Group Blog
 
All blogs
 

Twilight Stars6 ตอนที่ 40

ทุกคนที่ได้รับการบอกกล่าวนัดหมายต่างมารวมตัวกันที่บ้านหลังน้อยของโตโน่และเอ้กในเช้าวันเสาร์ และช่วยกันทำอาหารโดยมีเอ้กเป็นแม่ครัวใหญ่คอยดูแล บริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นที่โล่งกว้างติดริมทะเลสาบใหญ่ถูกจัดให้เป็นที่เตรียมอาหาร และนั่งทานไปพร้อมกันในตัว ด้วยโต๊ะและม้านั่งยาวหันหน้าเข้าหากัน การเตรียมอาหารครั้งนี้จึงดูราวกับเป็นการออกแคมป์ตั้งค่าย ทำให้ทุกคนรู้สึกสนุกสนาน

"เอ รู้สึกจะลืมเก็บชะอมมาน่ะ" เอ้กพูดขึ้นหลังจากมองผักที่นำมากองรวมกันไว้

"งั้นเดี๋ยวเต้ยไปเก็บให้นะ" เต้ยเสนอตัวเพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาเปรมมี่ที่จ้องมาขณะที่นั่งเด็ดผักอยู่ข้างกัน

"กันไปเป็นเพื่อนนะ" กันว่าแล้วเรียบลุกตามไป

"เปรมมี่ไป..." เปรมมี่ยังพูดไม่จบ

"นั่งอยู่นี่แหละเปรมมี่ ยังเจ็บข้อเท้าอยู่ไม่ใช่เหรอ" อ๋อมว่าพลางรั้งมือเปรมมี่ไว้

"นี่จะมาช่วยเปรมมี่ หรือว่า..." เปรมมี่มองอ๋อมตาเขียวแล้วพูดเสียงในลำคอ

"ก็ช่วยอยู่นี่ไง เดินกะเผลกแล้วยังจะตามเค้าไปอีก" อ๋อมว่าแล้วยิ้ม



กันเดินตามเต้ยมาเรื่อยๆ จนถึงสวนผักที่ปลูกเป็นทิวแถว แล้วเต้ยก็เริ่มลงมือเก็บทันที กันอมยิ้มมองดูเต้ยเด็ดผักไปเรื่อยโดยไม่พูดอะไร

"กันยิ้มอะไรอะ ไหนว่าจะมาช่วยเก็บ ยืนเฉยอยู่ได้" เต้ยว่าแล้วตั้งหน้าตั้งตาเด็ดต่อไป

"ก็ไอ้ที่เต้ยเด็ดอยู่น่ะ มันชะอมที่ไหนล่ะ" กันว่าแล้วหัวเราะ เต้ยหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้ากัน

"อ้าวก็ที่เต้ยเคยกิน มันหน้าตาอย่างงี้แหละ เต้ยจำได้" ว่าแล้วก็ยกผักที่อยู่ในมือขึ้นมาดม พิสูจน์กลิ่น

"กลิ่นเหมือนกันไหม" กันยิ้มขำแล้วว่าต่อ

"นั่นนะมันยอดกระถินต่างหาก เต้ยก็เด็ดไปมั่ว"

"อ้าวเหรอ" เต้ยว่าแล้วหัวเราะขำตัวเอง

"ชะอมอยู่ทางโน้นครับผม" กันว่าแล้วจูงมือเต้ยเดินไป

"แล้วที่เต้ยเด็ดมาเป็นกำนี่ล่ะ ทำไงดี..."

"ก็ใส่ลงไปในสลัดให้เต้ยกินไง..."

"บ้า สลัดอะไรใส่ยอดกระถินด้วย..."

"เต้ยเด็ดมา เต้ยก็ต้องรับผิดชอบสิ..."

"พูดจริงอะ..."

"อืม เดี๋ยวกันช่วยกิน...555"



"อุ๊ย!" เต้ยรีบชักมือกลับทันที จากต้นชะอมที่กำลังยืนเด็ดอยู่ข้างๆ กัน

"หนามตำนิ้วแล้วใช่ไหม ให้กันดูซิ" กันดึงนิ้วเต้ยขึ้นมาดูด้วยสายตากระหายแปลกๆ พลางแลบเลียริมฝีปากตัวเอง มองเลือดที่อยู่บนนิ้วเต้ยไม่วางตา ราวกับเจออาหารอันโอชะ

"เลือด..เลือด กันอยากกินเลือด" กันทำท่าจะเอานิ้วเต้ยเข้าปาก

"เฮ้ย..กันเป็นอะไรไปอะ" เต้ยพยายามจะดึงมือกลับ มองท่าทางกันด้วยความหวาดกลัว

"ก็เป็นแวมไพร์เหมือนในเรื่อง twilight ไง" กันหัวเราะแล้วดึงผ้าเช็ดหน้าที่พกมาในกระเป๋ากางเกงออกซับเลือดให้เต้ย

"บ้าที่สุดเลย! เต้ยตกใจหมด" ว่าแล้วเต้ยก็ฟาดแขนกันแรงๆ แล้วยิ้มขำ



อาหารที่ทำเสร็จถูกทะยอยขึ้นวางบนโต๊ะเรียงรายดูน่าทาน ทุกคนเข้าประจำที่นั่งม้ายาวที่ยึดติดกับโต๊ะหันหน้าเข้าหากันเป็นสองฝั่งๆ ละเจ็ดคนสบายๆ เพราะโตโน่ทำโต๊ะตัวนี้ไว้ใหญ่เป็นพิเศษ

"เต้ยทานแปลกเน๊อะ สลัดยอดกระถิน" เปรมมี่ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามว่าประชด เพื่อนๆ ต่างหันมาสนใจการสนทนาเพราะน้ำเสียงของเปรมมี่

"เออ คือเต้ยเก็บมาผิดอะนึกว่าเป็นชะอม จะทิ้งก็เสียดาย" เต้ยว่ายิ้มเจื่อนๆ สังเกตว่าเพื่อนๆ เริ่มจับตามอง

"ต๊าย! แค่ชะอมกับกระถินก็แยกไม่ออก" เปรมมี่ว่าแล้วหัวเราะ

เต้ยยิ่งทำหน้าไม่ถูก กันแอบจับมือเต้ยไว้ให้กำลังใจ

"กันชอบสลัดกระถินอะ เต้ยตักให้กันหน่อยสิ เปรมมี่อยากลองบ้างไหม" กันยิ้มให้เต้ยแล้วหันไปถามเปรมมี่

"กันมันกินผักเป็นด้วยเหรอว่ะ" ริทหันไปพูดกับเซนดังแค่เสียงกระซิบ แล้วก็จับตาดูว่ากันจะกินเข้าไปจริงๆ หรือเปล่า

"อร่อยเหรอคะกัน" เปรมมี่ถามเสียงหวาน

"เปรมมี่ลองบ้างก็ได้"

"งั้นเปรมมี่เอาจานกันไปเลยนะ" กันยื่นจานที่เต้ยตักสลัดให้ต่อให้เปรมมี่ทันที

"ขอบคุณค่ะกัน เปรมมี่ชอบทานสลัดมากๆ" เปรมมี่รับจานมาด้วยอาการเคลิ้ม

"งั้นทานให้หมดเลยนะเปรมมี่" ริทว่าเสริมขึ้นมาแล้วยิ้มกว้าง

ริทและเซนแอบขำ ส่วนโตโน่ซึ่งจับตามองอยู่เหมือนกันก็แอบยิ้มขึ้นมา เพื่อนๆ จึงเริ่มคลายความสนใจจากการสนทนา เพราะเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว

"มะเต้ย กันแกะกุ้งให้นะ" กันเสนอ

"ไม่ต้องหรอกกัน เต้ยแกะเองได้" ว่าพลางชำเลืองมองเปรมมี่ที่กำลังจ้องอยู่

"เหรอ งั้นเต้ยแกะให้กันบ้างสิ จะได้ไม่ต้องมือเปื้อนสองคนไง" กันว่าแล้วยิ้มให้เต้ย

"เออ ความคิดดีว่ะกัน" ริทว่าแล้วหันไปทางมายด์

"แกะกุ้งให้ริทบ้างนะมายด์ จะได้ไม่ต้องมือเปื้อนสองคน" ริทว่าแล้วยิ้มกริ่ม

"ทะลึ่งละริท ริทต่างหากที่ต้องแกะให้มายด์อะ"

"อ้าว ทีเต้ยยังแกะให้กันเลย"

"ก็มายด์กะเต้ยคนละคนกันอะ ริทจะให้ทำเหมือนกันได้ไง"

"เฮ้อ เซงเลย มะริทแกะให้มายด์ก็ได้" ริทว่า

"เป็นไงเปรมมี่ สลัดอร่อยมากไหม" อ๋อมถามเปรมมี่แล้วยิ้มขำ

"ก้อ..แปลกๆ ดี" เปรมมี่ว่า

"ก็เป็นซะอย่างงี้แหละ ชอบของแปลก หึ หึ" อ๋อมว่าแล้วหัวเราะให้ลำคอ




หลังมื้ออาหารทุกคนมานั่งล้อมวงรวมกันอีกครั้ง แล้วไอซ์ก็เสนอความคิดว่าให้ทุกคนเล่นเกมไล่ล่าหาเชลยกันอีก

"อีกแล้วเหรอไอซ์" ริทว่า เพราะยังจำเหตุครั้งก่อนได้

"อีกแล้วอะไรอะพี่ เรายังไม่เคยเล่นเลยนะเกมนี้" ไอซ์ว่าเพราะความจำส่วนนั้นถูกลบออกไปแล้ว

"เออๆ ไม่เคยก็ไม่เคย ว่ากติกามา" ริทว่า ไอซ์ร่ายกติกาเดิมที่เล่นกันครั้งก่อนให้ฟังจนจบ

"คนที่ถูกจับได้ต้องทำตามคำสั่งของคนที่จับได้ทุกอย่างเลยใช่มั้ย" กันถามย้ำ

"ใช่ครับ" ไอซ์ตอบ

กันยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที พลางส่งกระแสจิตวางแผนกับหนุ่มๆ อีกสี่คนเพื่อจะชนะการเป่ายิ้งฉุบให้ได้ จะได้เป็นฝ่ายหาก่อน และต่างมีเป้าหมายในใจว่าจะหาใคร

ผลก็เป็นอย่างที่เตี๊ยมกันไว้คือฝ่ายหญิงต้องไปซ้อน แล้วฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายออกหา หลังจากที่นับหนึ่งถึงยี่สิบกันแล้ว ทั้งหมดก็ออกตามหาเป้าหมายของตัวเอง



