก็พอทนได้) แต่ตกเย็นยังเสือกถ่อสังขารไปชาริงครอส เพื่อไปร้านที่ขายเทกซ์คลาสสิกถูก ๆ ชื่อร้าน lovejoy (ขายหนังคลาสสิกด้วย) ค้นพบเป็นครั้งแรกว่าเลมิสมีสองเล่มจบ ซื้อทันที วันศุกร์ 18 ม.ค. เขียนผู้เสกทราย อ่านเลมิส ฟังเพลงเลมิส ฟังเพลงเดิมซ้ำ ๆ อยู่เป็นร้อย ๆ ที ดูคลิปหนังเลมิส ตกค่ำไปฟังคอนเสิร์ตฟรีกับเพื่อนเกาหลี ปรากฏว่าเป็นแจ็สโพสต์โมเดิร์น ฟังไม่รู้เรื่องเลย ดีแต่มีแตงโมไปด้วย แตงโมเลยอธิบายให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น วันเสาร์ 19 ม.ค. ยังคงอ่านเลมิส สุดท้ายก็ยอมอ่านท่อนของมาริอุส (เมื่อก่อนไม่ยอมอ่านท่อนของมาริอุส เกลียดมัน บังอาจมาแย่งคอแซ็ตไปจากวัลฌองที่น่าจ๋งจ๋าน) พออ่านแล้วก็แอบอ้าก (เป็นโรคแพ้ความสัมพันธ์แบบ prodigal son) อ้ากอีกเพราะค้นพบว่ามาริอุสเป็นมนุษย์แบบที่เกลียดไม่ได้ว่ะ ยิ่งอ่านไปยิ่งคิดว่า เออ แกเป็นเด็กดี เอาคอแซ็ตไปกินก็ได้ (เขี่ยให้ด้วยความอิดเอื้อนเล็กน้อย) และอ้ากเป็นคำรบสามเมื่อคิดว่าวิคเตอร์ ฮูโกเขียนตัวละครได้ดีขนาดไหน วันอาทิตย์ 20 ม.ค. ยังคงอ่านเลมิส ยังคงดูคลิปเลมิส ยังคงดูการ์ตูนเรื่อง shoujo cosette (เลมิสภาคญี่ปุ่นรีเมค) ผ่านเว็บไซต์แฟนซับ อยากได้ซีดีหนังปี 1978 อะ แต่แพงจัด มีรูปต่าง ๆ จากเลมิส ตั้งแต่รูปประกอบรุ่นเก่า การ์ตูนสมัยก่อน ไปจนถึงรูปบนเวที อยู่เต็มเครื่อง รู้สึกเหมือนมีเท่าไรก็ไม่พอ ...ไม่ได้บ้าอะไรขนาดนี้มานานเท่าไหร่แล้วหนอ - -''
Create Date : 21 มกราคม 2551
Last Update : 21 มกราคม 2551 5:25:58 น.
Counter : 595 Pageviews.
เติมอีกคลิป
ยังคงคลั่งเลมิสอย่างเป็นล่ำเป็นสัน คลิปนี้เจอในยูทูป เป็น MV ที่ทำจากอนิเมเรื่อง Shoujo Corsette ที่ออกที่ญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว เป็นการ์ตูนที่ดัดแปลงมาจากเรื่องเลมิสขอรับ เพลงไม่ใช่เพลงจากละคร แต่ก็เหมาะดีเนอะ ท่านบิชอปคะ เชิงเทียนนั้นแลกของมาได้คุ้มจริง ๆ T^T
Create Date : 18 มกราคม 2551
Last Update : 18 มกราคม 2551 4:50:36 น.
Counter : 537 Pageviews.