ขณะที่เต้ยวิ่งไปหลบอย่างนึกสนุกนั้น ใจก็พลันคิดว่ากันจะหาเจอไหม เร็วเท่าความคิดของหญิงสาว เท้าเต้ยลอยขึ้นจากแรงฉุดแล้วอันตรธานไปจากจุดนั้นทันที

"จับได้แล้วนะ" กันโอบกอดเต้ยไว้ไม่ยอมปล่อยขณะที่ทั้งคู่มาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบนที่เรียบโล่งปกคลุมไปด้วยดอกหญ้าเล็กๆ สีชมพู จากจุดนี้สามารถมองเห็นภูเขาและยอดตึกของมหาวิทยาลัยได้ชัดเจน อีกด้านเป็นป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม และเมฆขาวนวลบริสุทธิ์

"สวยจังเลยค่ะกัน" เต้ยเหลียวมองไปรอบๆ ตัว รู้สึกชอบที่ตรงนี้อย่างบอกไม่ถูก

"เป็นที่แปลงที่เจ้าคุณปู่ยกให้กันน่ะ ถ้าเต้ยชอบ อีกหน่อยเราจะมาปลูกบ้านกันที่นี่ดีไหม" กันยิ้มสบตาเต้ย

"กันพูดจริงอะ" เต้ยหลบตาแล้วยิ้มเขิน

"ไม่มีใครอีกแล้วบนโลกนี้ที่กันอยากจะอยู่ด้วยนอกจากเต้ย" กันว่าแล้วโน้มใบหน้าลงมาหา แต่เต้ยก้มหน้าหลบ

"กันขอสั่งให้เต้ยอยู่นิ่งๆ" กันว่าแล้วยิ้มสบตาเต้ยในระยะใกล้ ก่อนจะแนบริมฝีปากจูบหญิงสาวด้วยความรัก ท่ามกลางธรรมชาติสวยงามที่โอบล้อมหนุ่มสาวไว้เพียงลำพัง



เอ้กเดินเหลียวหลังไปดูว่ามีใครตามมาหรือเปล่า ก่อนจะหันกลับแล้วชนเข้ากับอกของโตโน่อย่างจัง

"จะไปไหนจ๊ะคนสวย" โตโน่รัดอ้อมแขนเข้าทันที ก่อนจะหัวเราะท่าทางตกใจของเอ้ก

"พี่โตโน่ เอ้กตกใจหมดเลย มาตั้งแต่ตอนไหนคะเนี้ย" หญิงสาวตีอกชายหนุ่มเบาๆ

"เอ้กก็รู้ว่าพี่ไม่ธรรมดา แค่นี้ทำไมจะไม่รู้ว่าเอ้กอยู่ที่ไหน" โตโน่ว่าแล้วยิ้มกริ่ม

"อย่างงี้ พวกพี่ก็ขี้โกงนี่" เอ้กว่าแล้วทำหน้าบึ้ง

"ถ้าให้พวกเอ้กเป็นคนหา คิดว่าจะหาพวกพี่เจอเหรอ สงสัยต้องเล่นเกมนี้ยันสว่างโน่นแหละ"

"จะสั่งให้เอ้กทำอะไรดีน้า..." โตโน่ทำท่าคิดหนัก

"โกงแล้วยังจะสั่งได้อีกเหรอคะ" เอ้กค้อนให้

"ยังคิดไม่ออกอะ เอาเป็นว่าติดไว้ใช้ในยามจำเป็นดีกว่า" โตโน่ว่าแล้วยิ้มกว้าง

"เลิกงอนนะ เอ้กไม่อยากให้พี่หาเอ้กเจอจริงๆ น่ะ" โตโน่แกล้งแซว

"ใครว่าล่ะ" เอ้กว่าแล้วยิ้มเขิน

"พี่ก็ว่างั้นแหละ" ว่าแล้วก็หอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่ก่อนจะจูงมือกันเดินกลับไปหาเพื่อนๆ




เปรมมี่เห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มและจำได้ทันทีว่าเป็นใคร หญิงสาวรีบหันหลังกลับเตรียมจะย่องหนี เพราะไม่อยากให้อ๋อมจับได้

"จะหนีไปไหนครับ" อ๋อมกอดเปรมมี่จากด้านหลังทำให้หญิงสาวก้าวต่อไปไม่ได้

"ปล่อยเปรมมี่เดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวกันมาเห็นเข้า" เปรมมี่หันมาเผชิญหน้าแล้วพยายามผลักอกอ๋อม

"ถึงเห็น กันก็คงไม่รู้สึกอะไร เพราะกันไม่เคยคิดอะไรกับเปรมมี่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน" อ๋อมว่าด้วยอารมณ์

"ก็เหมือนกับที่เปรมมี่ไม่ได้คิดอะไรกับอ๋อมนั่นแหละ" เปรมมี่โต้กลับ

"พิสูจน์สิ ว่าเปรมมี่พูดจริง" อ๋อมท้าทาย

"จะให้เปรมมี่พิสูจน์ยังไง" ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่ยอมลดละ

แล้วแววตาอ๋อมก็เปลี่ยนไปทันที จ้องมองเปรมมี่ด้วยดวงตาพราวแล้วโอบกระชับหญิงสาวเข้าหาอกซิกแพ็คแข็งแรง จนเปรมมี่เริ่มประหม่าแววตาเก่งกาจเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นหวาดหวั่นต่อการกระทำของอ๋อม

"อ๋อมจะทำอะไร...ปล่อยเปรมมี่เดี๋ยวนี้นะ" เปรมมี่ยังพยายามพูดออกไปทั้งที่รู้ว่าหมดทางหนีแล้ว

"ก็จะทำให้เปรมมี่ได้รู้ใจตัวเองซะที"

อ๋อมว่าแล้วเคลื่อนใบหน้าลงต่ำจนสัมผัสริมฝีปากสั่นไหวของเปรมมี่ หญิงสาวรู้สึกสั่นสะท้านไปกับความรู้สึกอ่อนหวานนั้น มันนุ่มนวลอ่อนโยนราวกับความฝันในค่ำคืนนั้นไม่มีผิด อ๋อมจูบเปรมมี่เนินนานก่อนจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก มองสบตาเปรมมี่

"เปรมมี่ไม่เห็น..เออ..จะรู้สึกอะไรเลย" เปรมมี่ว่าหน้าตาเฉย เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกภายใน พลางหลบตาอ๋อมแล้วหน้าเรื่อขึ้น

"เหรอ งั้นลองใหม่ไหม" อ๋อมว่าแล้วยิ้มทั้งใบหน้าและแววตา

"ไม่อะ เปรมมี่ไม่ชอบจูบจืดๆ" ว่าแล้วเปรมมี่รีบผลักจนหลุดจากการเกาะกุมของอ๋อม แล้วรีบเดินจากไป ด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวายใจ



"มายด์ มายด์" เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้น มายด์รีบหันไปตามเสียงนั้น

"อ้าวมีน มาหลบตรงนี้เหมือนกันเหรอ" มายด์ว่าเสียงเบาเหมือนกันพลางขยับเข้าไปใกล้มีน พลันได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้น

"ครื้ดดดดดด....ฮื้ออออ..."

"กรี๊ดดดดดดดด" เสียงสองสาวดังขึ้นพร้อมกัน หลังจากที่เห็นสุนัขตัวมหึมาปรากฏร่างขึ้น ทั้งสองวิ่งแตกกันไปคนละทาง

สุนัขตัวนั้นวิ่งไล่มีนไป ส่วนมายด์วิ่งไปอีกทางกับที่ริทเดินมาพอดี

"ริท ช่วยด้วยๆ" มายด์ไม่คิดถึงอะไรอีกแล้วนอกจากความกลัว วิ่งเข้าไปหาอ้อมแขนริททันที แล้วซบหน้าลงกับอกชายหนุ่ม

"โห มายด์วิ่งเข้ามาให้จับง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ" ริทว่าด้วยอารมณ์ขัน พลางกอดมายด์ไว้

"ยังจะมาพูดเล่นอีก" มายด์ขยับออกมองหน้าริท แล้วเหลียวไปมองข้างหลังด้วยความกลัว

"มายด์หนีอะไรมาอะ" ริทถามแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

"หมาปีศาจนะสิ ตัวใหญ่เท่ารถตู้ได้มั้ง" มายด์ว่าด้วยอาการตกใจ

"ตาฝาดหรือเปล่ามายด์ หมาอะไรจะตัวใหญ่ขนาดนั้น" ริทว่าขำๆ

"นี่ริทไม่เชื่อมายด์ใช่ไหม" มายด์เริ่มโกรธ

"มันวิ่งไล่มีนไปด้วยอะ ไม่รู้เป็นไงบ้าง" มายด์มีสีหน้ากังวล

"อืม งั้นไปตามเพื่อนๆ ไปดูกันไหม" ริทว่าพลางจูงมือมายด์กลับไปยังตัวบ้าน



มีนวิ่งจนหอบเข้าไปในที่รกแบบไม่คิดชีวิต หอบหายใจจนแทบสำลัก ประสาทเริ่มสั่นไหวไปด้วยความกลัว ก่อนจะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ดูน้ำหนักจะเบากว่าที่จะเป็นเจ้าสุนัขยักษ์นั่น แล้วก็รับรู้ได้ว่าพงหญ้าที่หลบอยู่เริ่มแยกตัวออกจากกัน หัวใจของหญิงสาวเต้นระทึกขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความกลัวจับจิต ก่อนที่การเคลื่อนไหวนั้นจะมาถึงตัว และวินาทีที่เห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร หญิงสาวกั้นใจจนแทบสิ้นสติ

"มีน มาหลบอยู่นี่เอง" เซนส่งยิ้มแก้มปริให้

"เซน!!" เป็นวินาทีที่มีนดีใจที่สุดในชีวิตที่เห็นว่าคนตรงหน้าเป็นเซนไม่ใช่เจ้าสุนัขยักษ์นั่น หญิงสาวโผเข้ากอดเค้าทันทีพลางร้องไห้อย่างหนัก

"เซน หมาตัวใหญ่มาก น่ากลัวมากเลยอะ มันไปหรือยัง" มีนซุกหน้ากับอกเซนพลางว่าเสียงอู้อี้ เซนรับรู้ได้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมาจนเปียกอกเสื้อไปหมด

"เออ มีนไม่เป็นไรแล้วนะ" เซนรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างมากที่แกล้งมีนจนอยู่ในสภาพเช่นนี้

"มีนกลัวอะเซน" หญิงสาวยังคงซบหน้าต่อไป

"ไม่ต้องกลัวนะ" เซนกอดปลอบหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน

"กลับกันเถอะ" ว่าแล้วเซนก็ประคองมีนเดินกลับบ้าน



หลังจากที่ทุกคนกลับมารวมตัวกัน โตโน่และบรรดาน้องๆ ยืนยันว่าอยู่ที่นี่มานานไม่เคยเห็นตัวอะไรอย่างที่สองสาวเห็น และแนะนำว่าจะไปส่งทุกคนกลับหอพักเพื่อความปลอดภัย งานเลี้ยงในวันนี้จึงสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น

หลังจากกลับถึงบ้าน ริทและเซน ก็ถูกโตโน่ตำหนิที่เล่นกันจนเลยเถิด และต่างสำนึกผิดในการกระทำของตัวเอง โดยเฉพาะเซน ยังคงจำอาการกลัวผวาของมีนได้ติดตา



เซนนอนกระสับกระส่าย นอนยังไงก็นอนไม่หลับ ใจนึกห่วงมีนขึ้นมา ชายหนุ่มจึงตัดสินใจ...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ใครอะ" มีนถามพลางเดินไปเปิดประตู

"เออ...มีน" คนที่ยืนอยู่หน้าประตูดูท่าทางลังเล

"พี่เอ้กมีอะไรเหรอคะ" มีนถามเห็นท่าทางพี่สาวแปลกๆ

"คือพี่จะมาดูว่ามีนเป็นยังไงบ้าง" เซนในร่างเอ้กว่า

"เข้ามาก่อนสิค่ะ" ว่าพลางหลีกทางให้พี่สาวก้าวเข้ามา

"มีนยังไม่หายกลัวเลยค่ะพี่ ถึงมีนจะชอบหมา แต่ตัวขนาดนั้นมีนรับไม่ได้อะ" มีนว่าด้วยท่าทางขยาด แล้วนั่งลงบนเตียง

"พี่ขอโทษนะ" เซนหลุดปากออกไป

"พี่เอ้กจะขอโทษมีนเรื่องอะไรกันคะ" มีนทำหน้างงๆ

"เออ...ที่พี่ดูแลเราไม่ดีน่ะ"

"ไม่เกี่ยวกับพี่เอ้กหรอกคะ ใครจะไปคิดว่ามันจะมีตัวประหลาดแบบนั้นอยู่ด้วย นี่ถ้ามายด์ไม่อยู่ด้วย ทุกคนคงว่ามีนบ้าไปแล้วแน่เลย"

"แล้วมีนทำอะไรอยู่อะ" เซนเปลี่ยนเรื่อง

"เปล่าคะ มีนนอนไม่หลับอะ คืนนี้พี่เอ้กนอนเป็นเพื่อนมีนหน่อยนะๆ"

"จะดีเหรอมีน..."

"ทำไมล่ะคะ อยู่บ้านเราก็นอนห้องเดียวกันอยู่แล้ว"

"น่านะๆ มีนขอร้อง มีนยังกลัวอยู่เลย" ว่าแล้วพลางลากแขนพี่สาวมาที่เตียง

"นอนด้วยกันมีนจะได้อุ่นใจ" ว่าแล้วมีนก็เดินไปปิดไฟ

"กู๊ดไนท์คะ" มีนหอมแก้มพี่สาว เกาะแขนไว้แล้วซบหน้าลงกับไหล่ ก่อนจะหลับไปในที่สุด ส่วนพี่สาวตัวปลอมถึงจะสบายใจขึ้นแต่ยังนอนไม่หลับอยู่ดี...











 

Create Date : 08 กันยายน 2553    
Last Update : 10 กันยายน 2553 22:38:05 น.
Counter : 476 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 39

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว และลมพายุโหมแรงกระหน่ำทำให้หญิงสาวไม่อาจนอนหลับต่อไปได้ ผวาตื่นขึ้นมาแล้วเบียดตัวเข้าหาคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ด้วยความกลัว พลางซบหน้าลงกับอกซิกแพ็คแข็งแรงนั้นทันที

"ไม่ต้องกลัวนะเปรมมี่..." เสียงนั้นดังเพียงเสียงกระซิบ แล้ววงแขนก็กระชับขึ้นจนหญิงสาวได้ยินเสียงเต้นของหัวใจได้ถนัด มืออ๋อมลูบไล้แผ่นหลังเปรมมี่แผ่วเบา

เปรมมี่เงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่มในความมืดสลัวซึ่งมองเห็นได้เพียงประกายตาที่วิ้งระยับ ทั้งคู่สบตากันนิ่งนาน ก่อนที่อ๋อมจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วแนบริมฝีปากแผ่วเบาสัมผัสกับริมฝีปากของเปรมมี่ หญิงสาวเหมือนจะต่อต้านใช้มือดันอกแข็งแรงนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วอ๋อมก็เลื่อนมือขึ้นเกาะกุมมือน้อยนั้นไว้แนบอก ก่อนจะเคลื่อนไหวริมฝีปากอ่อนโยนนั้นเนินนาน เปรมมี่รู้สึกหวั่นไหวไปกับสัมผัสนั้นอย่างไม่อาจต้านทานได้ ใช้มือทั้งสองข้างโอบรอบตัวอ๋อมไว้ขณะที่ชายหนุ่มเคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน ซุกไซ้ซอกคอเปรมมี่ จนหญิงสาวอารมณ์กระเจิดกระเจิงไปด้วยความหวั่นไหว ใบหน้าของชายหนุ่มเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ จนมาซุกซบอยู่กลางอก หญิงสาวเริ่มได้สติขึ้นมาทันที

"อ๋อมจะทำอะไรเปรมมี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!" เปรมมี่ตะโกนเสียงดัง ลืมตาขึ้นทันที

"อ๋อมทำอะไร" ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือ หันมามองหญิงสาวแล้วถาม

"ก็ทำ..." เปรมมี่รีบลุกนั่งจับคอเสื้อตัวเองไว้ มองดูรอบๆ ตัว ภายในห้องสว่างโล่ ไม่มีเสียงฝน ไม่มีความมืด

"ทำอะไร...บอกมาซะดีๆ" อ๋อมว่าแล้วยิ้มขำท่าทางเปรมมี่ ทำราวกับจะถูกขืนใจ

"เปรมมี่..แค่ฝันไปอะ" เปรมมี่มองอ๋อมหน้าเรื่อ

"ก็นั่นนะสิ ฝันว่าอะไรล่ะครับ" อ๋อมยิ้มแล้วลุกมานั่งที่ขอบเตียง เปรมมี่รีบขยับถอย

"ฝันว่า..อ๋อมจะฆ่าเปรมมี่น่ะสิ" เปรมมี่ว่าไปนั่น

"เหรอ แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย"

"ไม่รู้ซักเรื่องได้ไหม" เปรมมี่พานซะงั้น




"สวยจังเลยค่ะกัน" เต้ยยืนกอดอกหน้าเต้นท์มองดูทะเลหมอกกว้างสุดตาตรงหน้า ปุยเมฆสีขาวจับตัวกันเป็นละรอกหนาแน่นเป็นลาน ราวกับจะลงไปวิ่งเล่นได้

"ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้น จะสวยกว่านี้อีกนะเต้ย" กันว่าพลางเอาผ้าห่มคลุมไหล่ให้เต้ย แล้วกอดทับจากทางด้านหลัง

"เต้ยอยากลองลงไปเดินบนเมฆนั่นจัง" เต้ยหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มด้วยแววตากระตือรือร้น เพราะรู้ว่ากันต้องทำได้แน่

"ได้ครับผม หอมแก้มกันทีนึงแล้วจะพาไปนะ" กันว่าแล้วเอียงแก้มลงให้หญิงสาว

"กันนี่ร้ายชะมัด" เต้ยกดปลายจมูกลงบนแก้มที่ยิ้มกว้างจนปรากฏรอยลักยิ้มขึ้น

"ไปกันเลยครับผม" เท้าของคนทั้งสองเริ่มลอยขึ้นจากพื้นดิน แล้วเคลื่อนไปข้างหน้า จนมาสัมผัสกับกลุ่มเมฆหน้าทึบ กันค่อยๆ พาเต้ยเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางปุ่ยเมฆสีขาวที่โอบล้อมคนทั้งคู่ไว้ บรรยายกาศสวยงามราวกับอยู่ในแดนสวรรค์

"กันดูโน่นสิ" เต้ยชี้ชวนให้กันดูพระอาทิตย์กลมโตสีแดงซึ่งโผล่พ้นเมฆขึ้นมาเพียงครึ่งดวง เปล่งแสงสีแดงนวลสวยเพราะรัศมีที่ถูกบดบางด้วยม่านหมอก

"เต้ยอยากลองเต้นรำบนเมฆไหม" กันชวนแล้วเสียงเพลงก็ดังขึ้นซึ่งมีเพียงคนสองคนและใจสองใจเท่านั้นที่ได้ยิน ท่ามกลางพระอาทิตย์ ขุนเขา และปุยเมฆ


เวอร์ชั่นน้องกัน (The way you look at me)
https://www.youtube.com/watch?v=cb8vAYsLmC4

เวอร์ชั่นChristian Bautista (The way you look at me)
https://www.youtube.com/watch?v=hVTtA7EZ1S4



"เอ้กพรุ่งนี้วันเสาร์เราชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวที่นี่ดีไหม" โตโน่แหงนหน้ามองเอ้กขณะที่นอนหนุนตักหญิงสาวอยู่ที่ระเบียงบ้าน ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลสาบรับลมแผ่วพลิ้วที่พัดระเรื่อยเข้ามา

"ดีค่ะ ชวนมาหลายๆ คนจะได้มาทำอาหารทานกันที่นี่ น่าสนุกดีนะคะ" เอ้กยิ้มด้วยความตื่นเต้น

"พี่โตโน่จะชวนใครมาบ้างล่ะคะ เอ้กจะได้เตรียมอาหารถูก"

"อืม ก็คงเป็นเซ็ทเดิมแหละ มีใครบ้างล่ะ กัน ริท เซน เต้ย มายด์ มีน เปรมมี่ เก่ง ไอซ์ เกต เกรซ รวมเราสองคนด้วยก็สิบสามคน" โตโน่ทำท่านับนิ้วไปด้วย