สันดานกับเจตนา
ตอนนี้ที่นี่ตีหนึ่งครึ่งแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน แต่ถ้าไม่เขียนแล้วกลัวจะลืม จริง ๆ คิดว่าจะไปนอนตั้งนานแล้ว แต่แม่ส่งหนังสือไมเคิล ไรทมองโลก (ทั้งเล่มหนึ่งและสอง) มาให้ เลยอ่านเสียหน่อยก่อนนอน แล้วเลยอ่านยาวมาเรื่อย ๆ จนจบเล่มหนึ่ง เจอบทความสุดท้ายเป็นไมเคิล ไรทคุยกับคนอ่านคนหนึ่งที่ตั้งคำถามกับเจตนาของแก คุณไรทแกจึงปรารถขึ้นมาว่าตัวแกมอง "ตะวันออก" ด้วยความสับสน เพราะพ่อแม่ของแกเป็นคนเกิดยุคจักรวรรดินิยม ส่วนตัวแกเองนั้นเกิดหลังสงครามโลก และเห็นกระบวนการโพสต์ทั้งปวงมาเต็มสองตา เรียกได้ว่ามี "สันดาน" (การเลี้ยงดู) กับ "เจตนา" (การเรียนรู้) ที่ขัดแย้งกัน ยกตัวอย่างเช่นว่าเจตนาเป็นสังคมนิยม แต่สันดานนั้นเป็นอนุรักษนิยม หรือเจตนาอยากจะสนับสนุนสิทธิสตรี แต่พอเห็นผู้หญิงชักจะมาชิงดี สันดานก็บอกว่าไม่ค่อยจะชอบ จะว่าอย่างไรดี บอกว่ามันอ่านแล้วตรงใจก็แล้วกัน บางทีคนเขียนก็มีเวลาที่รู้สึกเหมือนจิตเภทเหมือนกัน ซึ่งบางทีก็ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีชั่วร้ายขึ้นด้วยประการต่าง ๆ เป็นต้นว่าอยากจะเสรีนิยม ประเภทที่ว่าใครจะทำอะไรก็เป็นสิทธิ์ของคนนั้น อย่าเหยียบเท้าคนอื่นแล้วกัน แต่ที่จริงสันดานมันพึมพำอยู่ข้างในว่าอย่างน้อยมนุษย์ก็ควรจะทำอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง จะได้สมกับที่เกิดมาเป็นคนกับเขา เมื่อเจตนากับสันดานมันขัดกันแบบนี้แล้ว ก็เลยเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาว่าทำไมใจเราไม่เป็นไปตามเจตนา (ซึ่งเราเห็นว่า) "ดี" วะ และในเมื่อควบคุมไม่ได้แม้กระทั่งสันดานของเราเองแล้ว แบบนี้จะบอกได้อย่างไรว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ จะ "เชื่อ" ในสิ่งที่เรา "อยากเชื่อ" ได้อย่างไร คำของคุณไรททำให้เกิดอาการ "ตระหนัก" ขึ้นมา คือมันเป็นความรู้สึกที่วน ๆ อยู่ที่ไหนสักแห่งลึก ๆ ในใจอยู่แล้ว แต่มันถอดออกมาเป็นคำพูดแบบนี้ไม่ได้ มันทำให้รู้สึกโล่งใจที่มีคำอธิบายสำหรับอาการบางอย่างที่ตัวเองเป็นหรือไม่เป็น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้รู้สึกชัด ๆ ดีว่ามนุษย์มันเป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์เนอะ เป็นสิ่งเล็กน้อยที่บางทีก็ควบคุมอะไรไม่ได้มากเท่าที่ตัวเองอยากจะควบคุม แม้กระทั่งความเชื่อของตัวเอง คุณไรทแกถามลอย ๆ ว่าหรือว่าความสับสนใจแบบนี้เป็นลักษณะของคนรุ่นโรย แอบอยากบอกแกว่าก็มีเราเป็นอยู่คนหนึ่ง แต่ตอบช้าไปหลายปี เพราะหนังสือออกมาตั้งนานแล้ว บทความยิ่งลงมานานกว่า แปลกอยู่อย่างที่พอตระหนักขึ้นมาแล้ว มันก็มี moment of self-doubt ตามมาทันทีเหมือนกัน บางทีเราก็อยากให้สันดานกับเจตนาของเราตรงกัน เพื่อที่เวลาที่ตะโกนอะไรออกมา มันจะได้ออกมาเต็มเสียง และออกมาด้วยความรู้สึกว่าฉันถูก แต่บางทีก็คิดว่าถ้าตะโกนออกมาว่าฉันถูกแล้วจริง ๆ มันไม่ถูกเล่า จริง ๆ แล้วมันก็ทั้งถูกและไม่ถูกไปหมดทุกอย่าง จริง ๆ มันก็แค่ต่างคนมองจากคนละมุม และต่างคนต่างพยายามเดินไปตามทางของตัวเอง ที่จริงแล้ว