"แล้วเอ้กจะทำอะไรเลี้ยงเพื่อนๆ ดีล่ะ" โตโน่ว่าพลางดึงมือเอ้กมากุมไว้

"พี่โตโน่อยากทานอะไรล่ะคะ" เอ้กถาม

"เลือกไม่ถูกอะ เอ้กทำอร่อยทุกอย่างเลย" โตโน่ยิ้มกว้าง

"อืม งั้นเอาเป็นสลัดผักจากสวน กุ้งอบวุ้นเส้น เมี่ยงปลาช่อน แกงส้มชะอมไข่ ปีกไก่ทอด ข้าวผัดปูจานโตๆ แล้วก็พวกเครื่องดื่ม"

"ของชอบพี่ทั้งนั้นเลยนี่ เอ้กลิสรายการมาละกันครับ พี่จะได้ซื้อมาถูก" โตโน่ว่าแล้วหลับตาลงอย่างสบายใจ





"เต้ย พรุ่งนี้พี่โตโน่ชวนไปเที่ยวที่บ้านพี่เค้าอะ" กันเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่อยู่ในบริเวณโรงละครในตอนเย็น

"อ้าวพี่เค้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับกันเหรอ" เต้ยถาม

"หลังนี้พี่โตโน่สร้างเอง บนที่เจ้าคุณปู่น่ะ พี่โตโน่บอกว่าเป็นบ้านแบบเดียวกันกับที่เคยอยู่กับเอ้กในอีกมิติ" กันอธิบาย

"จริงอะ พี่โตโน่โรแมนติกจัง" เต้ยว่าแล้วยิ้ม

"กันก็มีแปลงนึงอยู่ติดกัน เต้ยอยากได้แบบที่เราเคยอยู่ด้วยกันซักหลังไหม" เต้ยฟังแล้วยิ้มตื่นเต้น

"เอาแบบ...มีโครงกระดูกอยู่ในห้องนอนด้วยอะ" กันว่าล้อแล้วหัวเราะ

"บ้า! เชิญกันไปอยู่คนเดียวเถอะ" เต้ยมองค้อน

"ล้อเล่นครับผม เอาไว้ทุกอย่างลงตัว เราจะสร้างบ้านสวยๆ อยู่ที่นั่นด้วยกันนะ" กันยิ้มและจับมือเต้ยไว้เหมือนเป็นสัญญา


"เออ..แล้วพี่เค้าให้ชวนใครไปบ้างล่ะ" เต้ยนึกถึงเรื่องที่คุยกันค้างอยู่ขึ้นมาได้

"ก็เพื่อนๆ ที่เคยไปบาร์บีคิวที่บ้านเมื่อคราวก่อนน่ะ" กันว่า

"แต่คราวนี้กันว่าจะชวนอ๋อมไปด้วย"

"กันแน่ใจเหรอ" เต้ยมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมกันถึงอยากชวนอ๋อมไปด้วย ทั้งที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยกินเส้นกัน

"ทำไมล่ะ อ๋อมก็เป็นเพื่อนกัน" กันว่าแล้วยิ้ม

"นั่นนะสิ" เต้ยว่าแล้วยิ้มตอบ


"กัน เต้ย คุยอะไรกันอยู่อะ" เปรมมี่เดินกะเผลกเข้ามาหาคนทั้งสอง สายตาจับจ้องหน้าเต้ยอย่างจับผิด

"เออ..เต้ยขอตัวนะ เปรมมี่คุยกับกันเองละกัน" เต้ยรู้สึกอึดอัดกับสายตาแบบนั้นจึงผละไปทันที

"กันมีอะไรเหรอ...."


หลังจากนั้นเปรมมี่ก็เกาะติดกันตลอด จนเต้ยไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับกันอีกเลย นอกจากบทในละคร หญิงสาวรู้สึกใจห่อเหี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไหร่ จะตัดใจก็ไม่ได้ จะเปิดเผยก็ไม่ได้ รู้สึกราวกับตัวเองทำอะไรผิดไปหมดทุกสิ่งอย่าง


"เต้ยมีอะไรในใจหรือเปล่า" กันถามขณะที่ทั้งสองอยู่กันตามลำพังในห้อง

"กันเห็นเต้ยเงียบไปตั้งแต่เย็น" กันมองสบตาเต้ยใช้มือทั้งสองสอดประคองที่ใบหน้า

เต้ยส่ายหน้าเบาๆ แทนคำตอบ แต่น้ำตากลับร่วงลงมาด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ต้องประสบอยู่ตอนนี้ ไม่สามารถบอกให้กันรับรู้ได้ ไม่สามารถบอกใครได้ทั้งนั้น เกี่ยวกับสัญญาที่ให้กับเปรมมี่

"ไม่ต้องห่วงนะเต้ย ทุกอย่างจะดีขึ้น" กันได้แต่ปลอบ เค้าบอกเต้ยไม่ได้เช่นกันว่าเขารับรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว

"กันรักเต้ยนะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป" กันว่าแล้วโอบกอดเต้ยไว้ในอ้อมแขน

"กันแน่ใจเหรอว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน" เต้ยว่าเสียงเบา

"เชื่อกันนะ..."




ค่ำคืนนั้นเต้ยหลับไปพร้อมกับความกังวลใจ และในราตรีที่มืดสนิทนั้นเอง มีเสียงผุดขึ้นมารบกวนการนอน เต้ยรับรู้ได้ทันทีในห้วงของจิตไร้สำนึกว่าเป็นเสียงของใคร ทว่าไม่รู้ว่าดังมาจากทิศทางใดในความมืดมิดราวกับอยู่ในก้นอุโมงค์

"ข้าจะกลับมา เจ้าจะไม่มีวันได้สมรัก ข้าจะขัดขวางเจ้าทุกชาติไปปปป..."

เสียงนั้นดังวนซ้ำไปซ้ำมาและดังขึ้นเรื่อยๆ จนเต้ยรู้สึกกระสับกระส่ายในอ้อมแขนของคนที่กำลังหลับสนิท ปลุกให้เค้าตื่นในทันที

"เต้ยเป็นอะไร" กันถามพลางกระชับอ้อมแขนเข้า

เต้ยสะดุ้งตื่นพร้อมกับเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

"เสียงนั่น..." สายตาเต้ยมีแววหวาดกลัวชัดเจน

"เต้ยฝันร้ายเหรอ" กันกระซิบถาม มือสัมผัสที่หน้าผากของหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความชื้นจากเหงื่อ ทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็น

แทนคำตอบเต้ยซุกหน้าลงกับอกของคนตรงหน้าแล้วกอดเขาไว้แน่น เพื่อลดความกลัวที่อยู่ในใจซึ่งเป็นเสมือนรางบอกเหตุว่าอะไรบางอย่างที่กำลังวิ่งหนี จะตามมาถึงตัวในไม่ช้า

"บอกกันได้ไหม เต้ยฝันอะไร" กันโอบกอดเต้ยไว้ในวงแขนทั้งสองข้างราวกับจะให้ความมั่นใจว่าเค้าพร้อมจะปกป้องหญิงสาว

"เสียงนั้นบอกว่า..เจ้าอัสนีย์จะกลับมา" เต้ยพูดเสียงอู่อี้กับอกกัน

กันมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเค้าก็พร้อมจะปกป้องเต้ย และจะไม่ยอมให้หญิงจันทร์ต้องตายไปอย่างโดดเดี่ยวเป็นครั้งที่สอง...












 

Create Date : 06 กันยายน 2553    
Last Update : 9 กันยายน 2553 8:17:06 น.
Counter : 355 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 38

หลังจากคืนที่ฉ่ำฝนทำให้อากาศตอนเช้าค่อนข้างเย็นเปรมมี่เบียดซุกเข้าหาไออุ่น รู้สึกอบอุ่นจนไม่อยากจะตื่น อ๋อมลืมตาขึ้นมองร่างที่นอนแนบชิดด้วยความรัก เค้าเฝ้ามองหญิงสาวนิ่งนาน รู้ว่าถ้าหล่อนตื่นขึ้นก็จะทำตัวราวกับเป็นอีกคน เพราะคนที่เปรมมี่อยากจะซุกซบแท้จริงคงไม่ใช่เค้า

"นี่อ๋อมยังอยู่อีกเหรอ" เปรมมี่ลืมตาขึ้นแล้วถามทันที

"ก็ถ้าเปรมมี่เอามือออกจากตัวอ๋อม ก็คงไปนานแล้ว" หญิงสาวรีบชักแขนที่โอบรอบเอวเค้าออกทันที

"ไปได้แล้ว" เปรมมี่ผลักอกอ๋อม

"อ๋อมไปก็ได้" เค้ายันตัวขึ้นแล้วโน้มใบหน้าไปหอมเปรมมี่ฟอดใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นยืน

"นี่ อันนี้ไม่ได้อยู่ในสัญญานะ" เปรมมี่มองอ๋อมตาเขียว

"อ้อ มันเป็นโปรโมชั่นพิเศษน่ะ" อ๋อมส่งสายตาให้เปรมมี่ก่อนจะจากไป



"ให้กันไปส่งเต้ยนะวันนี้" กันว่าขณะที่ยังนอนกอดเต้ยด้วยความรู้สึกอบอุ่น

"ไม่ต้องหรอก กันมีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ" เต้ยเอียงหน้าไปข้างหลังเล็กน้อยแล้วถาม

"ก็กันว่าง" กันกระชับอ้อมแขนแล้วซุกหน้าลงกับผมเต้ย

"ไม่อะ เต้ยไปเองดีกว่า" เต้ยรีบตอบเพราะเกรงว่าถ้าเปรมมี่เห็นล่ะก็..

"เต้ยกลัวอะไรเหรอ" กันถามพลางซุกไซ้ปลายจมูกที่ต้นคอเต้ย

"เปล่าซะหน่อย...กันทำอะไรอะ เต้ยจักจี้นะ" เต้ยว่าพลางหดคอ

"เปล่าซะหน่อย...งั้นเย็นนี้เจอกันครับผม" กันยันตัวขึ้นมองหน้าเต้ยแล้วยิ้มพราวก่อนจะหายตัวไป พร้อมกับความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นในใจ



เต้ยและเปรมมี่ออกมาจากห้องพักพร้อมๆ กันและมาเจอกันตรงทางเดินพอดี

"ไงเต้ย เมื่อวานรู้สึกเธอจะเล่นสมบทบาทเกินไปหน่อยนะ อย่าให้เปรมมี่รู้นะว่าเต้ยยังแอบใกล้ชิดกัน" เปรมมี่ว่าขณะที่ทั้งสองเดินลงมาด้วยกัน

"เหรอ ขอบใจนะ เปรมมี่ตาถึงนะที่เห็นว่าเต้ยแสดงดี อันที่จริงอาจเป็นเพราะกันเค้าส่งฟีลมาดีอะ ก็ช่วยไม่ได้นะ มันเป็นเรื่องของการแสดงน่ะ" เต้ยว่า

"ก็ขอให้เป็นแค่การแสดงละกัน ไม่งั้นเต้ยจะได้เห็นว่าเปรมมี่เข้าถึงบทบาทแค่ไหน" เปรมมี่ว่าขณะที่ทั้งคู่มาถึงข้างล่างพอดี



"เต้ยจะไปเรียนเหรอ ไปด้วยกันสิ" อ๋อมว่าขณะที่เดินตรงเข้ามาหาสองสาว

"อ้าว อ๋อมมาได้ไงอะ" เต้ยทัก

"พอดี ผ่านมาแถวนี้น่ะ" อ๋อมว่าพลางชำเลืองมองเปรมมี่แต่ไม่ทัก

"เต้ยว่าจะไปทานข้าวก่อนแล้วถึงจะไปเรียน"

"งั้นไปด้วยกันนะ" อ๋อมว่า

"ขอตัวนะครับเปรมมี่" อ๋อมหันไปพูดกับเปรมมี่แล้วออกเดินไปกับเต้ย

เปรมมี่มองตามทั้งคู่ไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ทั้งที่น่าจะดีใจ พลางกระแทกตัวลงที่ม้านั่งใกล้ๆ เพราะไม่อยากเดินตามไป



"เปรมมี่ เห็นเต้ยไหม" กันถามขณะที่เห็นเปรมมี่นั่งอยู่หน้าหอพัก หลังจากที่เค้าย้อนกลับมา เพราะคิดว่าจะไปส่งเต้ยให้ได้

"ไปกินข้าวกับอ๋อมที่แคนทีนแล้วอะ" เปรมมี่ยิ่งอารมณ์ขุ่นขึ้นไปอีกเมื่อกันมาถามหาเต้ย 'เสน่ห์แรงจริงนะ แม่คนนี้' เปรมมี่นึกในใจ

"งั้น เปรมมี่หิวหรือยัง ไปด้วยกันไหม" กันถาม

"ไปสิ" เปรมมี่ยิ้มออกมาทันที



ทั้งคู่มาถึงแคนทีนก็เห็นอ๋อมและเต้ยนั่งทานข้าวอยู่ก่อนแล้ว กันเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะ

"นั่งด้วยได้ไหม" กันเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าอ๋อม

"เชิญ" อ๋อมว่าแล้วยิ้ม

"ที่ออกตั้งเยอะแยะ กันทำไมต้องอยากนั่งตรงนี้ด้วย" เปรมมี่ว่า

กันมองหน้าเต้ยก่อนจะนั่งลง เต้ยรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิดจากสายตาที่มองมา

"เปรมมี่จะทานอะไร เดี๋ยวกันไปซื้อให้" กันหันไปถามเปรมมี่ หญิงสาวจึงยิ้มออกมาได้แล้วนั่งลงแต่โดยดี

"ขอข้าวต้มปลา กับน้ำส้มคะกัน" กันยิ้มให้แล้วลุกไปทันที

"กันเค้าเป็นสุภาพบุรุษจังเลยเน๊อะ ถ้าเปรมมี่ได้เป็นแฟนคงมีความสุขมาก" เปรมมี่ว่าหน้าตาเฉย

เต้ยชำเลืองมองเปรมมี่แล้วก้มหน้าก้มตากินต่อโดยไม่พูดอะไรซักคำ อ๋อมมองปฏิกิริยาเต้ยด้วยความเห็นใจ

"มันก็ขึ้นกับว่าเค้าอยากจะเป็นแฟนเปรมมี่หรือเปล่า" อ๋อมมองหน้าเปรมมี่ก่อนจะว่าต่อ

"ของอย่างนี้ มันบังคับใจกันไม่ได้ซะด้วย"

"อ๋อมรู้ความจริงข้อนี้ไว้ก็ดี" เปรมมี่ว่ากระแทกกลับ

กันเดินกลับมาพร้อมอาหารพอดี เขานั่งลงแล้วบรรยากาศมาคุก็เริ่มเปิดฉากขึ้น ไม่มีใครพูดอะไร ต่างคนต่างนั่งเงียบราวกับอาหารตรงหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องจัดการ

อ๋อมมองหน้ากัน แล้วส่งสารทางจิต

'มีเรื่องจะคุยด้วย'

กันเงยหน้าขึ้นสบตาอ๋อมหลังจากได้ข้อความที่ส่งมา

'ที่ไหน เมื่อไหร่'

'เนินเขาหลังมหาลัย หลังอาหารมื้อนี้'



"เต้ยไปกันเถอะ" อ๋อมว่าหลังจากที่เห็นเต้ยจัดการอาหารตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว เต้ยลุกออกไปโดยไม่พูดอะไร ส่วนกันได้แต่มองตามด้วยสีหน้าที่ไม่บอกอารมณ์


"มีอะไรก็ว่ามา" กันเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงที่นัดหมาย

"ฉันจะพูดเรื่องของเต้ย" อ๋อมว่า

"แกคิดจะแย่งเต้ยไปให้ได้ใช่ไหม" กันว่าด้วยอารมณ์

"ฟังให้จบก่อนได้ไหม"

"ก็รีบว่ามาสิ" ทั้งคู่มองสบตากัน

"ยาถอนพิษที่แกได้ไป ฉันเป็นคนให้เปรมมี่เอง แต่เปรมมี่เอายานั่นไปขู่เต้ยให้เลิกกับแก เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เต้ยเสียใจ ไม่เช่นนั้นคนที่จะเสียใจที่สุดก็คือตัวแกเอง" อ๋อมสบตากันซึ่งเต็มไปด้วยแววงุนงง เพราะเขาไม่เคยรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้

"อย่าให้เต้ยและเปรมมี่รู้ว่าแกรู้เรื่องนี้แล้ว ส่วนเปรมมี่ฉันจะจัดการเอง ฉันกับเต้ยไม่เคยมีใจต่อกัน แกไม่ต้องห่วงเรื่องนี้"

"ขอบใจนะอ๋อมที่พูดความจริง ไม่งั้นฉันกับเต้ยคงทะเลาะกันไปอีกนาน" กันว่าแล้วตบไหล่อ๋อมก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

อ๋อมรู้สึกสุขสงบเมื่อได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติเช่นนี้ เขาเบื่อกับความรู้สึกเกลียดชัง การแก้แค้น ความโกรธแค้นพยาบาทเต็มทน หากว่าภายในหนึ่งเดือนยังไม่สามารถเอาชนะใจเปรมมี่ได้ เขาก็คงต้องตัดใจเสียที ชายหนุ่มบอกกับตัวเองเช่นนั้น...




"เต้ย ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ" กันทักขณะที่เต้ยนั่งอยู่คนเดียวที่ริมสระน้ำหลังเลิกเรียนเพื่อรอเวลาซ้อมละคร

"กัน..." เต้ยเงยหน้าขึ้นมองน้ำตาคลอ เพราะกำลังนั่งคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าและคิดว่ากันคงจะกำลังโกรธอีกเป็นแน่

"ไปที่ของเรากันดีกว่า" กันยิ้มแล้วส่งมือให้

เต้ยมองหน้ากันประหลาดใจในท่าทีของเค้า พลางยื่นมือออกจับก่อนที่ทั้งคู่จะทะยานไปยังทุ่งหญ้าสีชมพูด้วยกัน

พอมาถึงจุดหมาย กันกอดเต้ยไว้แนบแน่นไม่ยอมปล่อย รู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่ไม่ไว้ใจและคอยระแวงเรื่องอ๋อม

"กันไม่โกรธเต้ยเหรอ...เรื่องเมื่อเช้านี้" เต้ยว่าน้ำตาซึม สายตาทอดมองไปยังทุ่งหญ้ากว้างสุดตาที่คุ้นเคย ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก

"เต้ยไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ กันจะโกรธเต้ยทำไม" กันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"จริงนะ" เต้ยขยับตัวออกมองสบตากัน น้ำตาคลอด้วยความโล่งใจ

"กันขอโทษนะ ถ้ากันทำให้เต้ยไม่สบายใจ" กันยิ้มแล้วกอดหญิงสาวไว้อีกครั้ง



ถึงเวลาซ้อมละครอีกครั้งในวันนี้ อาจารย์คิมให้ทวนฉากเต้นรำอีกครั้ง และครั้งนี้ผ่านไปได้อย่างสบายๆ เพียงการซ้อมครั้งแรก เพราะอินเนอร์ทั้งสองพกมาเต็มเปี่ยม ฉากต่อไปจึงเป็นฉากที่แอนนี่ต้องพบกับอิซเบลล่าเพียงลำพัง ซึ่งกันค่อนข้างเป็นห่วงว่าเปรมมี่จะเล่นเกินบทเหมือนเมื่อครั้งบ้านทรายทองหรือไม่ จึงให้ริทมาคอยดูอยู่ใกล้ๆ ด้วย

"นี่เหรอเจ้าหญิงแอนนี่ผู้สูงศักดิ์" อิซเบลล่าเดินรุกเข้าหาอย่างข่มขู่ ขณะที่แอนนี่ก้าวถอยด้วยสายตาหวาดกลัว

"ไม่มีอะไรเทียบฉันได้เลยซักนิด รูปร่างหน้าตาอย่างนี้นะเหรอที่อลันหลงนักหนา" อิซเบลล่าเดินพินิจดูหญิงตรงหน้าด้วยแววเยาะเย้ย

"อย่ารู้นักว่าถ้าหน้าซีดๆ ของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น อลันจะยังรักยังหลงได้อีกไหม"

แอนนี่ยังคงถอยด้วยท่าทางหวาดหวั่นเพราะไม่เคยถูกรุกรานเช่นนี้มาก่อนในชีวิต และไม่รู้จะเอาตัวรอดได้อย่างไร จากหญิงที่มีเพียงหน้าตาเท่านั้นที่สวยงาม แต่จิตใจกลับเหี้ยมโหดสุดๆ

อิซเบลล่าหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งก่อนจะตรงเข้าดึงผมแอนนี่ แล้วเงื้อมือขึ้นสูง ผู้ชมที่ดูการซ้อมเริ่มตกใจกับความสมจริงจนเกินจริงที่แสดงออกมา และก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ริทดีดนิ้วขึ้นทันทีเพื่อหยุดการกระทำทุกอย่าง ทั้งสองคนรีบวิ่งขึ้นไปบนเวที