ทุกคนในโลกนี้ต่างก็มีระบบที่สับสนและขัดแย้งกันเองหรือเปล่า เพียงแต่มีทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว หรือว่ารู้ตัวแต่บอกว่าไม่รู้ตัว หรือว่าทำเป็นไม่รู้ตัว เพื่อที่จะได้พูดอะไรบางอย่างออกไปเต็มปากได้เหมือนกับเวลาที่ไม่รู้ตัว อดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ และทำไมโลกถึงถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนี้ ทำไมไม่ให้มันง่ายกว่านี้ ทำไมไม่ให้มันดีกว่านี้ แต่คิดไปมากกว่านี้แล้วจะเริ่มไปสู่อจินไตยอันบ่มีความหมายใด ๆ เป็นแต่คิดไปก็ไม่มีคำตอบและไม่เกิดประโยชน์อยู่ดี ### ป.ล. ดู House MD จบแล้ว ลังเลอย่างแรงว่าจะดูซีซั่นสองต่อดีหรือเปล่า (อาจจะเริ่มพึ่งของเถื่อน) ที่จริงแล้วสนุกมากนะ แต่รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ายังขาดอะไรบางอย่างอยู่นิดหนึ่ง บอกไม่ได้ด้วยว่าเป็นอะไร บางทีดูแล้วก็คิดถึงแบล็คแจ็คขึ้นมา แน่นอนว่าแบล็คแจ็คมันเว่อร์ แถมยังเป็นการ์ตูน ทำอะไรก็ได้เกือบทั้งนั้น แต่เอาเป็นว่าเราชอบวิธีคิดของเทตสึกะ โอซามุมากกว่าก็แล้วกัน - -'
Create Date : 14 มกราคม 2551
Last Update : 14 มกราคม 2551 8:56:22 น.
Counter : 503 Pageviews.
quick update
ไว้จะมาตอบบล็อคเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้อัพเดทแบบเร็ว ๆ ไปก่อนนะ - ขอบคุณทุกคนที่มาอวยพรคริสต์มาสปีใหม่นะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ คิดสิ่งใดก็สมปรารถนาเช่นกันเน้อ ^/\^ - ปิดคริสต์มาสซื้อ London Pass แบบสามวัน เที่ยวทั่วเมืองแบบเอาเป็นเอาตาย และได้ดู Phantom of the Opera ล่วย (กี๊ดดดด) - นอกจากนั้นก็ไปเที่ยว Warrick กับ Stratford-Upon-Avon เจอเจ้าของเกสเฮาส์ที่วอร์ริคที่น่ารักมาก ๆ ไว้จะมาเล่ารายละเอียดอีกหน - แต่เสียใจด้วย กล้องข้าพเจ้าได้ถึงแก่กาลกิริยาไปแล้ว อาเมน - นอกจากนั้นก็หัดทำกับข้าวอย่างที่บอก ผลที่ออกมาก็ยังคงลูกผีลูกคน - อ่าน Mysterious flame of queen loana จบแล้ว สนุกดี แต่ไม่เก็ตตอนจบ ใครช่วยอธิบายให้ฟังที - -' ช่วงนี้มีหนังสือมาอีกหลายเล่ม สะสมชุด belgariad ครบแล้ว ชุด malloreon ขาดอีกสองเล่ม - ถุงยังชีพล็อตสองมาถึงแล้ว (T T) - เจอซีรีย์ House MD ลดราคาที่ HMV จาก 50 เหลือ 18 มันแลดูลดเยอะดีเลยซื้อมา สนุกดี ชอบหมอเฮาส์ แต่บางทีก็แอบคิดในใจว่าถ้าเป็นเรื่องญี่ปุ่น ทีมแกจะรักใคร่กลมเกลียวกันดีกว่านี้หรือเปล่านะ เท่าที่ดูรู้สึกว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างไม่ไว้ใจ และต่างไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไหร่ ก็รู้ว่ามีดราม่ามากไปคนจะเอียน แต่จริง ๆ ในนั้นก็มีดราม่าอยู่ไม่ใช่น้อยอยู่แล้วเหมือนกันนะ - ค้นพบว่าจากหอเดินไปไฮด์ปาร์คได้ ใกล้นิดเดียว เดินไปครั้งแรกเจอกระรอกยี่สิบล้านตัว (ปริมาณใกล้เคียงกับนกพิราบ) พอยืนอยู่เฉย ๆ มีการพยายามจะมาปีนแข้งปีนขากันด้วย - -' - อากาศยังคงหนาวอยู่ แต่ไม่มีหิมะจ้า
Create Date : 13 มกราคม 2551
Last Update : 13 มกราคม 2551 3:08:01 น.
Counter : 472 Pageviews.