กันแกะมือเปรมมี่ออกจากผมเต้ย แล้วประคองเต้ยไว้

"โอ้โห ยัยเปรมมี่ร้ายจริงอะไรจริงอะ ดูจากอาศาแล้ว ถ้าเต้ยโดนเต็มๆ มีหวังหน้าชาไปหลายวัน" ริทว่า

"ขยับเต้ยออกไปหน่อยสิว่ะกัน ยัยเปรมมี่จะได้ตบพลาด"

"อืม ก็คิดว่างั้นแหละ" กันกอดเต้ยไว้แล้วยกตัวแข็งทื่อนั้นขยับออกไปจากรัศมีวงแขนของเปรมมี่

"โอเคแล้วนะ" ริทถาม

"อืม" กันเช็คความเรียบร้อยอีกที ก่อนที่ทั้งคู่จะลงไปประจำที่ผู้ชมอีกครั้ง

ริทจึงเริ่มดีดนิ้วอีกครั้งเป็นการคลายมนต์หยุดเวลา

ด้วยองศาที่เปลี่ยนไป ทำให้เปรมมี่ตบพลาดและจากแรงที่ใช้เหวี่ยงแขนทำให้เปรมมี่เสียหลักขาพลิกล้มลงไปที่พื้น

"โอ้ย!..." เปรมมี่ร้องด้วยความเจ็บปวด พลางเอามือจับที่ข้อเท้าไว้

"เปรมมี่เป็นไงมั้ง" เต้ยตกใจรีบเข้าไปดู เพราะท่าทางเปรมมี่จะเจ็บมาก


"ขึ้นไปดูหน่อยไหมว่ะกัน" ริทหันมาว่า

"รุมกันเต็มเลย เรียกอ๋อมมาดีกว่า" กันว่า

"แกจะเป็นพ่อสื่อคู่นี้หรือไง" ริทรู้ทัน กันยิ้มให้ริทแทนคำตอบ




"ทำไมต้องพลาดด้วย" เปรมมี่บ่นหงุดหงิดขณะที่อ๋อมช่วยอุ้มกลับหอพัก

"ยังจะบ่นอีก เปรมมี่เคยได้ยินนี่ไหม ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว" อ๋อมว่าแล้วส่ายหน้าในความร้ายกาจของเปรมมี่

"นี่อ๋อมเข้าข้างเต้ยเหรอ" เปรมมี่ว่าแล้วทุบอกอ๋อม

"ก็แค่พูดไปตามความจริง" อ๋อมยักไหล่

"เปรมมี่ทำตัวเหมือนนางร้ายเข้าไปทุกวัน" อ๋อมว่า

"ใช่ซี้ เปรมมี่ไม่ได้ดีเลิศประเสริฐศรีเหมือนเต้ยนี่" เปรมมี่ขึ้นเสียงสูง

"เลิกพูดดีกว่า" อ๋อมว่าแล้วขำ




"เต้ยเป็นไงบ้าง เห็นเปรมมี่ดึงผมเต้ยซะแรง" กันถามพลางเอามือลูบศีรษะเต้ย ขณะที่ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังในห้อง

"ก็เจ็บนิดหน่อยอะ" เต้ยว่าแล้วยิ้มพลางเอาหัวชนกับอกกัน

"ไปดูดาวกันไหมคืนนี้" กันถาม

"เต้ยอยากไปกางเต้นท์อะ" เต้ยว่าเงยหน้ามองกันด้วยแววตาซุกซน

"เอางั้นเลยเหรอ งั้นเดี๋ยวกันกลับไปเก็บของแล้วมาใหม่นะ"

"กันอย่าลืมหมอนกับผ้าห่มกันด้วยนะ"

"ครับผม"



"เปรมมี่ยังไม่นอนเหรอ" อ๋อมถามขณะที่นั่งอยู่บนเตียง

"ไม่อะ เปรมมี่จะอ่านหนังสือ ใครอยากนอนก็เชิญ" เปรมมี่พูดโดยไม่หันมามองขณะที่นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ

"ตามใจ งั้นอ๋อมนอนก่อนล่ะนะ" อ๋อมยิ้มแล้วนอนลงทันที ขณะที่เปรมมี่หันมามองแล้วรีบหันกลับไป

จนถึงห้าทุ่ม เปรมมี่รู้สึกว่าอ่านไม่ไหวอีกต่อไป เห็นอ๋อมหลับไปแล้ว เปรมมี่จึงเดินกะเผลกๆ ไปปิดไฟ แล้วนอนให้ห่างอ๋อมมากที่สุด

"ขยับมาเถอะ ถ้าเปรมมี่ตกลงไปคราวนี้เดินไม่ได้แน่" อ๋อมว่าพลางรั้งตัวเปรมมี่เข้ามาจนชิดอกซิกแพ็คแข็งแรง

"นี่อ๋อมแกล้งหลับเหรอ" เปรมมี่ว่าเสียงเขียว

"ไม่ได้แกล้ง แต่ยังไม่ได้หลับต่างหาก อ๋อมนอนดึกอะ" อ๋อมแกล้งยั่ว

"บ้าที่สุดเลย" เปรมมี่ทำเสียงหงุดหงิด

"สัญญาก็ต้องเป็นสัญญานะเปรมมี่" อ๋อมหัวเราะเสียงต่ำ

"เปรมมี่อึดอัดอะ"

"เหรอ อ๋อมไม่เห็นรู้สึกเลย..."




กันและเต้ยนั่งดูดาวด้วยกันจนถึงเที่ยงคืน ยิ่งมืดท้องฟ้าก็ยิ่งสุกสว่างยิ่งขึ้น ดวงดาวระรานตาแต่งแต้มท้องฟ้าที่มืดสนิทเปล่งประกายความงามอวดสายตาของคนทั้งสองที่นั่งอิงแอบภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

"ถ้าให้ร้องเพลงให้เต้ยฟังตอนนี้ กันอยากร้องเพลงอะไร..."

""

"จริงอะ ถ้าเต้ยไม่รักกัน แล้วกันจะรักเต้ยเหรอ..."

"ความรู้สึกกันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรอกเต้ย..."

"เต้ยจะจำคำพูดของกันไว้..."

"ไม่รักกันแล้วเต้ยจะไปรักใครล่ะ..."

"อาจมีวันที่เต้ยเปลี่ยนใจก็ได้อะ ใครจะรู้..."

"เต้ยคงลืมว่าเรา...กันแล้ว..."

แหวนโลหะสีเข้มประดับด้วยวัตถุรูปดาวซึ่งเปล่งประกายแม้ในยามค่ำคืนส่องแสงเจิดจ้าให้เห็นชัดเจนเหมือนใจสองดวงที่กำลังเบ่งบานไปด้วยความสุขอยู่ในขณะนี้ ^^










 

Create Date : 05 กันยายน 2553    
Last Update : 14 ตุลาคม 2553 18:37:31 น.
Counter : 339 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 37

"เต้ยแสดงดีจังเลยครับ นี่ขนาดวันซ้อมนะ" อ๋อมเข้ามาทักเต้ยหลังการซ้อมในวันนี้เสร็จสิ้นลง

"จริงอะ ขอบคุณคะอ๋อม" เต้ยยิ้ม ขณะที่กันซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างกำลังจับตามองทั้งคู่

"แล้วนี่จะกลับหรือยัง ให้อ๋อมเดินไปส่งนะ ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว" อ๋อมเสนอตัว

"เออ.. ตกลงคะ" เต้ยลังเลก่อนเห็นกันเดินเข้ามาใกล้ในขณะที่เปรมมี่ก็กำลังจะมาถึงตัวแล้วเหมือนกัน

"เราไปกันเลยนะ" เต้ยว่าแล้วรีบเดินนำอ๋อมออกไป ก่อนที่กันและเปรมมี่จะมาถึง

อ๋อมมองหน้ากันแล้วยิ้มที่มุมปากเป็นการเยาะเย้ย ก่อนจะหันไปส่งยิ้มกว้างให้เปรมมี่แล้วเดินผละไป

สายตากันลุกวาวขึ้นทันที ในขณะที่เปรมมี่ก็รู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย ทั้งที่น่าจะดีใจที่อ๋อมช่วยกำจัดเสี้ยนหนามตำใจ ทั้งคู่มองคนที่เดินห่างออกไปไม่วางตา




ถึงแม้จะคิดว่ากันคงโกรธและคงไม่มีวันปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีก แต่เต้ยก็ยังอดมีความหวังเล็กๆ ว่าจะได้พบเขาไม่ได้ หญิงสาวออกไปยืนสูดอากาศที่ระเบียงซักพักจึงกลับเข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นคนที่กำลังคิดถึงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง

"ทำไม เต้ยตกใจที่เห็นกัน หรือว่าตกใจที่ไม่ใช่อ๋อม" กันว่าประชดทันที

เต้ยดีใจต่างหากที่ได้พบเค้า แต่คำพูดของกัน...

"คงเป็นอย่างหลังมั้ง" เต้ยว่าประชดกลับ

"อะไรทำให้เต้ยเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เต้ยเพิ่งเจออ๋อมได้ไม่ถึงอาทิตย์" กันยังไม่หยุดว่าด้วยอารมณ์

"เรื่องแบบนี้มันไม่มีเหตุผลหรอก กันก็รู้" เต้ยก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

กันลุกขึ้นมองเต้ยไม่วางตา ก้าวเข้าไปหาขณะที่เต้ยก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ด้วยสายตาหวาดหวั่น จนหลังชนเข้ากับประตูระเบียง กันเดินเข้ามาจนประชิดตัวเค้าทาบมือและแขนไว้กับประตูกระจก ทั้งคู่สบตากันในระยะใกล้ หัวใจเต้ยเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัวระคนกับความหวั่นไหว

"แล้วความรู้สึกนี้ล่ะ..." สายตากันอ่อนโยนขึ้น เค้าค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าลงต่ำ ก่อนที่ริมฝีปากจะค่อยๆ จรดลงบนเรียวปากเต้ย แล้วเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน จนเต้ยเคลิ้มเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นทาบทับบนอกกัน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนที่โอบล้อมคนทั้งสองไว้

"มันคืออะไร..." กันถอนริมฝีปากออกแล้วถาม

"ไม่รู้อะ" เต้ยตอบหน้าเรื่อ

"มันคือมากกว่ารัก..." กันยิ้มสบตาเต้ย

"กันจะทำให้เต้ยลืมอ๋อมให้ได้" กันว่าแล้วดึงตัวเต้ยเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน

เต้ยไม่พูดอะไร ปล่อยให้กันคิดไปเอง แล้วแอบยิ้มกับตัวเอง

"เมื่อคืนกันนอนไม่หลับอะ" กันเปลี่ยนเรื่อง

"ทำไมล่ะ" เต้ยแกล้งถามทั้งที่รู้เหตุผล

"เพราะเต้ยนี่แหละ เต้ยต้องรับผิดชอบ" ทั้งคู่มองสบตาแล้วยิ้มให้กัน




กลางดึกของคืนเดียวกัน เปรมมี่นอนไม่หลับ ลุกไปยืนในความมืดมองฝ่าประตูระเบียงออกไปบนท้องฟ้าที่มืดครึ้มไร้ดาว เป็นบรรยากาศที่หญิงสาวเกลียดสุดๆ เพราะมันมักจะตอกย้ำถึงความเหงาที่อยู่ในใจ เสียงฝนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับเสียงฟ้าร้อง เปรมมี่เห็นสายฟ้าฟาดเป็นทางยาวและมีแขนงมากมายลงมาตรงหน้าพอดี ส่งเสียงดังกระหึ่มและแสงสว่างวาบจนหญิงสาวต้องถอยหลัง แล้วร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตระหนกตกใจ ก่อนจะชนเข้ากับร่างของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เค้าคว้าตัวเปรมมี่ไว้ในอ้อมแขนทันที ก่อนที่จะมีเสียงฟ้าร้องดังติดๆ กันอีกสองสามครั้ง

เปรมมี่รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างนั้นเป็นใครจากอ้อมแขนและกลิ่นไอที่เคยได้สัมผัส พอตั้งสติได้เปรมมี่เงยหน้าขึ้นสบตาอ๋อมด้วยน้ำตาซึม

"อ๋อมมาทำไม"

"ก็มาดูคนขี้แยเวลาฝนตกน่ะสิ" อ๋อมว่าแล้วยิ้ม

"ไม่ต้องมาสนใจเปรมมี่หรอก ไปดูแลคนที่อ๋อมสมควรรักเถอะไป" เปรมมี่พูดออกไปด้วยความน้อยใจแบบไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มแอบยิ้มกับปฏิกิริยาของหญิงสาว แต่ไม่พูดอะไร

"คืออ๋อมมีอะไรจะมาตกลงกับเปรมมี่ คิดว่าเปรมมี่คงจะสนใจ"

"ก่อนจะพูดอะไร ปล่อยเปรมมี่ก่อนได้ไหม" หญิงสาวท้วงเพราะเริ่มรู้สึกว่าอยู่ในอ้อมแขนเค้านานเกินไปแล้ว

"ว่ามา" เปรมมี่ว่าต่อหลังจากเป็นอิสระจากการเกาะกุม

อ๋อมนั่งลงข้างเตียงขณะที่เปรมมี่ยืนอยู่ตรงหน้า

"อ๋อมว่าเปรมมี่ไปขู่เต้ยแบบนั้นน่ะไม่มีประโยชน์หรอก เปรมมี่อาจจะห้ามเต้ยไม่ให้เข้าใกล้กันได้ แต่เปรมมี่จะหยุดกันได้ยังไง" อ๋อมมองหน้าเปรมมี่ก่อนจะว่าต่อ

"อ๋อมจะช่วยเปรมมี่แยกคู่นั้น ซึ่งคิดว่าน่าจะได้ผลกว่าที่เปรมมี่ทำอยู่ตอนนี้ แต่..."

"แต่อะไร ว่ามา" เปรมมี่สนใจสุดๆ

"เปรมมี่ต้องให้อ๋อมอยู่กับเปรมมี่ในห้องนี้หนึ่งเดือน" อ๋อมว่าเสียงเรียบ

"จะบ้าเหรอ นี่มันห้องส่วนตัวเปรมมี่นะ อ๋อมจะมาทำอะไรในนี้" เปรมมี่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

"ก็แค่ตอนกลางคืน แต่ถ้าเปรมมี่ไม่สนใจก็ไม่เป็นไร" อ๋อมยิ้มสบตาเปรมมี่ซึ่งมีท่าทางลังเลใจ

"เดี๋ยว! อ๋อมจะนอนข้างเตียงใช่ไหม" เปรมมี่ถาม

"ไม่ ต้องให้อ๋อมกอดเปรมมี่ทุกคืนหนึ่งเดือน แลกกับที่เปรมมี่จะได้อยู่กับกันตลอดไป"

เปรมมี่อึ้งไปทันทีกับเงื่อนไขบ้าๆ ของอ๋อม

"อ๋อมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้น"

"ตกลง แต่ถ้าอ๋อมผิดสัญญารู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่พีทจะไม่ปล่อยอ๋อมไว้แน่" เปรมมี่ว่าในที่สุด

"งั้นเริ่มคืนนี้เลยนะ" อ๋อมยิ้มพลางดึงเปรมมี่เข้ามากอด เปรมมี่ทำท่าจะขัดขืน

"อย่าลืมสัญญาของเรานะเปรมมี่" อ๋อมเตือนความจำ

เปรมมี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับอ้อมแขนของอ๋อม แต่ก็อบอุ่นใจอย่างประหลาดไปในเวลาเดียวกัน ทำให้คืนฝนกระหน่ำนี้ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด และหลับไปในที่สุด ส่วนอ๋อมคงเป็นคืนที่มีความสุขที่สุดในรอบกว่าร้อยปี แม้ว่าเปรมมี่จะไม่ได้เต็มใจนักก็ตาม











 

Create Date : 04 กันยายน 2553    
Last Update : 5 กันยายน 2553 9:15:21 น.
Counter : 394 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 36

เต้ยมาถึงห้องเรียนในเช้าวันนี้ก็ปรากฏว่า เปรมมี่และกันนั่งอยู่ตรงที่ประจำของทั้งสามแล้ว เต้ยมาถึงเป็นคนสุดท้ายจึงคิดว่าจะไปยกเก้าอี้เสริมมานั่ง ขณะที่เดินจากหน้าชั้นตรงไปที่ๆ กันนั่งอยู่ก็เห็นเขามองนิ่งมา สายตาเย็นชาไม่มีความเป็นมิตรเหมือนที่เจอเค้าวันแรกไม่มีผิด หญิงสาวใจสั่นเล็กน้อย เพราะคิดว่ากันคงโกรธมาก เต้ยก้าวเท้าเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่กันนั่งอยู่ มือเค้าเอื้อมมาจับมือเต้ยไว้ทันที เต้ยสะดุ้งเล็กน้อย

"นั่งลง" กันลุกขึ้นยืน มือยังจับมือเต้ยไว้

"เออ เต้ยไปยกเก้าอี้มาเองก็ได้" เต้ยหลบสายตาเย็นชานั้นแล้วว่า

"กันบอกให้นั่งลงไง" กันว่าเสียงต่ำแล้วบีบมือเต้ยแน่นขึ้น

"ขอบคุณค่ะกัน" เต้ยยังหลบตาเขาอยู่พลางทำตามที่เขาบอก จังหวะที่จะนั่งลงไป ก็สบเข้ากับสายตาของเปรมมี่ซึ่งจ้องอยู่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำให้เต้ยรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก

"อยู่ให้ห่างกันไว้ เข้าใจใช่ไหม" เสียงเปรมมี่ดังแค่เสียงกระซิบ

"เต้ยรู้แล้ว" เต้ยตอบกลับไปแผ่วเบาเท่ากัน

กันยกเก้าอี้มาวางลงข้างเต้ยแล้วนั่งลงทันที เต้ยกับเปรมมี่รีบหันมามอง แต่ชายหนุ่มนั่งนิ่ง แล้วอาจารย์เพชรก็เข้าห้องมาพอดี จึงไม่มีใครพูดแย้งอะไรได้ เปรมมี่รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที ส่วนเต้ยกลับรู้สึกราวกับนั่งอยู่ระหว่างเสือกับจระเข้ เวลาชั่วโมงครึ่งในคลาสผ่านไปราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์สำหรับเต้ย

"เอาล่ะก่อนจะจบคลาส ผมมีอะไรจะแจ้งสำหรับนักแสดง เย็นนี้เวลาเดิมให้ย้ายจากหอประชุม ไปซ้อมที่โรงละครในตึกใหม่ของคณะ เพราะขณะนี้พร้อมใช้งานแล้ว"

"กันไปกับเปรมมี่นะ ตึกใหม่เปรมมี่ไปไม่ถูกอะ" เปรมมี่ชะโงกหน้าข้ามเต้ยไปพูดกับกัน ราวกับเต้ยไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย

"ได้สิ ซักสี่โมงสี่สิบห้าเปรมมี่มาคอยกันที่ม้าหินหน้าตึกนี้ละกัน" กันมองผ่านเต้ยแล้วตอบเปรมมี่ไป

เต้ยไม่อยากรู้ว่าทั้งสองจะไปไหนกัน แต่ก็เหมือนถูกบังคับให้ต้องรับรู้ พลางคิดไปว่าช่วงบ่ายสามถึงสี่โมงสี่สิบห้ากันจะอยู่ที่ไหน เพราะปกติแล้วเค้าพาเต้ยไปที่ทุ่งหญ้าที่ทั้งสองชอบไปนั่งเล่นด้วยกัน เต้ยรีบปัดความคิดนั้นออกไป

"เออ เต้ยขอตัวนะ" เต้ยรีบลุกขึ้น มองสบตาเย็นชาของกันสองสามวินาทีก่อนจะลุกผละไป




หลังเลิกเรียนเต้ยเดินไปเรื่อยเปื่อยไม่รู้จะไปไหนก่อนถึงเวลาซ้อมละครตอนเย็น ในมือถือนิยายเล่มนั้นไว้ จนไปหยุดอยู่ริมน้ำที่เคยมานั่งคนเดียว จึงตัดสินใจนั่งลงอ่านนิยายฆ่าเวลา พอเริ่มเปิดหนังสือใจก็คิดไปถึงคนที่เคยนั่งนอนอ่านด้วยกัน น้ำตาพลางซึมขึ้นมา ครั้นสายตาเลื่อนไปมองแหวนที่สวมอยู่บนนิ้ว หยดน้ำใสๆ ก็ร่วงลงบนหน้าหนังสือทันที


ทุ่งหญ้าสีชมพูวันนี้ดูเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวาเหมือนใจของคนที่เหม่อมองมันอยู่ในตอนนี้ ภาพแห่งความทรงจำค่อยๆ ผุดขึ้นมาทีละภาพ หนุ่มสาวเต้นรำกันเริงร่าท่ามกลางสายลมบางเบา นอนหนุนตักหยอกเย้ากัน นั่งอ่านหนังสือร่วมกัน รอยยิ้มบางๆ ระบายขึ้นบนใบหน้าของคนที่นั่งอยู่โดดเดี่ยวกับหัวใจที่แห้งเหี่ยว พลางคิดว่าความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นคงไม่หวนกลับมาอีกแล้วทำให้เค้าถึงกับน้ำตาซึมขึ้นมาเหมือนกัน




โรงละครแห่งใหม่ดูสวยงามใหญ่โตจนนักแสดงทุกคนตื่นตะลึง เวทียกพื้นสูงตกแต่งด้วยผ้าม่านสีแดงกลีบกุหลาบหนาหนักทอดยาวจากเพดานสูงทาบทับกันหลายชั้นด้านหลังเป็นห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ มีเสื้อผ้าที่จะใช้ในการแสดงแขวนไว้เต็ม ราวกับเป็นสถานที่ของมืออาชีพ ส่วนของผู้ชมเป็นที่นั่งลดหลั่นกันเป็นชั้นด้วยเก้าอี้บุกำมะหยี่สีแดงสดใส ด้านบนเป็นที่นั่งวีไอพีคล้ายระเบียงนั่งสำหรับสองคนยื่นออกมาตามสไตล์ตะวันตก

อาจารย์คิมเรียกกันและเต้ยมาทำความเข้าใจถึงฉากที่จะซ้อมต่อไปว่าจะเป็นฉากเต้นรำระหว่างอลันกับแอนนี่ ซึ่งทั้งสองมีความรักต่อกันอย่างลึกซื้งดังนั้นสายตาที่สื่อถึงกันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับฉากนี้ เพราะจะมีเพียงสองคนอยู่บนเวที สายตาของผู้ชมทั้งหมดจะจับจ้องการแสดงออกทุกอิริยาบทของทั้งคู่

ทั้งสองรับรู้สิ่งที่อาจารย์คิมอธิบายแต่กลับลำบากใจที่จะแสดงเพราะความรู้สึกภายในที่มีต่อกันถูกสกัดกั้นไว้หมดด้วยความไม่เข้าใจและความคลางแคลงใจของฝ่ายชาย และด้วยความพยายามของฝ่ายหญิงที่จะตัดอีกฝ่ายออกจากใจ

ใบหน้าของเต้ยเต็มไปด้วยความกังวล ส่วนกันนั้นไม่แสดงออกว่าคิดอะไรอยู่ในใจ สีหน้าเค้าเรียบเฉยจนเต้ยรู้สึกกลัว


"เอาล่ะเริ่มได้ มิวสิค" อาจารย์คิมให้สัญญาณแล้วเสียงเพลงก็เริ่มบรรเลง

เต้ยหลับตาทำสมาธิก่อนจะลืมตาขึ้นมองสบตาเยือกเย็นของกัน เขายื่นมือมาให้เต้ย หญิงสาวมองลังเลก่อนจะวางมือลงสัมผัสกับอีกฝ่าย ความหวั่นไหวแผ่ซ่านจากมือสู่มือไปสู่ทุกอณูของร่างกาย เขาโอบเอวเต้ยไว้แล้วเริ่มเคลื่อนไหวไปบนเวที เต้ยหลบสายตาของกันที่จ้องมองมาเป็นระยะๆ

"คัท! นี่เธอสองคนเข้าใจคอนเซ็ปที่เราคุยกันเมื่อกี้หรือเปล่า อารมณ์ที่เธอแสดงกันออกมามันไม่ใกล้เคียงกับที่มันควรจะเป็นเลยด้วยซ้ำ" อาจารย์คิมช็อก เพราะไม่คิดว่าทั้งคู่จะแสดงออกมาแบบนี้ เทียบกับการซ้อมครั้งแรกที่ทำได้ประทับใจมาก


เปรมมี่ซึ่งนั่งอยู่ในส่วนของผู้ชมยิ้มเยาะออกมาอย่างสะใจ ขณะที่อ๋อมเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ

"อ้าวอ๋อม มาได้ไงเนี่ย" เปรมมี่ทักอารมณ์ดี

"ก็แค่คิดว่าคงมีอะไรสนุกๆ ให้ดู ก็เลยตามมา" อ๋อมว่าเสียงเรียบ


การปรากฏตัวขึ้นของอ๋อมยิ่งทำให้สถานการณ์ระหว่างกันและเต้ยตึงเครียดขึ้นทุกที ทั้งคู่แสดงแย่ลงเรื่อยๆ จนต้องเริ่มใหม่หลายรอบ อาจารย์คิมแทบจะหมดความอดทนกับทั้งคู่จึงสั่งให้ไปพักหลังฉากสิบนาที

เต้ยเดินผ่านม่านเพื่อจะเข้าไปพักหลังฉาก โดยมีกันตามเข้าไป เขาคว้าแขนเต้ยไว้ระหว่างม่านชั้นที่สองและสาม แล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามาประชิดอกด้วยแขนมั่นคง เต้ยตะลึงกับการกระทำของกันชั่วขณะโดยปราศจากคำพูดใดๆ เขาโน้มลงจูบเต้ยรุนแรงคล้ายการทำโทษ เต้ยพยายามผลักอกกันแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้าน แล้วจุมพิตนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงกลายเป็นความนุ่มนวลอ่อนหวาน อ้อมแขนคลายลงแต่ยังโอบกระชับ ทำให้เต้ยหยุดดิ้นรนไปด้วยความหวั่นไหวที่เกิดขึ้น แล้วเผลอเลื่อนมือขึ้นโอบรอบคอกัน ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ของความอ่อนโยนนั้น ก่อนที่กันจะค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกมองสบตาเต้ยในระยะใกล้ แล้วกอดหญิงสาวไว้แนบแน่น เต้ยรู้สึกสับสนจนต้องร้องไห้ออกมา

"แสดงให้อาจารย์คิมเห็นนะ ว่าเรารักกัน" กันว่าแล้วขยับตัวออกเช็ดน้ำตาให้เต้ย

เต้ยยิ้มแล้วพยักหน้า กันโน้มใบหน้าลงแตะริมฝีปากบนเรียวปากเต้ยอีกครั้งก่อนที่ทั้งคู่จะพร้อมออกไปซ้อมการแสดงอีกรอบ

และครั้งนี้เหมือนกำแพงทั้งหมดได้ทะลายลง ทั้งคู่ล่องลอยไปในอ้อมแขนของกันและกัน เปล่งรัศมีของความรักออกมาจนผู้ชมสามารถสัมผัสได้อย่างไม่มีข้อกังขา ท่ามกลางเสียงดนตรีที่บรรเลงแว่วหวาน


Where do I begin to tell the story
Of how great a love can be
The sweet love story that is older than the sea
The simple truth about the love she brings to me
Where do I start

ฉันจะเริ่มเล่าตรงไหนดีว่ารักยิ่งใหญ่เพียงใด
เรื่องรักอ่อนหวานที่มีมาก่อนการก่อเกิดทะเล
ความจริงง่ายๆ ที่เกี่ยวกับรักของเธอที่มีให้ฉัน
จะเริ่มเล่าตรงไหนดี

With her first hello
She gave a meaning to this empty world of mine
There'd never be another love another time
She came into my life and made the living fine
She fills my heart

เพียงการกล่าวทัก "สวัสดี" เมื่อแรกพบ
เธอก็ทำให้โลกที่ว่างเปล่าของฉันมีความหมายขึ้นมา
คงไม่มีรักอื่นใดอีกแล้ว
เธอทำให้ชีวิตของฉันสวยงาม
เธอเติมเต็มหัวใจของฉัน

She fills my heart
with very special things
With angel songs, with wild imaginings
She fills my soul with so much love
That any where I go
I'm never lonely
With her along who could be lonely
I reach for her hand. It’s always there

เธอเติมเต็มดวงใจของฉัน
ด้วยสิ่งพิเศษ
ด้วยเพลงสวรรค์ ด้วยจินตนาการที่กว้างไกล
เธอเติมเต็มวิญญาณของฉันด้วยรักเต็มเปี่ยม
ไม่ว่าฉันจะไปที่ใด
ก็ไม่เคยเปล่าเปลี่ยว
เพียงมีเธอเคียงกายก็ไม่อ้างว้างอีกต่อไป
ฉันเอื้อมจับมือเธอได้ทุกเมื่อ

How long does it last
Can love be measured by the hours in a day
I have no answers now but this much I can say
I know I'll need her until the stars all burn away
And she'll be there

รักนี้จะสิ้นสุดเมื่อใด
สามารถนับเป็นชั่วโมงได้ไหม
ฉันก็ตอบไม่ได้ในตอนนี้ กล่าวได้เพียงว่า
ฉันต้องการจะอยู่กับเธอจนกระทั่งดวงดาวมอดไหม้ไปทั้งนภา
และเธอจะอยู่กับฉันจนถึงเวลานั้น

LOVE STORY ( by Andy William, Kim-Ha แปล)


"หึ หึ ความรักของสองคนนี้อานุภาพรุนแรงจริงๆ" อ๋อมว่าแล้วหันมองหน้าเปรมมี่

"มันก็แค่การแสดง" เปรมมี่ว่าหน้าตาไม่สบอารมณ์

"เปรมมี่อยากจะหลอกตัวเองก็ตามใจ" อ๋อมว่าแล้วยิ้มเยาะ ทำให้อารมณ์เปรมมี่ขุ่นขึ้นทันที

"นี่!" เปรมมี่เงื้อมือขึ้นตั้งท่าจะทำร้ายอ๋อม แต่เขาคว้ามือไว้ก่อน

"ถ้าไม่อยากแสดงเลิฟซีนสดกลางโรงละคร อย่าแม้แต่จะคิด" อ๋อมยื่นหน้าเข้าใกล้แล้วพูด ก่อนจะใช้ปลายจมูกแตะแก้มเปรมมี่เบาๆ อย่างรวดเร็ว แล้วยิ้มอย่างมีความหมาย

เปรมมี่รีบกระชากมือกลับ แล้วหน้าเรื่อขึ้นทันที ก่อนจะมองชายหนุ่มด้วยหน้าตาบูดบึ้งเป็นการกลบเกลื่อน







 

Create Date : 03 กันยายน 2553    
Last Update : 12 ตุลาคม 2553 7:20:55 น.
Counter : 318 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.